หลังจากที่ทุกคนขึ้นรถกันแล้ว จิวเลี่ยนก็มองผ่านกระจกหลังไปยังที่คนคนหนึ่งที่นั่งเอนกายอยู่เบาะหลัง เขาเห็นสีหน้าเหม่อลอยและแววตาที่คิดไม่ตกของผู้เป็นหัวหน้าวง
คิดอะไรอยู่
จิวเลี่ยนเกิดความสงสัยขึ้นข้างในจิตใจ เขาเพราะว่ามัวแต่ให้ความสนใจกับคนที่เขามั่นใจว่าคือคนที่เขาให้ความช่วยเหลือเอาไว้เมื่อคืนวันก่อน จิวเลี่ยนจึงไม่ได้เคลื่อนรถสักที
ทั้ง ๆ ที่พร้อมกันหมดแล้ว แต่คนขับรถยังไม่ยอมแล่นรถออกไปจากตรงนี้ คนบนรถก็มองหน้ากันด้วยความสงสัย
“ออกรถเถอะ” เอ็มม่ารีบพูดตัดบทก่อนที่จะมีใครถามอะไรขึ้นมา สิ้นเสียงของเธอ จิวเลี่ยนก็ยอมละสายตากลับมาจากหวังจิ้งหยูแต่โดยดีก่อนที่เท้าขวาจะเยียบคันเร่งให้รถเคลื่อนตัวออกไป
เมื่อออกเดินทางแล้ว ไอดอลหนุ่มทั้งหลายก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่อีก หันไปพูดคุยกันเองถึงเรื่องงานเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ที่พวกเขากำลังจะไป
ในขณะที่คนอื่นไม่ได้ให้ความสนใจแล้ว แต่เอ็มม่านั้นยังลอบสำรวจเพื่อนของตัวเอง เธอสังเกตตั้งแต่เมื่อครู่แล้วว่าเพื่อนของเธอคนนี้ให้ความสนใจกับหัวหน้าวงยูนิคมากเป็นพิเศษ
รู้จักกันมาก่อนหน้านี้หรือเปล่า ไม่สิ จิวเลี่ยนไม่สนใจวงการบันเทิงสักหน่อย
เอ็มม่ายิ่งคิดคิ้วก็ยิ่งขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย
เธอเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าจิวเลี่ยนนั้นไม่รู้จักหวังจิ้งหยูมาก่อน ยังจำได้ถึงตอนที่เธอถามว่ารู้จักวงยูนิคหรือไม่ เพื่อนเธอคนนี้ยังส่ายหัวปฏิเสธอยู่เลย ทั้ง ๆ ที่เป็นวงในค่ายที่ถูกก่อตั้งโดยแดดดี๊ของตัวเองแท้ ๆ
“เสี่ยวจิว ให้พวกเราเรียกว่าเสี่ยวจิว แสดงว่าคุณอายุน้อยกว่าพวกเราเหรอ” หลังจากที่เอ็มม่าคิดอะไรเงียบ ๆ กับตัวเองไปได้เพียงแค่ครู่เดียว ศิลปินภายใต้การดูแลของเธอที่เมื่อครู่ยังคุยเรื่องงานกันอยู่ก็หันมาทำความรู้จักกับคนขับรถคนใหม่ของพวกเขากันแล้ว
คนที่ถามนี้คือซองซึงฮุน อีกหนึ่งสมาชิกเชื้อชาติเคของวงยูนิค สมาชิกเพียงคนเดียวที่ไม่ได้เป็นคนของแผ่นดินใหญ่
วงยูนิคนั้นมีสมาชิกห้าคน มีหวังจิ้งหยู อายุยี่สิบสามปี ซึ่งมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าวงด้วย เจิ้งเหยา เขามีอายุเท่ากับเจิ้งหยู ดังนั้นจึงจัดว่าเป็นพี่ใหญ่อีกคนหนึ่งของวง คนที่สามคือซองซึงฮุน อายุยี่สิบเอ็ดปี เป็นคนประเทศเค คนที่สี่ก็คือ หยางฮ่าว อายุยี่สิบปี และคนสุดท้าย คนที่ห้า เสียนลู่ เสียนลู่คือคนที่มีอายุน้อยที่สุดในวง อายุเท่ากับจิวเลี่ยน สิบแปดปี
“ใช้ครับ ผมอายุสิบแปด” จิวเลี่ยนตอบอายุที่แท้จริงของตัวเองออกไป เรื่องนี้เขาไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องปิดบัง
“อะไรนะ สิบแปด แค่สิบแปดเองเหรอ เท่ากับฉันเลยน่ะสิ ว่าแต่เพิ่งจะสิบแปดเอง นายไม่เรียนแล้วเหรอ” เสียนลู่ตกใจไม่น้อยเลยที่คนขับรถมีอายุเท่ากับเขา เขาขยับตัวอย่างตื่นเต้นและพูดถามออกไป
จิวเลี่ยนยังไม่ทันที่จะได้ตอบคำถามของน้องเล็กวงยูนิค ก็ได้ยินเสียงของหัวหน้าวงดุสมาชิกน้องเล็กสุดของวงทันที
“เสี่ยวลู่ อย่าเสียมารยาท ขอโทษแทนเสี่ยวลู่ด้วยนะครับที่ถามคำถามละลาบละล้วงออกไป” หวังเจิ้งหยูดุน้องเล็กของวงเสร็จก็หันมาพูดกับขอโทษกับจิวเลี่ยน มอบหน้าอีกฝ่ายผ่านทางกระจก และจิวเลี่ยนเองก็มองไปที่จิ้งหยูผ่านทางกระจกเหมือนกัน ดังนั้นพวกเขาจึงได้สบตากันผ่านทางกระจกมองหลัง แม้ว่าจะมีแค่เพียงจิวเลี่ยนเท่านั้นที่สามารถมองเห็นแววตาของจิ้งหยูได้ฝ่ายเดียวก็ตาม
จิวเลี่ยนมองเห็นแววตาระแวดระวังในดวงตาของหวังจิ้งหยูเต็มไปหมด มันสะท้อนให้เห็นว่าหัวหน้าวงคนนี้ไม่ไว้วางใจเขาสักเท่าไหร่ เมื่อเป็นอย่างนี้ จิวเลี่ยนนึกไปถึงเหตุการณ์ที่พวกเขาเจอกันครั้งแรก เขาก็คิดว่าไม่แปลกเลยที่คนคนนี้จะเต็มไปด้วยความระแวดระวังจนกลายเป็นระแวงไปหมดแล้ว
คนที่เคยโดนวางยาปลุกเซ็กส์ โดนผู้หญิงโรคจิตคนหนึ่งตามไปถึงในห้องน้ำ ดูเหมือนจะจำฝังใจเลยทีเดียว
สิ่งหนึ่งที่จิวเลี่ยนไม่รู้ก็คือว่าหวังจิ้งหยูไม่ได้เจอแค่เพียงเรื่องนั้นเรื่องเดียวเท่านั้น เขายังเคยโดนแฟนคลับที่คลั่งไคล้เขาจนเกินขอบเขตตามติดไปทุกฝีก้าวด้วย เคยแม้กระทั่งว่าเปิดเข้าหอพักไปแล้วเจอคนซ่อนตัวอยู่ในตู้เสื้อผ้า เคยเกือบจะโดนลักพาตัวไปแล้วก็มี
สถานการณ์ต่าง ๆ ที่เคยเจอมานั้นเรียกได้ว่าถูกคุกคามอย่างเต็มรูปแบบเลยจริง ๆ
“ไม่เป็นไรครับ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” จิวเลี่ยนพูดด้วยท่าทีสบาย ๆ ไม่ให้คนอื่นรู้สึกว่าเขาถือว่ามันเป็นเรื่องใหญ่อะไร แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้ตอบคำถามของเสียนลู่ออกไป
“แล้วเสี่ยวจิวก่อนหน้าที่จะมาขับรถให้พวกเรา นายขับรถให้ใครอยู่เหรอ เอ่อ พวกเราพูดแบบเป็นกันเองได้ใช่ไหม” คราวนี้เป็นเจิ้งเหยาที่พูดขึ้นมาบ้าง เขาถามจิวเลี่ยนออกมาแบบนั้นโดยที่ไม่เข้าใจตัวเองด้วยซ้ำว่าทำไมถึงได้รู้สึกเกรงใจที่จะพูดอย่างเป็นกันเองกับเสี่ยงจิวผู้นี้นัก ทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายเป็นแค่คนขับรถและยังเป็นคนที่มีอายุน้อยกว่าเขาอยู่หลายปีอีก
แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั่นก็เป็นเพราะว่าเขารู้สึกว่าเสี่ยวจิวคนนี้ไม่ธรรมดาอย่างที่เห็น
ไม่ใช่แค่เจิ้งเหยาเท่านั้นที่คิดว่าเสี่ยวจิวคนขับรถคนใหม่ของพวกเขาไม่ธรรมดาอย่างที่ตาเห็น จิ้งหยูที่รู้สึกคุ้นเคยกับรูปร่างลักษณะของจิวเลี่ยนก็คิดแบบนั้นด้วยเหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงได้รู้สึกว่าควรจะจับตามองคนขับรถคนใหม่นี้ไว้สักหน่อย
จิวเลี่ยนไม่รู้ความคิดนี้ของจิ้งหยู เพราะหากเขารู้ เขาคงจะบอกไปอย่างเต็มใจว่า อย่ามัวแต่จับตาดูเลย เขาเต็มใจให้จับทั้งตัวเลยด้วยซ้ำ
“ได้ครับ ตามสบายเลย ก่อนหน้านี้ผมขับรถให้นายใหญ่ตระกูลหลงน่ะครับ” จิวเลี่ยนมองเห็นแววตาอยากรู้อยากเห็นในตาของไอดอลทั้งห้าคน ทั้งสองในห้ายังมีสายตาที่เต็มไปด้วยความเคลือบแคลงต่อเขา ดังนั้นเขาจงใจตอบไปแบบนี้ ตอบเสร็จแล้วก็ลอบหัวเราะในใจอย่างนึกตลกเมื่อเห็นดวงตาที่เบิกกว้างเป็นไข่ห่านของทุกคนบนรถ
ใช่ ทุกคนบนรถ ไม่เว้นแม้กระทั่งเอ็มม่า เพื่อนของเขา
คำตอบนี้ของจิวเลี่ยนเรียกได้ว่าสร้างความแตกตื่นได้อย่างแท้จริง
“นายใหญ่ตระกูลหลง นายหมายถึงคุณวอดก้าใช่ไหม นายเคยเป็นคนขับรถให้คุณวอดก้ามาก่อนเหรอ” เสียนลู่น้องเล็กสุดเก็บซ่อนความตื่นเต้นของตัวเองไว้ไม่อยู่ เขาแทบจะถลาปีนเบาะรถมาข้างคนขับด้วยซ้ำ โชคดีที่เอ็มม่ารั้งเอาไว้เสียก่อน
“พวกนายจะตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น” เอ็มม่ารั้งเสียนลู่ให้กลับมานั่งที่เบาะรถของตัวเองเหมือนเดิมแล้วพูดเสียงดุ
“โหย จะไม่ให้เราตื่นเต้นได้ยังไง นั่นคุณวอดก้าเลยนะ คุณวอดก้าน่ะ” เสียนลู่เป็นเหมือนเด็กที่โดนขัดใจเวลาที่ตัวเองพูดถึงไอดอลหรือฮีโร่ที่ตัวเองชื่นชอบให้คนคนหนึ่งฟัง แล้วคนคนนั้นไม่ได้รู้สึกอินไปด้วย
เด็กในสังกัดเวลส์เอ็นเตอร์เทนเม้นต์แทบจะทุกคนในตอนนี้นั้นล้วนแล้วแต่ไม่เคยเจอวอดก้าเลยสักครั้ง แต่พวกเขาก็รู้ถึงประวัติที่แท้จริงของการก่อตั้งเวลส์เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ รู้ว่าคนคนนี้คือคนที่ทำให้ผู้นำเวลสต้องลงทุนสร้างมันขึ้นมาเพื่อให้คนรักของตัวเองได้เดินตามความฝันอย่างสะดวกราบรื่น
พวกเขาอยากเห็น อยากเห็นว่าคนที่สามารถทำให้คนคนหนึ่งยอมทำให้ตัวเองได้ถึงขนาดนี้นั้น แท้จริงแล้วเป็นยังไงกันแน่ จะเหมือนในภาพที่ถูกแอบถ่ายหรือเปล่า
ใช่แล้ว หลังจากที่วอดก้าผู้นั้นคือดำรงตำแหน่งเป็นผู้นำตระกูลหลง เจ้าตัวก็ปรากฎตัวต่อหน้าสื่อน้อยมาก ๆ จนช่วงแรก และในช่วงหลังมานี้แทบจะไม่มีใครได้เห็นหน้าเลยด้วยซ้ำ มีเพียงมาร์ตินี่คนรักของเขาเท่านั้นที่ยังคงปรากฏตัวต่อหน้าสื่ออยู่เนือง ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเรียกได้ว่าไม่เท่ากับเมื่อสมัยก่อน
ไม่ใช่ว่าเพราะความนิยมน้อยลง ไม่ใช่ว่าเพราะสื่อให้ความสนใจน้อยลง แต่เพราะว่าเจ้าตัวไม่ต้องการให้สื่อสนใจมากกว่า
และไม่ใช่แค่เฉพาะมาร์ตินี่และวอดก้าเท่านั้น ทายาทของทั้งคู่ก็ยังไม่มีสื่อเจ้าไหนเก็บภาพได้ชัด ๆ สักครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะภาพของแฝดผู้พี่ ถ่ายออกมาได้แต่ละภาพนั้นล้วนแล้วแต่เป็นภาพมุมข้างจากไกล ๆ ด้วย!
คิดมาถึงตรงนี้เสียนลู่ก็ดวงตาเป็นประกายตื่นเต้นมากกว่าเดิม เปิดปากถามออกไปอีกครั้ง
“แล้ว แล้วถ้าคุณเคยขับรถให้คุณวอดก้าจริง ๆ คุณเคยได้เจอลูกของคุณวอดก้าหรือเปล่า พวกเขาหน้าตาเป็นยังไงบ้าง” คำถามนี้ของเสียนลู่เกือบทำให้วอดก้าเหยียบเบรกรถกระทันหัน
“เสียนลู่ อย่าเสียมารยาท เลิกถามได้แล้ว” เอ็มม่าพูดเสียงดุและน้ำเสียงนั้นเคร่งเครียดทันที เธอดุคนในความดูแลของตัวเองเสร็จก็ลอบมองหน้าเพื่อนทันที แต่ว่าด้วยแว่นอันใหญ่ที่ปิดบังดวงตาอยู่ทำให้ไม่รู้เลยว่าเพื่อนของเธอคิดยังไงกับคำถามที่เสียนลู่ถามออกไป
“เคยเจอครับ หล่อมาก ๆ หล่อเหมือนเทพบุตรเลย ผมคิดว่าทั้งคู่ต้องเป็นลูกรักของพระเจ้าแน่ ๆ โดยเฉพาะฝาแฝดคนพี่” น้ำเสียงของจิวเลี่ยนนั้นเต็มไปด้วยความชื่นชมระคนอิจฉา ฟังแล้วชวนให้เชื่อว่าเจ้าตัวเคยเจอกับสองฝาแฝดของตระกูลหลงและเวลส์จริง ๆ
เอ็มม่าที่เมื่อครู่ยังระวังอารมณ์ของเพื่อนอยู่เลย กลัวว่าเจ้าตัวจะเอาเรื่องกับเสียนลู่ที่ถามแบบนั้น แต่เมื่อได้ยินคำตอบจากปากของจิวเลี่ยนแล้ว เธอก็อยากจะกลอกตาให้เป็นเลขแปด
ก็รู้ว่าหน้าไม่อาย แต่ไม่คิดว่าจะหน้าหนาถึงขนาดชมตัวเองได้ไม่อายปากขนาดนี้!
เอ็มม่าที่หมั่นไส้เพื่อนมากคิดจะขยับปากพูดจิกกัดสักประโยคสองประโยคก็ยังไม่ทันจะได้พูดออกไปก็ต้องเปลี่ยนคำที่เตรียมจะพูดเมื่อพบว่าเพื่อนนั้นหักพวงมาลัยเลี้ยงเข้าซอยทั้ง ๆ ที่ตามแผนที่แล้วจะต้องขับตรงต่อไป
“ทำไมเลี้ยวล่ะ ไม่ใช่ว่าต้องขับตรงไปเหรอ” เอ็มม่ามองทางคับแคบที่จิวเลี่ยนพาเข้ามาแล้วก็ถามอย่างสงสัย
เมื่อได้ยินผู้จัดการวงถามออกไปอย่างนั้น ผู้เป็นไอดอลทั้งห้าก็เกิดความสงสัยขึ้นมาทันทีด้วยเหมือนกัน และยังมีจิ้งหยูที่เพิ่มความตื่นตัวและความหวาดระแวงขึ้นมา ยิ่งเห็นว่าซอยนั้นทั้งแคบทั้งคดเคี้ยวไปมา
หมอนี่คิดจะทำอะไร
“มีรถขับตามพวกเรามา ผมสังเกตเห็นตั้งแต่ที่โรงแรมแล้ว แค่ยังไม่มั่นใจ แต่ตอนนี้มั่นใจแล้ว” จะไม่มั่นใจได้ยังไง ขนาดเขาขับเข้าซอยแคบที่รถยนต์วิ่งแทบจะไม่ได้ รถคันนั้นก็ยังเลี้ยวเข้ามาอย่างไม่ลังเล ทว่าเพราะด้วยความที่เป็นซอยแคบมาก มากจนความจริงแล้วไม่มีรถยนต์คันไหนบ้าพอที่จะใช้เส้นทางนี้ก็ทำให้รถที่ขับตามพวกเขามานั้นหยุดชะงักที่ต้นซอย
“รถคันนั้นจอดติดอยู่ที่ต้นซอย คนขับไม่มีความสามารถมากพอที่จะพารถเข้ามาในซอยแคบนี้ได้ ถ้าพวกคุณไม่เชื่อก็รอฟังคำรายงานจากการ์ดเถอะ ผมว่าตอนนี้เขาคงจะพบความผิดปกติแล้ว” จิวเลี่ยนพูดไปพร้อมกับมือที่หมุนพวงมาลัยอย่างคล่องแคล่ง จังหวะการขับรถของเขานั้นนุ่มนวลจนไม่ให้ความรู้สึกเลยว่ากำลังขับรถอยู่ในซอยที่คับแคบและยากต่อการที่รถคันใหญ่คันหนึ่งจะเคลื่อนตัวไปได้อย่างราบรื่นเช่นนี้
สิ้นคำพูดของจิวเลี่ยนเสียงโทรศัพท์ของเอ็มม่าก็ดังขึ้นทันที เธอมองเบอร์ที่โชว์บนหน้าจอแล้วก็มองหน้าเพื่อนของเธอ ก่อนจะกดรับสายและกดเปิดลำโพง
“คุณเอ็มม่าครับ พวกเราเจอรถที่จอดอยู่ทางต้นซอยที่รถคุณเอ็มม่าแล่นผ่านเข้าไป ผมดูแล้วจำได้ว่าเป็นรถที่ขับตามรถของคุณเอ็มม่ามาตลอดทาง” เสียงของการ์ดที่ลอดผ่านลำโพงโทรศัพท์ออกมานั้นดังให้ได้ยินทุกคน
สายตาหกคู่จ้องไปยังคนที่ยังคงมองไปยังถนนเบื้องหน้าและบังคับทิศทางของรถได้อย่างมั่นคง
“เจอตัวคนขับไหม” เอ็มม่าถอนสายตากลับมาจากจิวเลี่ยนแล้วส่งคำถามออกไป
“ไม่เจอครับ เจอแต่รถจอดอยู่ ผมถ่ายแผ่นป้ายทะเบียนกับตัวรถมาแล้ว คิดว่าจะหาเจ้าของได้ไม่ยาก”
คำพูดของการ์ดนั้นทุกคนได้ยินชัด แต่มีคนที่ไม่เห็นด้วย หนึ่งก็คือจิวเลี่ยน สองก็คือจิ้งหยู ทั้งคู่ไม่เห็นด้วยก็เพราะเชื่อว่าแผ่นป้ายทะเบียนนั้นจะต้องเป็นของปลอมอย่างแน่นอน
คนพวกนี้แม้ว่าจะเป็นโรคจิต แต่ก็ไม่ได้โง่สักเท่าไหร่หรอก จะต้องไม่ยอมถูกตามตัวง่าย ๆ แน่นอน
“ผมรู้แล้วว่าทำไมเอ็มม่าถึงได้ให้คุณมาขับรถให้พวกเรา เพราะคุณเจ๋งอย่างนี้นี่เอง ฝีมือการขับรถแบบนี้ไม่เหมือนกับเป็นคนขับรถธรรมดา ๆ เลย” เสียนลู่หลังจากที่หายตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว เขาก็พูดชื่นชมจิวเลี่ยนทันที สร้างรอยยิ้มให้กับทุกคน
เอ็มม่าที่เมื่อครู่ยังมีสีหน้าเคร่งเครียดก็หัวเราะในลำคอเบา ๆ
ก็ไม่ธรรมดาน่ะสิ
“อีกประมาณห้านาทีก็จะถึงแล้ว” เอ็มม่าพูดขึ้นเพื่อให้ไอดอลทั้งห้าคนในความดูแลของเธอเตรียมความพร้อมก่อนที่จะลงจากรถ
สิ้นเสียงของหัวหน้าผู้จัดการวง ไอดอลทั้งห้าคนก็ขยับตัวหยิบกระจกขึ้นมาตรวจดูความเรียบร้อยของหน้าผมตัวเอง ถึงยังไงภาพลักษณ์ก็เป็นสิ่งที่ต้องรักษา จะให้ปรากฏตัวโทรม ๆ ต่อหน้าแฟนคลับได้ยังไงกัน
พวกเขาใช้เวลาเช็คความพร้อมของตัวเองอยู่หลายนาทีจนกระทั่งรถแล่นเข้าสู่ตัวห้างอันเป็นจุดหมายที่พวกเขาต้องมาทำงาน แต่ละคนก็วางอุปกรณ์ในมือของตัวเองลง สายตาของทั้งห้าหนุ่มมองลอดผ่านผ้าม่านปิดกระจกรถ มองไปยังข้างทางพบว่ามีกลุ่มแฟนคลับมายืนรอพวกเขาอยู่มากมาย มองกะจากสายตาโดยประมาณแล้วคิดว่าไม่ต่ำกว่าสองร้อยคน ในมือของแต่ละคนมีทั้งป้ายไป มีทั้งผ้าเชียร์ที่เขียนชื่อพวกเขา ชื่อวง และคำบอกรักมากมาย มองแล้วชวนให้ยิ้มตาม
“แฟนคลับของที่นี่ยังคงต้อนรับเราอย่างอบอุ่นเสมอเลยนะเนี่ย” ซองซึงฮุนพูดด้วยรอยยิ้มที่เต็มใบหน้า พวกเขามาเยือนเกาะเอ็มทุกปีนับตั้งแต่เดบิวต์มาได้สามปีแล้ว และแต่ละครั้งที่มาก็ยังคงได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นอยู่เสมอ
“พวกคุณมาที่นี่บ่อยเหรอครับ” จิวเลี่ยนอดไม่ได้ที่จะถามออกไปด้วยความสงสัย สงสัยว่าทำไมเขาถึงได้ไม่เคยได้ยินชื่อวงวงนี้มาก่อนเลย
บางทีจิวเลี่ยนอาจจะลืมไป นอกจากรายชื่อทีมแข่งฟอร์มูล่าวัน ชื่อนักแข่ง ชื่อสนาม ชื่อต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับรถแข่ง เขาก็ไม่รู้จักอะไรอีกแล้ว ในเมื่อทุ่มความสนใจไปที่สิ่งที่ตัวเองรักจนหมด
“ก็หลายครั้งอยู่นะครับ ปีหนึ่งก็ประมาณสองถึงสามครั้ง” หยางฮ่าวเป็นคนตอบ ก่อนจะพูดต่อ
“แต่เพิ่งเคยมาที่ห้างนี้เป็นครั้งแรก” พูดแล้วก็มองไปยังตึกสูงที่ถูกก่อสร้างมาด้วยดีไซน์ที่หรูหรา ป้ายชื่อที่ติดอยู่บนห้างนั้นก็โดดเด่นสะดุดตา
‘จิวเลี่ยนซิตี้’
ไม่ต้องบอกก็รู้ได้เลยว่าอะไรคือที่มาของชื่อห้างสรรพสินค้าที่เพิ่งจะก่อตั้งมาได้สามปี เป็นหลักฐานที่บอกได้เป็นอย่างดีเลยว่าตระกูลหลงนั้นให้ความรักความเอ็นดูกับคุณชายใหญ่ของตระกูลหลงขนาดไหน
“ยิ่งเห็นชื่อห้างแล้วก็ยิ่งอยากเห็นคุณชายใหญ่ของตระกูลหลงจริง ๆ เลยให้ตายเถอะ” เสียนลู่ผู้ที่ไม่เคยจะยับยั้งปากของตัวเองได้พูดออกมา
“บางทีคุณอาจจะเคยเจอแล้วแต่ไม่รู้ว่าเป็นเขาก็ได้นะครับ” จิวเลี่ยนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดู ถึงแม้ว่าเขาจะรู้มาโดยตลอดว่าภาพของเขาเป็นที่ต้องการขนาดไหน มีคนมากมายเพียงใดที่ต้องการเห็นโฉมหน้าของสองฝาแฝดทายาทของผู้ทรงอิทธิพลแห่งเกาะเอ็ม แต่ก็น้อยครั้งนักที่จะได้ยินกับหูตัวเองแบบนี้ โดยเฉพาะวันนี้ที่เขาได้ยินมาแล้วสองรอบ
เอ็มม่ามองหน้าเพื่อนตัวเองผ่านทางกระจกแล้วก็ลอบส่ายหน้า
จิ้งหยูก็หรี่ตามองหน้าคนพูด ในใจรู้สึกแปลก ๆ อย่างบอกไม่ถูก หรือสึกเหมือนว่ามีอะไรบางอย่างติดค้างอยู่ในใจ แต่ก็หาไม่เจอว่ามันคืออะไร
“ถึงแล้วครับ” จิวเลี่ยนที่ขับรถมาหยุดอยู่ที่ลานจอดรถชั้นเจ็ดของห้างพูดขึ้นมา เขาปลดสายเข็มขัดนิรภัยที่เอวออก ก่อนจะลงจากรถไป
เมื่อลงจากรถไปแล้วก็ขยับขาสะบัดเบา ๆ บอกตามตรงว่าเขาไม่เคยชินกับการขับรถตู้เลยจริง ๆ ส่วนมากรถที่เขาจะขับก็คือรถฟอร์มูล่าวันที่ขับอยู่ในสนามแข่ง หรือไม่ก็รถซูเปอร์คาร์ที่มีจอดอยู่เต็มบ้าน แน่นอนว่ามันเป็นของป่ะป๊าที่เขาสามารถเลือกเอามาขับได้ทุกคัน
จิวเลี่ยนขยับขาไปมาได้สองสามครั้ง การ์ดจำนวนหนึ่งก็ลงจากรถมาแล้วล้อมรอบรถเอาไว้ จิวเลี่ยนหยุดเคลื่อนไหวร่างกายแล้วมองดูว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วเขาก็สังเกตเห็นว่ามีกลุ่มแฟนคลับหลายสิบคนกำลังยืนอยู่ไม่ไกล ดูเหมือนว่าจะมีบางคนที่หลุดรอดออกจากการปิดกั้นพื้นที่ของการ์ดเข้ามายังลานจอดรถที่ถูกปิดกั้นไว้ให้ห้าหนุ่มวงยูนิคโดยเฉพาะ
และเมื่อหลุดรอดออกมาแล้ว นอกจากการป้องกันไม่ให้แฟนคลับถึงตัวห้าหนุ่มยูนิคได้ ก็ไม่ได้มีมาตรการในการขับไล่แฟนคลับ อย่างมากหลังจากที่จบงานนี้ทางช่องทางสื่อสารอย่างเป็นทางการของวงก็คงจะประกาศขอความร่วมมือหรือหนักหน่อยก็ประกาศห้ามเอง
จิวเลี่ยนมองบรรดาแฟนคลับที่ถือกล้องตัวใหญ่อยู่ในมือแล้วก็อดไม่ได้ที่จะมองหาว่ามีคนที่ใบหน้าเหมือนกับผู้หญิงที่เขาเจอในห้องน้ำคนนั้นหรือเปล่า เขาคิดว่าบางทีคนที่ขับรถตามมาอาจจะเป็นคนเดียวกับผู้หญิงคนนั้น
เขาควรจะให้การ์ดเขาตรวจสอบ
เมื่อคืนที่เกิดเรื่องจิวเลี่ยนไม่ได้ให้ความสนใจกับเธอมากนัก เพียงแค่ให้การ์ดอุ้มออกไปทิ้งที่ข้างนอกคลับ ไม่ได้ให้ทำอะไรนอกเหนือจากนั้น การ์ดของเขาเองก็ไม่ได้เคลื่อนไหวทำอะไรเกินคำสั่ง แต่คิดว่าบางทีตัวคู่กรณีโดยตรงอย่างจิ้งหยูอาจจะรู้ก็ได้ว่าคนที่วางยาเขานั่นเป็นใคร
จิวเลี่ยนคิดโดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่าบรรดาแฟนคลับที่กำลังรอห้าหนุ่มยูนิคก้าวลงจากรถนั้นต่างก็เริ่มให้ความสนใจเขาแล้ว
อาจจะเพราะด้วยรูปร่างที่กำลังเป็นพิมพ์นิยม ไม่ต่างอะไรกับไอดอลส่วนมากในวงการบันเทิง และด้วยเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ ต่อให้ไม่ได้เป็นคนที่ติดตามแบรนด์เนมอยู่ก็สามารถมองออกได้ว่าราคาไม่ธรรมดา นอกจากนี้บรรดาแฟนคลับที่อยู่ตรงนี้ล้วนแล้วต่เป็นแฟนคลับตัวยงของวง จำใบหน้าของคนขับรถวงยูนิคได้เป็นอย่างดี ดังนั้นเมื่อเห็นว่าคนคนนี้ลงจากที่นั่งของคนขับพวกเธอจึงได้สงสัยว่าเป็นใคร
“นั่นใคร คนขับรถคนใหม่เหรอ”
“ยูนิคของพวกเราเปลี่ยนคนขับรถคนใหม่เหรอ”
“ว้าว ขนาดปิดหน้าปิดตาความหล่อยังทะลุออกมาเลย ถ่ายรูปเก็บไว้สักหน่อยดีกว่า”
“ทำไมเปลี่ยนคนขับรถล่ะ คนเก่านั้นคือคนที่พาไปด้วยทุกที่ที่ไปทำงานเลยนะ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าถึงได้เปลี่ยนคนขับ แล้วคนใหม่ยังดูเด็กมากเลยนะ จะไว้ใจได้หรือเปล่าเนี่ย”
มีหลายคนที่ตื่นเต้นกับคนขับรถคนใหม่ของห้าหนุ่มยูนิค แต่ก็มีอีกหลายคนเหมือนกันที่คลางแคลงใจและไม่ไว้ใจที่จะฝากความปลอดภัยยามอยู่บนท้องถนนของคนที่พวกเธอรักไว้ในมือของคนที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะมีอายุเกิดยี่สิบปีไปได้ อายุแค่นี้จะมีประสบการณ์ขับรถได้สักเท่าไหร่กัน
เมื่อมีคนเปิดประเด็นเรื่องความไม่น่าไว้ใจและไม่น่าวางใจ ก็มีอีกหลาย ๆ คนที่เริ่มคิดตาม จนกลายเป็นประเด็นที่โต้เถียงกันในโซเชียล แต่นั่นก็ยังเป็นแค่กลุ่มคนเล็ก ๆ อยู่ เมื่อคนส่วนใหญ่มีความคิดที่ว่า
‘จะรีบตีโพยตีพายไปทำไมก่อน ยังไม่รู้เลยว่าเด็กจริงหรือเปล่า ปิดหน้าปิดตาขนาดนั้น อีกอย่างนะ คนของเวลส์เอ็นฯ ไม่มีคนไหนที่ใช้การไม่ได้หรอก ค่ายนี้เขาคัดคนมาอย่างดีแล้ว วางใจเถอะ’
‘นี่คิดว่าไม่ต้องรีบสร้างประเด็นกันเร็วขนาดนี้ก็ได้ ถ้าเป็นคนที่เวลส์เอ็นกล้าใช้งาน ยังไงก็ต้องเป็นคนที่ไว้ใจได้อยู่แล้ว’
แฟนคลับพวกนี้ไม่ได้เชื่อมั่นในตัวจิวเลี่ยน แต่พวกเธอเชื่อมั่นในเวลส์เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ บางคนนั้นเป็นแฟนคลับมาตั้งแต่สมัยรุ่นของวอดก้าจนตอนนี้มาถึงรุ่นของห้าหนุ่มยูนิค เรียกได้ว่าตามแบบรุ่นสู่รุ่น กลายเป็นแฟนคลับของศิลปินค่ายเวลส์เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ไปเลย
อีกทั้งยังมีแฟนคลับบางส่วนที่ไม่ได้มุ่งความสนใจไปที่ความน่าเชื่อถือ แต่สนใจเรื่องเสื้อผ้าที่จิวเลี่ยนใส่อยู่มากกว่า
‘พระเจ้า เป็นคนขับรถต้องใส่เสื้อผ้าตัวละเป็นหมื่นเป็นแสนเลยเหรอ กุจำได้ เสื้อนั่นผัวกุมีอยู่ตัวหนึ่ง ตอนมันซื้อมากุแทบจะตีมันให้หัวแตก เสื้อห่าไรตัวหนึ่งราคาเกือบหกหลัก!’
‘มึ๊งงงงง เสื้อว่าแพงแล้ว มึงดูกางเกงจ้า กุว่ากางเกงรุ่นนี้ กุขายแบรนด์นี้อยู่ อื้อหืออออ หกหลักปลาย ๆ จ้า กุอดข้าวสามเดือนยังพอซื้อแค่ขากางเกงข้างเดียว’
‘ช่วยดูหน่อย เข็มขัดนั่นใช่ของแบรนด์ซีไหม ถ้าใช่เส้นนั้นก็หลายหมื่นอยู่นะ’
‘ของจริงหรือเปล่า อาจจะเป็นของก็อปก็ได้นะ แค่คนขับรถไม่น่าจะมีปัญญาซื้อของแพง ๆ แบบนั้นใส่หรอก’
‘กุก็ว่าของก็อป เดี๋ยวนี้พวกของก็อปเกรดเอมีให้เกลื่อน’
‘กุแบบ อยากชูคอมากตอนนี้ มึงดูความไม่ธรรมดาของวงผัวกุนะคะ ขนาดคนขับรถยังใส่เสื้อผ้าราคาเป็นแสน ธรรมดาที่ไหนล่ะวงผัวกุน่ะ’
‘เดี๋ยวนะ นี่กุกำลังเปย์ใครอยู่คะ คนที่มีเงินในบัญชีแค่หกดอลกำลังเปย์ศิลปินที่มีคนขับรถแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าหกหลัก กุสิไห้ ฮือออออออ’
โชคดีที่แฟนคลับทั้งหลายไม่รู้ว่าเสื้อผ้าที่คนขับรถคนใหม่ของวงยูคนิคกำลังใส่อยู่นี้เป็นตัวที่มีราคาถูกที่สุดในบรรดาเสื้อผ้าที่มีแล้ว ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าจะน้ำลายฟูมปากหรือไม่
แต่นั่นก็เป็นการเคลื่อนไหวในโซเชียลที่จิวเลี่ยนไม่ได้รับรู้ด้วย เขากำลังมองห้าหนุ่มยูนิคที่กำลังทยอยลงจากรถ และถูกการ์ดล้อมเป็นไข่แดงให้เดินเข้าไปในห้าง ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของแฟนคลับที่ตระโกนเรียกชื่อของแต่ละคนไม่ขาด อีกทั้งยังมีบางส่วนที่พยายามจะวิ่งฝ่าวงล้อมของการ์ดเข้ามาให้ได้ การ์ดกว่าสามสิบคนที่มีอยู่ก็ใกล้จะรับมือกับความบ้าคลั่งนี้ไม่ไหวแล้ว
“จิว เสี่ยวจิว” เอ็มม่ามองแล้วเห็นว่าการ์ดที่ทางลูกค้าเตรียมไว้ให้รับมือแทบจะไม่ไหวแล้วก็เรียกหาเพื่อนของเธอ ส่งแววตาอ้อนวอนมาให้
จิวเลี่ยนมองเห็นเพื่อนส่งสายตาอ้อนวอนมาก็รู้ว่าเธอต้องการอะไร แต่เขาก็ทำเป็นเมินเฉยต่อสายตานั้น
ก็ตกลงกันแล้วไงว่าเขาแค่มาเป็นคนขับรถ แค่นี้ก็ขาดทุนจะแย่แล้ว!
จิวเลี่ยนคิดในใจ แต่เมื่อหางตาเหลือบไปเห็นว่ามีแฟนคลับคนหนึ่งใกล้จะถึงตัวของจิ้งหยูแล้ว ดวงตาคู่คมโตภายใต้เลนส์แว่นสีเข้มก็วาววับขึ้นมา ยกมือข้างขวาขึ้นสะบัดเบา ๆ ครั้งหนึ่ง การ์ดร่างยักษ์ในชุดสีดำสนิทจำนวนหนึ่งก็ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน สะกัดกั้นแฟนคลับคนนั้นไว้ได้ทันที ทั้งยังกันไม่ให้แฟนคลับคนอื่น ๆ เข้าถึงตัวของจิ้งหยูได้อีก
ฮึ่ม ผู้ชายของฉัน ใช่ว่าใครจะเข้าใกล้ได้ง่าย ๆ หรือไง
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 25
Comments