พันธนาการวิญญาณหลอน
ฝนโปรยปรายนานหลายชั่วโมงแล้ว
เม็ดฝนเย็นจัดซัดใส่ผืนดินจนกลิ่นดินเปียกคลุ้งขึ้นมาในอากาศ เสียงฟ้าร้องดังสนั่นเหมือนจะฉีกท้องฟ้าออกเป็นเสี่ยง ๆ
กลางป่าลึก ไฟจากตะเกียงน้ำมันเก่า ๆ วาบขึ้นเป็นระยะ ส่องให้เห็น “บางสิ่ง” ที่นั่งพับเพียบอยู่กับพื้นชื้นแฉะ
ร่างนั้นนิ่งสนิท แต่ดวงตากลับเบิกกว้างจนน่าขนลุก
ลูกตาขาวขุ่นราวกับถูกแช่ในน้ำจนเน่าเปื่อย
ริมฝีปากแห้งผากมีเศษกระดาษสีแดงติดอยู่ — กระดาษยันต์ที่พิมพ์ด้วยอักษรโบราณ ไม่มีใครอ่านออก
เลือดซึมจากบาดแผลลึกบนข้อมือไหลรวมกับน้ำฝนเป็นลำเล็ก ๆ
และสิ่งที่ทำให้ขนลุกจนลมหายใจสะดุด… คือมุมปากของร่างนั้นยังยกยิ้มบาง ๆ
ยิ้มที่ไม่ควรอยู่บนใบหน้าของคนตาย
“แชะ!”
เสียงชัตเตอร์ดังขึ้นกลางสายฝน
ชายหนุ่มร่างสูงในเสื้อกันฝนสีดำก้มมองภาพผ่านกล้องถ่ายรูป น้ำฝนหยดจากปลายผมลงบนมือเขา
คิริน — ช่างภาพสารคดีอิสระ ผู้ไม่เคยเชื่อเรื่องผีหรือไสยศาสตร์
เขามาที่นี่เพราะข่าวคดีฆาตกรรมต่อเนื่องในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ ศพทุกศพถูกพบในสภาพตาเบิกโพลง มียันต์แดงในปากเหมือนกันทั้งหมด
นี่คือศพที่ห้า… และคิรินกำลังคิดว่ามันไม่ใช่ฝีมือฆาตกรธรรมดา
เขายกกล้องขึ้นอีกครั้ง แต่ในจังหวะที่แฟลชวาบ เขากลับเห็นดวงตาขาวขุ่นของศพ “ขยับ!” มองตรงมาที่เขา
หัวใจคิรินกระตุก เขากะพริบตาอีกที… ร่างนั้นก็กลับไปนิ่งเหมือนเดิม
“แม่ง...” เขาพึมพำในลำคอ แต่สัญชาตญาณบอกให้รีบไปจากที่นี่
---ในขณะเดียวกัน
ภายในหอพักนักศึกษาแห่งหนึ่งในตัวเมือง
นที — เด็กปีสามสาขาศิลปะการแสดง ผุดลุกจากเตียงกลางดึก หอบหายใจแรงจนหน้าอกกระเพื่อม
เหงื่อเย็นผุดเต็มหน้าผาก ทั้งที่เครื่องปรับอากาศยังทำงานอยู่
เขาฝัน… ฝันถึงร่างตาเบิกโพลงเหมือนกับที่คิรินเพิ่งเห็น
รายละเอียดชัดเจนจนเหมือนยืนอยู่ตรงหน้า ทั้งกลิ่นคาวเลือด ทั้งใบหน้ายิ้มเย็น
นทีเคยเห็นภาพพวกนี้มาก่อน — ไม่ใช่ครั้งแรก
ตั้งแต่เด็ก เขามีสัมผัสพิเศษที่ทำให้มองเห็นสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น
แต่เขาเลือกเก็บมันไว้ เพราะทุกครั้งที่เปิดปากบอกใคร เขามักถูกมองว่าเพ้อเจ้อ
ทว่าฝันคราวนี้แตกต่างออกไป… เพราะความรู้สึกในอกบอกว่า มันกำลัง “หา” เขาอยู่
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...
เสียงเคาะประตูดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ
นทีชะงัก เงี่ยหูฟังอีกครั้ง เสียงฝนข้างนอกยังคงดังต่อเนื่อง แต่เสียงเคาะนั้นชัดเจน ราวกับมีใครยืนอยู่หน้าห้องจริง ๆ
เขาเหลือบมองนาฬิกา — ตีสองยี่สิบเจ็ดนาที
“ใครครับ...” น้ำเสียงสั่นเล็กน้อย
ไม่มีคำตอบ
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...
คราวนี้ช้าลง หนักขึ้น จนหัวใจเขาเต้นแรงผิดจังหวะ
นทีค่อย ๆ เดินไปที่ประตู มือเย็นเฉียบเมื่อแตะลูกบิด
แชะ! ไฟในห้องกระพริบวูบ ก่อนดับสนิท
ความมืดปกคลุม เหลือเพียงแสงฟ้าแลบที่สาดเข้ามาทางหน้าต่าง
แสงนั้นเผยให้เห็นเงาดำสูงเกือบชนเพดาน ยืนอยู่ตรงหน้าประตู
หัวใจนทีเต้นโครมครามเงานั้นก้มลง ดวงตาขาวขุ่นคู่นั้นเสมอกับช่องมองประตู… และจ้องเขาไม่กะพริบ
นทีผงะถอย
ทันใดนั้น เสียงผู้ชายอีกคนดังขึ้นข้างหลัง
“อย่าเปิด!”
ไฟแฟลชวาบสว่างทั่วห้อง เผยให้เห็นคิรินยืนเปียกปอนอยู่ตรงประตูห้อง เขาหอบหายใจ กล้องถ่ายภาพยังห้อยอยู่ที่คอ
น้ำฝนหยดจากปลายผมลงพื้นเป็นทาง
นทีตะลึง “คุณ... เป็นใคร”
คิรินกวาดตามองห้องอย่างระแวดระวัง
“เราไม่มีเวลาแล้ว... มันตามคุณมา”
---
เสียงฝนข้างนอกดังถี่ขึ้นเหมือนเร่งเร้า
คิรินพุ่งเข้ามาจับข้อมือนทีแน่น ร่างสูงกว่าดึงเขาออกจากห้องโดยไม่รอคำอธิบาย
บันไดหอพักมืดเกือบสนิท ไฟทางเดินกระพริบวูบวาบเหมือนจะดับทุกเมื่อ
ตึก...ตึก...ตึก...
เสียงฝีเท้าหนักลากลงมาตามหลัง ทำให้เลือดในกายเย็นวาบ
นทีเหลือบมองขึ้นไปชั้นบนสุด
เงาดำนั้นยืนอยู่ตรงบันไดขั้นบนสุด ก้มหน้าอยู่ แต่ค่อย ๆ เงยขึ้น เผยดวงตาขาวขุ่นเหมือนเนื้อปลาเน่า
มุมปากมันยกขึ้นเล็กน้อย และหยดน้ำที่ไหลจากตัวมัน… เป็นเลือดสีคล้ำ
“เร็วเข้า!” คิรินกระชากแขนเขา
ทั้งคู่พุ่งออกจากประตูหอพัก ฝ่าสายฝนเย็นเฉียบ
ลมหายใจกลายเป็นไอขาว เสียงหัวใจดังแข่งกับเสียงฝน
ตรอกข้างหอพักมืดมิด มีเพียงเงาราง ๆ ของมอเตอร์ไซค์
จอดอยู่ปลายทาง ตึก...ตึก...ตึก...
เสียงฝีเท้าตามไม่ห่าง นทีหันมองอีกครั้ง — เงาดำสูงนั้นเดินออกมาจากปากประตูหอพัก
ดวงตาขาวยังจ้องมาที่เขาเหมือนจะฝังภาพนี้ไว้ในวิญญาณ
คิรินจับเอวนทีจากด้านหลังยกขึ้นคร่อมเบาะ
“จับผมไว้ให้แน่น”
เครื่องยนต์คำรามขึ้น ฝ่าความมืดและสายฝนอย่างรวดเร็ว
ผ่านกระจกมองหลัง — เงาดำนั้นยืนอยู่กลางถนน ยืนนิ่ง แต่สายตาเย็นเฉียบเหมือนกำลังบอกว่า “หนีไป... ก็ไม่รอด”
นทีซบหน้ากับแผ่นหลังคิรินโดยไม่รู้ตัว
เสียงฝนและลมแรงซัดเข้าหู แต่ยังไม่ดังเท่าเสียงหัวใจตัวเองที่เต้นไม่เป็นจังหวะ
และแม้จะไม่รู้ว่าผู้ชายตรงหน้าคือใคร… เขากลับรู้สึกว่าถ้าไม่เกาะเขาไว้ตอนนี้ ตัวเองจะถูก “บางสิ่ง” ลากกลับไปตลอดกาล
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments