ทันทีที่ยายแก่ตนนั้นพูดจบทางด้านของรันพีก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาเขาก็พบว่าตัวของเขานั่งอยู่บนรถเข็นและกำลังมีนางพยาบาลสาวหน้าตาดีกำลังเข็นรถเข็นที่เขานั่งอยู่ไปที่ไหนไม่รู้ แต่ว่าตอนนี้สิ่งที่รันพีเห็นตอนนี้นั้นก็คือโถงทางเดินยาวๆที่มืดสนิทจนดูน่ากลัวอย่างไงอย่างงั้นบรรยากาศในตอนนี้ที่รันพีรู้สึกได้คือมันรู้สึกหนาวเย็นและได้ยินเสียงรถเข็นที่เขานั่งอยู่กำลังเคลื่อนที่อยู่อย่างเดียว
นอกนั้นมีแต่ความเงียบสงัดจนนึกว่าเป็นโรงพยาบาลร้างที่ไม่มีคนอยู่แล้วแต่แล้วเมื่อรันพีหันหน้าไปมองนางพยาบาลสาวเพื่อที่จะพูดคุย
รูปร่างลักษณะของนางพยาบาลสาวก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคนซึ่งใบหน้าจากที่หน้าตาดีสวยสง่ากลายเป็นหญิงสาวสวมชุดเดรสสีแดงกำลังอ้าปากกว้างพร้อมกับปากที่ฉีกดวงตาลึกลวงโบ๋สีดำมีน้ำเลือดน้ำหนองอยู่ตามผิวหนังส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ
เมื่อรันพีเห็นใบหน้าและรูปร่างของนางพยาบาลสาวที่เปลี่ยนไปเขาก็ตกใจก่อนจะลุกขึ้นออกจากรถเข็นและวิ่งหนีตรงไปเรื่อยๆที่โถงทางเดินโดยที่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าจะวิ่งไปไหน
และในขณะเดียวกันระหว่างที่รันพีกำลังวิ่งหนีหญิงสาวชุดเดรสสีแดงอยู่นั้นตัวเขาก็หันหลังมาดูหญิงสาวชุดแดงอีกครั้ง
แต่เเล้วเมื่อตัวรันพีหันหลังมาดูสายตาเขาก็เห็นหญิงสาวชุดแดงกำลังดึงปากตัวเองให้กว้างขึ้นก่อนที่จะมีร่างของยายแก่ที่เขาเจอในฝันได้ออกมาจากในปากของหญิงสาวชุดแดง
จากนั้นยายแก่ที่โผล่ออกมาจากร่างของหญิงสาวชุดเดรสสีแดงได้ครึ่งตัวแล้ว ยายแก่ตนนั้นก็ค่อยๆยื่นมือมาชี้หน้ารันพีพร้อมกับแสยะยิ้มมุมปากอย่างน่าขนลุก
ส่วนทางด้านของรันพีที่กำลังวิ่งและหันไปมองยายแก่อยู่เขาก็ไม่ได้มองทางข้างหน้าเขาจึงวิ่งชนกับประตูลิฟท์สีแดงที่ยังปิดอยู่เข้าอย่างจัง ก่อนที่รันพีจะเอามือจับไปที่หน้าผากตัวเองทั้งสองข้างเพราะเจ็บหน้าผากหลังจากที่วิ่งไปชนประตูลิฟท์เมื่อกี้
และในระหว่างนั้นรันพีที่ยังคงเอามือจากที่หน้าผากอยู่หางตาเขาก็เห็นยายแก่ตนนั้นห้อยหัวเดินบนเพดาน เดินตรงมาหาเขาบอกเลยว่าภายในใจของรันพีตอนนี้ รันพีหวาดกลัวสุดขีดมากร่างกายสั่นแทบจะขยับตัวไม่ได้เลยได้แต่มองยายแก่ตนนั้นก้าวเท้าอย่างช้าๆเดินบนเพดานมาหาเขา
แต่ในขณะเดียวกันนั้นประตูลิฟท์สีแดงก็ถูกเปิดออกเผยให้เห็นร่างของรินดายานีและมาสกับพรานอินอยู่ในลิทฟ์ซึ่งในลิฟท์นั้นก็มีคนอีกคนหนึ่งเป็นชายหนุ่มตาหล่อเหลาเหมือนเทพบุตรจากสวรรค์ใส่นาฬิกาข้อมือที่แขนขวาเขามีนามว่า พาราน นั้นเอง
และเมื่อประตูลิฟท์เปิดทั้งห้าคนก็เห็นรันพียืนนิ่งๆตัวสั่นไปด้วยความกลัวอยู่ที่เบื้องหน้าของพวกเขา และหลังจากนั้นรินดาก็รีบคว้าตัวรันพีเข้ามาในลิฟท์
และเมื่อทั้งหกคนเข้ามาในลิฟท์กันแล้วประตูลิฟท์ก็ปิดลงทันทีรันพีที่ยังคงหวาดกลัวและสับสนมืนงงอยู่ก็ได้ถามทั้งห้าคนว่า นี่มันเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นมาได้และทำไมทั้งห้าคนถึงมารวมตัวกันอยู่ในลิฟท์และมาช่วยเขาเหมือนกับว่าทุกคนรู้เรื่องราวว่ามันเกิดอะไรขึ้น
จากนั้นทางด้านของยานีก็ได้เอ๋ยปากพูดบอกเรื่องราวกับรันพีว่า
"รันพีฉันทิ้งเธอให้อยู่ในห้องคนเดียวขอโทษนะฉันแค่จะไปข้างนอกห้องเพื่อดูว่าทำไมไฟมันดับและถ้าไฟดับพวกนางพยาบาลคุณหมอและคนที่อยู่ในโรงพยาบาลจะเอายังไงกันต่อก็แค่นั้นเองแต่ว่า ฉันดันโดนผีหลอกซะงั้นจากนั้นฉันก็วิ่งเข้าไปในลิฟท์นี้แหละและในลิฟท์นั้นก็มีเลือดและปลิงอยู่ในลิฟท์เต็มไปหมดจนฉันแทบจะเป็นบ้าเลยตอนนั้นแต่พอประตูลิฟท์เปิดทั้งเลือดและปลิงพวกนั้นก็ได้หายไปก่อนที่จะฉันก็รู้สึกเวียนหัวร่างกายขยับตัวไม่ได้จากนั้นฉันก็สลบไป"
"และพอฉันตื่นขึ้นมาอีกทีฉันก็พบพี่รินดาและพี่มาสพี่พรานอินและก็พี่พารานมาปลุกฉัน แต่พอฉันได้สตินะฉันก็รีบบอกพวกพี่ๆเลยว่าเธออยู่ด้านบนจากนั้นพวกพี่ๆก็รีบเข้ามาในลิฟท์และพอประตูลิฟท์เปิดฉันและพี่ๆก็เห็นเธอยืนตัวสั่นอยู่หน้าลิฟท์ ดีนะที่แกไม่เป็นอะไรขอบคุณสวรรค์"
จากนั้นยานีก็โอบกอดรันพีก่อนที่เธอจะร้องไห้ออกมาส่วนทางด้านของพี่รินดาก็เดินขยับมาใกล้ๆยานีและค่อยๆยื่นไปมือลูบหลังยานีเบาๆ
จากนั้นประตูลิฟท์ก็ได้เปิดออกเผยให้เห็นหลอดไฟที่กลับมาสว่างอีกครั้งส่วนเหล่าผู้คนที่มาโรงพยาบาลและคุณหมอนางพยาบาลก็กลับมายืนพูดคุยสนทนาทำหน้าที่กันอย่างปกติเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทางด้านของรินดาและพรานอินรวมถึงมาสและพารานก็ต่างทำสีหน้าสงสัยดวงตาเบิกโพลงก่อนที่รินดาจะอุทานออกมาว่า
"ห๊ะ เป็นไปได้ไง"
จากนั้นรินดาก็ได้พูดกับทุกคนด้วยน้ำเสียงที่สั่นคลอน "ตอนที่เข้าโรงพยาบาลมาผู้คนยังรับยังหลับอย่างไม่ทราบสาเหตุกันอยู่เลยนิส่วนหลอดไฟจากตอนแรกที่ดับตอนนี้ดันสว่างซะงั้น"
จากนั้นทั้ง6คนก็ค่อยๆก้าวเท้าออกมาจากลิฟท์อย่างช้าๆพร้อมกับมองไปรอบๆโถงเดินทางเดินที่มีผู้คนที่อยู่โรงพยาบาลและคุณหมอนางพยาบาลกำลังเดินกันอยู่ไปมา
จนกระทั้งรินดาก็นึกขึ้นมาได้ว่าในตอนที่ไฟดับทั้งตึกนั้นไฟฟ้าต่างๆก็คงหยุดทำงาน แต่ว่าลิฟท์นั้นยังใช้งานได้ปกติแถมหลอดไฟบนเพดานลิฟท์ยังไม่ดับอีกจากนั้นรินดาเธอค่อยๆหันไปมองข้างหลังอย่างช้าๆก่อนที่เธอจะชี้นิ้วและพูดกับทุกคนว่า
"ทุกคนหันไปมองข้างหลังสิ"
และเมื่อทั้งหมดหันหลังมาดูลิฟท์ที่อยู่ด้านหลังปรากฏว่าลิฟท์ที่พวกเขาพึ่งออกมานั้นดันเป็นกำแพงผนังสีขาวไปแล้ว และในขณะเดียวกันทุกคนก็ดวงตาเบิกโพรงอ้าปากค้างเช่นกัน
ก่อนที่ทั้งหกคนจะหันมามองหน้ากันจากนั้นพารานหนุ่มตาดีหล่อเหล่าก็บอกให้รินดามาสพรานอินยานีและรันพีไปรอเขาที่ลานจอดรถก่อนเดี๋ยวเขาจะตามไปทีหลัง
จากนั้นทั้งห้าคนก็พยักและไปที่ลานจอดรถตามที่พารานได้พูดเอาไว้และเมื่อทั้งห้าคนมาถึงที่ลานจอดรถและยืนรอพารานประมาณ15นาที
และเมื่อครบ15นาทีพารานก็เดินมาหาทั้งหกคนและบอกกับทุกคนว่าไปขอคุณหมอและนางพยาบาลเรียบร้อยแล้วว่าจะไม่ให้รันพีนอนโรงพยาบาลแต่ว่าทางฝั่งของคุณหมอและนางพยาบาลบอกกับพารานว่าเดี๋ยวจะทำเรื่องให้แต่ต้องรอให้ถึงตอนเช้าก่อนรันพีจึงจะออกจากโรงพยาบาลไปได้
จากนั้นพารานก็บอกให้ทุกคนหยิบตะกรุดในรถของเขาไว้พกติดตัวพร้อมกับย้ำกับทุกคนว่าอย่าทำหายเด็ดขาด จากนั้นพารานก็พูดต่อว่า
ตอนนั้นผมจะหยิบตะกรุดนี้ไปแล้วแต่ดันลืมเอาไว้ในรถและก็เข้าไปโรงพยาบาลเพราะรู้สึกว่าไฟดันดับทั่วตึกบวกกับผมรู้สึกมีอะไรแปลกๆ แต่พอผมเข้ามาในตึกผมก็เห็นน้องรินดาน้องพรานอินรวมถึงน้องมาสกำลังปลุกผู้คนคุณหมอนางพยาบาลที่กำลังสลบอยู่
และเมื่อพารานพูดจบเขาก็บอกให้ทุกคนกลับเข้าไปในโรงพยาบาลอีกครั้งเพื่อรอคุณหมอทำเรื่องบวกกับให้รันพีไปเปลี่ยนชุดก่อนเพราะตอนนี้รันพียังใส่ชุดคนไข้อยู่เลย
ในตอนนี้ถึงแม้ทุกคนจะหวาดกลัวอยู่เล็กน้อยแต่ก็กลับเข้าไปในโรงพยาบาลอีกครั้งและรอเวลาให้ถึงเช้าและเมื่อมาถึงตอนเช้าคุณหมอนางพยาบาลก็ทำเรื่องเสร็จและให้รันพีกลับบ้านได้
และหลังจากนั้นเมื่อทั้ง6คนก็ออกจากโรงพยาบาลพารานก็นัดทุกคนให้ไปกินข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆกับโรงพยาบาล
ซึ่งร้านนั้นมีชื่อว่า เจ้าของร้านเป็นเงือกสาวสุดสวยตัวแม่
และเมื่อทั้งหมดมาถึงหน้าร้านอาหารรันพียานีมาสและรินดากับพรานอินทั้งหมดก็ตกใจกับชื่อร้าน เพราะชื่อแบบนี้ตั้งแต่เกิดมาพึ่งเคยพบเคยเห็นเป็นครั้งแรก
จากนั้นทั้ง6คนก็มานั่งโต๊ะตรงริมหน้าต่างและสั่งอาหารกันอย่างมีความสุขแต่ในขณะเดียวกันรันพีที่กำลังจะเลือกอาหารนั้นเขาก็หันไปมองหน้าพี่พารานที่นั่งอยู่ๆข้างๆเขาก่อนที่รันพีจะใช้น้ำเสียงหวานๆเล็กๆกล่าวขอบคุณพี่พารานที่ไปคุยกับคุณหมอและนางพยาบาลจนทำให้เขานั้นออกจากโรงพยาบาลมาได้อีกทั้งรันพีก็กล่าวขอบคุณอีกครั้งเรื่องที่พี่พารานเป็นคนพาเขามาส่งโรงพยาบาลและจ่ายค่ารักษาต่างๆให้อีก
แต่ว่าในเวลาเดียวกันนั้นก็มีสายตาของมาสจับจ้องมาที่รันพีและพารานจากนั้นมาสก็ทำสีหน้าเศร้าๆเล็กน้อยก่อนที่อาหารที่ทั้งหกคนรอคอยก็มาเสิร์ฟซึ่งพนักงานที่มาเสิร์ฟนั้นใส่ชุดนางเงือกน้อยพร้อมกับใบหน้าที่สวยงามเริ่ดอีกทั้งขนตาพนักงานที่มาเสิร์ฟนั้น บอกเลยว่ายาวเป็นไปถึงดาวอังคารมาก และยังไม่พอเล็บของพนักงานยาวสุดๆ จากนั้นพนักงานคนนี้ก็พูดกับทั้งหกคนว่า
"ฮัลโหลพี่สวยมั้ยคะน้อง พี่ได้นำอาหารจากเพื่อนของพี่มาให้หนูๆได้กินแล้วนะคะ เริ่มอันแรกที่เมนูต้มยำกุ้งอ่าวทะเลกินกันไปจุกๆเลยจ้า"
"ส่วนเมนูสองมีชื่อว่า ปูรูปูอยู่ในใจคนกินเสมอนะคะชิมิ โอ้ยน้องมีอีกเมนูส้มตำเจ๊หยมสุดสวยกินไม่หมดปรับห้าล้าน เดี๋ยวเมนูอื่นๆจะมาอีกนะรอแปป"
ทั้งหกคนได้แต่กลั้นขำและสูดหายใจเข้าหายใจออกเบาๆ ก่อนที่รันพีจะพูดขึ้นมาว่า
"พี่พารานเลือกร้านได้ดีมากเลยครับ" รันพีหัวเราะเบาๆ
จากนั้นทั้งหกคนก็กินอาหารที่มาเสิร์ฟและพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องที่ปอบยายแก่ตนนั้นรวมถึงสิ่งที่เจอและเมื่อทั้ง6คนพูดคุยไปได้สักพักรันพีก็นึกขึ้นมาได้ว่าตนเคยฝันถึงยายแก่ตนนั้นตอนอยู่ในโรงพยาบาลจากนั้นเขาก็ได้เล่าเรื่องราวในฝันที่พบเจอให้กับทุกคนฟัง
"ทุกคนครับผมมีเรื่องจะเล่า ในตอนที่ผมอยู่โรงพยาบาลผมฝันถึงยายแก่คนหนึ่งแกดูน่ากลัวมาก ผมเห็นแกยืนอยู่ตรงหน้าผาพร้อมกับพวกชาวบ้านที่อยู่รอบๆแต่ว่าชาวบ้านเหล่านั้นทั้งหญิงและชายต่างมีรอยสักเหมือนกับเป็นยันต์บางอย่างทั่วร่างกายแตกต่างกันออกไปเหมือนกับเป็นพวกเขาเป็นหมอผีเลย"
"แต่ผมก็ไม่รู้หรอกนะผมว่าพวกเขาก็น่าจะเป็นหมอผีนั้นแหละแต่ผมขอเรียกชาวบ้านแล้วกันนะง่ายดี ต่อนะครับแต่ว่าพอพวกชาวบ้านเหล่านั้นล้อมรอบยายแก่ที่อยู่ตรงริมหน้าผาพวกเขาก็พนมมือสวดบริกรรมคาถาบางอย่างออกมา"
"แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่พวกเขาสวดมันจะไม่ได้ผลเพราะว่าในระหว่างที่ชาวบ้านกำลังบริกรรมคาถาอยู่นั้นรอยสักของพวกเขาก็เริ่มเรืองแสงเป็นสีส้มผสมทองปรากฏตามรอยสักที่อยู่ทั่วร่างกายของพวกเขา"
"ก่อนที่รอยสักที่เรืองแสงสีส้มผสมทองเหล่านั้นออกมาตามผิวหนังของพวกเขาและมันก็กลายเป็นเป็นลำแสงสีทองระยิบระยับลอยเคลื่อนที่ไหลเหมือนสายน้ำเข้าไปในร่างยายแก่ตนนั้นแต่ในระหว่างนั้นที่ลำแสงเหล่าไหลนั้นรวมตัวกันเข้าไปในร่างยายแก่ รอยสักของพวกชาวบ้านก็หายไปด้วย"
"และเมื่อลำแสงสีทองที่อยู่ในตัวของพวกชาวบ้านเข้าไปในรางยายแก่ตนนั้นทั้งหมดชาวบ้านเหล่านั้นก็กลายเป็นฝุ่นผงสีดำลอยหายไปในอากาศตอนนั้นบรรยากาศมันน่ากลัวมากจนผมแทบจะสติแตก"
" และมีอีกอย่างหนึ่งที่พี่ๆต้องรู้ ในฝันของผม ยายแก่ตนนั้นเขาได้พูดชื่อของเขาออกมาด้วยว่า.... ยาพาบารี แล้วก็ผมก็มาคิดๆดูแล้วนอกจากยายแก่ตนนั้นจะดูดพลังคาถาอาคมของพวกชาวบ้านได้แล้วแกยังสามารถดูดวิญญาณในร่างกายของพวกเขาได้อีกด้วย"
ตอนที่ 5 เมืองมัจจุราชกับคำสาปมรณะ
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 9
Comments
Violeta Itzae Gonzalez O.
ร้อนใจตลอดเลย
2024-12-01
1