ชิโระยืนอยู่กลางวิหารที่มองเห็นความว่างเปล่าที่แบ่งระหว่างสวรรค์และนรก ดวงตาสีแดงของเธอสะท้อนแสงจากเส้นแบ่งของสองโลก ขณะที่สายลมอันหนาวเหน็บพัดผ่านร่างของเธอไป
โซระยืนอยู่ข้างๆ มองดูชิโระด้วยแววตาที่เงียบสงบ แต่ภายในเต็มไปด้วยคำถามที่ไร้คำตอบ พวกเขาทั้งสองต่างรู้ดีว่าการมีชีวิตนิรันดรไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาขอ แต่มันเป็นสิ่งที่พวกเขาถูกกำหนดให้ต้องมี
“พร…” ชิโระพูดเบาๆ “เป็นสิ่งที่มอบให้กับผู้ที่ควรได้รับ”
เธอยกมือขึ้น สัมผัสสร้อยคอที่เปล่งแสงสีมิ้นท์ มันเป็นเครื่องเตือนใจถึงพลังที่พวกเขาได้รับมา และราคาที่ต้องจ่ายเพื่อแลกกับมัน
“แต่เราไม่ได้ขอพรนี้” โซระตอบเสียงทุ้ม “มันถูกมอบให้เรา… โดยที่ไม่มีทางเลือก”
ชิโระหลับตาลงครู่หนึ่ง ปล่อยให้เสียงของอดีตสะท้อนอยู่ในหัว—เสียงของเทพที่ประกาศภารกิจของพวกเขา เสียงของคนที่พวกเขาสูญเสียไปเพราะการต่อสู้เพื่อสมดุลของโลก
“ถ้าเป็นพร มันควรจะนำความสุขมาให้” ชิโระเปิดเปลือกตาขึ้น “แต่สิ่งที่เรามี… คือความเจ็บปวด การจากลา และภาระที่ไม่มีวันสิ้นสุด”
โซระถอนหายใจ ยกมือขึ้นมอง มันคือมือที่สามารถสร้างและทำลายโลกได้ในพริบตา แต่มือคู่นี้กลับไม่สามารถปกป้องคนที่พวกเขารักได้ตลอดไป
“บางที… มันอาจเป็นทั้งพรและคำสาป” โซระกล่าว “มันให้พลังกับเรา ให้เวลาที่ไม่มีวันหมดสิ้น… แต่ในขณะเดียวกัน มันก็พรากทุกอย่างไปจากเรา ทำให้เราต้องเดินไปข้างหน้าโดยไม่มีจุดสิ้นสุด”
ชิโระเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปมองโซระ
และตอนนั้นโซระมองไปที่ชิโระ ซึ่งตอนนี้ผมสีดำของเธอเปล่งประกายไฮไลท์สีมิ้นและสีขาวจาง ๆ ที่ปลายสุด แต่เมื่อเธอใช้พลัง เส้นผมก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีขาวราวกับถูกชะล้างด้วยแสง ก่อนที่ปลายเส้นผมจะเรืองรองด้วยสีมิ้นจาง ๆ
“ชีวิตนิรันดร… มันเป็นพรหรือคำสาปกันแน่?” โซระเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองท้องฟ้าที่กำลังเปลี่ยนสี
ชิโระเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะยกมือขึ้นสัมผัสเส้นผมตัวเอง เธอรู้ดีว่าพลังที่เธอได้รับมานั้นมากเกินกว่าที่มนุษย์ธรรมดาจะรับไหว และราคาของมันก็คือคำสาปที่ไม่มีวันปลดเปลื้อง
“มันไม่ใช่ทั้งพรและคำสาป” ชิโระพูดขึ้น น้ำเสียงของเธอราบเรียบ แต่เต็มไปด้วยความหนักแน่น “มันคือภาระที่เราต้องแบกรับ”
เธอเหลือบตามองโซระแวบหนึ่ง ดวงตาสีแดงเรืองรองสะท้อนกับแสงอาทิตย์อัสดง “เจ้ารู้ไหม โซระ… เวลาผ่านไปมากแค่ไหน เราก็ยังอยู่ที่เดิม ยังเห็นทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงไปโดยที่เราเองไม่ได้เปลี่ยนแปลงตามมัน”
โซระพยักหน้าอย่างเข้าใจ เขาเองก็รู้ถึงความหนักอึ้งของชีวิตที่ไม่มีวันจบสิ้น
“แต่นั่นแหละ… ถ้าพวกเราไม่อยู่ โลกนี้อาจสูญเสียความสมดุลไปก็ได้” โซระพูดเสียงเบา “แม้พวกเราจะต้องทนเห็นทุกอย่างค่อย ๆ เปลี่ยนไป แต่เราก็ยังอยู่ตรงนี้ คอยปกป้องมัน”
ชิโระยิ้มบาง ๆ “งั้นก็หมายความว่าเราไม่มีสิทธิ์จะถามว่ามันเป็นพรหรือคำสาปสินะ” เธอหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเงียบลง “เพราะไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม เราก็ต้องก้าวต่อไป”
โซระยิ้มจาง ๆ มองไปยังเส้นขอบฟ้า “ใช่… และเราจะไม่ปล่อยให้คำสาปนี้เป็นสิ่งที่ฉุดรั้งเรา แต่จะใช้มันเพื่อทำให้สิ่งที่เรารักคงอยู่ต่อไป”
ชิโระหลับตาลงครู่หนึ่ง ปล่อยให้ลมพัดผ่านราวกับกำลังปล่อยให้ความคิดของเธอหลอมรวมไปกับมัน เส้นผมสีขาวที่ปลายมิ้นของเธอปลิวไปตามสายลม ท่ามกลางบรรยากาศยามเย็นที่เงียบสงบ
บางที… คำตอบของพวกเขาอาจไม่ได้อยู่ที่ว่า “ชีวิตนิรันดร” เป็นพรหรือคำสาป แต่อยู่ที่ว่าพวกเขาจะใช้มันไปเพื่ออะไร
“แล้วเจ้าล่ะ…” ชิโระเอ่ยขึ้น พลางมองโซระด้วยสายตานิ่งสงบ “ถ้าให้เลือกระหว่างปลดปล่อยตัวเองจากคำสาปนี้ กับใช้มันเพื่อปกป้องโลกใบนี้ เจ้าจะเลือกอะไร?”
โซระเงียบไป ดวงตาของเขาสะท้อนแสงสีส้มของดวงอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้า คำถามของชิโระไม่ใช่สิ่งที่เขาไม่เคยคิดถึง มันเป็นสิ่งที่คอยหลอกหลอนเขามาตลอดตั้งแต่รู้ความจริงเกี่ยวกับพลังของพวกเขา
“ข้าไม่รู้หรอกว่าถ้าปลดปล่อยตัวเองจากคำสาปนี้ไปแล้ว ทุกอย่างจะเป็นยังไง…” โซระพูดช้า ๆ “แต่ข้ารู้ว่าถ้าไม่มีพวกเรา… โลกนี้คงไม่เหมือนเดิม”
เขาเงยหน้ามองท้องฟ้า หัวเราะเบา ๆ ให้กับความคิดของตัวเอง “และข้าก็ไม่อยากเป็นคนสุดท้ายที่เหลืออยู่เพื่อเฝ้าดูมันพังทลาย”
ชิโระมองเขาเงียบ ๆ ก่อนจะพยักหน้า “ข้าก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”
ลมยามค่ำคืนพัดผ่าน ร่างของทั้งสองยืนอยู่เคียงข้างกันโดยไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก พวกเขารู้ดีว่าทางเลือกของตนคืออะไร และถึงแม้เส้นทางข้างหน้าจะเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความโดดเดี่ยว พวกเขาก็จะยังคงก้าวเดินไปด้วยกัน
เพราะสุดท้ายแล้ว… ไม่สำคัญว่ามันเป็นพรหรือคำสาป
สิ่งสำคัญกว่าคือ พวกเขาจะใช้มันไปเพื่ออะไรต่างหาก
เสียงสายลมพัดผ่าน ทำให้ใบไม้ไหวเอนเบา ๆ ใต้ท้องฟ้ายามราตรีที่มีเพียงแสงจันทร์ส่องสว่าง ชิโระเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะก้าวไปข้างหน้า
“ถึงเวลาต้องไปแล้ว”
โซระพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยคำใด มือของเขากำแน่นอยู่ข้างตัว แม้จะทำใจไว้แล้ว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความรู้สึกหนักอึ้งกำลังกดทับลงมาที่อก
“ชิโระ…” โซระเอ่ยเรียกเบา ๆ “เจ้าเคยเสียใจบ้างไหม ที่เกิดมาพร้อมกับชะตากรรมแบบนี้?”
ชิโระชะงักไปเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะหันกลับมายิ้มบาง ๆ
“เคยสิ” เขาตอบตามตรง “แต่ข้ารู้ว่ามันไม่มีความหมายที่จะจมอยู่กับความเสียใจ”
โซระมองใบหน้าของอีกฝ่ายเงียบ ๆ ภายใต้แสงจันทร์ เส้นผมดำสนิทของชิโระพลิ้วไหวตามแรงลม ปลายผมที่มีไฮไลท์สีมิ้นและสีขาวดูราวกับกำลังเรืองแสงเบา ๆ
“ถ้าทุกอย่างจบลง เจ้าจะทำอะไรต่อ?”
ชิโระนิ่งคิดไปชั่วครู่ ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ
“ข้าไม่รู้หรอก” เขาตอบ “บางที… อาจจะเดินทางไปเรื่อย ๆ ดูว่าโลกใบนี้มีอะไรให้ข้าได้เห็นอีกบ้าง”
“แล้วถ้าไม่มีอะไรเหลือให้เห็นแล้วล่ะ?”
ชิโระเงียบไป ก่อนจะคลี่ยิ้มจาง ๆ
“ก็แค่เดินต่อไป”
คำตอบของเขาทำให้โซระถอนหายใจเงียบ ๆ เขารู้ว่าชิโระกำลังพยายามทำให้มันฟังดูง่าย แต่ในความเป็นจริง… การมีชีวิตเป็นนิรันดร์ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
—ไม่ใช่พร… แต่เป็นคำสาป
และบางที… สิ่งเดียวที่เขาสามารถทำได้ก็คืออยู่เคียงข้างชิโระ ตราบเท่าที่เขายังสามารถทำได้
เสียงระฆังศาลเจ้าดังขึ้นท่ามกลางความเงียบของค่ำคืน ทั้งสองสบตากัน ก่อนจะพยักหน้าให้กันเบา ๆ แล้วก้าวไปข้างหน้าพร้อมกัน
เพราะเส้นทางของพวกเขา… ยังคงต้องดำเนินต่อไป
เสียงสายลมยามค่ำคืนพัดผ่าน ปลายผมสีดำของชิโระสะบัดเบา ๆ พร้อมกับประกายไฮไลท์สีมิ้นที่ต้องแสงจันทร์ ดูราวกับมีแสงเรืองรองอ่อน ๆ โซระยืนข้าง ๆ มือของเขากุมมือของเธอไว้แน่น ราวกับกลัวว่าเธอจะหายไป
“เจ้าแน่ใจแล้วใช่ไหม?” โซระถามเสียงแผ่ว
ชิโระหันมามองเขา ดวงตาคู่นั้นฉายแววแน่วแน่ “อืม ข้าไม่กลัว”
โซระหลุบตาลง เขารู้ว่าทางข้างหน้ามีเพียงความมืดมิด แต่ขณะเดียวกัน—มือของชิโระยังคงอุ่น มือคู่นี้จับเขาไว้แน่นไม่ปล่อย
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะอยู่ข้างเจ้าเสมอ” ชิโระเอ่ยพลางยิ้มบาง ๆ
โซระเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะกระชับมือเธอแน่นขึ้น “ข้าก็เหมือนกัน”
ทั้งสองยืนเคียงข้างกันใต้แสงจันทร์ สายลมพัดผ่านราวกับกระซิบเรื่องราวที่ยังคงดำเนินต่อไป…
ค่ำคืนดำเนินไปอย่างเงียบสงบ แต่ภายในใจของทั้งสองกลับเต็มไปด้วยพายุอารมณ์ที่ไม่อาจสงบลงได้
ชิโระเงยหน้ามองท้องฟ้า ดวงจันทร์เต็มดวงทอแสงเย็นตา แต่เธอรู้ดีว่ามันเป็นเพียงความสงบก่อนพายุจะมาเยือน สิ่งที่พวกเขากำลังจะเผชิญไม่ใช่เรื่องง่าย…
“เจ้ากลัวหรือเปล่า?” โซระถามขึ้นอีกครั้ง แม้จะรู้คำตอบอยู่แล้วก็ตาม
ชิโระส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหันมามองเขาด้วยแววตาแน่วแน่ “หากข้ากลัว ข้าคงไม่มายืนอยู่ตรงนี้หรอก”
โซระจ้องมองเธอครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะเบา ๆ “นั่นสินะ…เจ้านี่มันดื้อจริง ๆ”
“ข้าก็เป็นแบบนี้มาตลอด เจ้าน่าจะชินได้แล้วนะ” ชิโระพูดด้วยรอยยิ้ม แต่ลึก ๆ แล้วเธอก็รู้ว่าเขาห่วงเธอมากแค่ไหน
โซระไม่ได้ตอบอะไรอีก เขาเพียงแค่ดึงเธอเข้ามากอดไว้แน่น ราวกับอยากจะยืนยันว่าชิโระยังอยู่ตรงนี้กับเขา
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะผ่านมันไปด้วยกัน” โซระกระซิบ
ชิโระพยักหน้า มือของเธอจับชายเสื้อของเขาแน่น ไม่มีคำพูดใด ๆ ต่อจากนั้น มีเพียงสายลมที่พัดผ่าน และหัวใจสองดวงที่เต้นเป็นจังหวะเดียวกัน…
เสียงลมพัดผ่านยอดไม้ เสียงใบไม้กระทบกันแผ่วเบา คล้ายเสียงกระซิบของเหล่าวิญญาณที่เฝ้าจับตามองพวกเขาอยู่
ชิโระซบหน้าลงกับแผ่นอกของโซระ หัวใจของเขาเต้นเป็นจังหวะมั่นคง ให้ความรู้สึกอบอุ่นท่ามกลางค่ำคืนอันเหน็บหนาว
“พรุ่งนี้…จะไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้วใช่ไหม?” ชิโระเอ่ยเสียงเบา ราวกับไม่อยากยอมรับความจริง
โซระลูบศีรษะของเธอแผ่วเบา “อาจจะไม่เหมือนเดิม…แต่ตราบใดที่เรายังอยู่ด้วยกัน ข้าสัญญาว่าจะไม่ปล่อยมือเจ้าไป”
ชิโระเงยหน้าขึ้นสบตาเขา ดวงตาสีเข้มของโซระสะท้อนภาพของเธออยู่ในนั้น
“ข้าจะเชื่อใจเจ้า…เพราะข้าเองก็ไม่มีวันปล่อยมือเจ้าไปเช่นกัน”
รอยยิ้มบางเบาปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทั้งสอง ก่อนที่โซระจะก้มลงจุมพิตหน้าผากของชิโระอย่างอ่อนโยน
ท่ามกลางความมืดมิดของราตรี แสงจันทร์ส่องลงมาเบื้องล่าง ราวกับเป็นพยานให้กับคำสัญญาของพวกเขา…
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments