บทที่ 6 เมืองมัจจุราชกับคำสาปมรณะ

เมื่อรันพีพูดชื่อของยายแก่ตนนั้นขึ้นมา หลอดไฟในร้านก็ติดๆดับๆ จากนั้นทั้ง6คนก็ก็หันซ้ายขวาด้วยความหวาดระแวงแต่ว่าความหวาดระแวงของทุกคนนั้นก็เป็นเพียงแค่ชั่วคราวเพราะว่าหลอดไฟที่ติดๆดับๆนั้นสาเหตุมาจากพนักงานเสิร์ฟที่ใส่ชุดนางเงือกเป็นคนเปิดๆปิดๆไฟนั้นเอง

ก่อนที่ทั้ง6คนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และกินอาหารกันต่อและเมื่อในขณะที่ทุกคนกำลังกินอยู่นั้น

"พรานอินก็ขมวดคิ้วทั้งสองข้างทำสีหน้าเครียดตึงและพูดกับทั้งห้าคนว่า เอิ่มเเล้วนี่ก็เช้าแล้ว เราจะต้องไปเรียนกันมั้ยอะ" 

"ส่วนทางด้านของรินดาเมื่อเห็นพรานอินพูดแบบนั้นเธอก็พูดสวนขึ้นมาว่า เอิ่ม..คือฉันก็ไม่อยากให้พวกเราไม่เรียนต่อนะ แต่ว่าถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเราควรหาทางหยุดกันดีกว่ามั้ยอะ ฉันว่าเราควรหาทางแก้เรื่องนี้กันก่อนนะ และถ้าเรื่องพวกนี้จบเมื่อไหร่เราก็ค่อยกลับไปเรียนปกติอีกครั้ง" 

และเมื่อยานีพูดจบมาสก็พูดต่อว่า จริงอย่างที่รินดาพูดนะเราควรหาทางหยุดเรื่องพวกนี้กันก่อน "เราไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างและอีกอย่าง ผมว่าเอิ่ม....อะไรยายแก่ยาพาบารีใช่มั้ยผมว่า ยายแก่ตนนั้นยังไม่หยุดแค่นี้แน่"

และจากนั้นทั้ง6คนก็นั่งนิ่งเงียบกันอยู่สักพักก่อนที่พนักงานเสิร์ฟอาหารจะเสิร์ฟของหวานต่อนั้นก็คือคุกกี้เสี่ยงทายและเมื่อคุกกี้เสี่ยงทายมาวางไว้บนโต๊ะแล้วทั้ง6คนก็หยิบคุกกี้มาคนละอันก่อนที่จะหักคุกกี้เพื่อเอากระดาษข้างในออกมาดู

และหลังจากนั้นทั้ง6คนก็จัดเรียงคำใบ้ในคุกกี้เอามาต่อกันจนได้คำใบ้ที่สมบูรณ์โดยมันได้เขียนเอาไว้ว่า ท้องฟ้าหมอกหนาเมืองปริศนาจะปรากฏ

และเมื่อทั้ง6คนได้อ่านคำใบ้พวกเขาทั้ง6ก็เกิดความสงสัยขึ้นมา

ทางด้านของพารานที่กำลังนั่งดูความหมายของคำใบ้อยู่หางตาของเขาก็ไปเห็นยาพาบารีหรือปอบห่าก้อมยายแก่ได้มายืนมองจ้องมองแสยะยิ้มมุมปากจ้องมองพวกเขาทั้ง6คนอยู่นอกร้านซึ่งเมื่อพารานหันไปเจอมัน 

จู่ๆก็มีนกอีกานับสิบยี่สิบตัวบินมารายล้อมปอบห่าก้อมยายแก่จากนั้นยายแก่ตนนั้นก็หายไปท่ามกลางฝูงอีกานับสิบยี่สิบตัวและในเพียงในเวลานานอีกาเหล่านั้นก็บินหนีหายไป 

และเมื่อพารานที่เห็นแบบนั้นเขาก็ได้แต่นั่งมองทำไรไม่ถูกแต่ว่าสิ่งที่พารานนั้นเห็นเหมือนจะมีแค่เขาเห็นปอบห่าก้อมยายแก่และอีกานั้นเพียงคนเดียว

จากนั้นเมื่อทั้ง6คนกินข้าวเสร็จและได้ออกมาจากในร้านทุกคนก็พูดคุยกันตัดสินใจว่าจะไปไหนกันต่อดีเพราะว่าตอนนี้ถ้าแยกกันคงไม่ปลอดภัยแน่ๆและเมื่อทั้งหมดคุยกันอยู่สักพักยานีที่ยังถือโทรศัพท์อยู่เธอก็เลื่อนไปเจอข่าวในโรงพยาบาลมัจจุราชลับแลหรือโรงพยาบาลที่พวกเขาพึ่งออกมาได้ไม่นานนี้ โดยในข่าวได้บอกเอาไว้ว่าพบศพผู้ป่วยคุณหมอนางพยาบาลตายอย่างสยดสยองผิดธรรมชาติอยู่ที่ห้องผู้ป่วยคนไข้รวมชั้น2

และเมื่อยานีเห็นข่าวนี้เธอก็ทำสีหน้าเป็นกังวลใจเป็นอย่างมากก่อนที่เธอจะยื่นโทรศัพท์ให้ทุกคนดู

และเมื่อทุกคนได้ดูข่าวนี้ทุกคนก็รู้เลยว่าเป็นฝีมือของใครตอนนี้ภายในใจของทั้ง6คนตอนนี้รู้สึกเครียดกันเป็นอย่างมากและยังหาทางออกกันไม่ได้ว่าจะเอายังไงกันเพราะว่าเหตุการณ์แบบนี้ถ้าไม่รีบหาทางแก้ผู้คนมากมายก็จะเดือดร้อนมากขึ้น

แต่แล้วในระหว่างที่ทุกคนกำลังเครียดกันอยู่นั้น จู่ๆก็มีเด็กสาวใส่ชุดไทยหน้าตาน่ารักผิวพรรณขาวใสเหมือนไข่มุกทะเลปรากฏตัวขึ้นกลางวงของทั้ง6คน จนทั้ง6คนตกใจกรี๊ดแตกพร้อมกัน

"สวัสดีค่ะพี่ๆทุกคน ตอนนี้พวกพี่ๆจงไปที่จังหวัดนครสววรค์ก่อนและไปวัดไพศาลีจากนั้นพี่ๆก็ไปหาหลวงพ่ออินศรเดี๋ยวหลวงพ่อเขาจะให้ของขลังพวกพี่และก็รูปปั้นกุมารทองซึ่งก็ตือหนูนั้นเองและถ้ารับไปแล้วเลี้ยงหนูด้วยนะคะ "

จากนั้นรินดาก็พูดแทรกเด็กผู้หญิงน่าตาน่ารักว่า "ใช่แน่ๆน้องใช่มั้ย ที่พี่เจอตอนอยู่ในมหาวิทยาลัยและน้องก็นำทางพี่ไปที่ห้องเก็บของไหนจะที่น้องบอกให้พี่ไปช่วยรันพีที่โรงพยาบาลมัจจุราชลับแลอะ"

เด็กสาวเอามิดปิดปากและหัวเราะเล็กน้อย "ใช่ค่าพี่สาวหนูเอง อุ๊ยหนูชื่อชบานะจ๊ะยินดีที่ได้รู้จักพี่ๆทุกคนเลยแต่ว่าตอนนี้พวกพี่ๆต้องไปให้วัดไพศาลีและเจอหลวงพ่อก่อนน้าเดี๋ยวหนูมาบอกพวกพี่ทุกเรื่องเลยถ้าพี่มาถึงหนูไปแล้วนะ"

ทันทีที่เด็กสาวชบาพูดจบเธอก็หายตัวไปและในขณะที่เด็กสาวหายตัวไปรินดาก็ตะโกนพูดขึ้นมาว่า "เดี๋ยวก่อนค่ะน้องกลับมาก่อน"

แต่ว่ามีหรือที่เด็กสาวชบาจะกลับมาหายไปอย่างไงหายไปอย่างงั้น ปล่อยให้ทั้ง6คนยืนงงกันอยู่

จากนั้นทั้ง6คนที่ยังงงๆอยู่ก็ตัดสินใจที่จะไปจังหวัดนครสวรรค์แต่ว่าก่อนที่พวกเขาจะไปทั้ง6คนก็ต้องเตรียมเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวไปก่อนแต่ว่าถ้าจะกลับบ้านไปเอาก็ดูอันตรายและเสียเวลาอยู่ทั้ง6คนจึงตัดสินใจซื้อเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวในตลาดที่อยู่ไม่ไกลจากจากตรงนี้ซะเลยแบบเริ่ดๆส่วนสกินแคร์ครีมต่างๆทั้ง6คนก็จะซื้อในห้างแทน

แต่ในระหว่างที่รันพีกำลังเลือกสกินแคร์อยู่คนเดียวอยู่นั้นพี่พารานก็ค่อยๆเดินมาหารันพีพร้อมกับยิ้มเล็กน้อยบวกกับแววตาสีดำที่น่าหลงไหลก่อนที่เขาจะพูดด้วยน้ำเสียงเข้มๆออกมาพูดกับอีกฝ่าย

"น้องรันพีอยากได้อะไรหยิบเลยนะ เดี๋ยวพี่จ่ายเองคนอื่นๆพี่ก็จ่ายให้น้องรันพีไม่ต้องเกรงใจนะ"

ส่วนทางของรันพีก็รู้สึกเกรงใจบวกกับรันพีเห็นใบหน้าแพรวพราวของพี่พารานมันก็ทำให้ใจรันพีหวั่นไหวเล็กน้อยจากนั้นรันพีก็เริ่มหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆและตอบพี่พารานไปว่า "ไม่เป็นไรครับพี่ เดี๋ยวผมจ่ายเองดีกว่าครับ" จากนั้นด้วยความเขินของรันพีเขาก็รีบเดินหนีพี่พารานไป

ส่วนทางด้านของพารานก็ยิ้มแป้นก่อนที่เขาจะเดินตามรันพีไป

เวลาผ่านไป2ชั่วโมงกว่าๆทุกคนก็มารวมตัวกันอยู่ที่ลานจอดรถในห้างหลังจากซื้อสกินแคร์ครีมอะไรเสร็จแล้วจากนั้นทุกคนก็ออกเดินทางไปที่จังหวัดนครสวรรค์โดยรถมี2คันคือรถของพารานและรถของรินดา โดยรินดาจะนั่งรถของตัวเองและพรานอินกับมาสจะนั่งรถรินดาส่วนรันพีและยานีจะนั่งรถของพาราน

เมื่อรถ2คันนี้ออกเดินทางตลอดระยะทางก็จะมีวิวที่สวยงามแตกต่างกันออกไปแต่ละสถานที่ซึ่งในตลอดระยะเวลาเดินทางของทุกคน ทั้ง6คนก็จะแวะปั๊มและซื้อของกินในเซเว่น 

ซึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยของมาสและพารานคือกาแฟเพราะว่าตั้งแต่เกิดเรื่องทั้งสองคนก็ยังไม่นอนกันเลยไหนจะต้องขับรถอีก2คนนี้จึงตัดสินใจซื้อกาแฟหลายกระป๋องเอาไปกินระหว่างการเดินทางส่วนๆคนอื่นๆที่ไม่ได้ขับรถก็หลับในรถด้วยความเพลียและเหนื่อยล้า

เวลาผ่านไป3ชั่วโมงกว่าๆตอนนี้ก็เป็นเวลาบ่ายโมงกว่าๆทั้งหมดก็มาถึงจังหวัดนครสวรรค์และวัดไพศาลีบอกเลยว่าตอนนี้แดดแร๊งแรงมากร้อนตับแตกเลย และเมื่อทั้ง6คนมาถึงทั้งหมดก็ลงจากรถและถามสามเณรอายุราวๆ15ปีที่กำลังกวาดใบไม้ในวัดอยู่ว่าหลวงพ่อที่ชื่ออินศรว่าอยู่ที่ไหน

ส่วนทางด้านของสามเณรที่รู้ก็ชี้ทางให้ทั้ง6คนและบอกกับทั้ง6คนว่าหลวงพ่ออยู่ในโบสถ์และเมื่อทั้ง6คนทราบแล้วก็เดินทางไปยังโบสถ์ที่สามเณรบอก และเมื่อทั้ง6คนเข้ามาในโบสถ์พวกเขาก็พบเจอหลวงพ่ออินศรกำลังนั่งขัดตะหมาดหรือนั่งขัดสมาธิอยู่โบสถ์รอพวกเขาอยู่อย่างกับว่าหลวงพ่ออินศรรู้ว่าทั้ง6คนจะต้องมาที่นี่

จากนั้นเมื่อทั้ง6คนเข้ามาแล้วทางด้านของรันพีพารานและมาสรวมถึงพรานอินก็นั่งท่าเทพบุตรส่วนทางด้านของยานีและรินดาก็นั่งท่าเทพธิดาขากนั้นทั้งหมดก็พนมมือและจ้องมองหลวงพ่ออิรศรที่อยู่เบื้องหน้า

ขณะนั้นรินดาก็ได้พูดกับหลวงพ่ออินศรด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลเบาๆว่า 

"กราบนมัสการค่ะหลวงพ่อโชคดีนะคะที่มีสามเณรมาบอกทางว่าหลวงพ่ออยู่ที่ไหนไม่งั้นพวกหนูหาหลวงพ่อไม่เจอแน่"

"หลวงพ่อศรหัวเราะเบาๆก่อนจะบอกกับรินดาว่า ที่นี่ไม่มีสามเณรหรอกนะโยมรินดามีแค่อาตมานี่แหละที่อยู่วัดนี้คนเดียว"

เมื่อรินดาได้ยินอย่างนั้นเธอก็ถึงกับอุทานขึ้นมา ห๊าหลวงพ่อคะแต่พวกหนู6คนเห็นจริงๆนะคะ ใช่มั้ยพวกเรา

ทั้งด้านของรันพีพารานและมาสรวมถึงพรานอินและยานีก็ต่างพูดกับหลวงพ่ออินศรเป็นเสียงเดียวกันว่าเห็นสามเณรจริงๆส่วนหลวงพ่อที่เห็นทั้ง6คนพูดหลวงพ่อท่านก็ยิ้มเบาๆ ก่อนจะหยิบรูปปั้นกุมารทองใส่ชุดไทยที่อยู่ด้านหลังของท่านออกมาตั้งไว้พร้อมกับว่านไม้ชนิดหนึ่งที่สีของมันนั้นเป็นสีชมพูเรืองแสงระยิบระยับสวยงาม

ก่อนที่หลวงพ่อศรจะกล่าวพูดกับทั้ง6คนด้วยน้ำเสียงแหบๆต่ำออกมาว่า

"รูปปั้นกุมารนี้พวกเองเอาไปเลี้ยงนะอย่าให้เขาอด เดี๋ยวเขานี้จะช่วยพวกเองไขปริศนาต่างๆในสิ่งที่พวกเองเจอส่วนว่านชนิดนี้ชื่อว่าว่านมัจจุราชเป็นว่านที่มีความพิเศษเมื่อถึงเวลาพวกเองจะรู้เองว่าว่านนี้ใช้ยังไงและเวลาไหนตอนนี้อาตมาหวังว่าพวกโยมจะผ่านเรื่องเลวร้ายนี้และช่วยผู้คนให้ได้นะ"

จากนั้นประตูโบสถ์ที่เปิดอยู่ก็ปรากฏร่างปอบห่าก้อมยายแก่ยืนอยู่ด้านนอกประตูโบสถ์ยืนเอียงคอทำสีหน้าท่าทางโกรทเกรี้ยวก่อนที่ปอบยายแก่จะพูดด้วยน้ำเสียงดุๆน่ากลัวออกมาว่า

"ไอ้พระจังไรคราวทีแล้วมึงเจ็บหนักปางตายมึงยังไม่เคล็ดอีกงั้นหรอเดี๋ยวตกกลางคืนเมื่อไหร่กูจะฆ่าพวกมึงให้ต่ายห่าที่นี่กันให้หมดนี่แหละ"

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!