เสียงฝนยังคงไล่ตามแม้เครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์คำรามแข่งลม
นทีเกาะเอวคิรินแน่น กล้ามเนื้อแขนเกร็งจนปวด แต่เขาไม่กล้าปล่อย
ทุกครั้งที่เงยหน้ามองกระจกข้าง ก็ยังเหมือนเห็น “เงานั้น” วูบตามมา แม้จะรู้ว่ามันอาจเป็นเพียงภาพหลอนจากความกลัว
รถเลี้ยวเข้าไปในซอยเล็ก ๆ ที่แทบไม่มีไฟส่อง
น้ำฝนกระเด็นเป็นฝอยเมื่อยางบดกับพื้นถนนเปียกลื่น
ในที่สุด คิรินก็หยุดรถหน้าบ้านไม้สองชั้นเก่า ๆ หลังหนึ่ง รั้วเหล็กขึ้นสนิมแง้มไว้เพียงพอให้รถลอดเข้า
เขารีบพานทีเข้าไปข้างใน ปิดประตูรั้วแล้วล็อกซ้อนด้วยโซ่
นทีมองรอบบ้าน — มันเงียบเกินไป
เสียงฝนจากข้างนอกเหมือนถูกกลืนหายไปเมื่อก้าวเข้ามาในตัวบ้าน
บรรยากาศข้างในมีเพียงกลิ่นไม้เก่าและฝุ่นอับ
“ที่นี่ปลอดภัย... ชั่วคราว” คิรินพูดพลางถอดเสื้อกันฝนโยนลงบนเก้าอี้
เขาหยิบผ้าขนหนูผืนหนึ่งจากชั้นวางมาโยนให้นที
นทีรับมาซับหน้า มือยังสั่นอยู่เล็กน้อย
“คุณเป็นใครกันแน่ **แล้วรู้ได้ยังไงว่าผมกําลังถูก** เอ่อ.. มัน ตามมา”
คิรินนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนถอนหายใจ
“*ผมสืบเรื่องฆาตกรรม**ในเมืองนี้มาสามเดือนแล้ว เหยื่อทุกคน… มีลักษณะเหมือนกันหมด ตาเบิกโพลง ยันต์แดงในปาก และมีรอยกรีดข้อมือ*”
เขานั่งลงบนเก้าอี้ไม้ ดวงตาคมยังจับจ้องนที
“และเมื่อคืน… ผมฝันเห็นคุณอยู่ตรงที่เกิดเหตุ”
หัวใจนทีเต้นแรงขึ้น “ฝัน? คุณหมายความว่ายังไง”
“เหมือนกับที่คุณฝันถึงมัน” คิรินตอบสั้น ๆ
คำพูดนั้นทำให้นทีขนลุก — หมายความว่าฝันของเขาไม่ใช่เรื่องบังเอิญคิรินลุกขึ้น เดินไปหยิบกล่องไม้เล็ก ๆ จากชั้นเก็บของ เปิดออกมาเผยให้เห็นกระดาษยันต์สีแดงที่เหมือนกับในปากศพ
อักษรบนยันต์ดูเหมือนลายมือโบราณขรุขระ บางเส้นบิดเป็นวงราวกับดวงตา
“นี่คือยันต์จากพิธีที่เรียกว่า ตาเบิกโพลง” เขาอธิบาย “พิธีเรียกวิญญาณอาฆาตขึ้นมาคุมร่างเหยื่อ ก่อนจะตัดสายใยชีวิต เพื่อใช้ดวงวิญญาณนั้นทำสัญญากับบางสิ่ง”
นทีตัวเย็นวาบ “ทำไมต้องเป็นผม”
คิรินมองเขานิ่ง “…เพราะคุณเป็น ‘ดวงวิญญาณบริสุทธิ์’ ตามคำทำนาย”
คำพูดนั้นทำให้บรรยากาศในบ้านหนาวเย็นลงทันที แม้ไม่มีลมพัด
นทีพยายามกลั้นหัวเราะเพื่อลดความกลัว
“ผมไม่รู้หรอกว่าคุณไปเอามาจากไหน… แต่ผมไม่ได้บริสุทธิ์อะไรขนาดนั้น”
คิรินเลิกคิ้ว แต่ไม่ได้ตอบ เพียงมองนทีด้วยสายตาที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกมองทะลุเข้าไปถึงข้างใน
ทันใดนั้น — ก๊อก…ก๊อก…ก๊อก…
เสียงเคาะดังขึ้นจากหน้าประตูบ้าน
นทีชะงัก หันไปสบตาคิรินทันที
คิรินเดินไปใกล้หน้าต่างอย่างเงียบกริบ แหวกผ้าม่านเพียงเล็กน้อย แล้วใบหน้าเขาก็แข็งทื่อ
“อย่าออกเสียง” เขากระซิบ
นทีค่อย ๆ ก้าวไปยืนข้างเขา
นอกบ้านมีเงาสูงเกือบสองเมตรยืนอยู่ท่ามกลางสายฝน ดวงตาขาวขุ่นยังคงสว่างลาง ๆ แม้ในความมืด
ร่างนั้นไม่ขยับ แต่ยืนหันหน้ามาทางบ้าน เหมือนรู้แน่ว่าเหยื่ออยู่ข้างใน
เสียงเคาะดังอีกครั้ง ก๊อก…ก๊อก…ก๊อก… ช้า หนัก จนไม้ประตูสั่น
นทีเผลอก้าวถอย คิรินคว้าแขนเขาไว้
“ถ้าเปิด… มันจะเข้ามา”
“แล้วเราจะทำยังไง” นทีถามเสียงสั่นคิรินปล่อยมือจากแขนเขา เดินไปหยิบเชือกเส้นหนาที่ปลายมีผ้ายันต์ผูกไว้
“ผมเตรียมไว้แล้ว ถ้าจะรอดคืนนี้ คุณต้องอยู่ใกล้ผมตลอด”
เขาก้าวเข้ามาผูกเชือกเส้นนั้นรอบข้อมือของนที ปลายอีกข้างผูกกับข้อมือตัวเอง
ระยะห่างระหว่างพวกเขาไม่ถึงหนึ่งเมตร
นทีรู้สึกได้ถึงไอร้อนจากร่างคิรินและกลิ่นอ่อน ๆ ของเหงื่อปนฝน
หัวใจเขาเต้นแรงกว่าเดิม ไม่แน่ว่าเป็นเพราะกลัว… หรือเพราะถูกผูกติดกันแบบนี้
เสียงเคาะหยุดไปกะทันหัน
เหลือเพียงเสียงฝนกับความเงียบที่กดดันจนเหมือนหูอื้อ
นาทีที่ทั้งคู่กำลังจะถอนใจ — กรี๊ดดดดดดดดด!
เสียงหวีดแหลมดังมาจากทุกทิศรอบบ้าน ประตูและหน้าต่างถูกเขย่าแรงจนฝุ่นร่วงลงมา
เงาดำนอกบ้านเริ่มเคลื่อนตัว… แต่มันไม่เดิน แต่ “เลื่อน” เข้ามาใกล้ประตูอย่างช้า ๆ
คิรินดึงนทีให้ถอยไปกลางบ้าน
ตาของเขาจับจ้องเงานั้นผ่านช่องประตูเหมือนกำลังรอจังหวะ
นทีอยากถามว่าเขาจะทำอะไร แต่ริมฝีปากกลับแห้งผากจนพูดไม่ออก
เมื่อเงานั้นเลื่อนถึงหน้าประตูพอดี
คิรินยกมือขึ้นกำยันต์สีแดงที่เขาเตรียมไว้ แล้วกดมันลงกับประตูพร้อมท่องคาถาเสียงต่ำ
อากาศรอบตัวเหมือนถูกบีบอัด เสียงฝนภายนอกเงียบลงชั่วขณะ
เงานั้นหยุดนิ่ง — ดวงตาขาวจ้องตรงมา ริมฝีปากยกยิ้มกว้างเกินมนุษย์ ก่อนจะถอยหายเข้าไปในความมืดอย่างช้า ๆ
คิรินปล่อยลมหายใจแรงราวกับแบกของหนักมาทั้งคืน
“มันจะไม่กลับมา… จนกว่าพิธีจะเริ่มอีกครั้ง”
เขาบอก
นทีจ้องเขา “พิธี? หมายความว่ามันจะกลับมาอีก?”
คิรินสบตาเขานิ่ง “…และคราวหน้า มันจะไม่มาแค่เคาะประตู”
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments