ในขณะที่ชิโระและโซระกำลังจะเดินกลับไปยังที่พัก เสียงร้องของเด็กคนหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลัง พวกเขาหันไปตามสัญชาตญาณ และสิ่งที่เห็นทำให้หัวใจของพวกเขาหยุดเต้นไปชั่วขณะ
ชายปริศนาในชุดคลุมสีเงินยืนอยู่ท่ามกลางหมอกหนา แขนของเขายื่นออกไปจับตัวเด็กชายคนหนึ่งที่กำลังดิ้นรนสุดแรงเกิด เด็กคนนั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเด็กคนหนึ่งในกลุ่มที่พวกเขาดูแลอยู่
“ปล่อยเขาซะ” ชิโระพูดเสียงเรียบ แต่ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยแรงกดดัน
ชายปริศนายิ้มเย็น ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ชวนให้รู้สึกเสียวสันหลัง “มนุษย์ช่างอ่อนแอ เด็กพวกนี้ไม่มีทางรอดหรอก สู้ปล่อยให้พวกเขากลายเป็นเครื่องสังเวยเพื่อความสมดุลของโลกนี้จะดีกว่า”
จากนั้นชายคนนั้นก็ออกแรงบีบที่แขนของเด็กชาย จนเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังไปทั่วบริเวณ
ชิโระกัดฟันแน่น มือของเธอสั่นเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เป็นเพราะความโกรธ เธอกำลังจะพุ่งเข้าไป แต่กลับรู้สึกถึงมือของโซระที่แตะลงบนไหล่ของเธอ
“อย่าใจร้อน” โซระพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา “เขาต้องการให้เราทำแบบนั้น”
ชิโระสูดหายใจลึก พยายามควบคุมอารมณ์ เธอรู้ดีว่าการพุ่งเข้าไปโดยไม่คิดอาจทำให้สถานการณ์แย่ลง
“แล้วเราจะทำยังไง?” เธอถาม
โซระปล่อยมือจากไหล่ของเธอ ก่อนจะเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ท่ามกลางสายตาของเทพปริศนา “ถ้านายต้องการสมดุลจริงๆ ก็คงไม่ใช้วิธีนี้สินะ”
ชายปริศนายกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนเขาจะสนใจคำพูดของโซระ “แล้วเจ้าคิดว่าข้าควรทำยังไง?”
โซระยิ้มบางๆ ก่อนจะตอบ “ก็แค่ลองสู้กับฉันดู… ถ้าชนะ นายอยากเอาเด็กไปไหนก็เอาไป แต่ถ้าแพ้ นายต้องปล่อยเด็กทั้งหมด”
ชิโระเบิกตากว้าง “โซระ!”
แต่เขาเพียงแค่หันมายิ้มบางๆ ให้เธอ ก่อนจะก้าวไปยืนเผชิญหน้ากับชายปริศนา
“ตกลงไหม?” โซระเอ่ยถาม
ชายปริศนายิ้มมุมปาก ก่อนจะปล่อยเด็กชายที่บาดเจ็บลงกับพื้น “น่าสนใจ… ถ้าอย่างนั้นก็อย่าทำให้ข้าผิดหวังล่ะ”
สายลมเย็นยะเยือกพัดผ่าน แรงกดดันมหาศาลปกคลุมไปทั่วบริเวณ
สงครามระหว่างเทพและมนุษย์กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว…
เสียงลมพัดผ่านอย่างเย็นเยียบ ท่ามกลางความเงียบงันของค่ำคืน เสียงสะอื้นแผ่วเบาดังขึ้นจากเด็กชายที่ถูกตรึงอยู่ในอ้อมแขนของชายปริศนาในผ้าคลุมสีเงิน เด็กน้อยดิ้นรน แต่แรงของเทพนั้นเหนือกว่ามนุษย์ธรรมดาเกินไป
“ปล่อยเขา” เสียงของโซระนิ่งสงบแต่หนักแน่น สายตาของเขาจับจ้องไปที่ชายตรงหน้าอย่างไม่ลดละ
เทพปริศนาหัวเราะเบาๆ “มนุษย์เช่นเจ้าคิดจะขวางข้าอย่างนั้นหรือ?” เขากระชับแขนที่โอบเด็กชายแน่นขึ้น เด็กน้อยสะดุ้งร้องออกมา ใบหน้าที่เคยเปื้อนรอยยิ้มกลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ชิโระกำหมัดแน่น สร้อยคอของเธอเปล่งประกายสีมิ้นท์จางๆ “ข้าจะไม่ให้เจ้าพรากเด็กไปจากพวกเรา!”
เทพปริศนายิ้มมุมปาก แววตาของเขาฉายแววเย้ยหยัน “มนุษย์โง่เขลา เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าพวกเจ้าจะสามารถขวางข้าได้?”
ทันใดนั้น พื้นดินสั่นสะเทือน ลมพายุโหมกระหน่ำ กิ่งไม้ไหวระริก แรงกดดันมหาศาลพุ่งเข้าใส่ราวกับพลังของทวยเทพกำลังถาโถม ชิโระกัดฟันแน่น ร่างของเธอสั่นไหวเล็กน้อยจากแรงกดดัน แต่โซระยังคงยืนนิ่ง ดวงตาสีเข้มของเขาจ้องมองไปยังเทพเบื้องหน้าโดยไม่หวั่นไหว
“ข้าจะเตือนเจ้าอีกครั้ง” โซระก้าวไปข้างหน้า ดวงตาของเขาฉายแววเยือกเย็นแต่แฝงไปด้วยอำนาจ “ปล่อยเด็กซะ”
เทพปริศนาชะงักไปครู่หนึ่ง เขารู้สึกถึงอะไรบางอย่างในตัวชายหนุ่มตรงหน้า แม้เขาจะเป็นเพียงมนุษย์ แต่แรงกดดันจากตัวเขากลับทำให้เทพเองต้องหวั่นเกรง
“หึ เจ้าไม่ธรรมดาจริงๆ” เทพเอ่ยขึ้นก่อนจะกระตุกยิ้ม “แต่ข้าจะไม่ยอมปล่อยของที่ข้าเลือกแล้วง่ายๆ”
สิ้นคำพูด เทพสะบัดมือ ปล่อยพลังออกมาเป็นคลื่นสีเงินเข้าปะทะกับโซระอย่างรุนแรง แต่เพียงพริบตาเดียว โซระก็หายไปจากสายตาของเทพ ก่อนที่ร่างของเขาจะปรากฏขึ้นอีกครั้งด้านหลังเทพปริศนา
“ช้าไป” โซระกล่าวเสียงเย็นชา
เขาคว้าแขนที่โอบรัดเด็กชายอยู่แล้วออกแรงกระชาก เด็กน้อยหลุดจากอ้อมแขนของเทพ ทันทีที่เป็นอิสระ เด็กชายก็รีบวิ่งไปหลบหลังชิโระ เทพหันขวับ ดวงตาของเขาฉายแววโกรธเกรี้ยว
“กล้าดียังไง!” เทพตะโกนลั่น
โซระไม่ตอบ เขาเพียงแค่ยืนมองด้วยสายตานิ่งสงบเหมือนเดิม ราวกับไม่รู้สึกถึงแรงกดดันอันมหาศาลของเทพเลยแม้แต่น้อย
ชิโระรีบใช้พลังของสร้อยคอสร้างบาเรียขึ้นมาปกป้องเด็กชาย เธอหันไปมองโซระอย่างเป็นกังวล “ระวังด้วยนะ!”
เทพปริศนาแสยะยิ้มก่อนจะพุ่งเข้าหาโซระด้วยความเร็วเหนือมนุษย์ มือของเขาก่อตัวเป็นพลังสีเงินเตรียมจะโจมตี
แต่ในเสี้ยววินาทีนั้นเอง โซระขยับตัว หายวับไปจากตำแหน่งเดิมก่อนจะปรากฏตัวขึ้นด้านข้างของเทพ มือของเขายกขึ้นก่อนจะฟาดเข้าไปที่ต้นคอของเทพอย่างรุนแรง
“อึก!” เทพสะดุ้งเฮือก ร่างของเขาเซไปด้านข้าง แววตาตื่นตะลึง
“ข้าบอกแล้ว” โซระกล่าวเสียงเรียบ “อย่ายุ่งกับเด็กๆ ของเรา”
เทพกัดฟันแน่น เขาถอยห่างออกไปเล็กน้อย กุมต้นคอของตัวเองด้วยความตกใจ
“ข้าจะไม่ลืมเรื่องนี้” เทพพูดเสียงต่ำก่อนที่ร่างของเขาจะค่อยๆ เลือนหายไปกับสายลม
บรรยากาศรอบๆ กลับสู่ความเงียบอีกครั้ง ลมพัดเอื่อยๆ คล้ายกับว่าเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น
เด็กชายวิ่งเข้าไปกอดชิโระแน่น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยน้ำตา “พี่ชิโระ… ข้ากลัวมาก…”
ชิโระลูบศีรษะเด็กชายเบาๆ “ไม่เป็นไรแล้ว เจ้าปลอดภัยแล้ว”
โซระเดินเข้ามายืนข้างๆ พวกเขา มองไปยังจุดที่เทพปริศนาหายไป
“พวกเขาเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว…” เขาพูดเสียงเบา
ชิโระพยักหน้า “เราต้องเตรียมตัวให้พร้อม”
“จากนี้ไป จะไม่ใช่แค่การปกป้องเด็กๆ อีกแล้ว” โซระกล่าว “แต่พวกเราต้องต่อสู้… เพื่อปกป้องทุกคน”
สายลมพัดผ่านอีกครั้ง ท้องฟ้าที่เคยสงบดูลึกลับขึ้นกว่าเดิม ราวกับกำลังเตรียมพร้อมสำหรับพายุลูกใหม่ที่กำลังจะมา…
หลังจากที่เทพปริศนาหายไป ความเงียบงันก็เข้าปกคลุมพื้นที่อีกครั้ง
เด็กชายที่ถูกช่วยไว้ยังคงตัวสั่นในอ้อมแขนของชิโระ ใบหน้าของเขาซีดเผือดจากทั้งความกลัวและบาดแผลที่ได้รับจากแรงบีบของเทพปริศนา รอยแดงปรากฏขึ้นบนแขนเล็กๆ ของเขา รวมถึงรอยช้ำจางๆ ที่ลำคอ
“เจ็บมากไหม?” ชิโระถามเสียงอ่อนโยน
เด็กชายส่ายหน้าเบาๆ แม้ว่าแววตาของเขาจะเต็มไปด้วยน้ำตา แต่เขาก็พยายามเข้มแข็ง
โซระย่อตัวลงข้างๆ “ชิโระ จัดการรักษาให้เถอะ”
ชิโระพยักหน้า เธอสูดหายใจลึกก่อนจะยื่นมือไปแตะที่บาดแผลของเด็กชาย แสงสีมิ้นท์จางๆ เปล่งออกมาจากฝ่ามือของเธอ อ่อนโยนและอบอุ่น พลังของเธอค่อยๆ ไหลเวียนเข้าสู่ร่างของเด็กชาย
เด็กชายสะดุ้งเล็กน้อยก่อนที่ความเจ็บปวดจะค่อยๆ มลายหายไป ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วร่างของเขา รอยช้ำที่แขนและลำคอค่อยๆ จางลงจนหายไปสนิท
“วิเศษไปเลย…” เด็กชายพึมพำ เขาสัมผัสแขนของตัวเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองชิโระด้วยแววตาเปี่ยมไปด้วยความประหลาดใจ
“เจ้าเก่งขึ้นมากเลยนะ” โซระเอ่ยชม
ชิโระถอนหายใจยิ้มๆ “แต่มันยังไม่พอหรอก ถ้าหากเราต้องปกป้องเด็กๆ ทุกคน”
เธอลุกขึ้นก่อนจะมองไปยังรอบๆ บริเวณ ป่าที่เคยเงียบสงบตอนนี้ดูอึมครึมมากขึ้นกว่าเดิม หลังจากที่เทพปริศนาเข้ามาก้าวก่าย พวกเขาไม่อาจแน่ใจได้เลยว่าจะปลอดภัยอีกนานแค่ไหน
“ที่นี่มันไม่ปลอดภัยอีกแล้ว” เธอกล่าวเสียงหนักแน่น
“แล้วเจ้าคิดจะทำอะไร?” โซระถาม
ชิโระเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะหยิบสร้อยคอของตัวเองขึ้นมา พลังของเธอสั่นไหวเป็นระลอก ขณะที่เธอค่อยๆ หลับตาลง
“ข้าจะสร้างสถานที่ที่ปลอดภัยให้กับพวกเรา”
แสงสีมิ้นท์ค่อยๆ ส่องสว่างขึ้นจากสร้อยคอ ก่อนจะแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ วงแหวนเวทมนตร์ขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนพื้นใต้ฝ่าเท้าของเธอ สัญลักษณ์โบราณที่ไม่มีใครรู้ความหมายเปล่งประกายขึ้นทีละตัว
“นี่มัน…” โซระขมวดคิ้ว เขารับรู้ได้ถึงพลังที่แตกต่างจากเดิมของชิโระ
ลมพัดกระโชกขึ้นอีกครั้ง แรงขึ้น แสงสีมิ้นท์พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อนที่พื้นดินจะสั่นไหว
จากกลางพื้นที่โล่ง ต้นไม้ใหญ่ที่เคยปกคลุมถูกแทนที่ด้วยเสาแกะสลักสีขาว สูงตระหง่าน หลังคาโค้งมนที่ประดับด้วยสัญลักษณ์เวทมนตร์ ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นจากความว่างเปล่า มันเป็นโครงสร้างที่ดูศักดิ์สิทธิ์และอบอุ่นในเวลาเดียวกัน
ภายในโครงสร้างนั้น มีแสงเรืองรองที่อ่อนโยน เสียงสายน้ำไหลเบาๆ สร้างบรรยากาศสงบสุข
“ข้าสร้างที่นี่ขึ้นมา… เพื่อให้เด็กๆ มีที่ปลอดภัย” ชิโระกล่าวขณะมองผลงานของตนเอง “วิหารแห่งการปกป้อง”
เด็กชายที่ยืนอยู่ข้างหลังมองด้วยความตื่นตะลึง “พวกเราจะอยู่ที่นี่จริงๆ เหรอ?”
“ใช่” ชิโระพยักหน้า “ตราบใดที่ข้ายังอยู่ วิหารนี้จะไม่มีวันล่มสลาย”
โซระมองไปรอบๆ เขาสัมผัสได้ถึงพลังคุ้มครองจากสถานที่นี้ มันไม่ใช่แค่โครงสร้างธรรมดา แต่เต็มไปด้วยพลังเวทมนตร์ที่เข้มข้น
“ข้าคิดว่ามันจะช่วยให้เด็กๆ ปลอดภัยได้ระดับหนึ่ง” โซระกล่าว “แต่เจ้าก็ต้องดูแลตัวเองด้วย เข้าใจไหม?”
ชิโระหัวเราะเบาๆ “ข้ารู้แล้วน่า”
เธอหันไปทางเด็กๆ ที่เริ่มเดินเข้ามาใกล้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“จากนี้ไป ที่นี่จะเป็นบ้านของพวกเรา”
แสงสีมิ้นท์จางๆ ยังคงเปล่งประกายอยู่รอบตัวเธอ และภายในใจของชิโระเอง เธอรู้ดีว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการต่อสู้ที่จะตามมา…
เด็กชายสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อความเจ็บปวดเริ่มจางหายไป ทว่าในสายตาของเขากลับมีแววสับสน—เพราะเขาไม่ได้แค่หายจากอาการบาดเจ็บ แต่รู้สึกเหมือนร่างกายเขาเบาขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
โซระที่ยืนเฝ้ามองอยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นแต่แฝงไปด้วยความห่วงใย “ความเจ็บปวดของเจ้าไม่ได้หายไป… มันเพียงแค่ถูกส่งต่อไปยังผู้รักษา”
เด็กชายเบิกตากว้าง ก่อนจะหันไปมองชิโระที่ยังคงประคองมืออยู่เหนือร่างของเขา สีหน้าของเธอไม่ได้แสดงออกถึงความเจ็บปวด ทว่าหากมองลึกลงไปในแววตา จะเห็นได้ว่ามีบางสิ่งที่ถูกถ่ายทอดมาสู่เธอ—ภาระของบาดแผลและความทรมานที่เขาควรจะรู้สึก ถูกถ่ายโอนไปสู่เธอแทน
ชิโระไม่ได้พูดอะไร เธอเพียงแค่ยิ้มบางๆ มือที่สัมผัสร่างเด็กชายค่อยๆ ถอนออกอย่างอ่อนโยน บาดแผลของเด็กชายหายสนิท ทิ้งไว้เพียงรอยจางๆ ที่บอกเล่าเรื่องราวของสิ่งที่เคยเกิดขึ้น
แต่เธอรู้ดีว่า หากการรักษาเพียงครั้งเดียวสามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตของเด็กเหล่านี้ได้ แล้วพลังของเธอจะสามารถทำอะไรได้มากกว่านี้หรือไม่?
เธอค่อยๆ ลุกขึ้น มองไปรอบตัว บริเวณนี้เคยเป็นเพียงผืนป่ารกร้าง บัดนี้ เธอหลับตาลง ปล่อยให้พลังของเธอไหลเวียนไปทั่วพื้นที่
พื้นดินเริ่มสั่นไหว แสงสีมิ้นท์เปล่งประกายออกมาจากฝ่ามือของเธอ ก่อนที่พลังนั้นจะแผ่ขยายออกไป โซระเฝ้ามองโดยไม่พูดอะไร แต่สายตาของเขากลับลึกซึ้งราวกับเข้าใจสิ่งที่เธอกำลังทำ
ไม่นานนัก เสียงของสายลมก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป มันไม่ใช่เสียงลมที่พัดผ่านป่าธรรมดาอีกต่อไป แต่กลับมีท่วงทำนองที่แฝงไปด้วยความสงบ อบอุ่นราวกับเสียงขับขานของบทเพลงโบราณ
และในที่สุด สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ก็เริ่มปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา
วิหารแห่งการปกป้อง
มันถูกสร้างขึ้นจากพลังของชิโระเอง เป็นสถานที่ที่แผ่กระจายความอบอุ่นไปทั่วบริเวณ—เป็นแหล่งที่ให้ความรู้สึกปลอดภัยสำหรับทุกผู้คนที่ก้าวเข้ามา
ทว่า วิหารแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงสิ่งก่อสร้างที่มีไว้เพื่อพักพิง แต่มันเป็นส่วนหนึ่งของชิโระเอง พลังครึ่งหนึ่งของเธอถูกส่งผ่านไปยังวิหารแห่งนี้ ทำให้มันสามารถเยียวยาผู้ที่เข้ามาพักพิงได้โดยไม่ต้องใช้พลังของเธอโดยตรง
และนั่นหมายความว่า… ทุกครั้งที่เธออยู่ในวิหาร เธอจะรู้สึกถึงความอบอุ่นราวกับถูกโอบกอดอยู่เสมอ ร่างกายของเธอจะได้รับการเยียวยาอย่างช้าๆ เสียงลมที่พัดผ่านราวเสียงเพลงที่ทำให้จิตใจสงบ ไม่ว่าผู้ใดที่ได้ยินเสียงนั้น ก็จะรู้สึกเหมือนถูกปลอบโยนจากความเจ็บปวดที่พวกเขาแบกรับ
ทว่า… สิ่งที่ไม่มีใครรู้ก็คือ—
การสร้างวิหารนี้ คือการผูกมัดพลังของชิโระเข้ากับมัน หากวันหนึ่งวิหารนี้ถูกทำลาย พลังครึ่งหนึ่งของเธอก็จะสูญสิ้นไปตลอดกาล
โซระมองดูวิหารที่เพิ่งสร้างเสร็จ ก่อนจะพูดขึ้นเบาๆ “เธอไม่จำเป็นต้องแลกเปลี่ยนมากขนาดนี้”
ชิโระหันมามองเขา ก่อนจะยิ้มบางๆ “ถ้าการแลกเปลี่ยนนี้ทำให้ทุกคนปลอดภัย… มันก็คุ้มค่า”
โซระถอนหายใจเบาๆ มองเธอด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ก่อนจะกล่าวเสียงแผ่วเบา “แต่ฉันไม่อยากให้เธอหายไป”
ชิโระไม่ได้ตอบอะไร เธอเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น มองดูวิหารที่เธอสร้างขึ้น พร้อมกับรู้สึกถึงพลังที่ค่อยๆ ไหลเวียนเข้าไปสู่ตัวมัน
นี่คือจุดเริ่มต้นของการปกป้องที่แท้จริง ทว่ามันอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของความสูญเสียในอนาคตด้วยเช่นกัน…
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments