“จิวเออร์ จิวเออร์” เสียงเรียกที่ดังมาให้ได้ยินตั้งแต่ที่ผู้เรียกยังไม่ปรากฏตัวนั้นทำให้จิวเลี่ยนส่ายหน้าอย่างระอา ทว่าริมฝีปากมีรอยแย้มยิ้ม
เจ้าลูกหมาตัวโตนี่ยังคงทำตัวเหมือนตอนเด็ก ๆ เลย เรียกหาเขาแต่ละทีนั้นต้องให้ได้ยินกันทั้งบ้าน
“ตินติน” หลงจิวเลี่ยนขมวดคิ้วเรียกชื่อน้องชายของตัวเอง
“จิวเออร์ คิดถึง ทำไมเมื่อคืนไม่กลับมานอนบ้าน ไหนบอกว่าหลังจากจบงานเลี้ยงแล้วจะกลับมานอนบ้านไง” มาร์ติน แฝดผู้น้องที่ชอบตามติดแฝดพี่มาตั้งแต่เด็ก ๆ นั้นบึนปากพูดอย่างงอแง เป็นท่าทีที่ถ้าเกิดว่าบรรดาแฟนคลับ หรือสาว ๆ ของเจ้าตัวมาเห็นจะต้องขยี้ตาด้วยความไม่อยากจะเชื่อเป็นแน่ว่ามาร์ติน เวลส์ ทายาทที่เป็นที่แน่นอนแล้วว่าจะต้องสืบทอดธุรกิจตระกูลเวลส์นั้นก็มีท่าทางเป็นเจ้าลูกหมาตัวโตแบบนี้กับเขาด้วย
ฝ่ายคนถูกถามว่าเหตุใดเมื่อคืนถึงไม่กลับบ้านนั้นก็กลอกตาไปมาอยู่ชั่วแวบหนึ่ง ก่อนที่จะคลี่ยิ้ม พูดเสียงอ่อนนุ่มเปลี่ยนเรื่องไปอย่างแนบเนียน
“ตินตินเพิ่งกลับจากมหา’ลัยเหรอ ได้ซื้อขนมมาฝากจิวจิวไหม” น้ำเสียงออออ้อนที่ใช้ได้ผลทุกครั้ง สรรพนามเรียกตัวเองที่ไม่มีครั้งไหนที่เรียกแล้วไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ถูกนำมาใช้ และแน่นอนว่าครั้งนี้ก็เช่นกัน
“ซื้อมา ตินตินซื้อขนมมาฝากจิวจิว เดี๋ยวคุณแม่บ้านจะจัดใส่จานมาให้ ตินตินรู้อยู่แล้วว่าจิวจิวจะต้องรอกิน” มาร์ตินคลี่ยิ้มกว้าง ส่งสายตารอคอยคำชมและรางวัลจากพี่ชายฝาแฝด
จิวเลี่ยนหัวเราะเบา ๆ กับท่าทางน่าเอ็นดูของน้องชายตัวโต เขาพูดชม ‘ตินตินรู้ใจจิวจิวที่สุด’ ไปประโยคหนึ่ง แล้วตามด้วยปลายจมูกที่จรดลงข้างแก้มของน้องชาย เพียงแค่นั้นมาร์ตินก็ทำเหมือนกับว่าตัวเองได้ครองโลกแล้ว
เห็นว่าน้องชายลืมเรื่องที่เขาผิดสัญญาไปแล้วก็ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก รู้ดีเลยว่าถ้าเจ้าลูกหมาตัวโตนี่รู้ว่าเมื่อคืนเขาไปทำอะไรมาถึงไม่ได้กลับมานอนบ้าน จากไซบีเรียนฮัสกีต้องกลายเป็นพิทบูลอย่างแน่นอน
“ไปเถอะ ลงไปข้างล่าง ไปกินขนมกัน” หลังจากที่พอใจกับรางวัลที่ได้รับแล้ว มาร์ตินก็เอ่ยชวนพี่ชายฝาแฝดเสียงสดใส ไม่เหลือคราบคุณชายน้อยผู้เย่อหยิ่งในสายตาของคนนอกเลยสักนิดเดียว
จิวเลี่ยนที่คร้านจะขยับตัวเพราะความเจ็บจากช่องทางคับแคบด้านล่างแม้ว่าใจอยากจะปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นสายตาลูกหมาของน้องชายฝาแฝดก็ได้แต่ตามใจ
“ไปสิ แต่ตินตินให้จิวจิวขี่หลังได้ไหม” ช้อนตาพูดกับน้องชายด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ทั้ง ๆ ที่รู้ดีว่าไม่จำเป็น ขอเพียงแค่เอ่ยปากธรรมดา เจ้าน้องชายตัวโตก็ยอมเขาทุกอย่างแล้ว
เหมือนกับมีหางทิพย์ หูทิพย์กระดิก มาร์ตินี่รีบหันหลังแล้วย่อตัวลงให้พี่ชายฝาแฝดขึ้นมาบนแผ่นหลังของตัวเองได้อย่างง่ายดาย แล้วเดินแย้มยิ้มปากกว้างลงไปด้านล่างอย่างร่าเริง
จิวเลี่ยนก็ยิ้มบาง ๆ
ชีวิตนี้ดีมากจริง ๆ ไม่เสียใจแล้วที่ต้องตายในวันนั้น
คนที่เคยเสียใจเพราะตายในวันที่กำลังจะได้ครอบครองถ้วยสมัยที่สี่นั้น มาบัดนี้ไม่เหลือความเสียใจนั้นแล้ว คิดแต่ว่าดีแล้ว ดีแล้วที่ได้มาเป็นหลงจิวเลี่ยนคนนี้
“คืนนี้นอนด้วยกันนะ” จิวเลี่ยนมองคนพูดที่พอกินขนมที่ตัวเองบอกว่าซื้อมาให้เขาจนหมดแล้ว แล้วก็นอนหนุนตักเขาอยู่
“อื้อ เอาสิ” จิวเลี่ยนพยักหน้าตอบรับอย่างตามใจ แล้วก็ได้เห็นรอยยิ้มกว้างจากน้องชายอีกครั้ง เขาขยี้กลุ่มผมนิ่มสีดำสนิมเหมือนเขาอย่างเอ็นดู ก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์มาไถหน้าจอเล่นแก้เซ็ง และแอพพลิเคชั่นแรกที่เขาเข้าไปก็คือทวิตเตอร์ แอพที่มีการเคลื่อนไหวแบบเรียลไทม์เร็วที่สุด
ทันทีที่จิวเลี่ยนกดเข้าไปในแอคเคาท์ของตัวเองที่เอาไว้ลงเกี่ยวกับตัวเองในฐานะนักแข่งรถ F1 เขาก็พบเจอกับแจ้งเตือนที่มหาศาล ช่องดีเอ็มที่ขึ้นตัวเลขกว่าหกหลัก ซึ่งเขาไม่เคยเปิดเข้าไปดูเลย
“มีคนส่งข้อความแปลก ๆ มาบ้างไหม” จิวเลี่ยนก้มมองน้องชายที่ถามออกมาแบบนั้น เขาคิดว่าเป็นเพราะเสียงแจ้งเตือนที่ดัง ๆ รัว ๆ มาร์ตินถึงได้รู้ว่าว่าเกิดอะไรขึ้นกับโทรศัพท์ของเขา
“ไม่รู้สิ ไม่เคยเปิดเข้าไปดูเลย” และคำตอบที่จิวเลี่ยนตอบไปตามความจริงนั้นก็เรียกสายตาพึงพอใจจากเจ้าลูกหมาตัวโตของเขาได้เป็นอย่างดี
หลังจากที่ตอบน้องชายฝาแฝดไปแล้ว จิวเลี่ยนก็เริ่มให้ความสนใจกับหน้าไทม์ไลน์ของตัวเอง เขาพบแต่ข่าวที่ลงเกี่ยวกับการได้แชมป์สมัยที่สามของเขา สำนักข่าวไม่ว่าจะในหรือนอกประเทศต่างประโคมข่าวนี้กันทั้งหมด และภายใต้ข่าวนั้นก็มีผู้คนจำนวนมากต่างเข้าไปแสดงความคิดเห็น ซึ่งในสังคมที่เต็มไปด้วยความหลากหลายไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ เพศ อายุ หรือกระทั่งความคิด นั่นทำให้ไม่มีทางเลยที่ความคิดเห็นของแต่ละคนนั้นจะไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้นมีจึงมีทั้งคนที่ชื่นชมเขา ยินดีกับความสำเร็จของเขา และคนที่สาปแช่งเขา รอคอยวันที่เขาจะพ่ายแพ้และล่วงหล่นจากบัลลังก์
จิวเลี่ยนเลื่อนผ่านความคิดเห็นเหล่านั้นไปอย่างไม่ใยดี นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเจอเรื่องราวแบบนี้ อย่าลืมว่าเมื่อชีวิตก่อนนี้ของเขาเขาก็เดินบนเส้นทางนี้ด้วยเหมือนกัน
จิวเลี่ยนคิดแบบนั้นก่อนที่จะต้องหยุดชะงักนิ้วมือที่ไถเลื่อนหน้าจอไปมา เมื่อเจอเข้ากับข่าวหนึ่ง เขากดเข้าไปอย่างรวดเร็ว และอ่านข่าวนั้นด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ
มันเป็นข่าวที่เปรียบเทียบเขาในชีวิตนี้กับเขาในชีวิตที่แล้ว เปรียบเทียบนักแข่งสองคนที่มีชื่อเหมือนกัน และสร้างผลงานในแบบเดียวกัน
เป็นแชมป์ฟอร์มูลล่าวันสามฤดูกาลติด และยังเป็นแชมป์ตั้งแต่อายุยังน้อย เรียกได้ว่าเขาในสิบแปดปีที่แล้วก็เป็นแชมป์ที่อายุน้อยที่สุดในโลก สิบห้าปีต่อมา เขาก็ทำลายสถิติแชมป์ที่อายุน้อยที่สุดในโลกอีกครั้งหนึ่ง
ชื่อเหมือนกัน เป็นแชมป์สามฤดูกาลติดเหมือนกัน แล้วจะมีจุดจบเหมือนกันด้วยหรือเปล่า
นั่นคือความคิดเห็นที่มีหลายคนแสดงออกมา
เห็นอย่างนั้นแล้วดวงตาของจิวเลี่ยนก็เย็นเยียบขึ้นมา
เขาในตอนนี้ไม่โง่เหมือนเดิมอีกแล้ว และเขาในตอนนี้ก็ไม่ได้โดดเดี่ยวเหมือนตอนนั้น เขามีครอบครัวที่พร้อมจะซัพพอร์ตเขาอยู่เบื้องหลัง
เขาไม่มีทางมีจุดจบเหมือนเดิม
“จิวเออร์เป็นอะไร มีใครส่งข้อความไม่ดีมาเหรอ” มาร์ตินที่เห็นว่าอยู่ ๆ ดวงตาของพี่ชายก็หม่นแสงไป มีความเย็นชาเข้ามาแทนที่ เขาก็ถามด้วยความสงสัยและห่วงใยทันที ในหัวสมองคิดวิธีการมากมายที่เตรียมจะใช้จัดการคนที่ทำให้จิวเออร์ของเขาต้องเป็นแบบนี้
จิวเลี่ยนหลับตาครั้งหนึ่งแล้วลืมตาขึ้นมาใหม่ ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธน้องชายฝาแฝดของตัวเอง
“ไม่มีอะไร แค่ง่วงนอนเฉย ๆ”
“ง่วงเหรอ ง่วงงั้นก็ไปนอนกันเถอะ” มาร์ตินแม้ว่าจะไม่เชื่อ แต่เขาก็ไม่เซ้าซี้
มีวิธีการมากมายที่จะรู้ได้เอง
“วันนี้มีอะไรทานครับ” เช้าวันใหม่อันแสนสดใส หลังจากที่เมื่อวานหลับยาวไปตั้งแต่เย็นจนมาถึงเช้าวันนี้ คุณชายใหญ่ของบ้านก็เดินลงบันไดลงมาพร้อมกับรอยยิ้มสดใส เดินไปหอมแก้มป่ะป๊า แดดดี๊ และอากงของตัวเอง ก่อนที่จะหัวเราะแล้วเดินไปหอมแก้มน้องชายฝาแฝดด้วยเมื่อเห็นดวงตาหมาหงอยจากเจ้าตัว
“มีแต่ของโปรดจิวเออร์ทั้งนั้นแหละ” ผู้เป็นประมุขคนปัจจุบันของตระกูลหลงพูดตอบ ดวงตามองไปยังอีกสามคนที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ก่อนแล้วด้วยความเอือมระอา
ตามใจกันเข้าไป
“คุณอย่ามองแบบนั้น นี่มีแต่ของโปรดลูกที่ไหน ของโปรดคุณก็มี” มาร์ตินี่ผู้หลงรักวอดก้าไม่เสื่อมคลายพูดแก้ต่างให้ตัวเอง และในความเป็นจริงแล้วมันก็เป็นอย่างที่เขาพูด เรียกได้ว่าแท้ที่จริงบนโต๊ะอาหารที่มีกว่าสิบอย่างนี้ ครึ่งหนึ่งเป็นของโปรดวอดก้า และอีกครึ่งเป็นของโปรดจิวเลี่ยน สองบุคคลที่มีอิทธิพลต่อจิตใจของคนในบ้านมากที่สุด
จิวเลี่ยนมองดูคู่รักที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาเกือบสามสิบปี เขาไม่รู้สึกถึงความจืดชืดเย็นชาในความสัมพันธ์ของป่ะป๊าและแดดดี๊เลย เห็นแต่ว่าจะรักกันมากขึ้นทุก ๆ วัน ชวนให้เขาอิจฉา และอยากที่จะมีรักดี ๆ แบบนี้บ้าง
จะว่าไป เขายังจำเมื่อตอนที่เขามีชีวิตที่แล้วอยู่ได้ ข่าวของคู่รักเหล้าฤทธิ์แรงนี้ดังเป็นกระแสไปทั่วโลก ขอเพียงแค่เป็นคนในวงการย่อมต้องได้ยินผ่านหูผ่านตามาบ้าง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเขาที่มีเพื่อนเป็นแฟนคลับของป่ะป๊า ตอนที่ทั้งคู่ประกาศว่าคบกัน มีกระแสมากมายหลายทิศทาง ทั้งยินดี ทั้งต่อต้าน ทั้งสาปแช่ง และกังขา มีคนถึงกับบอกว่าจะเฝ้ารอวันที่ทั้งคู่เลิกกัน
ผ่านมายี่สิบแปดปีแล้ว ไม่รู้ว่าคนพวกนั้นยังรอที่จะเห็นคนทั้งคู่เลิกกันอยู่หรือไม่ ถ้ายังรออยู่ เกรงว่าจะต้องรอไปจนวันตาย
“เหม่ออะไรลูก รีบกินเร็วเข้า เดี๋ยวกินไม่ทันเจ้าลูกหมาพอดี” เสียงทุ้มต่ำแต่อ่อนโยนจากคนที่เป็นแดดดี๊เรียกคนที่อยู่ในภวังค์ความสงสัยของตัวเองให้ตื่นขึ้นมา จิวเลี่ยนส่งยิ้มให้แล้วรีบลงมือคีบอาหารเข้าปากตัวเอง
“วันนี้ไปไหนหรือเปล่า จะไปสนามไหม” วอดก้าถามลูกชายคนโต ส่วนลูกชายคนเล็กนั้นต้องไปเรียน
จิวเลี่ยนนั้นไม่ได้เรียนมหาวิทยาลับเหมือนกับแฝดน้อง เพราะเขาสอบเทียบจนจบแล้ว อาศัยความรู้จากชีวิตที่แล้วของตัวเอง ทำให้เขามีเวลาไปทุ่มเทให้กับสิ่งที่รัก หรือก็คือการเป็นนักแข่ง F1 ได้มากเท่าที่ต้องการ
“จะไปหาเอ็มม่าสักหน่อยครับ” เอ็มม่าที่จิวเลี่ยนพูดถึงก็คือ ลูกสาวของเอกาทัศน์และเดลต้า ผู้เป็นเพื่อนกับวอดก้า ป่ะป๊าของเขา
“เอ็มม่ามาที่นี่เหรอ ลุงเอ็มของเราไม่เห็นบอกป่ะป๊า” วอดก้าเลิกคิ้วถามลูกชาย
“ใช่ครับ เห็นบอกว่ามีเรื่องจะขอความช่วยเหลือ” จิวเลี่ยนไม่รู้หรอกว่าการมาครั้งนี้ของเพื่อนสาว จะทำให้ชีวิตของเขามีสีสัน และมีอะไรให้เขาสนใจมากกว่าการแข่งรถ
“อะไร เอ็มม่า เธอบ้าไปแล้ว ฉันเป็นนักแข่งรถฟอร์มูล่าวันนะ เธอจะให้ฉันไปขับรถตู้รับส่งศิลปินของเธอได้ยังไง!” จิวเลี่ยนไม่คิดเลยว่าเรื่องที่เพื่อนตัวเองจะขอร้องคือเรื่องนี้ มองคนที่ตอนนี้เป็นผู้จัดการไอดอลวงดัง ซึ่งสังกัดอยู่ในบริษัทที่แดดดี๊ของตัวเองเป็นคนก่อตั้งขึ้นมาเพื่อป่ะป๊าด้วยสายตาเหมือนว่าเพื่อนสาวของเขาเป็นบ้าไปแล้ว
มีศิลปินวงไหนบ้างที่มีคนขับรถเป็นแชมป์รถแข่งฟอร์มูล่าวัน ไม่สิ ต้องบอกว่ามีแชมป์ฟอร์มูล่าวันคนไหนบ้างที่ยอมไปเป็นคนรับตู้รับส่งคนอื่น!
“เพราะอะไรถึงต้องเป็นฉัน” หลงจิวเลี่ยนหรี่ตาลงมองหน้าเพื่อนสาวของตัวเองที่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องขอให้เขาไปช่วยเป็นคนรับรถรับส่งศิลปินในความดูแลของตัวเองให้ได้
“จิวเลี่ยน นายรู้จักไอดอลวงยูนิคไหม” จิวเลี่ยนได้รับคำถามแทนคำตอบ เขาส่ายหัวตอบกลับไปเบา ๆ แต่ภายในใจเดาว่าเป็นวงไอดอลที่อยู่ภายใต้การดูแลของเพื่อนคนนี้ของเขานั่นแหละ
เอ็มม่าเป็นลูกสาวของคุณลุงเอกาทัศน์และคุณอาเดลต้า ทั้งสองคนนั้นเมื่อก่อนเป็นศิลปินภายใต้สังกัดเวลส์เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ที่แดดดี๊เขาลงทุนสร้างขึ้นมาเพื่อป่ะป๊าของเขา ซึ่งตอนนี้หุ้นครึ่งหนึ่งของป่ะป๊านั้นถูกขายให้กับคุณลุงเอกาทัศน์ไปแล้วเรียบร้อย และทั้งสองคนเมื่อกลายเป็นหนึ่งในผู้บริหาร งานในวงการก็รับน้อยลง ส่วนลูกสาวเพียงคนเดียวนั้น เมื่อเจ้าตัวไม่ชอบอยู่หน้ากล้อง ก็ให้มารับหน้าที่ดูแลศิลปินแทน ซึ่งเอ็มม่าก็ชอบงานที่ตัวเองทำอยู่มากทีเดียว
“ยูนิคเป็นวงไอดอลที่ทำเม็ดเงินให้กับเวลส์เอ็นฯ สาขาแผ่นดินใหญ่มากที่สุดตอนนี้ เขามีแฟนเพลงและแฟนคลับอยู่มากมายทั่วโลก เป็นที่คลั่งไคล้ของคนมหาศาล และปัญหามันก็อยู่ที่ตรงนี้แหละ เพราะมันมีคนที่คลั่งไคล้มากเกินไป คลั่งไคล้จนทนไม่ได้ที่จะมองศิลปินจากแค่เพียงด้านล่างเวที หรือผ่านทางหน้าจอ คลั่งไคล้จนกระทั่งพาตัวเองตามติดไปทุกแห่งหน และพยายามจะทำให้ศิลปินกลายเป็นของตัวเองเพียงคนเดียว นั่นแหละ ยูนิคกำลังเผชิญกับปัญหานั้น คนขับรถคนเก่าที่สามารถไว้ใจได้และมีฝีมือพอที่จะรับมือกับแฟนคลับที่ล้ำเส้นนั้นป่วยกะทันหัน คนอื่น ๆ ที่บริษัทฉันก็ไม่ไว้ใจ เพราะอย่างนั้นฉันถึงต้องมาขอความช่วยเหลือจากนาย ฉันไม่ได้ต้องการแค่คนขับรถ แต่ต้องการคนที่สามารถรับมือกับพวกแฟนคลับโรคจิตพวกนั้นได้” เอ็มม่ายื่นมือไปกุมมือของเพื่อนชายเอาไว้ กระพริบตาปริบ ๆ อย่างอ้อนวอน เชื่อมั่นมากว่าถ้าเป็นเพื่อนของเธอคนนี้ จะต้องรับมือกับปัญหาหนักอกหนักใจของเธอตอนนี้ได้
คนโดนเพื่อนกุมมืออ้อนวอนดึงมือออกมาอย่างเย็นชา
“สรุปแล้วก็คือต้องการให้ฉันไปเป็นทั้งคนขับรถ เป็นทั้งการ์ดงั้นเหรอ เอ็มม่า เผื่อเธอจะลืมนะ ฉันร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก จะไปปกป้องดูแลใครได้”
คำพูดประโยคนี้ของจิวเลี่ยนทำให้เอ็มม่ามองค้อนคนที่บอกว่าตัวเองร่างกายอ่อนแอจนตาแทบจะหลุดออกมาจากเบ้า
“นายร่างกายอ่อนแอจริงอันนี้ไม่เถียง แต่นั่นมันเป็นเรื่องของเมื่อสิบปีก่อนนู่น!” เอ็มม่าพูดกับเพื่อนเสียงสะบัด มองเพื่อนด้วยสายตาเหยียดหยามก่อนจะพูดต่อ
“จิวเลี่ยน นายนี่สมแล้วที่เป็นทายาทของตระกูลหลง สมแล้วก็ที่คุณอาวอดก้าเลี้ยงมา”
ได้ยินเพื่อนสาวเพียงคนเดียวของตัวเองพูดออกมาแบบนั้น จิวเลี่ยนก็หัวเราะเสียงดังทันที รู้ได้ทันทีเลยว่ามีอีกหนึ่งคนแล้วที่ไม่ได้โดนภาพลักษณ์ของป่ะป๊าเขาหลอกลวง
และใช่ เขาไม่มีอะไรจะเถียงเลยกับคำพูดพวกนั้น ถ้าไม่ใช่ว่าเพราะเขาได้ป่ะป๊าเลี้ยงมา เขาไม่มีทางมีนิสัยเหมือนในตอนนี้แน่
ต่อให้จะมีความทรงจำจากชีวิตที่แล้วก็ตาม
คนที่เมื่อชีวิตก่อนก็ไม่ได้เป็นคนเจ้าเล่ห์แสนกลอะไร นอกจากเรื่องรถแข่งแล้ว เขาก็ไม่มีความสนใจให้เรื่องไหนอีก วันทั้งวันคลุกตัวอยู่ในสนามกับอู่แต่งรถ ดังนั้นแล้ว จะบอกว่านอกจากเรื่องรถแล้ว เขาก็แทบจะไม่รู้เรื่องอะไรอีกก็ไม่ใช่เรื่องที่เกินจริงไปเลยสักนิด รวมถึงเรื่องเล่ห์กล เรื่องผลประโยชน์ในวงการแข่งรถด้วย ไม่อย่างนั้นชีวิตที่แล้วเขาคงไม่มีจุดจบแบบนั้น
ความจริงแล้วชีวิตที่แล้ว จนกระทั่งเขาตาย เขาก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตายเพราะถูกหักหลัง เขาคิดเพียงแค่ว่าเครื่องยนต์ของตัวเองมีปัญหา แม้ว่าจะสงสัยเรื่องถูกหักหลัง แต่ก็ไม่กล้าคิดว่ามันจะเป็นเรื่องจริง จนได้มาเกิดใหม่ ได้ลองค้นข่าวเก่า ๆ ดู เชื่อมโยงการเคลื่อนไหวของคนที่เกี่ยวข้องถึงได้รู้
เขาตายเพราะความเชื่อใจแท้ ๆ เพราะอย่างนั้นเขาจึงคิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
ถ้าไม่อยากซ้ำรอยเดิมชีวิตที่แล้วอีก ต้องรู้จักมีหนามแหลมคมใช้ปกป้องตัวเอง และเขาก็โชคดีที่ได้เกิดในตระกูลที่ทำให้เขารับคมหนามของตัวเองได้
โดยที่เอาป่ะป๊าเป็นเยี่ยงอย่าง
เขาร่างกายอ่อนแอตั้งแต่กำเนิด แม้ว่าร่างกายนี้จะมีวิญญาณของเขาเข้ามาแทนที่ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถเปลี่ยนร่างกายนี้ให้แข็งแรงขึ้นมาได้ทันที ดังนั้นแล้วเขาจึงไม่สามารถฝึกฝนได้เหมือนกับที่มาร์ติน น้องชายฝาแฝดได้รับการฝึกฝน
ตอนสามขวบมาร์ตินถูกพาไปเรียนคาราเต้ เขาได้แต่นั่งมองอยู่ข้าง ๆ ตอนสี่ขวบ มาร์ตินไปเรียนเทควันโดเขาก็ได้แต่นั่งมอง ตอนห้าขวบมาร์ตินได้เรียนยิวยิตสู เขาก็ยังคงได้แต่นั่งไถโมเดลรถที่แดดดี๊ซื้อมาให้อยู่ข้างสนาม
อิจฉา อิจฉาเป็นอย่างยิ่ง
‘อยากเรียนเหรอลูก’ ประโยคนี้ของป่ะป๊าทำให้เด็กตัวน้อยที่ไถโมเดลรถในมือด้วยท่าทางเหม่อลอยหันไปสนใจได้
จิวเลี่ยนตัวน้อยวัยห้าขวบที่มีขนาดตัวเหมือนเด็กสามขวบพยักหน้าตอบอย่างไม่ปิดบัง
อิจฉาจริง ๆ ได้เกิดใหม่ทั้งที่ มีสติปัญญาจากชีวิตที่แล้ว มีสมองเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง แต่ทำไมไม่สามารถสร้างความโดดเด่น ทำอะไรที่ทำให้ตัวเองกลายเป็นอัจฉริยะเหมือนกับตัวเอกในนิยายเกิดใหม่ที่เพื่อนเขาเคยอ่านมาบ้างล่ะ
จิวเลี่ยนวัยห้าขวบตอนนั้นไม่ได้รู้หรอกว่าแท้ที่จริงแล้วตัวเองได้แสดงความโดดเด่นเกินเด็กวัยห้าขวบไปมากเท่าไหร่ มันมากจนถูกคนที่เรียกว่าป่ะป๊าจับได้
มือเรียวสวยยกขึ้นลูกกลุ่มผมนิ่มของลูกชายคนโตแต่ตัวเล็ก
‘จิวเลี่ยนร่างกายอ่อนแอ ตอนนี้ยังเรียนอะไรแบบน้องไม่ได้ ไม่สู้มาเรียนกับป่ะป๊าดีกว่า ป่ะป๊าจะสอนอะไรดี ๆ ให้’
หลังจากนั้นก็ถือว่าได้กำเนิดทายาทที่แท้จริงของวอดก้าขึ้นมาคนหนึ่ง
ไม่ใช่ทายาททางสายเลือด แต่เป็นทายาททางจิตวิญญาณ
“ฉันถนัดใช้สมอง ไม่ถนัดใช้กำลัง” จิวเลี่ยนยักไหล่ขึ้นข้างหนึ่งขณะที่พูดประโยคนี้กลับเพื่อนสาว กับคนที่รู้ไส้รู้พุงเขาหมดแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องสร้างภาพใด ๆ
ภาพลักษณ์มีไว้ใช้กับคนนอกเท่านั้นแหละ อ้อ มีไว้ออดอ้อนแดดดี๊ กับอากงด้วย!
“ก็ไม่ได้ต้องการให้นายใช้กำลังไหม ต้องการฝีมือการขับรถของนาย วิธีการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เรื่องใช้กำลังนั่นมีการ์ดทำหน้าที่อยู่แล้ว” นี่ยังไม่รวมการ์ดที่จะต้องตามนายห่าง ๆ ด้วยนะ
แน่นอนว่าประโยคหลังเอ็มม่าไม่ได้พูดมันออกไป แต่ถึงอย่างนั้นความคิดนี้ของเธอก็เก็บซ่อนไม่มิดเมื่อมันเปิดเผยออกมาทางแววตา
จิวเลี่ยนหดม่านตาลงมองเพื่อนที่คิดจะหลอกยืมมือเขา
“คิดไว้บ้างหรือเปล่าว่าจะใช้งานแชมป์ฟอร์มูล่าวันสามฤดูกาลซ้อนนั่นต้องมีค่าใช้จ่ายมากแค่ไหน” จิวเลี่ยนเคาะนิ้วลงกับโต๊ะเป็นจังหวะแล้วค่อย ๆ โน้มตัวไปถามเพื่อนเสียงกลั้วหัวเราะ
เอ็มม่าผงะถอยหลังไปอัตโนมัติเมื่อได้ยินคำพูดของเพื่อน
“หน้าเลือดเกินไปแล้ว ถือว่าช่วยเหลือเพื่อนไม่ได้หรือไงกัน”
จิวเลี่ยนมองเพื่อนที่พูดออกมาแบบนั้นแล้วก็หัวเราะขำในลำคอ แสร้งกระพริบตาปริบ ๆ ด้วยสีหน้าใสซื่อ
“ก็เพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนนี่แหละถึงได้คิดค่าตัวในเรทของแชมป์แข่งรถ ยังไม่คิดค่าตัวในฐานะคุณชายใหญ่ตระกูลหลงเลยนะ”
แม้จะพูดกับเพื่อนไปแบบนั้น แต่สุดท้ายแล้วคุณชายใหญ่ตระกูลหลงก็มายืนอยู่ข้างรถตู้คันหรูที่จอดอยู่ที่ลานจอดรถของโรงแรมซึ่งเป็นที่พักของไอดอลวงยูนิคอยู่ดี
“ทุกคน นี่ก็คือเสี่ยวจิว คนขับรถคนใหม่ที่จะมาแทนที่คนขับรถคนเก่าของพวกนายชั่วคราว” หลังจากที่ยืนอ้าปากหาวรออย่างเบื่อ ๆ ในที่สุดการรอคอยของจิวเลี่ยนก็สิ้นสุดลงเมื่อเพื่อนสาวเดินนำขบวนคนกว่าสิบคนมาหยุดอยู่ที่ข้างหน้าของเขา
จิวเลี่ยนกวาดตามองไปยังกลุ่มคนที่เดินตามเพื่อนสาวของเขามา เขาสามารถแยกได้ไม่ยากเลยว่าใครคือศิลปิน ใครคือผู้ดูแล ก็ฝ่ายศิลปินเล่นถูกล้อมเป็นไข่แดงแบบนั้น
จิวเลี่ยนคิดขำ ๆ มองไล่ไปทีละคนแล้วก็พบว่าแต่ละคนนั้นมีรูปลักษณ์และภาพลักษณ์ที่เหมาะสมกับจะเป็นไอดอลจริง ๆ เขามองแล้วคิดอย่างนั้นก่อนจะชะงักสายตาไว้ที่ใครคนหนึ่ง
ดวงตาคู่สวยภายใต้แว่นกันแดดสีเข้มหดม่านตาลงเมื่อเห็นคนที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาศิลปินทั้งห้าคน
นั่นไม่ใช่หนุ่มหล่อคืนนั้นของเขาหรอกหรือ
เหมือนว่าจิวเลี่ยนจะหยุดสายตาอยู่ที่คนผู้นี้นานเกินไป คนที่ถูกมองจึงได้รู้สึกตัว
หวังจิ้งหยู ชายหนุ่มวัยยี่สิบสามปีผู้เป็นหัวหน้าวงไอดอลชื่อดังนามว่ายูนิคขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกว่าคนขับรถคนใหม่ที่ผู้จัดการวงของเขากำลังแนะนำให้พวกเขารู้จักอยู่นั้นมองเขานานเกินไป และแม้ว่าจะไม่เห็นดวงตาภายใต้เลนส์สีเข้มนั่น แต่เขาก็รู้สึกว่าเขากำลังถูกมองอย่างสำรวจอยู่
หวังจิ้งหยูคิดแล้วก็มองกลับไปยังผู้ที่จะมาเป็นคนขับรถให้พวกเขาแทนคนขับรถคันเก่าชั่วคราวบ้าง มองใบหน้าที่ถูกปกปิดอย่างมิดชิดภายใต้แว่นกันแดดอันใหญ่ที่ปิดซีกหน้าครึ่งบนแทบจะมิด และใบหน้าซีกล่างที่มีหน้ากากอนามัยปิดอยู่ เมื่อไม่อาจมองเห็นโฉมหน้าได้ เขาก็มองไปยังส่วนอื่นของร่างกาย ทว่าไม่รู้ทำไม ยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าคุ้น ๆ กับร่างกายนี้
หัวหน้าวงยูนิคขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัย
ในขณะที่หัวหน้าวงสงสัยเรื่องที่เขาคุ้นเคยกับรูปร่างของจิวเลี่ยน สมาชิกร่วมวงคนอื่น ๆ ของเขากลับสงสัยในอีกเรื่องแทน
“เอ็มม่าไปหาคนขับรถคนนี้มาจากไหนครับเนี่ย เดี๋ยวนี้คนขับรถเขาใส่เสื้อตัวละหลายหมื่น กางเกงตัวละเป็นแสนกันแล้วเหรอ” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจนี้ของเจิ้งเหยานั้นเรียกสายตาของคนอื่น ๆ ให้หันไปมองจิวเลี่ยน สลับกับมองเอ็มม่าทันที
เอ็นม่าชะงักไปทันทีที่ได้ยินคำพูดถามของศิลปินในความดูแล เธอรีบสำรวจการแต่งกายอย่างละเอียดของเพื่อนทันที และพบว่าแม้ว่าเพื่อนจะแต่งตัวอย่างเรียบง่ายเพียงแค่เสื้อเชิ้ตสีดำและกางเกงยีนส์สีซีด รองเท้าหนัง และเข็มขัดหนังเส้นหนึ่ง แต่มูลค่ารวม ๆ แล้วนั้นก็ไม่ได้เรียบง่ายเหมือนกับสไตล์การแต่งตัวสักนิดเดียว
เอ็มม่าส่งสายตาให้เพื่อนเป็นคนแก้ตัวในเรื่องนี้แทน
ไม่คิดจะเปิดเผยฐานะที่แท้จริง แต่กลับใส่เสื้อผ้าแบบนี้มา นายคิดจะหลอกใคร ฮะ!
เอ็มม่าได้แต่บ่นเพื่อนอยู่ในใจ
ฝ่ายคนที่ลืมว่าตัวเองต้องเปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าให้เข้ากับฐานะในตอนนี้ก็ทำตาโต ส่งเสียงตื่นเต้นออกมาจากลำคอ
“เห คุณไม่ได้มองผิดเหรอครับ เสื้อผ้าพวกนี้ผมไปซื้อมือสองมานะ เสื้อนี่ผมก็ซื้อมาแค่สองร้อย ส่วนกางเกงก็แค่สามร้อยห้าสิบเท่านั้น ว้าว นี่ผมบังเอิญได้ของดีมาจริง ๆ เหรอเนี่ย” น้ำเสียงนั้นทั้งตื่นเต้น ทั้งดีใจ ดูแล้วเหมือนว่าจะไม่รู้มูลค่าเสื้อผ้าที่ตัวเองใส่อยู่จริง ๆ
“นายจะบอกว่านายซื้อผ้ามือสองมาโดยที่ไม่รู้ราคาจริง ๆ ของมันเหรอ โหยยย น่าอิจฉาเกินไปแล้ว” เสียนลู่ อีกหนึ่งสมาชิกวงยูนิคพูดด้วยน้ำเสียงอิจฉา แม้ว่ารายได้ตอนนี้ของตัวเองจะสามารถซื้อชุดที่จิวเลี่ยนใส่มาได้เดือนละหลายสิบชุด แต่เมื่อเห็นว่าคนคนหนึ่งเสียเงินเพียงแค่หลักร้อย แต่สามารถซื้อของที่มูลค่าแท้จริงหลักแสนมาได้ ก็อดไม่ได้ที่จะอิจฉาตาร้อนขึ้นมา
“เอาน่า คนเราก็มีเรื่องโชคดีของแต่ละคนไป แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาพูดเรื่องพวกนี้กันแล้ว ได้เวลาที่จะต้องไปทำงานกันแล้ว ไป ขึ้นรถ ๆ” เอ็มม่ามองเพื่อนชายที่สามารถแก้ตัวไปได้โดยที่คนอื่นก็หลงเชื่อแล้วก็หัวเราะอยู่ในใจ ก่อนจะไล่ต้อนศิลปินในความดูแลให้ขึ้นรถ ไม่ต้องการให้พูดเรื่องพวกนี้กันต่อแล้ว กลัวว่าจะเกิดพิรุจน์อะไรขึ้นมา
โดยที่ลืมไปแล้วว่าจิวเลี่ยนนั้นเป็นทายาทที่สืบสันดานมาจากใคร
เนี่ย เขาเรียกว่าทายาทที่สืบสันดานโดยชอบอย่างแท้จริง
สืบสันดานมาทั้งหมดเลย
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 25
Comments