หลังจากที่เสียงของหญิงสาวปริศนาพูดจบ
รินดาก็เดินเข้าไปใกล้ๆศาลก่อนที่เธอจะพูดขึ้นมาว่า
"งั้นแกก็ลองมาฆ่าเราสองคนดูสิ แต่ศาลของแกก็ต้องพังตอนนี้แหละ"
จากนั้นรินดาก็หยิบสิ่งของที่อยู่ในศาลโยนลงพื้นที่ละชิ้นทีละชิ้นบางอันก็เหยียบใช้เท้าขยี้ๆสิ่งของเหล่านั้น
"เดี๋ยวๆ..กูยอมแล้วกุไม่ได้เป็นคนทำ"
จากนั้นยานีและพรานอินก็หันไปที่ด้านหลังตามเสียงและพบเข้ากับหญิงสาวใส่ชุดเดรสสีแดงลักษณะใบหน้าดูน่ากลัวพร้อมกับปากที่ฉีกอย่างน่าสยดสยอง
"มึงคิดว่าผีอย่างกูจะสามารถทำให้ อีสองคนนั้นเป็นได้ขนาดนั้นเลยหรอ ผิดแล้วอีแก่นั้นมันอยู่เบื้องหลังทั้งหมดกูไม่มีพลังอะไรทั้งนั้นแหละพวกมึงพอใจหรือยังส่วนพรที่พวกมึงทั้งหลายมาขอก็ไม่ใช่กูที่ให้พรพวกมันกูอยู่ในศาลนี้มานานแล้วกูไม่เคยให้พรใครเลยหรือว่าจะเป็นท่านยายแก่ตนนั้น..... "
"เดี๋ยวนะแล้วท่านยายแก่ที่แกพูดมันเป็นใคร"
"กูบอกไม่ได้มันไม่ให้กูบอกหากกูบอกพวกมึง...."
ทันใดนั้นเองก็มีร่างของยายแก่ใส่ชุดพื้นเมืองสีน้ำเงินตัวสูงมีดวงตาสีขาวกลมโตมีเส้นเลือดสีแดงอยู่ตามผิวหนังทั่วร่างกายมันได้ใช้มือทั้งสองข้างจับไปที่ศรีษะของผีชุดแดงพร้อมกับท่องมนต์คาถาบางอย่างจนผีชุดแดงนั้นถึงกับต้องกรีดร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดทรมาณจากนั้นร่างของผีสาวชุดแดงก็ได้สลายกลายเป็นฝุ่นควันสีดำลอยหายไปในอากาศ
"มันก็จะต้องมาเป็นสภาพนี้ไงล่ะ "
ทางด้านของรินดาและพรานอินที่เห็น ทั้งคู่ก็ถึงกับช็อกอ้าปากค้างและตัวสั่น
ส่วนทางด้านของมาสตอนนี้ก็เดินจับมือเดินตามโนรินและทั้งคู่ก็เดินมาหยุดที่ห้องเก็บของของมหาวิทยาลัยจากนั้นโนรินที่เห็นว่าไม่มีใครอยู่เธอก็ได้ใช้จังหวะนี้ล็อกประตูห้องเก็บของก่อนที่เธอจะจูบปากมาสอย่างดุเดือดและหวังจะมีอะไรด้วยกับมาส แต่ว่าทางฝั่งของมาสหลังจากที่เขาจูบปากของโนรินอย่างดุเดือดอยู่สักพักมาสก็ได้หยิบค้อนที่หยุดบนโต๊ะด้านหลังของโนรินขึ้นมา
ก่อนที่เขาจะถอยห่างจากโนรินประมาณก้าวสองก้าวและใช้ค้อนที่อยู่ในมือฟาดไปที่หน้าของโนรินเต็มแรงจากนั้นโนรินเธอก็ได้ล้มลงไปนอนที่พื้นด้วยความเจ็บปวด
หลังจากที่มาสใช้ค้อนฟาดไปที่หน้าของโนรินแล้วเขาก็ได้หยิบเลี้อยตัดกิ่งไม้ที่อยู่บนโต๊ะใกล้ๆตัวๆของเขามาแทงไปในปากของโนรินที่กำลังคลานหนี
จากนั้นเมื่อมาสนำเลื้อยตัดกิ่งไม้แทงเข้าไปในปากโนรินเสร็จแล้วเขาก็กับมารู้สึกตัวอีกครั้งและเขาก็พบเข้ากับโนรินที่ตอนนี้เธอได้นอนตายอยู่ที่พื้นพร้อมกับเลื้อยตัดไม้ที่แทงคาปากไว้อยู่
มาสทำสีหน้าตกใจอยู่สักพักก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นและพบเข้ากับยายแก่ใส่ชุดพื้นเมืองสีน้ำเงินมีลักษณะร่างกายแววตาและท่าทางดูน่ากลัว
"ยายเป็นใครหรอครับ แล้วผมมาอยู่ที่นี่ได้ไงแล้วเกิดอะไรขึ้นกับเธอทำไม..."
"เจ้าไม่ต้องรู้หรอก ว่าแต่เจ้าอยากสมหวังกับน้องรันพีที่เจ้าชอบมั้ยล่ะข้าทำให้เจ้าสมหวังได้นะเพียงแค่เจ้าพูดตามข้า"
"ไม่เอาครับผมไม่อยากสมหวังอะไรทั้งนั้นแหละผมจะออกไปจากที่นี่ตอนนี้"
จากนั้นมาสก็เดินสวนทางร่างของยายแก่ไปและเขาก็เดินตรงไปที่ประตูและกำลังจะเปิด
"เจ้าแน่ใจจะออกไปสภาพนี้จริงๆหรอ เสื้อเจ้าก็เปียกชุ่มไปด้วยเลือดและเจ้าจะออกไปทั้งๆที่ฆ่าคนแบบนี้เลยหรอ หากออกไปตอนนี้ผู้คนจะมองเจ้ายังไงดีนะหนุ่มหล่อหน้าตาดีฆาตกรรมหญิงสาวอย่างโหดเหี้ยมข้าบอกเลยอนาคตเจ้าคงจบไม่สวยแน่นอนแต่..ถ้าเจ้าพูดตามข้าข้าก็จะบันดาลพรให้และเจ้าจะได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าอยากได้รวมถึงไม่ต้องเป็นฆาตกรอีกด้วยและไม่ต้องมารู้สึกผิดที่ฆ่าคนตาย"
มาสทำหน้าเครียดตึงอยู่สักพักก่อนที่เขาจะยื่นมือไปเปิดประตู แต่แล้วสิ่งที่ยายแก่ตนนั้นพูดทำให้มาสไม่สามารถที่จะรับได้เขาจึงหันหลังมามองยายแก่ตนนั้นก่อนที่เขาจะพยักหน้าให้กับยายแก่อย่างไม่เต็มใจ
"งั้นเจ้ากล่าวตามข้า พุทโธ เสนียดจังไรเข้าหา ธัมโมสิงสู่ในร่าง สังโฆเข้าสู่ด้านมืด"
"พุทโธ...เสนีดจังไรเข้าหา ธัมโมสิงสู่ในร่าง สังโฆเข้าสู่ด้าน...มืด"
จากนั้นก็มีเสียงหญิงสาวตะโกนดังลั่นมาหามาสว่า อย่า ก่อนที่เธอจะเปิดประตูเข้ามาในจังหวะที่มาสท่องบริกรรมคาถาจบพอดีความจริงแล้วผู้หญิงคนนั้นที่เปิดประตูเข้ามาเธอคือรินดานั้นเอง
รินดาที่เห็นว่ามาสท่องคาถาจบในจังหวะที่เธอเข้ามาพอดีเธอก็ทำสีหน้าเคร่งเครียดและหันไปมองยายแก่ตนนั้น
จากนั้นภาพก็ได้ตัดไปก่อนที่รินดาจะมาที่ห้องเก็บของ
หลังจากที่ยายแก่ได้ปรากฏตัวต่อหน้ารินดาและพรานอินที่ห้องน้ำที่มีศาลไม้เก่าๆในห้องน้ำหญิงทั้งคู่ก็ถึงกับตัวสั่นไปด้วยความกลัวจากนั้นรินดาก็นึกถึงเรื่องราวในอดีตตอนที่เธอเป็นเด็ก
ณ บ้านหลังหนึ่งในแทบชนบทมีหญิงสาวร่างเล็กอายุ7ขวบนั้นก็คือรินดานั้นเองตอนที่เธอยังเป็นเด็กพ่อกับแม่ของเธอเป็นเป็นหมอผีและพวกเขาทั้งสองคนก็มักจะคอยช่วยเหลือชาวบ้านที่โดนผีเข้าทุกครั้ง แต่มีอยู่วันหนึ่งในค่ำคืนที่ฝนตกหนักมีพายุรุนแรงและเธอก็อยู่ในบ้านกับพ่อและแม่ของเธอ
พ่อกับแม่ของรินดาได้สั่งให้รินดาไปหลบอยู่ที่ใต้เตียงและไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นห้ามออกมาเด็ดขาดรินดาสับสนมืนงงอยู่เล็กน้อยแต่ด้วยความเป็นเด็กเธอจึงไม่ได้ถามพ่อและแม่ของเธอว่าจะออกจากบ้านไปไหนจากนั้นพ่อของรินดาก็ได้มอบสร้อยคอที่เป็นรูปยมฑูตให้กับเธอ จากนั้นรินดาในวัยเด็กก็เข้าไปหลบใต้เตียงตามที่พ่อกับแม่สั่ง
และพ่อกับแม่ของรินดาก็เดินหยิบมีดเล่มหนึ่งและเดินออกไปนอกบ้านกันสองคนในยามค่ำคืนที่ฝนตกหนักและมีพายุลมแรง
แต่แล้วเมื่อพ่อกับแม่เธอออกไปจากนอกบ้านไปได้ไม่กี่นาที เธอก็ได้ยินเสียงพ่อกับแม่ของเธอกรีดร้องขอความช่วยเหลือแต่แล้วเสียงพ่อแม่เธอก็ได้หยุดลง
ตามมาด้วยเสียงคนเดินรอบบ้านจากนั้นประตูเบื้องหน้าเธอก็ได้เปิดออกเผยให้เห็นเท้าขนาดใหญ่แห้งๆเหี่ยวๆเปิดประตูเดินเข้าในห้องของเธอและพ่อกับแม่ ตึก ตึก ตึก
เสียงเท้านั้นที่เหยียบลงไปที่พื้นมันค่อยๆเดินตรงมาทางเตียงที่รินดาอยู่และในจังหวะที่เท้านั้นเหยียบลงไปที่พื้นบ้านและสิ่งของต่างๆก็สั่นสะเทือนไปด้วยเหมือนเกิดแผ่นดินไหว
จากนั้นเท้าที่เดินตรงมาทางเตียงที่เธอหลบอยู่ก็ได้หยุดลงก่อนที่จะมีเสียงแหบๆแห้งๆพูดขึ้นมาว่า
"อยู่นี่เองสินะ พ่อกับแม่มึงตายแล้วนะต่อไปเป็นมึง"
รินดาในวัยเด็กได้แต่ปิดปากนิ่งเงียบถึงแม้ในใจจะหวาดกลัวก็ตามจนกระทั้งเท้าที่อยู่เบื้องหน้าเธอมันค่อยๆก้าวท้าวขึ้นไปบนเตียง และเมื่อรินดาในวัยเด็กหวาดกลัวเธอก็หายใจถี่ขึ้นแรงขึ้นเรื่อยๆ
ก่อนที่เธอจะก้มหน้าไปดูสร้อยคอในมือที่พ่อเธอให้มา และเงยหน้ามองที่เบื้องหน้าอีกครั้งแต่แล้วเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมาเธอก็พบกับหัวของยายแก่ก้มลงมาใต้มาที่เตียงจ้องมองเธออยู่พร้อมกับฉีกยิ้มเผยให้เห็นฟันในปากที่แหลมคม
รินดาในวัยเด็กกรี๊ดดังลั่นปล่อยน้ำตาที่เต็มไปด้วยความกลัวออกมา
และเมื่อรินดากรี๊ดดังลั่นจู่ๆก็มีพวกชาวบ้านที่ได้ยินเสียงรินดากรี๊ดพวกเขาก็ได้เข้ามาในบ้านและพบเข้ากับรินดาที่นอนหลบอยู่ใต้เตียงพร้อมกับกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่
ก่อนที่หนึ่งในชาวบ้านเหล่านั้นก็มีผู้ใหญ่บ้านพูดเสียงดังด้วยน้ำเสียงที่แรงทุ้มว่า อีผีเหี้ยกูจะตามไล่ล่ามึงไปทุกที่นี่แหละ นับแต่จากนี้ไปพวกเราทุกคนทั้งหมู่บ้านจะต้องจัดพิธีไล่ปอบทุกอาทิตย์ และที่หมู่บ้านแห่งนี้จะต้องไม่มีปอบอยู่ในหมู่บ้านของพวกเรา ส่วนเจ้าหนูนี่เองไอ้ทินข้าฝากเจ้าเด็กนี่ไปดูแลด้วยพ่อกับแม่มันตายแล้วเพราะอีปอบเหี้ยนั้นแท้ๆ
จากนั้นความทรงจำของรินดาในวัยเด็กก็กลับคืนมาอีกครั้ง
และตัวเธอที่กำลังยืนตัวสั่นกลัวๆกับพรานอินอยู่ในห้องน้ำ
"แกนั้นเอง...อีปอบยายแก่ที่ชาวบ้านตามหา"
"มึงรู้แล้วหรอว่ากูเป็นใคร กูกลับมาแล้วนะคิดถึงกูมั้ยล่ะ"
ทันทีที่ปอบยายแก่ตนนั้นพูดจบรินดาก็ล้วงไปหยิบสิ่งของบางอย่างในกระเป๋าสะพายข้างที่เธอสะพายอยู่จากนั้นเมื่อเธอหยิบสิ่งของนั้นออกมาปรากฏว่าสิ่งของนั้นคือสร้อยคอที่พ่อเคยให้รินดาในตอนเด็กไว้ใช้ป้องกันตัวจากผีตนนี้นั้นเอง
จากนั้นรินดาก็เดินเข้าหาปอบยายแก่พร้อมกับเอาสร้อยคอที่พ่อเธอเคยให้มายื่นไปเบื้องหน้าเข้าหาปอบยายแก่ที่กำลังนิ่งๆฉีกยิ้มอยู่
ทันใดนั้นทันทีที่สร้อยคอที่รินดาถือเริ่มเข้าใกล้ปอบยายแก่ตนนั้นจากนั้นความทรงจำในวัยเด็กในตอนที่เธฮหลบอยู่ใต้เตียงและกร่ำสร้อยแน่นก็กลายเป็นภาพซ้อน หลังจากที่ยายแก่ตนนั้นก้มหน้ามาจ้องมองรินดาในวัยเด็กที่ใต้เตียงรินดาในวัยเด็กก็ได้ยื่นสร้อยนี้ไปข้างหน้าและกรี๊ดดังลั่นพร้อมกับปล่อยน้ำตาด้วยความกลัวออกมา
จากนั้นยายแก่ที่จ้องมองรินดาใต้เตียงก็ได้กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดหลังจากที่สร้อยนี้มาใกล้หน้ามันก่อนที่เสียงนั้นจะเงียบหายไปพร้อมกับมีชาวบ้านและผู้ใหญ่บ้านที่ตามไล่ล่าผีปอบยายแก่ตนนี้เข้ามาในบ้านและพบกับรินดาในวัยเด็กที่กำลังนอนหลบร้องไห้อยู่ใต้เตียงนั้นเอง
และแล้วรินดาในตอนโตที่อยู่ในห้องน้ำกับพรานอินก็เดินเข้าไปใกล้ๆปอบยายแก่ตนนั้นพร้อมกับยื่นสร้อยคอที่พ่อเธอให้มายื่นไปเบื้องหน้าของมันและทันทีที่สร้อยคอนี้เริ่มเข้ามาใกล้ตัวผีปอบยายแก่มันก็ได้พูดขึ้นมาว่า
"ถ้ากูให้ไอ้มาสท่องคาถาจบเมื่อไหร่ กูจะบอกไว้เลย ว่าสร้อยคอนี้ก็ทำร้ายกูไม่ได้"
จากนั้นปอบยายแก่ก็หายไปต่อหน้าต่อตาทั้งสองคน
ตอนที่ 2 เมืองมัจจุราชกับคำสาปมรณะ
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 9
Comments