รักนี้ยิ่งชีพ #ดาบพิฆาตอสูร
เริ่มแรก
เราน่ะเป็นแค่หญิงสาวคนหนึ่งที่หลงรักการดูอนิเมะเป็นชีวิตจิตใจ ชอบจนถึงขั้นว่าก่อนนอนต้องคิดว่าตนเองเข้าไปอยู่ในอนิเมะสักเรื่องจะเป็นยังไง ทั้งที่ตอนนี้ฉันเองก็อายุตั้ง 22 ปีแล้ว แม่มักบอกกับฉันเสมอ...
"ลลิล...ลูกโตแล้วนะ ยังจะดูอนิเมะอยู่อีกเหรอ ไม่อายเด็กมันบางหรือไง"
ในบางครั้งเราเองก็มีคำถามเหมือนกันนะว่า การที่เราดูอนิเมะหรือการ์ตูนน่ะ มันไม่ต่างอะไรกับละครหรือหนังที่แม่ดูเลยซักนิด แต่ทำไมแม่ถึงมองว่ามันดูน่าอายขนาดนั้นเลยรึไงนะ ทั้งๆที่ในบางครั้งมันได้มอบข้อคิดหลายอย่างให้กับเรามากกว่าการดูละครน้ำเน่าที่เเย่งกันเพื่อผู้ชายโง่ๆคนนึง พล็อตเรื่องเดิมๆที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย ดูยังไม่จบก็เดาเรื่องได้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้
อนิเมะน่ะ ทั้งภาพสวย และเนื้อหาที่น่าสนใจ ทั้งบางเรื่องยังให้ข้อคิด ให้กำลังใจ ให้สีสันกับชีวิต
และแน่นอนสิ่งที่ขาดไปไม่ได้คือให้สามีทิพย์กลับมาด้วย
ทำไงได้ล่ะ
ก็พวกเขาน่ะ
หล่อเท่สุดๆ ไปเลยค่ะ
.
.
.
.
.
นิยายเรื่องนี้อาจมีการสปอยเนื้อหาบางส่วนในเรื่องดาบพิฆาตอสูร
ไรท์พยายามที่จะไม่เขียนในส่วนสำคัญของเรื่องนะคะ เนื้อหาส่วนใหญ่จะอยู่จบในภาคแรกและ ภาครถไฟนิรันดร์นะคะ และภาคหลังจากนั้นเราจะไม่สปอยรีดเดอร์นะ วางใจได้จ้าา
ฉันน่ะชอบดูอนิเมะมาตั้งแต่เด็กแล้ว จะให้บอกว่าดูมาตั้งแต่อายุเท่าไหร่ก็คงจะไม่ได้สิเพราะรู้ตัวอีกทีก็กอดหมอนมานั่งดูผ่านทีวีในวันหยุดเสาร์อาทิตย์จนติดเป็นนิสัยไปเสียแล้ว ตัวการ์ตูนสาวน้อยเวทมนตร์ที่ปราบปีศาจบ้าง ไม่ก็บาคุกันเหรอ นานมาเลยนะนั่น
ฉันน่ะใช้เวลาอยู่กับมันโดยไม่รู้สึกเบื่อเลยล่ะ แม้กระทั่งตอนนี้จะอยู่ปี 3 แล้วก็ยังดูอนิเมะอยู่ดี
ริน
มึงงงงงง...อย่าร้องงงงงง
ริสา
กูไม่ชอบอะไรแบบนี้เลยอ่าาาา....ทำไมเขาต้องแยกกันด้วยวะ
เป็นเวลาตีหนึ่งกว่าแล้วที่เราสองคนนั่งร้องไห้อยู่ข้างๆเตียงเพื่อนั่งดูอนิเมะที่หลายคนรู้จักกันดี
"เออ...ขอโทษนะคะ..."
"ขอโทษนะครับ"
"เราเคยพบเจอกันมาก่อนรึเปล่าคะ..."
"คุณชื่อว่าอะไรเหรอคะ......."
kimi no namae wa....?
.
ฉันน่ะไม่ค่อยได้ออกจากบ้านซักเท่าไหร่ เพราะว่าเป็นลูกผู้หญิงคนเดียวผิดกับพี่ชายที่ได้ไปไหนมาไหนกับเพื่อน ในบางครั้งฉันก็เเอบอิจฉาพี่ชายอยู่บ้าง มีอยู่ครั้งหนึ่งที่พอเลิกเรียนแล้วฉันแวะไปเล่นที่บ้านเพื่อนพอกลับบ้านมาก็โดนโกรธซะยกใหญ่ พ่อไม่คุยด้วย โดนแม่ดุแถมยังร้องไห้ด้วย ทำเอาไม่กล้าที่จะออกไปไหนเพราะไม่อยากโดนดุและไม่อยากเห็นน้ำตาแม่ตั้งแต่ประถมจนถึงมัธยม ฉันไม่เคยได้ไปเที่ยวบ้านเพื่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว จะได้ออกไปที่ไกลๆแค่ตอนทัศนศึกษาไม่ก็แข่งขันทักษะระดับภาคที่ต้องไปนอนที่ต่างจังหวัด แต่ก็นั่นแหละ กลายเป็นเรื่องชินชาไปเสียแล้วสิ จนตอนนี้ฉันอยู่ปีสามแล้ว เพื่อนที่สนิทด้วยมีไม่กี่คนหรอก แต่หายากนะที่จะมีคนมานั่งดูอนิเมะด้วยกันแบบนี้
ริสาน่ะเป็นผู้หญิงที่ไม่ค่อยเหมือนผู้หญิงน่ะ เธอเป็นคนที่เสียงดังไปหน่อย อีกทั้งนิสัยที่ไม่ยอมใครทำให้เธอดูเป็นคนหัวดื้ออยู่นิดๆ แถมยังใช้คำหยาบแบบสุดๆด้วยสิ แต่ถึงจะว่าอย่างนั้นเธอกลับกลายเป็นคนที่สร้างสีสันให้กับกลุ่มเพื่อนอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นตอนนอน กินข้าวหรือตอนเรียน ใครๆก็อยากอยุ่ใกล้เธอ
ริน
ดาบพิฆาตอสูร! เห็นเขาว่าดังมาก
ริสา
พรุ่งนี้มีเรียนเช้านะ
ริน
มันดูเหมือนคนไม่ได้นอนแต่วันนี้มึงนอนมาทั้งวันเเล้วนะ สรุปดูกับกูเนอะ!
พูดจบก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงเปิดโน๊ตบุ๊คเข้าสู่ตอนแรกโดยไม่ถามถึงความเห็นเลยซักคำ เพราะว่าฉันรู้ว่านางปฏิเสธไปอย่างงั้นแหละ พอเรื่องมันสนุกนางก็จะใจดใจจ่อกับมันเอง
แต่แหม....
คิดว่าตัวเองเดาเก่งแต่ไม่คิดว่าจะเก่งขนาดนี้
จากตอนแรกสุดจนถึงสู้กับรุยข้างแรมที่ 5 นางดูอินจนลืมว่าฉันเองก็นั่งอยู่ข้างๆแล้วล่ะ
ริสา
มึงงง..กูสงสารน้อง ทำไมน้องทันกูโดนตีนตลอดเลยวะ
ริสา
มึงดูสิ...อสูรแม่งโกงชิบหาย
ฉันมองเพื่อนตัวเองที่นั่งน้ำตาไหลพรากให้กับความสัมพันธ์พี่น้องของทันจิโร่และเนซึโกะด้วยความเอ็นดู อดไม่ได้ที่จะขำเล็กน้อยให้กับความอินเกินเบอร์ของนาง แต่นั่นแหละค่ะฉันก็ไม่ต่างกันหรอก
ริน
มึงดาบพิฆาตอสูรมีเดอะมูฟวี่แล้วนะ
ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคนเราจะสามารถชอบสิ่งที่ไม่มีจริงบนโลกใบนี้ได้มากขนาดนี้ นับตั้งแต่ที่ฉันเริ่มต้นดูภาพการ์ตูนเคลื่อนไหว มีตัวละครที่ฉันชอบอยู่มากมายแต่มันเป็นครั้งแรกเลยล่ะค่ะที่ฉันน่ะ
รู้จักคำว่า....ตกหลุมรัก
"อย่าใส่ใจที่ข้าต้องตายลงที่นี่ หากเป็นเสาหลักย่อมต้องปกป้องและเป็นโล่กำบังให้กับรุ่นน้อง หากเป็นเสาหลักไม่ว่าใครก็ต้องทำแบบเดียวกัน จงเติบโตยิ่ง ๆ ขึ้น ข้าเชื่อในตัวพวกเจ้า...."
รอยยิ้มสว่างไสวประทับเข้าไปในหัวใจของฉันในวาระสุดท้ายของเขา หยาดน้ำตามากมายกระทบตักของฉันโดยไร้ซึ่งเสียงร้อง ฉันรู้สึกได้ว่าไหล่ของฉันมันสั่นไหวมากขนาดไหน ฉันรู้สึกได้ว่าฉันหายใจไม่ออก ลำคอของฉันตีบตันจนไม่สามารถเอ่ยคำไหนออกไปได้เลย
เจ็บใจจัง....ที่มาเห็นคนที่ชอบถูกฆ่าแบบนี้น่ะ
ช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลย
ทั้งที่มันเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเองนะ
แต่ทำยังไงได้ล่ะ ก็คุณเร็นโงคุน่ะ
เป็นเสาหลักที่อบอุ่นที่สุดเลย....
นอนไม่หลับ
ทำยังไงก็นอนไม่หลับ
ผ่านมา ชั่วโมงกว่าแล้วหลังจากที่ริสากลับห้องตัวเองไปเหลือแค่ฉันที่พยายามข่มตานอนไม่ได้ จึงอดไม่ได้ที่จะออกไปรับลมบนระเบียงห้องเผื่อทำให้ตนนั้นง่วงขึ้นมาได้
ริน
เฮ้อ...เรื่องนั้นนี่เอาซึมเป็นหมาเลย
ความรู้สึกหนักอึ้งที่หัวเพราะร้องไห้หนักเกินไปมันทำให้ฉันไม่อยากทำอะไรเลยสักอย่าง ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถลบภาพรอยยิ้มเปื้อนเลือดนั้นได้เลย
ริน
ไม่อยากให้ตายเลย...ทั้งที่เป็นคนเก่งมากเเท้ๆ
ฉันนั่งตากลมด้านนอกสักพัก ดวงจันทร์วันนี้ก็ยังคงงดงามเหมือนเดิม ฉันน่ะชอบมองพระจันทร์มาแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ ทั้งที่ดูโดดเดี่ยวแท้ๆแต่กลับทอแสงสว่างอ่อนโยนที่ดูเหมือนปลอบประโลมอยู่เสมอ
เสียงนกเเว่วผ่านสายลมยามดึกเบาๆ แม้จะไม่ดังมากแต่ก็พอรู้ว่าเป็นนกที่มีขนาดบ้างแหละ บางทีมันอาจจะออกหากินตอนกลางคืนตามประสานกล่าเหยื่อ
ฉันหรี่ตามองเงาสีดำไกลออกจากหอพักเงานั้นลอยเว้งคว้างไปมาดูเหมือนว่าจะบินมาทางนี้เสียด้วยสิ
ปักษาสีดำพุ่งเข้าชนหน้าฉันอย่างจังจนล้มลงบนพื้นกระเบื้องด้วยความตกใจปนเจ็บปวดนิดๆพร้อมกับดาบหนักๆที่กลิ้งตกลงด้านข้างทำให้ฉันงุนงงไปสักพัก
อีกาตัวนี้มันขโมยดาบจากไหนมาเนี่ย แล้วอีกอย่างแถวนี้มันมีคนเก็บดาบด้วยเหรอ มันไม่ได้เหมือนแถวญี่ปุ่นที่จะมีดาบไว้ประดับบ้านนะเฮ้ย
ลวดลายที่แสนจะคุ้นตาทำเอาหัวใจนั้นเต้นแรงจะแทบจะหลุดออกจากอกอยู่รอมร่อ มันมีน้ำหนักแต่ก็เบาเช่นกัน ลวดลายบนด้ามจับที่ดูคล้ายจะผ่านการใช้งานมาอย่างหนักแต่ยังคงทนทานและดูแข็งแรงใช้งานได้อีกนาน
ฉันใช้แรงเกือบครึ่งส่วนไปกับการชักดาบเล่มนี้ออกจากฝัก คมดาบสะท้อนแสงจันทร์ดูน่างดงามและน่าหลงใหลจนอดไม่ได้ที่จะเอื้อมไปแตะ
ริน
เอ๊ะ!!...อีกาตัวนั้น..ไปไหนแล้ว
นิสัยส่วนตัวที่ชอบเอามือไปแตะส่วนที่แหลมๆคมๆที่ยังแก้ไม่หายของฉันกำเริบขึ้นอีกครั้ง ดวงตาของฉันสะท้อนลายสีส้มทองคล้ายเปลวเพลิงอันร้อนแรงของตัวดาบที่ราวกับจะลุกโชนอยู่ตลอดเวลาทำให้อดไม่ได้ที่จะนึกถึง...
ริน
ลายสลักนี่....พิฆาตอสูร.....
ดาบในมือเริ่มสั่นคลอนเล็กเบาๆจนฉันรู้สึกได้ จากสัมผัสที่เย็นเฉียบเปลวไฟโหมลุกร้อนขึ้นราวกับจะเผามือฉันไปทั้งอย่างนั้น
มือทั้งสองข้างพยายามดับไฟที่ติดตรงชายเสื้อแขนยาวแต่ทว่ามันกลับลามเข้าหาตัวมากขึ้นกว่าเดิม
สัมผัสความร้อนกระจายอยู่รอบกายรอบๆตัว เปลวเพลิงลูกใหญ่ล้อมเอาไว้เเผดเผาเสื้อเผ้าจนละลายแต่ว่า...
เปลวไฟที่ลูกโชนสูงขึ้นจนบังภาพสายตาของฉันจนมิด ฉันหลับตาปี๋เพราะกลัวว่าจะโดนเผาไปด้วย ขดตัวเป็นก้อนกลมๆกอดดาบเล่มนั้นไว้แน่นราวกับมันคือที่พึ่งสุดท้ายของตนเอง
แรงกระชากผมที่ยาวหลุดลุ่ยของฉันจากด้านหลังจนหงายหลังล้มตึงลงกับพื้นดินจนชุดที่ใส่สกปรกมอมแมมไปหมด
"ไอ้เด็กนี่! เอาดาบมานะเว้ย!!"
เกิดอะไรขึ้น
เจ็บ...เจ็บเนื้อตัวไปหมดเลย...
หนี..ฉันต้องหนี...
ความคิดแรกที่โผล่เข้ามาในโสตประสาทคือต้องลุกขึ้นและวิ่งออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฉันกัดฟันหยิบเศษดินขึ้นขว้างใส่กลุ่มชายฉกรรจ์กลุ่มนั้น พร้อมกับออกตัววิ่งสุดแรงเกิดเท่าที่ตัวเองทำได้
"ไอ้เด็กเวรเอ๊ย!! จับมันมา ไม่งั้นเราโดนฆ่าหมดแน่"
.
.
.
แฮกๆ ..แฮกๆ
เหนื่อย เหนื่อยมาก เหนื่อยสุดๆ หายใจไม่ออกด้วย
ชุดที่ใส่อยู่ก็วิ่งยากจนต้องกระชากมันออกเล็กน้อยเพื่อให้มันคล้ายตัวพอสำหรับการก้าวขา แรงวิ่งจากการตกใจและสติหลุดทำให้ตนเองวิ่งเรื่อยๆตามสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอด
ไม่รู้ว่าทิศไหน
ไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด
มีเพียงขาสองข้างที่วิ่งไปตามทางขรุขระเรื่อยๆ
นับว่าเป็นเรื่องยากนักที่จะวิ่งในป่าตอนกลางคืนโดยไร้ซึ่งแสงนำทาง ร่างหญิงสาวกลิ้งหลายตลบเมื่อสะดุดก้อนหินที่โผล่ขึ้นมาจากดิน ร่วงลงจากเนินสูงจนกระแทกเข้ากับต้นไม้ต้นใหญ่อย่างจัง
ร่างกายขยับไม่ได้ ทั้งเจ็บและชาไปทั้งตัวเลย ดวงตาของฉันเริ่มมองไม่เห็นแล้ว หัวก็ปวดตุบๆราวกับมีคนเอาก้อนหินมาทุบเป็นร้อยๆครั้ง
แต่ถึงกระนั้นก็ยังกระเสือกกระสนคลานไปเพื่อที่จะหยิบดาบที่ตกอยู่บนพื้นอย่างไร้เหตุผลเช่นเดิม
แรงมัดจากเถาวัลย์ยักษ์รัดช่วงกลางลำตัวของฉันกระชากลอยขึ้นสูงพร้อมกับบีบรัดจนแทบอยากจะอยากจะตายไปพันๆครั้ง
"แม่หนูนี่เองเหรอที่เอาดาบไปจากข้าน่ะ ตัวแค่นี้ก็ยังจะอวดดีนะ"
ร่างบิดเบี้ยวของหญิงสาวที่ร่างกายกลายเป็นเถาไม้สีดำถ่านคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดจนอยากจะติดจมูกทิ้งไปเลยเสียเดี๋ยวนี้
"ใครจะมาช่วยเจ้าล่ะ เสาหลักเจ้าของดาบที่เจ้าขโมยมาจากข้าเหรอ...ป่านนี้มันคงโดนจัดการไปแล้วล่ะ นักดาบที่ไร้ดาบน่ะ ก็ไม่ต่างอะไรกับคนพิการหรอก"
"ข้าจะฆ่าเจ้ายังไงดีนะ จะฉีกเป็นชิ้นๆหรือจะกระชากตัวเจ้าออกจากกันแล้วค่อยกินดีล่ะ"
นางไม่ได้พูดเปล่าแต่กลับเพิ่มแรงรัดที่แขนและขาดึงตัวข้าตามคำพูด
"ฮาๆ ตายซะนังเด็กอวดดีๆๆๆ!!!!"
คันโรจิ มิสึริ
พอแค่นั้นแหละค่ะ! ปราณความรัก กระบวนที่ 2 ความรักอันร้าวราน!!
เคียวจูโร่
คันโรจิ...ฝากด้วย!
เสียงทุ้มตะโกนเสียงดังกังวานจากที่ไหนสักเเห่ง พร้อมกับหญิงสาวน่ารักเจ้าของเรือนผมสีชมพูตวัดดาบตัดคอปีศาจตนนั้นอย่างรวดเร็ว
ร่างของฉันร่วงหล่นลงพื้นตามแรงโน้มถ่วงโลก ร่างกายที่ชาไปครึ่งซีกน่ะไม่รับรู้หรอกว่าตอนนี้ฉันกำลังจะตกพื้นตาย
เคียวจูโร่
เป็นเจ้าเองเหรอที่ขโมยดาบมาจากอสูรนั่นได้!!
ก่อนฉันจะสัมผัสกับพื้นดินแรงแขนงหนึ่งโอบรัดตัวฉันไว้อย่างพอดิบพอดี กลิ่นอายอบอุ่นที่แปลกประหลาดจนต้องฝืนความเจ็บปวดลืมตาขึ้นมองอย่างอดไม่ได้
ริน
บ้าน่ะ....คุณ ระ..เร็น..โงคุ
เสียงกระท่อนกระแท่นอันแผ่วเบาของฉันยากที่จะจับใจความได้ แต่ทว่าชายหนุ่มที่อุ้มฉันนั้นกลับเลิกคิ้วก้มลงมองด้วยความสงสัย
เคียวจูโร่
แม่นาง รู้จักข้าด้วยเหรอ แต่เจ้าบาดเจ็บหนักมากอย่าเพิ่งพูดเยอะเลย พักผ่อนเสียเถิด
อ้อมแขนที่แข็งแกร่งและอบอุ่นในเวลาเดียวกันราวกับถูกปลดปล่อย ฉันหลับตาลงตามคำแนะนำ ไม่รู้ตัวเลยว่ามือสองข้างนั้นกลับกำชายผ้าคลุมประดับลวดลายเปลวเพลิงอันร้อนแรงนั้นไว้แน่นก่อนสติทุกอย่างจะดับวูบไป
.
.
.
.
Comments