บทสรุปของมหาสงครามที่ยาวนาน
เมื่อสงครามจบลง โลกใบใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นจากการเสียสละของ ชิโระ เริ่มต้นหมุนเวียนไปตามกาลเวลาอีกครั้ง… เมืองต่างๆ ค่อยๆ ถูกสร้างขึ้น ธรรมชาติฟื้นตัว ผู้คนเริ่มกลับมาสร้างอารยธรรมใหม่ภายใต้ท้องฟ้าที่สงบ แต่ภายในความเงียบสงัดนี้ ยังมีคำถามที่ไม่เคยได้รับคำตอบ—
“พวกเขาหายไปไหน?”
ไม่มีใครเคยเห็นพวกเขาอีกเลยหลังจากวันแห่งการทำลายและการเกิดใหม่ บางคนเชื่อว่าพวกเขา ตายไปแล้ว สูญสลายไปพร้อมกับสงครามและการสร้างโลกใหม่ แต่ก็มีอีกหลายเสียงที่เอ่ยออกมาว่า…
“พวกเขายังคงอยู่”
บางตำนานกล่าวว่า “วีรบุรุษแห่งยุคก่อนหลับใหลอยู่ ณ สักที่หนึ่งบนโลกใบนี้” รอคอยวันเวลาที่เหมาะสมเพื่อหวนคืนมา บ้างก็ว่า พวกเขาเฝ้ามองอยู่จากวิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่ง ที่ซึ่งไม่มีผู้ใดสามารถเหยียบย่างเข้าไปได้ และที่นั่นคือสถานที่ซึ่งเหล่าผู้พิทักษ์ได้พักพิง เฝ้าดูแลโลกที่พวกเขาเสียสละปกป้อง
“แล้วเธอเล่า?”
ชิโระ—ชื่อของเธอถูกจารึกลงในหน้าประวัติศาสตร์ว่าเป็นผู้ให้กำเนิดโลกใบนี้ แต่แทบไม่มีใครรู้ว่าเธออยู่ที่ใด ไม่มีร่องรอย ไม่มีเบาะแส ผู้คนทำได้เพียงจินตนาการว่าร่างของเธออาจหลับใหลอยู่ ณ สถานที่อันห่างไกลจากสายตาผู้คน ภายใต้แสงจันทร์ที่ส่องลงมายังวิหารแห่งหนึ่งที่โซระสร้างขึ้น
มีเพียงเขา—โซระ ผู้เฝ้าอยู่เคียงข้างเธอเสมอมา ยังคงรอคอย ไม่ว่าวันเวลาจะหมุนไปนานเพียงใด…
“วันเวลาอันพิเศษหายไปแล้ว เมื่อไม่มีเธอ ทุกอย่างก็ดูไร้ค่า”
และในค่ำคืนหนึ่งภายใต้ดวงดาวที่พร่างพราว ชายหนุ่มที่เฝ้ารออย่างเงียบงัน… ค่อยๆ หลับลงเคียงข้างร่างที่หลับไหล ปล่อยให้สายลมพัดผ่าน เสียงของกาลเวลายังคงดำเนินต่อไป—
และโลกใบใหม่ ก็ยังคงหมุนไปตามวิถีของมัน…
ณ วิหารต้องห้ามกลางใจป่าศักดิ์ศรี
ท่ามกลางป่าลึกที่ไม่มีใครกล้าเหยียบย่าง มีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับ สถานที่ต้องห้าม สถานที่ซึ่ง ไม่มีใครสามารถเข้าถึงได้
ผู้คนในหมู่บ้านต่างพากันกระซิบถึงมัน— วิหารศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ควรมีอยู่ บ้างก็ว่าเป็นเพียงเรื่องเล่าเพื่อขู่เด็กๆ ไม่ให้เดินเข้าไปในป่าต้องห้าม บ้างก็ว่าเคยมีนักเดินทางที่พบเห็นมันจากระยะไกล แต่ทุกคนที่พยายามเข้าไปกลับ ไม่เคยมีใครก้าวพ้นประตูหน้าวิหารได้
“ฉันเห็นมันแล้ว! มันมีอยู่จริง!”
ชายชราผู้หนึ่งเคยประกาศก้องกลางหมู่บ้าน แววตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและความศรัทธาในคราวเดียวกัน
“ข้าหลงเข้าไปในป่าต้องห้าม ข้าสาบานเลย! ข้ามองเห็นมัน—”
“แล้วท่านเข้าไปได้หรือ?”
เด็กหนุ่มคนหนึ่งถามขึ้น ทำให้บรรยากาศรอบตัวเงียบลงในทันที ชายชรานิ่งไปก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ แล้วเอ่ยเสียงเบา
“…ข้าเดินเข้าไป แต่พอข้าก้าวถึงประตู— ข้าก็กลับมายืนอยู่หน้าบ้านของตัวเอง”
ไม่มีใครสามารถเข้าไปถึงวิหารนั้นได้
แม้กระทั่งผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด นักเดินทางที่กล้าหาญที่สุด หรือแม้แต่ผู้ที่มีเวทมนตร์แข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม… ทุกคนจะถูกส่งกลับไปยังที่เดิมของตน
ราวกับว่ามันเป็นเพียงภาพลวงตา ราวกับว่าวิหารแห่งนั้น ไม่เคยต้องการให้ใครเข้าถึง
แต่หากมีใครสักคนที่สามารถมองเห็นมันจากระยะไกล พวกเขาจะพบว่า มันช่างงดงามเหนือคำบรรยาย
เสาหินอ่อนสีขาวทอดยาวขึ้นสู่ท้องฟ้า งดงามและไร้ร่องรอยของกาลเวลา พื้นที่รอบๆ เต็มไปด้วยสวนดอกไม้ที่เบ่งบานอยู่เสมอ แม้ฤดูกาลจะเปลี่ยนแปลงไปกี่ครั้ง ดอกไม้เหล่านั้นก็ ไม่เคยเหี่ยวเฉา
ม่านน้ำตกที่ไหลรินจากผาหินรอบๆ ส่องประกายระยิบระยับราวกับแก้วคริสตัล สายลมอ่อนโยนพัดผ่านทุกซอกมุม นำพากลิ่นหอมของดอกไม้และไอเย็นสดชื่นราวกับฤดูใบไม้ผลิที่ไม่มีวันสิ้นสุด
วิหารแห่งนี้ไม่ควรอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง
แต่มันก็ยัง ดำรงอยู่
แต่มันไม่ใช่เพราะมีใครดูแล
แท้จริงแล้ว เป็นพลังที่หลั่งไหลออกมาจากภายใน ที่คอยขับไล่ฝุ่นละอองและสิ่งไม่พึงประสงค์ ค่อยๆ ชำระล้างทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามา ขับไล่ความเสื่อมโทรม และคงสภาพความสมบูรณ์แบบเอาไว้ตลอดกาล
ราวกับว่าวิหารแห่งนี้กำลังปกป้องตัวเอง
หรือบางที… อาจเป็นพลังสุดท้ายของ ใครบางคน ที่ยังคงหลงเหลืออยู่
ลึกเข้าไปภายใน— ในห้องศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้
ที่นั่น โซระยังคงอยู่
…และเฝ้ารออย่างเงียบงัน
วิหารที่ลับเร้น
ภายใต้เงาไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านปกคลุมทั่วทั้งป่า ลึกเข้าไปในอาณาเขตที่ไม่มีแผนที่ใดสามารถบันทึกไว้ มีวิหารหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ มันไม่เก่าและไม่ใหม่ ดูสมบูรณ์ราวกับเพิ่งถูกสร้างขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ แต่นั่นเป็นไปไม่ได้—เพราะไม่มีมนุษย์คนใดเคยมาแตะต้องมัน
ที่แห่งนี้ไม่มีทางเข้าให้พบเห็นง่าย ๆ ผู้คนที่ได้ยินเรื่องราวของมันต่างออกเดินทางเพื่อตามหา บ้างก็หลงทางไปในป่าอันกว้างใหญ่ บ้างก็เดินวนเวียนกลับมาที่เดิมโดยไม่เข้าใจว่าตัวเองออกมาได้อย่างไร และสำหรับบางคน แม้จะเห็นประตูของวิหารอยู่ตรงหน้า ก้าวขาเข้าไปเพียงก้าวเดียว ภาพตรงหน้ากลับพร่าเลือน และเมื่อลืมตาอีกครั้ง พวกเขากลับพบว่าตัวเองยืนอยู่หน้าบ้านของตัวเอง—ห่างไกลจากวิหารนั้นอย่างสิ้นเชิง
“ไม่มีใครสามารถแตะต้องมันได้”
หากแต่ไม่มีใครรู้ว่า วิหารแห่งนี้ยังคงงดงามเพราะพลังที่ไหลเวียนอยู่รอบ ๆ ไม่ใช่เพราะฝีมือของมนุษย์ ไม่ใช่เพราะสิ่งมีชีวิตใดมาทำความสะอาด แต่เป็นพลังบางอย่างที่คอยชะล้างสิ่งสกปรก ค่อย ๆ ปัดเป่าความมืดมนออกไป วิหารจึงคงอยู่ราวกับมันเป็นสถานที่ที่ถูกตัดขาดจากกาลเวลา
เบื้องหลังประตูบานใหญ่ซึ่งถูกปิดสนิทนั้น อาจมีบางสิ่งกำลังหลับใหลอยู่—หรือบางคนกำลังเฝ้ามองโลกจากที่แห่งนี้
โซระ…
ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ไม่มีใครรู้ว่าเขาเฝ้ามองโลกใบใหม่จากจุดใด แต่ทุกคนต่างเชื่อว่าเขายังคงอยู่ที่ไหนสักแห่งในวิหารแห่งนี้ เฝ้าดูทุกการเปลี่ยนแปลงของโลกใบที่ชิโระสร้างขึ้นมาใหม่
“บางคนบอกว่าเขาหายไปแล้ว บ้างก็ว่าเขายังคงอยู่ แต่สำหรับฉัน…ฉันเชื่อว่าเขายังคงเฝ้าดูเราอยู่จากที่แห่งนั้น”
แม้ไม่มีหลักฐานใดสนับสนุน แต่ทุกครั้งที่มีภัยคุกคามเข้ามาใกล้ดินแดนนี้ มักมีลมแรงพัดพาและสายฟ้าที่แผดเผาความชั่วร้ายให้มอดไหม้—ราวกับมีใครบางคนยังคงคุ้มครองดินแดนแห่งนี้อยู่เสมอ…
วิหารที่ไร้ผู้คนแต่กลับคงความงดงามราวกับถูกดูแลอยู่เสมอ ยังคงยืนหยัดอย่างเงียบสงบเหนือโลกใบใหม่ที่ค่อย ๆ ฟื้นตัวจากซากปรักหักพังของสงคราม ท้องฟ้าใสไร้เมฆบดบัง ดวงดาวทอแสงนวลราวกับเฝ้ามองโลกใบนี้จากเบื้องบน ต้นไม้เริ่มแตกยอดใหม่ ผืนน้ำสะท้อนเงาของพระจันทร์ และสายลมอ่อนโยนที่พัดผ่านทุกซอกทุกมุมของผืนป่ารอบวิหาร—ทุกสิ่งกำลังเริ่มต้นใหม่
แต่ภายในวิหาร กลับเต็มไปด้วยความเงียบงัน
เงาร่างหนึ่งยืนอยู่หน้าบานประตูที่ปิดสนิท สายตาของเขาจ้องมองผ่านบานไม้ที่เย็นเฉียบราวกับหวังว่ามันจะเปิดออกในสักวัน
โซระ
เขายังคงอยู่ที่นี่ เฝ้ารอ… รอเวลาที่ใครบางคนจะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
แสงจันทร์สาดส่องผ่านกระจกสีที่ถูกประดับไว้อย่างประณีต มันส่องกระทบลงบนพื้นหินเย็น ลวดลายอักขระเก่าแก่ส่องสว่างวูบไหวเป็นระยะ เสียงของธรรมชาติแผ่วเบานอกกำแพงวิหาร แต่ไม่มีเสียงใดลอดผ่านเข้ามาในที่แห่งนี้—ไม่มีเสียงฝีเท้าของมนุษย์ ไม่มีเสียงลมหายใจของเธอ
ความเงียบที่หนักอึ้งที่สุดในชีวิตของเขา
โซระทรุดตัวลงนั่งพิงข้างประตูที่ยังคงปิดสนิท ขาของเขาชาไปหมดจากการยืนนิ่งมานานเกินไป สายตายังคงทอดมองไปยังท้องฟ้าภายนอก แต่ไม่ว่าโลกใบนี้จะงดงามเพียงใด—เมื่อไม่มีเธออยู่ โลกนี้ก็ไม่มีความหมาย
“โลกใบนี้กำลังฟื้นตัว… แต่ทำไมข้าถึงรู้สึกเหมือนทุกอย่างหยุดนิ่ง”
ดวงตาของโซระว่างเปล่า มันไม่มีแววแห่งความหวัง ไม่มีประกายแห่งความยินดีใด ๆ ราวกับเวลาของเขาหยุดเดินไปพร้อมกับวันที่เธอหลับใหล
คืนแล้วคืนเล่า…
เขายังคงเฝ้ารอ
ร่างของเขานั่งพิงบานประตูที่เย็นเฉียบ ศีรษะเอนซบกับไม้เก่าแก่ เสียงลมหายใจแผ่วเบาพร้อมกับเปลือกตาที่เริ่มปิดลง แม้ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงไปเพียงใด แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน แต่จนกว่าวันนั้นจะมาถึง…
เขาจะเฝ้ารอเธอต่อไป
เงาแห่งผู้พิทักษ์ (ต่อ)
สายลมพัดผ่านใบไม้แห้งที่กองอยู่ตรงลานกว้างเบื้องหน้าวิหาร เสียงกิ่งไม้ไหวกระทบกันเป็นจังหวะ คล้ายกับเสียงกระซิบของโลกใบนี้ที่ยังคงเคลื่อนไหวไปข้างหน้า แต่สำหรับชายหนุ่มที่นั่งพิงประตูอยู่เบื้องหลังนั้น—เวลาของเขาได้หยุดลงนานแล้ว
“ชิโระ…”
เสียงแผ่วเบาหลุดออกมาจากริมฝีปากของโซระ ไม่รู้ว่าเขาเอ่ยชื่อนี้ไปกี่ครั้งแล้ว นับตั้งแต่วันแรกที่เธอเข้าสู่ห้วงนิทรา เขาพยายามนับวันคืน แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานมากพอ—เขาก็เลิกนับไปเอง
เขาเฝ้าดูโลกใบใหม่นี้ค่อย ๆ ฟื้นตัว ต้นไม้เติบโตขึ้น ทะเลสาบใสสะอาด ผู้คนเริ่มสร้างอารยธรรมของตัวเองขึ้นมาใหม่ แม้แต่ท้องฟ้าที่เคยเต็มไปด้วยเถ้าถ่านของสงคราม ก็กลับมาส่องประกายด้วยแสงแห่งรุ่งอรุณอีกครั้ง
แต่ที่นี่—ที่แห่งนี้ ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม
วิหารต้องห้าม
ไม่มีใครสามารถเข้ามาถึงประตูของมันได้ ไม่ว่าใครจะพยายามแค่ไหน พวกเขาก็จะถูกส่งกลับไปยังบ้านของตัวเองเสมอ โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถูกนำตัวกลับมาได้อย่างไร ข่าวลือเกี่ยวกับวิหารแห่งนี้แพร่สะพัดไปทั่ว มีทั้งผู้ศรัทธาและผู้หวาดกลัว บ้างก็กล่าวว่ามันคือสถานที่ต้องคำสาป บ้างก็เชื่อว่ามันคือที่พำนักของเทพเจ้า
แต่ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้ว—มันคือที่ที่มีคนคนหนึ่งกำลังเฝ้ารอ
ดวงตาของโซระทอดมองไปยังภาพสะท้อนของตัวเองบนกระเบื้องหินเย็นเยียบ ผมสีดำสนิทของเขาปรกลงมาบังหน้าผาก ไม่หลงเหลือไฮไลท์สีมิ้นอีกต่อไป แม้แต่สีสันของเขาเองก็ยังเลือนรางลง—ราวกับถูกกลืนไปกับความเงียบที่ไม่มีวันสิ้นสุด
เขาเคยคิดว่าเขาคือผู้ที่แข็งแกร่งพอจะเผชิญกับทุกสิ่ง แต่เมื่อไม่มีเธออยู่ตรงนี้ เขากลับรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังหลงทางอยู่ในโลกที่ไม่มีจุดหมาย
“หากเจ้าได้ยินข้า…” เขาหลับตาลง เอียงศีรษะซบกัก่าบแท่นศิราเก่าแก่ “ก็รีบกลับมาได้แล้วนะ”
…แต่เขาก็รู้ดี
ไม่มีเสียงตอบกลับใด ๆ มีเพียงความเงียบที่ยังคงดำเนินต่อไป
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments