ความเงียบปกคลุมหลังจากเงาดำนั้นหายลับไป
ฝนยังตก แต่เสียงฟ้าเหมือนถูกกดไว้เบื้องหลัง
ภายในบ้านมีเพียงเสียงหอบหายใจของทั้งสอง และเสียงหยดน้ำที่ไหลลงจากเสื้อผ้าเปียกโชก
นทีก้มมองเชือกที่ผูกข้อมือเขากับคิริน
หัวใจยังเต้นแรงไม่หยุด ตั้งแต่ถูกลากหนีจากหอพักจนถึงตอนนี้ ความกลัวเกาะกุม แต่ลึก ๆ กลับรู้สึกปลอดภัยแปลก ๆ ยามที่อยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้
“มันจะกลับมาอีกเมื่อไหร่” นทีถามเสียงเบา
คิรินเงยหน้ามองเขา ดวงตาคมจริงจัง “คืนวันเพ็ญหน้า”
“อีกแค่เจ็ดวัน”
คำตอบนั้นทำให้นทีเย็นวาบไปทั้งตัว
เจ็ดวัน… หมายความว่าเขามีเวลาแค่หนึ่งสัปดาห์ ก่อนที่ “พิธีตาเบิกโพลง” จะสมบูรณ์ และวิญญาณของเขาจะถูกใช้เป็นสังเวย
---
คืนนั้น ทั้งคู่แทบไม่ได้หลับ
คิรินนั่งตรวจเช็กกล้องและเอกสาร ขณะที่นทีเฝ้ามองเงาฝนไหลบนหน้าต่าง
จนกระทั่งเช้าวันต่อมา เสียงนกร้องแว่วขึ้นเป็นสัญญาณว่ารอดมาได้อีกหนึ่งคืน
“ผมจะพาคุณไปที่ที่หนึ่ง” คิรินเอ่ยขึ้น
“ที่ไหน?”
“วัดร้างทางเหนือของเมือง คนท้องถิ่นเล่ากันว่านั่นคือที่มาของพิธี”
นทีลังเล “คุณแน่ใจเหรอว่าไม่อันตราย”
คิรินหัวเราะสั้น ๆ “ถ้าไม่ไปหาคำตอบ คุณจะไม่มีโอกาสอยู่ถึงวันเพ็ญหน้าแน่”
สายวันนั้น ทั้งคู่ขับรถกระบะคันเก่าของคิรินฝ่าถนนเปียกมุ่งสู่ป่า
เส้นทางรกร้าง มีเพียงต้นไม้สูงแผ่เงาทึบ
บรรยากาศทำให้นทีรู้สึกเหมือนทุกฝีก้าวกำลังพาเขาใกล้ความตายมากขึ้น
เมื่อถึงทางเข้าวัด — ศาลาไม้พังทลาย หลังคามุงกระเบื้องแตกหัก
พระพุทธรูปครึ่งองค์ครึ่งหาย เหลือเพียงเศียรที่ถูกตะไบหน้าเรียบ
สายลมเย็นวาบพัดผ่านเหมือนการต้อนรับจากบางสิ่งที่มองไม่เห็น
“คุณอยู่ข้างผมตลอด” คิรินเอ่ยพลางกระชับเชือกที่ยังผูกข้อมือพวกเขาอยู่
นทีพยักหน้า แม้ใจจะเต้นรัวจนแทบจะทะลุอก
---
พวกเขาก้าวเข้าสู่วิหารเก่าที่เต็มไปด้วยเถาวัลย์
ผนังถูกเขียนด้วยอักขระโบราณสีดำซีดจาง แต่บางจุดยังเห็นชัดเป็น “ดวงตา” หลายสิบดวง
ดวงตาที่เหมือนกำลังจ้องมองผู้บุกรุก
นทีรู้สึกขนลุกไปทั้งแขน
“ที่นี่… เหมือนในฝันของผม” เขาพึมพำ
คิรินหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายภาพ เสียงชัตเตอร์ดัง แชะ แชะ
แต่ทันใดนั้น — ตึง!
ประตูไม้ด้านหลังปิดดังสนั่นเอง
ทั้งคู่หันขวับ เสียงลมหายใจสะดุด
ความมืดโอบรัดทั่ววิหาร เหลือเพียงแสงแฟลชกล้องที่สว่างวูบวาบเป็นจังหวะ
ทุกครั้งที่แฟลชส่อง — เงาดำสูงก็โผล่เข้ามาใกล้ทีละนิด
ครั้งแรกยืนอยู่ตรงเสาไกลสุด
ครั้งต่อมาขยับเข้ามาครึ่งทาง
ครั้งที่สามอยู่ตรงมุมวิหาร ดวงตาขาวขุ่นจ้องตรงมาที่นทีนทีร้องออกมา “มันมาแล้ว!”
คิรินคว้ามือเขาแน่น “อย่ามองตา!”
ทั้งคู่รีบวิ่งฝ่าความมืดไปยังทางออกอีกฝั่ง
เสียงฝีเท้าของเงาดำนั้นลากครูดตามมา ตึก…ตึก…ตึก…
เสียงหนักก้องสะท้อนเหมือนกำลังวิ่งอยู่ในวิหารเดียวกัน
---
พวกเขาผลักประตูไม้เก่าอีกด้านจนเปิดออก
แสงแดดส่องเข้ามาพร้อมกลิ่นหญ้าชื้น แต่นั่นไม่ใช่จุดสิ้นสุด
เพราะลานกว้างกลางวัดเต็มไปด้วย “หลุมศพ” เล็ก ๆ ที่เรียงราย
แต่ละหลุมมีไม้กางเขนไม้ไผ่ปักไว้ และทุกหลุมมีเศษยันต์สีแดงฝังอยู่ใต้ดินโผล่มาเพียงครึ่ง
นทีแทบหยุดหายใจ “นี่มัน… ศพเหยื่อทั้งหมด…”
คิรินเม้มปากแน่น “ไม่ใช่แค่ห้า… แต่เป็นหลายสิบ”
เสียงหวีดแหลมดังขึ้นรอบลาน
เงาดำไม่ใช่เพียงหนึ่งอีกต่อไป — แต่โผล่ขึ้นมาจากหลุมศพทีละร่าง
ทุกดวงตาเบิกโพลงเหมือนกันหมด
ทุกปากมีเศษยันต์แดงแปะอยู่
และทุกสายตาจ้องไปที่นทีเพียงคนเดียว
---
“วิ่ง!” คิรินผลักนทีให้ไปข้างหน้า
มือทั้งคู่ยังถูกผูกด้วยเชือก ทำให้ต้องวิ่งไปพร้อมกัน
เสียงฝีเท้าตามหลังหลายสิบคู่ถาโถม
บางร่างวิ่งด้วยท่าทางผิดธรรมชาติ ข้อต่อบิดงอ บางร่างคลานสี่ขาเร็วอย่างสัตว์ป่า
นทีหอบหายใจจนเจ็บอก
“ผมวิ่งไม่ไหวแล้ว—!”
คิรินโอบแขนรอบเอวเขา ยกขึ้นแทบแบกพาไป “ฉันจะไม่ปล่อยให้มันได้ตัวนาย”
ร่างทั้งคู่กระโจนพ้นเขตลานศพ
ทันใดนั้น เสียงระฆังเก่าในวัดก็ดัง ก้องงงงง…
เสียงนั้นทำให้เงาดำทั้งหมดหยุดนิ่ง
เหมือนมีกำแพงมองไม่เห็นกั้นไม่ให้มันออกมานอกเขตวัด
นทีกับคิรินทรุดลงกับพื้นหญ้าข้างนอก
เหงื่อและฝนชโลมทั้งตัว หัวใจยังเต้นไม่หยุด
นทีหันไปสบตาคิริน ทั้งคู่หอบหายใจแรงเหมือนเพิ่งกลับมาจากขอบนรก
“คุณช่วยผมอีกแล้ว…” นทีพูดเสียงแผ่ว
คิรินมองเขานิ่ง แววตาคมดุดันแต่แฝงความอบอุ่น “ผมสัญญา… ผมจะไม่ให้ใครเอาวิญญาณคุณไป”
เชือกที่ผูกข้อมือทั้งคู่ยังรัดแน่น
ความใกล้ชิดและคำสัญญาท่ามกลางความหลอน ทำให้นทีรู้สึกบางอย่างสั่นไหวในอก
บางอย่างที่ต่างจากความกลัว… และมันน่ากลัวยิ่งกว่าผีทั้งหมดที่ตามล่า
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments