บทที่ 9 เมืองมัจจุราชกับคำสาปมรณะ

ทันทีที่ปอบห่าก้อมยายแก่เดินเข้ามาใกล้รันพี ทางด้านของพาราน มาส รินดา ยานี และพรานอิน รวมถึงหลวงพ่ออินศร ก็ได้ออกมาจากในโบสถ์และกำลังจะวิ่งมุงหน้ามาช่วยรันพี แต่จู่ๆในขณะเดียวกันนั้นท้องฟ้าที่มืดมิดและกลุุ่มก้อนเมฆที่อยู่บนท้องฟ้าก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนเลือดและกลุ่มก้อนเมฆเหล่านั้นก็ค่อยๆเคลื่อนที่วนกันเป็นวงกลมอยู่ใจกลางรันพีและปอบยายแก่

จากนั้นใจกลางก้อนเมฆที่เคลื่อนที่วนกันเป็นวงกลมอยู่นั้นก็ได้ปรากฏหลุมดำขนาดใหญ่ที่มืดมิดก่อนที่จะมีฟ้าผ่าลงมาด้านหน้าของพารานและหลวงพ่ออินศรและอีกสี่คนที่วิ่งตามหลังพารานและหลวงพ่ออินศรมา

และในชั่วพริบตานั้นทันทีที่สายฟ้าผ่าลงมาบนพื้นดิน พื้นดินเหล่านั้นก็กลายเป็นรอยแยกขนาดใหญ่ก่อนที่จะมีเสียงกรีดร้องร้องโหยหวนของสัมภเวสีและมีมือขนาดใหญ่เท่าใบลานโผล่ออกมาจากรอยแยกเหล่านั้น และก็ได้มีสัมภเวสีคลานออกมาจากรอยแยก และในเวลานี้ลมพายุก็โหมกระหน่ำพัดแรงจนต้นไม้เอียงไปมาและเศษใบไม้ที่อยู่ตามพื้นดินก็ค่อยๆลอยพัดไปตามสายลม

ก่อนที่ปอบยายแกจะเข้ามาบีบคอรันพีที่กำลังนั่งช็อคอยู่ซึ่งทางด้านของรันพีก็พยามที่จะดิ้นหนีสุดแรงแต่ก็สู้แรงของปอบห่าก้อมยายแก่ไม่ไหว

ตัดมาทางฝั่งของหลวงพ่ออินศรท่านก็ได้หยิบรูปปั้นกุมารทองที่ท่านถือมาวางลงไว้ที่พื้นก่อนจะบริกรรมคาถา

''โอม นะโม สังโฆจงออกมา พุธโธกุมารน้อยจงปรากฏ'' จากนั้นหลวงพ่ออินศรท่านก็ได้บอกให้พารานหยิบว่านสีชมพูที่ท่านพึ่งให้มาก่อนออกจากโบสถ์ ออกมาและให้นำว่านสีชมพูหรือว่านมัจจุราชนี่นำไปโยนใส่เข้าไปในรอยแยกที่มีภูตผีสัมภเวสีออกมาจากรอยแยก

จากนั้นทางด้านของพารานก็แบมือออกเผยให้เห็นว่านมัจจุราชสีชมพูเรืองแสงที่ระยิบระยับสวยงามแต่ว่าการที่พาราจะโยนว่านมัจจุราชเข้าไปในหลุมนั้นก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นเมื่อมือขนาดใหญ่ที่โผล่ออกมาจากรอยแยกนั้นมันได้โผล่ร่างของมันออกมาทั้งหมดและขึ้นมาจากรอยแยกโดยเจ้าของมือที่มีมือขนาดใหญ่โผล่ออกมาจากรอยแยกตอนแรกนั้นก็คือ เปรต

ที่ลำตัวสูงมีผมที่ยาวแต่ปากของมันนั้นฉีกกว้างผิวหนังของมันนั้นเต็มไปด้วยรอยแผลตุ่มพองและมีน้ำเลือดน้ำหนองไหลอยู่ตามทั่วร่างกายและส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณรอบๆ ส่วนทางด้านของเหล่าสัมภเวสีนั้นพวกมันล้วนมีรูปร่างลักษณะผอมแห้งดวงตาลึกกลวงโบ๋บางตัวก็ตัวขาดครึ่งบางตัวก็หัวขาดและบางตัวก็เผยให้เห็นอวัยวะลำไส้ในร่างอย่างน่ากลัวและสะอิดสะเอียน

ตัดมาทางฝั่งของรันพีที่ตอนนี้เขานั้นเริ่มหายใจไม่ออกเพราะปอบห่าก้อมยายแก่นั้นบีบคอเขาอยู่และในจังหวะนั้นปอบห่าก้อมยายแก่มันก็ได้ยื่นหน้าของมันเข้าไปใกล้ๆหน้าของรันพี

ก่อนที่มันจะอ้าปากกว้างและดูดพลังชีวิตของรันพีโดยในขณะนั้นดวงวิญญาณของรันพีก็ค่อยๆออกมาจากปากโดยเป็นควันสีขาวลอยเข้าไปในปากของปอบห่าก้อมยายแก่

และยิ่งปอบห่าก้อมยายแก่ดูดกินพลังชีวิตรันพีมากเท่าไหร่ตัวของรันพีเองก็จะยิ่งอ่อนแอมากขึ้นเท่านั้นโดยตอนนี้ตัวของรันพีเองเริ่มรู้สึกขยับร่างกายไม่ได้รู้สึกอ่อนแรงและยังดูเหมือนกับว่าตอนนี้ตัวเขากำลังจะตาย

ซึ่งเมื่อรินดาเห็นว่ารันพีโดนปอบห่าก้อมยายแก่จักการเธอก็จะเข้าไปช่วยรันพีแต่ก็ติดตรงที่ว่ามีเปรตและสัมภเวสีอยู่ที่เบื้องหน้าของเธอ

ซึ่งเมื่อรินดาเข้าไปช่วยรันพีไม่ได้เธอก็ได้ตะโกนด่าผีปอห่าก้อมยายแก่ไม่หยุด

''เห้ย อีผีเหี้ยอีผีบ้าปล่อยน้องรันพีของฉันนะเว้ย อีผีสันตีนนี่ได้ยินกูมั้ยอย่าให้กูเข้าใกล้ได้นะกูจะเอาไม้หน้าสามไปฟาดหน้าเลยคอยดู'' 

จากนั้นรินดาก็ได้หยิบกิ่งไม้ขนาดใหญ่ใกล้ๆมาฟาดหน้าฟาดตัวเหล่าสัมภเวสีจนบางตัวก็ถึงกับต้องถอยหนีเลยทีเดียวและมาในส่วนของหลวงพ่ออินศรหลังจากท่านสวดบริกรรมคาถาจบเสร็จแล้วและได้บอกพารานให้เอาว่านไปโยนที่รอยแยกนั้น

และจู่ๆรูปปั้นกุมารที่หลวงพ่ออินศรท่านได้เอาวางไว้ที่พื้น รูปปั้นกุมารนั้นก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นหญิงสาวใส่ชุดไทยสีแดงหน้าตาน่ารักมัดจุกผมสองข้าง เนื้อตัวเปล่งประกายสว่างไปทั่วร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้า ซึ่งเด็กผู้หญิงคนนั้นก็คือ ชบา นั้นเองและเมื่อเด็กสาวชบาปรากฏตัวเธอก็ได้กล่าวทักทาย พาราน มาส รินดา และยานี รวมถึงพรานอิน

''ว่าไงคะพี่ๆจำหนูได้มั้ยที่หนูบอกให้พวกพี่ๆมาที่นี่อะ อุ๊ยตายแล้วแล้วพี่รันพีไปไหนหรอคะ'' 

จากนั้นสาวน้อยชบาก็มองไปที่เบื้องหน้าก่อนที่เธอจะพบเข้ากับรันพีที่กำลังโดนดูดพลังชีวิตอยู่และเมื่อชบาเห็นแบบนั้นกุมารน้อยก็ได้อ้าแขนกว้าง ก่อนที่ตามพื้นดินบริเวณรอบๆหนูน้อยชบาจะมีแสงสีทองลอยขึ้นมาจากพื้นดินและเมื่อแสงสีทองลอยขึ้นมาแล้วหนูน้อยชบาก็ค่อยๆลอยตัวขึ้นและได้ใช้มือทัั้งสองข้างปล่อยพลังเข้าใส่สัมภเวสีและผีเปรตจนพวกมันนั้นกรีดร้องโหยหวน

และถ้าบางตัวที่อ่อนแอก็จะตายและสลายหายไปเอง จากนั้นหนูน้อยชบาก็หันไปมองรันพีและกำลังจะเข้าไปช่วยแต่ว่าหนูน้อยชบานั้นก็ได้โดนฝ่ามือของพี่เปรตตบจนเธอนั้นกระเด็นลอยไปกระแทกกับต้นไม้ใกล้ๆ

ส่วนทางด้านของยานีเธอนั้นก็จำได้ว่าตะกรุดที่พารานให้มานั้นอยู่ในรถซึ่งไม่ใช่แค่ตะกรุดเธอที่อยู่ในรถเพียงคนเดียวแต่รวมถึงตะกรุดของทุกคนด้วย                                                                                                                                                                            

 เพราะในช่วงตอนที่พวกเขาไปอาบน้ำกันนั้นพวกเขาก็ได้ถอดตะกรุดและเอาไว้ในรถนั้นเอง

ยานีจึงตัดสินใจที่จะไปเอาตะกรุดของทุกคนและก็ของตัวเองด้วยแต่ว่าภายในตอนนี้รอยแยกที่เกิดขึ้นนั้นก็มีภูตผีสัมภเวสีออกมาไม่หยุดจากรอยแยกนั้นแถมตอนนี้สัมภเวสีภูตผีวิญญาณร้ายยังล้อมรอบพวกเขาอีกด้วยยานีจึงคิดและวางแผนว่าจะเอายังไงต่อดี เพื่อที่จะไปหยิบตะกรุดได้

และมาในส่วนของรันพีที่ตอนนี้ภายในใจของเขาคิดไว้แล้วว่าตอนนี้เขาคงไม่รอดแน่ๆและยังไม่ทันที่เขาจะได้คิดอะไรมากไปกว่านี้ปอบห่าก้อมยายแก่มันก็ปลิดชีพเขาโดยการใช้มือและเล็บที่ยาวแหลมอีกข้างแทงเข้าไปที่กลางหน้าอกของเขานั้นเอง

บทที่ 9 เมืองมัจจุราชกับคำสาปมรณะ 

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!