หลังจากที่ทั้งสามคนขับรถออกมาจากมหาวิทยาลัยและกำลังจะมุ่งตรงไปหารันพีที่อยู่ในโรงพยาบาลตะวันก็ค่อยๆตกดินอย่างช้าๆ
ณ โรงพยาบาลมัจจุราชลับแแลในใจกลางกรุงเทพมหานครมีห้องๆหนึ่งชั้น4เป็นห้องพักผู้ป่วยรวมซึ่งจะมีผู้ป่วยหรือคนไข้หลายคนอยู่ในนั้นทั้งหญิงและชายแล้วก็ยังมีนางพยาบาลคุณหมอที่คอยดูแลผู้ป่วยอยู่ประมาณสี่ห้าคนซึ่งในขณะที่นางพยาบาลหญิงคนหนึ่งเธอกำลังตรวจเช็คร่างกายผู้ป่วยอยู่นั้น
จู่ๆไฟทั่วตึกในโรงพยาบาลก็ติดๆดับก่อนที่ประตูทางเข้าออกของห้องผู้ป่วยพักรวมจะเปิดออกเผยให้เห็นปอบห่าก้อมยายแก่ใส่ชุดพื้นเมืองสีน้ำเงินมีลักษณะตัวสูงใหญ่ผิดมนุษย์แววตาท่าทางน่ากลัวค่อยๆก้าวท้าวเดินเข้ามาในห้องนี้อย่างช้าๆ
จากนั้นปอบห่าก้อมยายแกตนนี้มันก็เดินตรงเข้ามาหานางพยาบาลสาวที่กำลังตรวจเช็คผู้ป่วยอยู่แต่ว่าทันทีที่มันเดินผ่านเตียงที่มีผู้ป่วยคนไข้ที่นอนอยู่บนเตียงทั้งซ้ายและขวานั้น คนไข้และผู้ป่วยเหล่านั้นก็จะนอนชักดิ้นชักงอก่อนที่ร่างกายเขาพวกเขาจะค่อยๆสูบผอมลงอย่างช้าๆราวกับเหมือนศพที่ตายมาแล้วหลายวัน
จากนั้นไฟที่อยู่บนเพดานของห้องนี้ก็ได้แตกออกทีละดวงทีละดวงทุกครั้งที่ปอบห่าก้อมยายแก่เดินผ่านหลอดไฟ
ส่วนทางด้านของนางพยาบาลสาวที่ยืนดูและกำลังหวาดกลัวทำอะไรไม่ถูกเธอได้แต่เห็นคนไข้และหมอพยาบาลที่เธอรู้จักตายไปทีละคนอย่างช้าๆกันอย่างน่าสยดสยอง
นางพยาบาลสาวๆค่อยๆก้าวเท้าถอยหลังอย่างช้าๆจนตัวเธอชิดกับกำแพงและมองดูผู้ป่วยของเธอที่เธอพึ่งตรวจร่างกายไป ตายไปต่อหน้าต่อตาเธออย่างน่าหดหู่และในเวลาเพียงไม่นานยังไม่ทันที่เธอจะได้ทำอะไรไปมากกว่านี้ปอบห่าก้อมยายแก่ก็เดินเข้ามาประชิดตัวเธอก่อนที่มันจะบีบคอของเธอ
จนเธอแทบจะหายใจไม่ออกและพยามดิ้นแต่แล้วปอบยายแก่มันก็อ้าปากเผยให้เห็นฟันซี่แหลมของมันก่อนที่มันจะงับไปที่ใบหน้าของนางพยาบาลสาวจนเลือดสาดกระเด็นไปทั่วบริเวณพื้นและนางพยาบาลสาวเธอนั้นก็ได้ตายในที่สุด
ตัดมาทางฝั่งของรินดาและพรานอินรวมถึงมาสเมื่อทั้งสามคนมาถึงหน้าโรงพยาบาลที่รันพีอยู่แล้วปรากฏว่าไฟทั่วทั้งตึกในโรงพยาบาลนั้นดันดับหมดสิ่งนั้นทำให้ทั้งสามคนรู้เลยว่าเป็นฝีมือของใครที่ทำแบบนี้
จากนั้นรินดาและพรานอินรวมถึงมาสทั้งสามคนหันหน้ามามองหน้ากันด้วยสีหน้าแววตาที่เป็นกังวลก่อนที่พวกเขาจะเดินเข้าไปในตึกโรงพยาบาลพร้อมกับเปิดไฟฉายในโทรศัพท์และเมื่อทั้งสามคนเข้ามาในตึกแล้วพวกเขาก็ได้เอาไฟฉายจากโทรศัพท์สาดส่องไปทั่วๆขางในตึกจนพวกเขาพบเข้ากับผู้คนมากมายรวมถึงนางพยาบาลและหมอต่างนอนสลบกันอยู่ที่พื้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ
และเมื่อรินดาเข้าไปปลุกผู้คนที่กำลังสลบอยู่ใกล้ๆปรากฏว่าต่อให้ปลุกยังไงพวกเขาก็ไม่ยอมตื่น
ส่วนทางด้านของรันพีตอนนี้เขาก็ยังคงหลับอยู่และมาในส่วนทางด้านของยานีเมื่อเธอเห็นว่าไฟในห้องดับเธอก็เลยเดินออกไปจากห้องเพื่อไปดูด้านนอกว่าไฟดับแบบนี้คุณหมอนางพยาบาลรวมถึงผู้คนที่อยู่โรงพยาบาลจะเอายังไงกันต่อและยานีเธอก็ได้ทิ้งรันพีให้อยู่ในห้องคนเดียว และเมื่อยานีออกมาจากในห้องแล้วเธอก็เดินที่โถงทางเดินมืดๆไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งไฟที่ดับอยู่ก็ได้กะพริบที่ด้านหลังของเธอแต่แสงไฟที่กะพริบอยู่ด้านหลังเธอนั้นมันได้เผยให้เห็นร่างของยายแก่ที่ใส่ชุดพื้นเมืองสีน้ำเงินมีแววตากลมโตสีขาวตัวสูงร่างกายผอมแห้งน่าตาน่ากลัวซึ่งยายแก่ตนนั้นก็คือปอบห่าก้อมยายแก่นั้นเอง
และเมื่อยานีได้ยินเสียงไฟกะพริบเธอก็ค่อยๆหันหลังไปอย่างช้าๆด้วยหัวใจที่รู้ว่ามีรางสังหรณ์ไม่ดีกำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเธอและเมื่อยานีเธอได้หันไปมองข้างหลังเธอก็พบเข้ากับปอบห่าก้อมยายแก่ที่กำลังยืนเอียงคอพร้อมกับฉีกยิ้มจ้องมองมาที่เธออยู่ก่อนที่ไฟที่กะพริบๆบนหัวศรีษะของปอบห่าก้อมยายแก่ก็แตกออกพร้อมกับร่างของมันที่หายไปในทันทีหลังจากที่หลอดไฟแตก
และเมื่อยานีที่เห็นแบบนั้นเธอก็รีบวิ่งหนีไปข้างหน้าสุดชีวิตและปิดตาวิ่งไปข้างหน้าเรื่อยๆด้วยความกลัวบวกกับสติแตกที่พึ่งเคยเห็นอะไรแบบนี้ครั้งแรกและเมื่อเธอวิ่งตรงมาเรื่อยๆทางด้านหน้าของยานีก็ลืมตาขึ้นมาและเธอก็ได้พบกับลิฟท์สีแดงที่ยังคงมีแสงสว่างจากหลอดไฟด้านบนเพดานอยู่และเมื่อยานีก้าวเท้าเข้าไปในลิฟท์หลอดไฟตามทางที่อยู่ตรงโถงทางเดินก็ได้กลับมาสว่างอีกครั้ง
จากนั้นเมื่อยานีมองออกไปด้านนอกลิฟท์เธอก็พบเข้ากับหญิงสาวสวมชุดเดรสแดงยืนอยู่ไกลๆที่โถงทางเดินก่อนที่หญิงสาวชุดแดงคนนั้นจากที่ยืนนิ่งๆอยู่เธอก็ได้คลานมาหายานีที่อยู่ในลิฟท์ด้วยความรวดเร็วอย่างที่มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถที่จะคลานมาได้รวดเร็วขนาดนั้นจากนั้นในระหว่างที่หญิงสาวชุดแดงกำลังคลานมาหายานีอยู่นั้นไฟตรงโถงทางเดินก็เริ่มดับตามหลังของหญิงสาวชุดแดงมาทีละนิดทีละนิด
และในจังหวะนี้ยานีที่เห็นแบบนี้จากที่สติแตกอยู่แล้วก็หนักขึ้นไปอีก จากนั้นเมื่อหญิงชุดแดงคลานเข้ามาเกือบจะถึงตัวเธอแล้วยานีก็รีบถอดรองเท้าคัทชูทั้งสองข้างก่อนที่เธอจะหยิบรองเท้าปาใส่หญิงสาวใจชุดแดงอย่างจังแต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้หญิงสาวชุดแดงหยุดเคลื่อนที่และคลานมาหาเธอเลย
และเมื่อหญิงสาวชุดแดงคลานเข้ามาใกล้ลิฟท์จนเกือบจะเข้ามาได้แล้วประตูลิฟท์นั้นก็ได้ปิดลงในที่สุด
ยานีที่เห็นว่าประตูลิฟท์ปิดลงเธอก็ถอนหายใจด้วยคลามโล่งอกจนกระทั่งเธอก็นึกขึ้นได้ว่าเธอทิ้งเพื่อนสุดที่รักไว้อยู่ที่ห้องคนเดียวจนกระทั้งในระหว่างที่ลิฟท์กำลังลงอยู่นั้นบนเพดานลิฟท์ก็มีน้ำเลือดสีแดงไหลลงมาท่วมตัวยานีจนถึงคอนอกจากนี้สิ่งที่ตามมาจากเลือดก็มีปลิงตัวสีดำนับหลายร้อยตัวอยู่ในน้ำเลือดนั้นด้วย
และปลิงเหล่านั้นที่อยู่ในน้ำเลือดก็เข้ามาเกาะยานีและมันก็ได้ดูดเลือดยานีอย่างน่าสยดสยองเป็นอย่างมากส่วนทางด้านยานีเธอก็พยามที่จะเกียดตะกายจะหาทางหนีแต่ว่าเธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลยและในชั่วพริบตานั้นประตูลิฟท์ก็ได้เปิดออกพร้อมกับน้ำเลือดสีแดงที่ไหลออกจากลิฟท์
และเมื่อน้ำเลือดสีแดงได้ออกไปจากลิฟท์ทั้งหมดแล้วแล้วปลิงที่เกาะอยู่ในตัวยานีก็ได้หายไปแต่ว่าทางด้านของยานีเองเธอก็รู้สึกมืนหัวร่างกายเริ่มขยับไม่ค่อยได้จากนั้นเธอก็สลบไป
ตัดมาทางฝั่งของรันพีที่กำลังนอนอยู่ในห้องคนเดียวเขาก็ได้ฝันว่าตัวเขามาอยู่ที่หน้าผาแห่งหนึ่งและมียายแก่ใส่ชุดพื้นเมืองสีน้ำเงินมี ดวงตาสีขาวกลมโตยืนอยู่ริมหน้าผา
ซึ่งยายแก่คนนั้นได้จ้องมองชาวบ้านที่อยู่รอบๆตัวของรันพี แต่ดูเหมือนชาวบ้านที่อยูรอบๆตัวของรันพีเหล่านั้นดูเหมือนจะไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาเพราะทั้งหญิงและชายนั้นต่างมีรอยสักอยู่ตามตัวและมีลูกประคำห้อยคอเอาไว้อยู่อย่างกับว่าพวกเขานั้นเป็นหมอผีหรือคนที่มีคาถาอาคมอย่างไงอย่างงั้นแหละ
แต่แล้วในระหว่างที่รันพีกำลังกวาดสายตาไปรอบๆอยู่นั้นชาวบ้านที่อยู่รอบๆตัวเขาเหล่านี้จะพนมมือและสวดบริกรรมคาถาอะไรบางอย่างอยู่ที่เขาเองก็ไม่สามารถฟังออกได้แต่เมื่อชาวบ้านเริ่มท่องคาถานั้นท้องฟ้าในยามเช้าพร้อมกับมีภูเขาและหมอกหนารายล้อมรวมถึงแสงอาทิตย์ที่สาดส่องมากระทบร่างของยายแก่จากทางด้านหลังนั้น
จากที่ท้องฟ้าสดใสนั้นท้องฟ้าก็แปรเปลี่ยนเป็นมืดครึ้มอย่างกับว่าตอนนี้เป็นตอนกลางคืนและแสงอาทิตย์ที่สาดส่องมากระทบแผ่นหลังร่างของยายแก่ก็ค่อยๆหายไปเพราะโดนหมอกหนาสีขาวบดบังจนแสงไม่สามารถรอดผ่านเข้ามาในหมอกหนาสีขาวได้เลยสักนิดเดียวบรรยากาศในตอนนี้ที่รันพีรู้สึก
เขารู้สึกบรรยากาศในตอนนี้มันเย็นมันน่าขนลุกอย่างบอกไม่ถูกและยิ่งได้ยินคาถาที่พวกชาวบ้านกำลังบริกรรมคาถากันอยู่นั้นก็ทำให้รันพียิ่งขนลุกและใจสั่นเข้าไปอีก
แต่ในขณะเดียวในขณะที่ชาวบ้านกำลังบริกรรมคาถาอยู่นั้นยายแก่ที่อยู่ริมหน้าผาก็หัวเราะออกมาราวกับคนบ้าก่อนที่ยายแก่จะยืนอยู่นิ่งๆและเอามือแนบลำตัวจากนั้นยายแก่ตนนั้นก็ได้จะหลับตาลงอย่างช้าๆ
และพวกชาวบ้านที่บริกรรมคาถากันอยู่ก็เหมือนกับว่ารอยสักที่อยู่ตามตัวของพวกเขามันก็ค่อยๆเรืองแสงเป็นสีส้มผสมทองปรากฏตามผิวหนังที่มีรอยสักก่อนที่รอยสักพวกนั้นจะหายไปและในขณะที่รอยสักเปล่งแสงสีส้มผสมทองอยู่
รอยสักพวกนั้นก็เริ่มกลายเป็นลำแสงสีส้มผสมทองออกมาจากร่างกายของชาวบ้านทุกคนที่มีรอยสักและมันก็กลายเป็นลำแสงสีทองระยิบระยับบางอย่างที่ลอยไหลเหมือนสายน้ำเข้าไปในรางของยายแก่ที่อยู่ริมหน้าผานั้นเอง
ตอนนี้เหมือนกับว่ายายแก่คนนี้กำลังดูดพลังคาถาอาคมของชาวเหล่าชาวบ้านไปนั้นเองและเมื่อแสงสีทองระยิบระยับของเหล่าชาวบ้านคนไหนถูกยายแก่ตนนี้ถูกดูดพลังคาถาอาคมออกไปจนหมดตัว รอยสักที่อยู่ตามตัวของพวกเขานั้นก็จะหายไปด้วยก่อนที่ร่างกายของชาวบ้านเหล่านั้นจะกลายเป็นฝุ่นผงสีดำเหมือนขี้เท่า
และลอยหายไปตามลมในที่สุดและทางด้านของรันพีที่ดูยายแก่อยู่เขาก็ถึงกับตาและปากอ้าปากข้างเพราะว่าเมื่อพลังบางอย่างที่อยู่ในตัวของพวกชาวบ้านถูกดูดเข้าไปในร่างยายแก่นั้นร่างของแกก็เริ่มน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ และก็เริ่มสูงขึ้นตัวเริ่มใหญ่ขึ้นเช่นกัน
ส่วนบรรยากาศในตอนนี้หลังจากที่ตอนแรกที่ท้องฟ้ามืดครึ้มยังไม่มีลมไม่มีฝนอะไรแต่ตอนนี้ฝนเริ่มตกหนักลมเริ่มก็เริ่มแรงหมอกหนาที่อยู่ด้านหลังของยายแก่ก็หนาขึ้นเพิ่มเรื่อยๆก่อนที่ด้านหลังของยายแก่จะมีฟ้าผ่าลงมาลงสู่พื้นดินและภูเขาอีกมากมาย
เรียกได้ว่ารันพีที่เห็นแบบนี้ยังคิดในหัวไว้เลยว่านี่เป็นฉากเปิดตัวตัวร้ายในหนังหรือเปล่านะเพราะว่าตนได้ยินเสียงผู้คนกรีดร้องและภาพที่ตนเห็นนั้นมันดูน่ากลัวและยิ่งเห็นยายแก่ตนนั้นที่อยู่ตรงริมหน้าผากำลังดูดพลังบางอย่างของชาวบ้านพวกนี้อยู่บวกกับท้องฟ้าที่มืดครึ้มลมที่แรงพร้อมกับฟ้าที่ผ่าลงมารันพีถึงกับอุทานออกมาว่า
"อุ้ย ยายแก่คนนั้นเป็นใครกันทำไมถึงมีพลังแกร่งกล้าขนาดนั้นแต่เดี๋ยวนะ.."
ยังไม่ทันที่รันพีจะพูดอะไรยายแก่ที่อยู่ตรงริมหน้าผาก็ดูดพลังชาวบ้านที่อยู่รอบๆตัวรันพีตายไปจนหมดก่อนที่ยายแก่ตนนั้นจะค่อยๆลืมตาขึ้นมาและพูดขึ้นมาว่า
"อุ๊ยตายกูฆ่าพวกมึงเร็วไป กูลืมบอกชื่อกูเลยอีพวกหมอผีชั้นต่ำงั้นกูจะบอกพวกมึงตอนนี้เลยละกัน"
"กูชื่อยาพาบารีนะ"
"แล้วก็กูจะบอกพวกมึงอีกอย่างกูเป็นเจ้าแห่งราชินีแห่งปอบห่าก้อมทั้งปวงและยังเป็นปอบห่าก้อมตนแรกที่อยู่มานานหลายล้านปี และในตอนนี้ดวงวิญญาณของพวกมึงจะต้องมาเป็นทาสบริวารกู"
ตอนที่ 4 เมืองมัจจุราชกับคำสาปมรณะ
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 9
Comments