...เฉียดตาย...
พรึ่บ!
พรึ่บ!
พรึ่บ!
ไฟในฮอล์ดับลงอย่างกะทันหัน ทำให้เหล่าผู้คนภายในงานส่งเสียงฮือฮากันใหญ่ ปกติแล้วสถานที่จัดงานใหญ่ๆแบบนี้เมื่อเกิดไฟดับกะทันหันมันต้องมีไฟฉุกเฉินหรือไฟสำรองเปิดทันที แต่นี่ไม่! ทำให้ผู้คนตกอยู่ในความมืดนานพอสมควร หรือนี่จะมีการแสดงเกิดขึ้นหรือเปล่า ..
'ว.41เรียกขาน ดูห้องความคุมด้วย' เสียงจากวิทยุสื่อสารดังขึ้น หรือนี่ไม่ใช่การแสดง แสงจากภายนอกอาคารสาดส่องเข้ามาแบบริบหรี่ทำให้เกิดเงาลางๆภายในงาน ผู้คนต่างเริ่มนำแสงไฟจากโทรศัพท์เปิดส่องนำทางบางคนเริ่มเดินออกงาน
"ขอให้ทุกท่านอยู่ในความสงบกันก่อนนะครับ ตอนนี้ทางเขากำลังเร่งดำเนินการแก้ไขจุดเกิดเหตุอาจเกิดไฟฟ้าขัดข้อง" เสียงพิธีกรตะโกนดังขึ้น พร้อมกับเสียงผู้คนฮือฮาบ่นกันวุ่นวาย เสียงฝีเท้าคนวิ่งไปมาน่าจะเป็นพวกสตาฟ หรือคนจัดงาน รวมถึงหน่วยรักษาความปลอดภัย
ปัง! ปัง!
ปัง!
โคล๊มมมมมมม...
กรี๊ดดดดดดดดดดด~~~~ เสียงกรี๊ดภายในงานดังขึ้น ผู้คนต่างตกใจวิ่งหนีกันให้วุ่น นี่มันเรื่องอะไรกัน ฉันเริ่มใจเสียแล้วนะ
" เร็ววววว.. รีบพาทุกคนออกทางประตูใหญ่ให้เร็วที่สุด" เสียงหน่วยรักษาความปลอดภัยคนนึงตะโกนดังขึ้น จังหวะนั้นเอง ผู้คนลุกวิ่งหนีตายชนกัน ชนโต๊ะ ชนสิ่งของ ล้มระเนระนาด
'นี่มันของจริงใช่มั้ย' ฉันที่ตกใจอย่างมาก และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หรือการโจรกรรมที่เคยเห็นแต่ในหนังมันจะเกิดขึ้นกับฉันจริงๆ
ฉันที่ตั้งสติได้ พยามยามลุกจากที่นั่งด้วยชุดที่ยาวลากพื้นบวกกับรองเท้าส้นแหลมสูงสามนิ้ว จึงทำให้การเคลื่อนไหวลำบาก
ตุ๊บ ! โอ้ย!
ฉันถูกชนด้วยความแรงจากชายผู้หนึ่งที่วิ่งหนีอะไรบางอย่างด้วยความเร็วจนฉันล้มหน้าขมำ กระเป๋าในมือกระเด็ดตกไปคนละทาง ผู้คนต่างกรีดร้อง ต่างวิ่งหนีเอาตัวรอด
ปังๆ ปังๆ
เสียงปืน เสียงปืนแน่ๆ ฉันที่ล้มอยู่กับพื้นกลัวแทบจะขยับตัวไปไหนไม่ได้ สติกะเจิงหายไปหมด พยายามคลานไปหลบได้โต๊ะจัดอาหาร ด้วยความมืดสลัวยังเห็นผู้คนทยอยออกจากฮอล์ ทั้งหน่วยรักษาความปลอดภัย ตำรวจวิ่งกันให้วุ่น ฉันที่กลัวจนตัวสั่นไม่กล้าออกจากใต้โต๊ะ ..
โคล๊มมมมม~~!
เพร๊งงง !
ตุ๊บ!
ตรงหน้าฉัน ! ตรงหน้าฉันมีชายชุดดำคนนึงถูกกระแทกกับโต๊ะ ทำให้แก้วจานที่อยู่บนโต๊ะแตกกระจาย ร่างของชายผู้นั้นอาบไปด้วยเลือด หน้าฉันกับเขาจ้องกันโดยมิได้นัดหมาย
กรี๊ดดดดดด~~~
ฉันกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ ชายผู้นั้นพยายามมองไปที่กระเป๋าฉันที่ตกอยู่อีกฝั่ง เหมือนเขาพยายามจะลุกไปหยิบแต่ต้องรีบหนีก่อน เพราะเหมือนมีชายอีกคนกำลังตามเขาอยู่
ปังๆ ปังๆ
เสียงปืนยังไม่จบ ไม่รู้ว่าใครปะทะใคร ใครเป็นใคร สถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไง แล้วนายธีร์หล่ะหายไปไหนมาช่วยฉันที!.... ฉันได้แต่ก้มหน้าหลับตาสนิท
'รีบอพยพผู้รอดชีวิตก่อนเร็ว !! นาย! นาย! นาย! ทั้งหมดแบ่งกันลาดตระเวนไปทีมละโซน ตอนนี้ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้' เหมือนเป็นคำสั่งจากใครสักคน ตายแล้ว! อพยพผู้รอดชีวิต งั้นแสดงว่าต้องมีคนตายละสิ น้ำตาฉันไหลอาบแก้มโดยไม่รู้ตัว ทั้งกลัว ทั้งตกใจไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้ฉันจะได้เจอมันจริงๆ
หมับ! มีคนมาจับแขนฉัน
"กรี๊ดดดดดดด~~~~ ช่วยด้วยยยยค๊าาาา ช่วยฉันทีฉันยังไม่อยากตาย ฉันยังมีงานต้องทำ ฉันยังไม่ได้แต่งงาน ฉัน.. ฉันยังอยากเลี้ยงแมว ฉันยังมีอะไรหลายๆสิ่งที่อยากทำ ช่วยด้วยยยย อย่าทำอะไรฉันเลย" ฉันหลับตาพูดพร้อมสะบัดแขนให้หลุด
"คุณ คุณ! ลืมตา ตั้งสติ ผมเอง ผมธีร์ " ฉันได้ยินเสียงที่คุ้นเคย
"นะ นะ นายธีร์" ฉันโผล่เข้ากอดคอนายธีร์แน่นสุดใจ ทั้งดีใจ ทั้งโล่งอก
"นายหายไปไหนมา ฮื้อออๆๆๆ ฉันเกือบตายแล้วนายรู้มั้ย ฮื้อๆ ฉันนึกว่าฉันจะตายแล้วศพฉันต้องไม่สวยแน่ๆ ฮื้อๆ " ฉันปล่อยโฮออกมา ทั้งเสียงสะอื้น ทั้งพูดไม่เป็นประโยค
"ผมก็หาคุณให้วุ่นทั้งงานเลยกว่าจะเจอ คุณมาหลบอยู่ตรงนี้เอง ทีแรกผมเข้าใจว่าคุณออกจากงานไปแล้ว แต่หาเท่าไรก็ไม่เจอเลยต้องรีบแอบเข้ามา เพราะเขาห้ามคนเข้าเขตนี้แล้ว เดียวเขาจะเริ่มปิดประตูละนะ เพราะยังหาตัวคนร้ายไม่เจอ ตอนนี้เราต้องรีบออกไปกันก่อนไม่งั้นได้ตายกันจริงๆแน่ ... แต่ตอนนี้ปล่อยคอผมก่อนผมอาจจะตายเพราะคุณอยู่" ฉันรีบคลายมือจากคอเขา
"เดี๋ยวก่อนน.." ฉันรีบลุกไปเก็บกระเป๋าฉันที่ตกอยู่อีกฝั่ง
ปัง! ฟิ้วววว! อ๊าากกกกก เหมือนกระสุน มันเฉียดหัวฉันไปนิดเดียวเอง นี้กะจะเอาตายกันเลยรึ
' เร็ว มันหนีไปแล้ว '
'จับมา'
ฉันเหมือนจะได้ยินประโยคนี้จากไกลๆ นายธีร์รีบวิ่งมาจับข้อมือพาฉันวิ่งออกจากจุดนั้นให้เร็วที่สุด เขาพาฉันวิ่งออกมาทางประตูหนีไฟ ทางนั้นมีคนบางกลุ่มออกมาเหมือนกัน บางคนหลบอยู่ใต้บันได บางคนเดินตามหลังฉันมา เมื่อออกมาได้ ทางตำรวจหน่วยคอมมานโดได้ทำการปิดประตู ปิดล้อม อาคารภายในทั้งหมด ..
นายธีร์พาฉันวิ่งมาหลังอาคารที่มีกำแพงสูงล้อมรอบ เขาแหวกหญ้าพาฉันมุดลอดทางหมาผ่านออกมาจากกำแพงที่มีรู เมื่อลอดออกมาได้จะเจอถนนในซอยที่มีไฟกิ่งติดๆดับๆ เราสองคนวิ่งมาได้ครึ่งทาง จนเขาแน่ใจแล้วว่าไม่มีคนตาม
"ทำไมนายไม่พาฉันหนีไปข้างหน้านู้นละ ที่นั้นมีคนมากมาย จะไม่ปลอดภัยกว่าหรอ ฮืออๆ " ฉันที่ยังสะอื้นตกใจจากเหตุการณ์แล้วยังต้องมางงกับทางที่หนีมาอีก
"หนีไปให้นักข่าวถ่ายภาพคุณหรอ ..ดูคุณตอนนี้สิ มอมแมมขนาดไหน ผมเผ้ายุ่งรุ่งรัง พรุ่งนี้ได้เขียนข่าวกันกระจายแน่ๆ " ใช่แล้วฉันที่คิดไม่ได้หรอก
"แล้วอิกระเป๋านี้อีกมันอะไรนักหนา เกือบจะตายเพราะกระเป๋าใบนี้แล้วนะ" นายธีร์เข้ามาแย่งกระเป๋าที่ฉันกอดไว้ในมือ
" ว๊ายย นายจะทำอะไรอ่ะ นี่มันกระเป๋าที่แม่ฉันซื้อให้นะ มันเป็นของแทนใจ และมันก็มีใบเดียวด้วยฮื้อๆ นายไม่เข้าใจหรอกว่ามันสำคัญขนาดไหน" ฉันโวยวายเหมือนเด็กถูกแย่งของ ทั้งร้องไห้ และยังขวัญเสียกับเหตุการณ์ที่เจอมา..
"เอามานี่ คุณไม่ต้องถือหรอก เอามือไปถลกกระโปรงขึ้นเถอะจะได้เดินสะดวก แล้วเราต้องรีบเดินไปให้ถึงหน้าปากซอยโดยเร็ว กลัวจะมีใครตามมา เดียวผมโทรหาให้ไอ่โจมารับ" เขาเอากระเป๋าฉันไปห้อยคอไว้ แล้วหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง
" แย่ละสิเนี้ย หน้าจอแตก เสียเงินอีกละ "หน้าจอเขาแตกจริงๆ แต่ยังกดโทรได้อยู่
"ฮัลโล่ เออ..เห็นข่าวแล้วสิ รีบมาเลย ใช่ๆ คุณหนูปลอดภัย อยู่ด้วยกันนี้แหละ มารับตรงข้างศูนย์แสดงสินค้า ที่มีซอยอยู่ข้างๆ ใช่ๆ เดียวรออยู่ที่น้้น พรุ่งนี้ค่อยให้คนมาเอารถ" ฉันที่ดูหม่อลอยเพราะสติยังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
"อ๊ากกกก... ฮืออออออ" ฉันเดินไปสะดุดอะไรบางอย่างทำให้เดินไม่ถนัด
" ระ ระ รองเท้าช้านนนนนนน "รองเท้าส้นแหลมสามนิ้วของฉันที่ทั้งผ่านการวิ่งการเดินเร็วจนปวดเท้ายังไม่รู้สึกเจ็บเท่ารองเท้าหัก ฉันก้มถอดรองเท้า หยิบขึ้นมา ใช่! ส้น มัน หัก!
"ฮืออออๆๆๆๆ ร้องเท้าช้านนนน รองเท้าสุดที่รักของฉัน ไม่นะ" ฉันทั้งบ่น ทั้งร้องให้ ทั้งเสียดาย นี่ชีวิตฉันต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายหลายๆเรื่องในวันเดียวกันเลยหรอ
"อะไรของคุณอีกเนี้ย " เขาดูหัวเสีย แต่ฉันเสียกว่า
"นายก็แหกตาดูสิ เนี้ยๆๆๆ มันหัก เห็นมั้ย ร้องเท้าสุดที่รักของช้านน.."ฉันพูดโดยความหงุดหงิดทั้งอาลัยอาวรณ์ของสุดที่รัก
"มานี่" นายธีร์ก้มลงถอดรองเท้าฉันอีกข้างขึ้นมา
เปาะ!
เสียงการหักส้นรองเท้าด้วยมือเปล่าของนายธีร์ เสียงมันดัง เปาะ!
"อ่ะใส่ได้ละ " แล้วก็โยนรองเท้ามาให้ฉัน
"อ๊ากกกกก... นายทำบ้าอะไรของนายเนี้ย นายรู้มั้ยว่ามันแพงขนาดไหน เงินเดือนทั้งเดือนของนายยังซื้อไม่ได้เลย" ฉันรีบกอดรองเท้าไว้ ทั้งหัวเสียและวีนขั้นสุด
"ไม่หักแล้วจะใส่ยังไง เดินเท้าเปล่ามั้ยละ หรือจะใส่ข้างไม่ใส่ข้าง เดินกระเพกๆไปแบบนี้มั้ย แต่ที่แน่ๆผมไม่อุ้มนะ" เขาตะคอกใส่ฉันแบบหัวเสียเหมือนกัน มาหักร้องเท้าฉันละยังมาตะคอกใส่กันอีก นิสัยไม่ดี!
ฉันได้แต่จำใจใส่ร้องเท้าเดินไปแบบนั้นจนถึงปากซอย รออยู่ครู่นึง นายโจก็มารับ (นายโจก็คือลูกน้องของพ่อฉันเหมือนกัน)
.........................................................................................................................
อย่าตะคอกน้องแบบนั้นสิ น้องทั้งตกใจและขวัญเสียกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ ละยังต้องมาเสียของรักไปอีก เห็นใจน้องหน่อยนะนายธีร์ เอาละสิค่ะ เหตุการณ์ต่อไปนี้จะเป็นยังไง แล้วเสียงแว่วๆที่บอกว่า 'มันหนีไปแล้ว' คืออะไรจะเกี่ยวข้องอะไรกับนางเอกของเราหรือเปล่า ไปลุ้นกันนะคะ
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 60
Comments