รักนี้ยิ่งชีพ #ดาบพิฆาตอสูร
เริ่มแรก
เราน่ะเป็นแค่หญิงสาวคนหนึ่งที่หลงรักการดูอนิเมะเป็นชีวิตจิตใจ ชอบจนถึงขั้นว่าก่อนนอนต้องคิดว่าตนเองเข้าไปอยู่ในอนิเมะสักเรื่องจะเป็นยังไง ทั้งที่ตอนนี้ฉันเองก็อายุตั้ง 22 ปีแล้ว แม่มักบอกกับฉันเสมอ...
"ลลิล...ลูกโตแล้วนะ ยังจะดูอนิเมะอยู่อีกเหรอ ไม่อายเด็กมันบางหรือไง"
ในบางครั้งเราเองก็มีคำถามเหมือนกันนะว่า การที่เราดูอนิเมะหรือการ์ตูนน่ะ มันไม่ต่างอะไรกับละครหรือหนังที่แม่ดูเลยซักนิด แต่ทำไมแม่ถึงมองว่ามันดูน่าอายขนาดนั้นเลยรึไงนะ ทั้งๆที่ในบางครั้งมันได้มอบข้อคิดหลายอย่างให้กับเรามากกว่าการดูละครน้ำเน่าที่เเย่งกันเพื่อผู้ชายโง่ๆคนนึง พล็อตเรื่องเดิมๆที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย ดูยังไม่จบก็เดาเรื่องได้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้
อนิเมะน่ะ ทั้งภาพสวย และเนื้อหาที่น่าสนใจ ทั้งบางเรื่องยังให้ข้อคิด ให้กำลังใจ ให้สีสันกับชีวิต
และแน่นอนสิ่งที่ขาดไปไม่ได้คือให้สามีทิพย์กลับมาด้วย
ทำไงได้ล่ะ
ก็พวกเขาน่ะ
หล่อเท่สุดๆ ไปเลยค่ะ
.
.
.
.
.
นิยายเรื่องนี้อาจมีการสปอยเนื้อหาบางส่วนในเรื่องดาบพิฆาตอสูร
ไรท์พยายามที่จะไม่เขียนในส่วนสำคัญของเรื่องนะคะ เนื้อหาส่วนใหญ่จะอยู่จบในภาคแรกและ ภาครถไฟนิรันดร์นะคะ และภาคหลังจากนั้นเราจะไม่สปอยรีดเดอร์นะ วางใจได้จ้าา
ฉันน่ะชอบดูอนิเมะมาตั้งแต่เด็กแล้ว จะให้บอกว่าดูมาตั้งแต่อายุเท่าไหร่ก็คงจะไม่ได้สิเพราะรู้ตัวอีกทีก็กอดหมอนมานั่งดูผ่านทีวีในวันหยุดเสาร์อาทิตย์จนติดเป็นนิสัยไปเสียแล้ว ตัวการ์ตูนสาวน้อยเวทมนตร์ที่ปราบปีศาจบ้าง ไม่ก็บาคุกันเหรอ นานมาเลยนะนั่น
ฉันน่ะใช้เวลาอยู่กับมันโดยไม่รู้สึกเบื่อเลยล่ะ แม้กระทั่งตอนนี้จะอยู่ปี 3 แล้วก็ยังดูอนิเมะอยู่ดี
ริน
มึงงงงงง...อย่าร้องงงงงง
ริสา
กูไม่ชอบอะไรแบบนี้เลยอ่าาาา....ทำไมเขาต้องแยกกันด้วยวะ
เป็นเวลาตีหนึ่งกว่าแล้วที่เราสองคนนั่งร้องไห้อยู่ข้างๆเตียงเพื่อนั่งดูอนิเมะที่หลายคนรู้จักกันดี
"เออ...ขอโทษนะคะ..."
"ขอโทษนะครับ"
"เราเคยพบเจอกันมาก่อนรึเปล่าคะ..."
"คุณชื่อว่าอะไรเหรอคะ......."
kimi no namae wa....?
.
ฉันน่ะไม่ค่อยได้ออกจากบ้านซักเท่าไหร่ เพราะว่าเป็นลูกผู้หญิงคนเดียวผิดกับพี่ชายที่ได้ไปไหนมาไหนกับเพื่อน ในบางครั้งฉันก็เเอบอิจฉาพี่ชายอยู่บ้าง มีอยู่ครั้งหนึ่งที่พอเลิกเรียนแล้วฉันแวะไปเล่นที่บ้านเพื่อนพอกลับบ้านมาก็โดนโกรธซะยกใหญ่ พ่อไม่คุยด้วย โดนแม่ดุแถมยังร้องไห้ด้วย ทำเอาไม่กล้าที่จะออกไปไหนเพราะไม่อยากโดนดุและไม่อยากเห็นน้ำตาแม่ตั้งแต่ประถมจนถึงมัธยม ฉันไม่เคยได้ไปเที่ยวบ้านเพื่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว จะได้ออกไปที่ไกลๆแค่ตอนทัศนศึกษาไม่ก็แข่งขันทักษะระดับภาคที่ต้องไปนอนที่ต่างจังหวัด แต่ก็นั่นแหละ กลายเป็นเรื่องชินชาไปเสียแล้วสิ จนตอนนี้ฉันอยู่ปีสามแล้ว เพื่อนที่สนิทด้วยมีไม่กี่คนหรอก แต่หายากนะที่จะมีคนมานั่งดูอนิเมะด้วยกันแบบนี้
ริสาน่ะเป็นผู้หญิงที่ไม่ค่อยเหมือนผู้หญิงน่ะ เธอเป็นคนที่เสียงดังไปหน่อย อีกทั้งนิสัยที่ไม่ยอมใครทำให้เธอดูเป็นคนหัวดื้ออยู่นิดๆ แถมยังใช้คำหยาบแบบสุดๆด้วยสิ แต่ถึงจะว่าอย่างนั้นเธอกลับกลายเป็นคนที่สร้างสีสันให้กับกลุ่มเพื่อนอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นตอนนอน กินข้าวหรือตอนเรียน ใครๆก็อยากอยุ่ใกล้เธอ
ริน
ดาบพิฆาตอสูร! เห็นเขาว่าดังมาก
ริสา
พรุ่งนี้มีเรียนเช้านะ
ริน
มันดูเหมือนคนไม่ได้นอนแต่วันนี้มึงนอนมาทั้งวันเเล้วนะ สรุปดูกับกูเนอะ!
พูดจบก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงเปิดโน๊ตบุ๊คเข้าสู่ตอนแรกโดยไม่ถามถึงความเห็นเลยซักคำ เพราะว่าฉันรู้ว่านางปฏิเสธไปอย่างงั้นแหละ พอเรื่องมันสนุกนางก็จะใจดใจจ่อกับมันเอง
แต่แหม....
คิดว่าตัวเองเดาเก่งแต่ไม่คิดว่าจะเก่งขนาดนี้
จากตอนแรกสุดจนถึงสู้กับรุยข้างแรมที่ 5 นางดูอินจนลืมว่าฉันเองก็นั่งอยู่ข้างๆแล้วล่ะ
ริสา
มึงงง..กูสงสารน้อง ทำไมน้องทันกูโดนตีนตลอดเลยวะ
ริสา
มึงดูสิ...อสูรแม่งโกงชิบหาย
ฉันมองเพื่อนตัวเองที่นั่งน้ำตาไหลพรากให้กับความสัมพันธ์พี่น้องของทันจิโร่และเนซึโกะด้วยความเอ็นดู อดไม่ได้ที่จะขำเล็กน้อยให้กับความอินเกินเบอร์ของนาง แต่นั่นแหละค่ะฉันก็ไม่ต่างกันหรอก
ริน
มึงดาบพิฆาตอสูรมีเดอะมูฟวี่แล้วนะ
ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคนเราจะสามารถชอบสิ่งที่ไม่มีจริงบนโลกใบนี้ได้มากขนาดนี้ นับตั้งแต่ที่ฉันเริ่มต้นดูภาพการ์ตูนเคลื่อนไหว มีตัวละครที่ฉันชอบอยู่มากมายแต่มันเป็นครั้งแรกเลยล่ะค่ะที่ฉันน่ะ
รู้จักคำว่า....ตกหลุมรัก
"อย่าใส่ใจที่ข้าต้องตายลงที่นี่ หากเป็นเสาหลักย่อมต้องปกป้องและเป็นโล่กำบังให้กับรุ่นน้อง หากเป็นเสาหลักไม่ว่าใครก็ต้องทำแบบเดียวกัน จงเติบโตยิ่ง ๆ ขึ้น ข้าเชื่อในตัวพวกเจ้า...."
รอยยิ้มสว่างไสวประทับเข้าไปในหัวใจของฉันในวาระสุดท้ายของเขา หยาดน้ำตามากมายกระทบตักของฉันโดยไร้ซึ่งเสียงร้อง ฉันรู้สึกได้ว่าไหล่ของฉันมันสั่นไหวมากขนาดไหน ฉันรู้สึกได้ว่าฉันหายใจไม่ออก ลำคอของฉันตีบตันจนไม่สามารถเอ่ยคำไหนออกไปได้เลย
เจ็บใจจัง....ที่มาเห็นคนที่ชอบถูกฆ่าแบบนี้น่ะ
ช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลย
ทั้งที่มันเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเองนะ
แต่ทำยังไงได้ล่ะ ก็คุณเร็นโงคุน่ะ
เป็นเสาหลักที่อบอุ่นที่สุดเลย....
นอนไม่หลับ
ทำยังไงก็นอนไม่หลับ
ผ่านมา ชั่วโมงกว่าแล้วหลังจากที่ริสากลับห้องตัวเองไปเหลือแค่ฉันที่พยายามข่มตานอนไม่ได้ จึงอดไม่ได้ที่จะออกไปรับลมบนระเบียงห้องเผื่อทำให้ตนนั้นง่วงขึ้นมาได้
ริน
เฮ้อ...เรื่องนั้นนี่เอาซึมเป็นหมาเลย
ความรู้สึกหนักอึ้งที่หัวเพราะร้องไห้หนักเกินไปมันทำให้ฉันไม่อยากทำอะไรเลยสักอย่าง ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถลบภาพรอยยิ้มเปื้อนเลือดนั้นได้เลย
ริน
ไม่อยากให้ตายเลย...ทั้งที่เป็นคนเก่งมากเเท้ๆ
ฉันนั่งตากลมด้านนอกสักพัก ดวงจันทร์วันนี้ก็ยังคงงดงามเหมือนเดิม ฉันน่ะชอบมองพระจันทร์มาแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ ทั้งที่ดูโดดเดี่ยวแท้ๆแต่กลับทอแสงสว่างอ่อนโยนที่ดูเหมือนปลอบประโลมอยู่เสมอ
เสียงนกเเว่วผ่านสายลมยามดึกเบาๆ แม้จะไม่ดังมากแต่ก็พอรู้ว่าเป็นนกที่มีขนาดบ้างแหละ บางทีมันอาจจะออกหากินตอนกลางคืนตามประสานกล่าเหยื่อ
ฉันหรี่ตามองเงาสีดำไกลออกจากหอพักเงานั้นลอยเว้งคว้างไปมาดูเหมือนว่าจะบินมาทางนี้เสียด้วยสิ
ปักษาสีดำพุ่งเข้าชนหน้าฉันอย่างจังจนล้มลงบนพื้นกระเบื้องด้วยความตกใจปนเจ็บปวดนิดๆพร้อมกับดาบหนักๆที่กลิ้งตกลงด้านข้างทำให้ฉันงุนงงไปสักพัก
อีกาตัวนี้มันขโมยดาบจากไหนมาเนี่ย แล้วอีกอย่างแถวนี้มันมีคนเก็บดาบด้วยเหรอ มันไม่ได้เหมือนแถวญี่ปุ่นที่จะมีดาบไว้ประดับบ้านนะเฮ้ย
ลวดลายที่แสนจะคุ้นตาทำเอาหัวใจนั้นเต้นแรงจะแทบจะหลุดออกจากอกอยู่รอมร่อ มันมีน้ำหนักแต่ก็เบาเช่นกัน ลวดลายบนด้ามจับที่ดูคล้ายจะผ่านการใช้งานมาอย่างหนักแต่ยังคงทนทานและดูแข็งแรงใช้งานได้อีกนาน
ฉันใช้แรงเกือบครึ่งส่วนไปกับการชักดาบเล่มนี้ออกจากฝัก คมดาบสะท้อนแสงจันทร์ดูน่างดงามและน่าหลงใหลจนอดไม่ได้ที่จะเอื้อมไปแตะ
ริน
เอ๊ะ!!...อีกาตัวนั้น..ไปไหนแล้ว
นิสัยส่วนตัวที่ชอบเอามือไปแตะส่วนที่แหลมๆคมๆที่ยังแก้ไม่หายของฉันกำเริบขึ้นอีกครั้ง ดวงตาของฉันสะท้อนลายสีส้มทองคล้ายเปลวเพลิงอันร้อนแรงของตัวดาบที่ราวกับจะลุกโชนอยู่ตลอดเวลาทำให้อดไม่ได้ที่จะนึกถึง...
ริน
ลายสลักนี่....พิฆาตอสูร.....
ดาบในมือเริ่มสั่นคลอนเล็กเบาๆจนฉันรู้สึกได้ จากสัมผัสที่เย็นเฉียบเปลวไฟโหมลุกร้อนขึ้นราวกับจะเผามือฉันไปทั้งอย่างนั้น
มือทั้งสองข้างพยายามดับไฟที่ติดตรงชายเสื้อแขนยาวแต่ทว่ามันกลับลามเข้าหาตัวมากขึ้นกว่าเดิม
สัมผัสความร้อนกระจายอยู่รอบกายรอบๆตัว เปลวเพลิงลูกใหญ่ล้อมเอาไว้เเผดเผาเสื้อเผ้าจนละลายแต่ว่า...
เปลวไฟที่ลูกโชนสูงขึ้นจนบังภาพสายตาของฉันจนมิด ฉันหลับตาปี๋เพราะกลัวว่าจะโดนเผาไปด้วย ขดตัวเป็นก้อนกลมๆกอดดาบเล่มนั้นไว้แน่นราวกับมันคือที่พึ่งสุดท้ายของตนเอง
แรงกระชากผมที่ยาวหลุดลุ่ยของฉันจากด้านหลังจนหงายหลังล้มตึงลงกับพื้นดินจนชุดที่ใส่สกปรกมอมแมมไปหมด
"ไอ้เด็กนี่! เอาดาบมานะเว้ย!!"
เกิดอะไรขึ้น
เจ็บ...เจ็บเนื้อตัวไปหมดเลย...
หนี..ฉันต้องหนี...
ความคิดแรกที่โผล่เข้ามาในโสตประสาทคือต้องลุกขึ้นและวิ่งออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฉันกัดฟันหยิบเศษดินขึ้นขว้างใส่กลุ่มชายฉกรรจ์กลุ่มนั้น พร้อมกับออกตัววิ่งสุดแรงเกิดเท่าที่ตัวเองทำได้
"ไอ้เด็กเวรเอ๊ย!! จับมันมา ไม่งั้นเราโดนฆ่าหมดแน่"
.
.
.
แฮกๆ ..แฮกๆ
เหนื่อย เหนื่อยมาก เหนื่อยสุดๆ หายใจไม่ออกด้วย
ชุดที่ใส่อยู่ก็วิ่งยากจนต้องกระชากมันออกเล็กน้อยเพื่อให้มันคล้ายตัวพอสำหรับการก้าวขา แรงวิ่งจากการตกใจและสติหลุดทำให้ตนเองวิ่งเรื่อยๆตามสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอด
ไม่รู้ว่าทิศไหน
ไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด
มีเพียงขาสองข้างที่วิ่งไปตามทางขรุขระเรื่อยๆ
นับว่าเป็นเรื่องยากนักที่จะวิ่งในป่าตอนกลางคืนโดยไร้ซึ่งแสงนำทาง ร่างหญิงสาวกลิ้งหลายตลบเมื่อสะดุดก้อนหินที่โผล่ขึ้นมาจากดิน ร่วงลงจากเนินสูงจนกระแทกเข้ากับต้นไม้ต้นใหญ่อย่างจัง
ร่างกายขยับไม่ได้ ทั้งเจ็บและชาไปทั้งตัวเลย ดวงตาของฉันเริ่มมองไม่เห็นแล้ว หัวก็ปวดตุบๆราวกับมีคนเอาก้อนหินมาทุบเป็นร้อยๆครั้ง
แต่ถึงกระนั้นก็ยังกระเสือกกระสนคลานไปเพื่อที่จะหยิบดาบที่ตกอยู่บนพื้นอย่างไร้เหตุผลเช่นเดิม
แรงมัดจากเถาวัลย์ยักษ์รัดช่วงกลางลำตัวของฉันกระชากลอยขึ้นสูงพร้อมกับบีบรัดจนแทบอยากจะอยากจะตายไปพันๆครั้ง
"แม่หนูนี่เองเหรอที่เอาดาบไปจากข้าน่ะ ตัวแค่นี้ก็ยังจะอวดดีนะ"
ร่างบิดเบี้ยวของหญิงสาวที่ร่างกายกลายเป็นเถาไม้สีดำถ่านคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดจนอยากจะติดจมูกทิ้งไปเลยเสียเดี๋ยวนี้
"ใครจะมาช่วยเจ้าล่ะ เสาหลักเจ้าของดาบที่เจ้าขโมยมาจากข้าเหรอ...ป่านนี้มันคงโดนจัดการไปแล้วล่ะ นักดาบที่ไร้ดาบน่ะ ก็ไม่ต่างอะไรกับคนพิการหรอก"
"ข้าจะฆ่าเจ้ายังไงดีนะ จะฉีกเป็นชิ้นๆหรือจะกระชากตัวเจ้าออกจากกันแล้วค่อยกินดีล่ะ"
นางไม่ได้พูดเปล่าแต่กลับเพิ่มแรงรัดที่แขนและขาดึงตัวข้าตามคำพูด
"ฮาๆ ตายซะนังเด็กอวดดีๆๆๆ!!!!"
คันโรจิ มิสึริ
พอแค่นั้นแหละค่ะ! ปราณความรัก กระบวนที่ 2 ความรักอันร้าวราน!!
เคียวจูโร่
คันโรจิ...ฝากด้วย!
เสียงทุ้มตะโกนเสียงดังกังวานจากที่ไหนสักเเห่ง พร้อมกับหญิงสาวน่ารักเจ้าของเรือนผมสีชมพูตวัดดาบตัดคอปีศาจตนนั้นอย่างรวดเร็ว
ร่างของฉันร่วงหล่นลงพื้นตามแรงโน้มถ่วงโลก ร่างกายที่ชาไปครึ่งซีกน่ะไม่รับรู้หรอกว่าตอนนี้ฉันกำลังจะตกพื้นตาย
เคียวจูโร่
เป็นเจ้าเองเหรอที่ขโมยดาบมาจากอสูรนั่นได้!!
ก่อนฉันจะสัมผัสกับพื้นดินแรงแขนงหนึ่งโอบรัดตัวฉันไว้อย่างพอดิบพอดี กลิ่นอายอบอุ่นที่แปลกประหลาดจนต้องฝืนความเจ็บปวดลืมตาขึ้นมองอย่างอดไม่ได้
ริน
บ้าน่ะ....คุณ ระ..เร็น..โงคุ
เสียงกระท่อนกระแท่นอันแผ่วเบาของฉันยากที่จะจับใจความได้ แต่ทว่าชายหนุ่มที่อุ้มฉันนั้นกลับเลิกคิ้วก้มลงมองด้วยความสงสัย
เคียวจูโร่
แม่นาง รู้จักข้าด้วยเหรอ แต่เจ้าบาดเจ็บหนักมากอย่าเพิ่งพูดเยอะเลย พักผ่อนเสียเถิด
อ้อมแขนที่แข็งแกร่งและอบอุ่นในเวลาเดียวกันราวกับถูกปลดปล่อย ฉันหลับตาลงตามคำแนะนำ ไม่รู้ตัวเลยว่ามือสองข้างนั้นกลับกำชายผ้าคลุมประดับลวดลายเปลวเพลิงอันร้อนแรงนั้นไว้แน่นก่อนสติทุกอย่างจะดับวูบไป
.
.
.
.
ผ้าคลุมสีเพลิง
เจ็บ!!
เจ็บไปหมดทั้งตัวเลย
ลุกไม่ได้ด้วย!
ฉันตื่นมาพร้อมกับกลิ่นยาตลบอบอวลพุ่งเข้าจมูกจนมึนหัวล้มกลับไปนอนอีกรอบ
เมื่อวานเราเพิ่งหนีสัตว์ประหลาดกินคนมานี่นา หลังจากที่โดนไฟแปลกๆนั่นลูกท่วมตัวแล้ว ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะได้มีประสบการณ์ข้ามมิติแบบนี้ ถ้าเขียนนิยายเล่นคงจะได้เป็นร้อยๆหน้าล่ะ
โคโจ ชิโนบุ
อาราๆ...ตื่นแล้วเหรอคะ อย่าขยับตัวมากนะคะ เดี๋ยวแผลจะเปิดเอา
โคโจ ชิโนบุ
ฉันโคโจ ชิโนบุค่ะ
โคโจ ชิโนบุ
เธอมีบาดแผลภายนอกไม่มากเท่าภายในเพราะฉะนั้นขยับตัวก็ระวังด้วยนะ
ริน
อ่า...คุณช่วยรักษานี่เอง...
ริน
ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ
ฉันก้มหัวขอบคุณเธออย่างนอบน้อม
โคโจ ชิโนบุ
เอ๋....ผ้าคลุมนั่นยังอยู่อีกเหรอคะเนี่ย
โคโจ ชิโนบุ
นึกว่าเขาจะมาเอากลับไปแล้วเสียอีกนะคะ
ฉันก้มมองมือตนเองที่จับผ้าคลุมสีขาวลายเปลวเพลิงสีเข้มไว้แน่น ก่อนจะอุทานรีบปล่อยมือราวกับต้องของร้อน
ริน
ฉันจับมันไว้ตลอดเลยเหรอคะ!!
โคโจ ชิโนบุ
ตั้งแต่คุณเร็นโงคุพาคุณมารักษาคุณก็ไม่ปล่อยผ้าคลุมจนต้องแกะออกมาทั้งผ้าคลุมน่ะค่ะ
น่าอายที่สุด น่าขายหน้าที่สุด!!
ชายหนุ่มร่างกำยำเปิดประตูดังปัง เดินเข้ามาพรวดพราดจนฉันสะดุ้งโหยง
เคียวจูโร่
โอ้! เจ้าตื่นแล้ว!!
เคียวจูโร่
เรื่องผ้าคลุมข้าน่ะเหรอ!! สบายใจได้ ข้าไม่ถือ!!
ชิโนบุในชุดประจำตำแหน่งแย้มรอยยิ้มกว้างอย่างนึกเอ็นดู เด็กสาวในวัย 15 นั่งก้มหน้างุดเมื่อเจ้าของผ้าคลุมเดินเข้ามาถามไถ่อาการตามมารยาท
คนหนึ่งก้มหน้าคุย อีกคนก็มองตรงราวกับไม่ได้คุยกัน ดูน่าขันดีนะคะ
เคียวจูโร่
ข้ามาขอบใจเรื่องดาบน่ะ ถ้าไม่ได้เจ้าข้าคงต้องเปลี่ยนดาบเล่มใหม่ซะเเล้วสิ
เคียวจูโร่
ว่าแต่เจ้าชื่ออะไรเหรอ! ข้าน่ะชื่อว่า เรนโงคุ เคียวจูโร่! ยินดีที่ได้รู้จัก
ถ้าบอกว่าชื่อลลิล มันจะดูแปลกๆไหมนะ
เคียวจูโร่
อื้ม!! ริน! เป็นชื่อที่ดี!!
ให้ตายเถอะการพูดทุกประโยคเต็มปากเต็มคำเสียงดังฉะฉานนี่มันน่าคิดถึงจังเลยนะ นี่ฉันอยู่ตรงหน้าคุณเร็นเขาแล้วใช่ไหม เขายังมีชีวิตอยู่ล่ะ แถมยังได้คุยกับเขาตัวเป็นๆด้วยแต้มบุญฉันมีเหลืออยู่เท่าไหร่กันนะ ใช้ไปหมดละมั้ง
เคียวจูโร่
แม่นางจ้องหน้าข้าตั้งแต่ตะกี้แล้ว!! มีอะไรติดอยู่รึ!!
ริน
อ่า...ไม่ได้ฝันไปใช่ไหมนะ
เคียวจูโร่
อื้ม! เรื่องจริงอันใดรึ!!
เคียวจูโร่
ใช่แล้ว!! เจ้ารอดมาได้!!
ริน
ฮื่อ...ฮื่ออออ ตัวเป็นๆเลยอ่าาาาาาาา แงงงงง
ชายผู้ขึ้นชื่อว่าเสาหลักสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อจู่ๆฉันกระโดดโผกอดเขาไว้ราวกับกระรอก ไม่ใช่แค่เสาหลักเพลิงเพียงอย่างเดียว เสาหลักแมลงเองก็ตกใจไม่เเพ้กัน
โคโจ ชิโนบุ
รินจัง! เดี๋ยวแผลเปิดนะคะ อย่าขยับตัวเยอะสิคะ
เสาหลักเพลิงที่ดูคล้ายจะสติหลุดไปแล้วเอาแต่พูดคำเดิมซ้ำไปซ้ำมาราวกับเครื่องเล่นวนลูป มือไม้ว้าวุ่นทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ
ริน
ฮื่ออ....ฮึก...ดีใจที่สุดเลยยยยย
ฉันที่เกาะชายเสื้อเขาเป็นลูกลิงสูดน้ำมูกดังฟืด มือเล็กๆของฉันจับใบหน้าที่ดูดุดันและแสนดีให้หันมาสบกับตนเองอย่างเอาแต่ใจ
ดวงตาดุดัน เจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์ คิ้วเข้มที่ไม่เหมือนใคร ริมฝีปากที่ยกขึ้นจนคล้ายจะยิ้มอยู่ตลอดเวลา รวมเป็นใบหน้าที่แสนจะมีเสน่ห์มากเลยทีเดียว
เคียวจูโร่
อุเม!! เเม่นางปล่อยหน้าข้าก่อน!!
โคโจ ชิโนบุ
นั่นสิคะ ลงมาคุยกันดีๆก่อนนะคะ
ริน
อยากจะร้องไห้อีกรอบเลยค่ะ...ฮึก...
ฉันฟุบลงกับบ่ากว้างอย่างหมดแรง รู้สึกเหมือนว่าไหล่ฉันจะไร้เรี่ยวแรงอีกแล้ว
โคโจ ชิโนบุ
เเผลเปิดแล้ว!!
คุณชิโนบุอุทาน คุณเร็นโงคุที่พยายามแงะมือฉันออกก่อนจะวางฉันลงบนเตียงอย่างแผ่วเบาก่อนจะพ่นลมหายใจเบาๆ
เสาหลักแมลงกลับมาพร้อมกับยารักษา พลางพูดดุไปยกใหญ่ จนสำนึกได้ว่าผู้หญิงที่น่ากลัวกว่าคุณแม่ก็คนที่ชื่อว่าชิโนบุนี่แหละค่ะ
.
.
.
.
.
โคโจ ชิโนบุ
จำได้ไหมคะว่าบ้านอยู่ที่ไหน
ริน
....ข้าไม่มีบ้านมานานแล้ว....
ฉันเม้มปากเพราะไม่รู้จริงๆว่าจะบอกตำแหน่งบ้านของตนอยู่ที่ไหนยังไง จะให้บอกว่าเป็นฉันเป็นชาวต่างชาติที่วาปมาจากประเทศไทยงั้นเหรอ
ริน
ไม่มีเหมือนกันเจ้าค่ะ...
ฉันตอบเสียงเบา แต่มือกลับไม่ปล่อยชายเสื้อคลุมสีเพลิงเเม้แต่เสี้ยววินาที
โคโจ ชิโนบุ
แย่จังน่า....เราจะทำยังไงกับเด็กคนนี้ดีคะคุณเร็นโงคุ
เคียวจูโร่
ฮื้ม!! นั่นสิ!!
คุณเร็นโงคุเอ่ยตอบโดยใบหน้านั้นยังคงมองตรงไปข้างหน้าเหมือนเดิม เเต่ก็ไม่ได้พยายามปลดมือฉันออกจากชายเสื้อคลุมอย่างเมื่อตะกี้นะ
โคโจ ชิโนบุ
ท่าทางเขาจะชอบคุณนะคะ
เคียวจูโร่
อื้ม!! คงจะขวัญเสียไม่น้อยสินะ ไม่เป็นไรหรอก เจ้าปลอดภัยแล้วล่ะ!!
มือหยาบกร้านจากการฝึกหนักตบเบาๆบนศีรษะฉันเพื่อปลอบประโลมไล่ฝันร้าย ก่อนจะลูบเบาๆราวกับกล่อมเด็กน้อยอย่างนั้นแหละ
ฉันเม้มปากให้กับสัมผัสอบอุ่นจนอดไม่ได้ที่จะคันยุบยิบในหัวใจพร้อมกับคำที่มอบให้กับสถานการณ์นี้ได้
.
.
.
.
.
ฉันใช้เวลาอยู่ในคฤหาสน์ผีเสื้อเป็นอาทิตย์ เวลาส่วนใหญ่ในนั้นคือการนอน ดื่มยา และนอนต่อ ที่น่าเบื่ออีกอย่างเพราะว่าคุณเร็นโงคุน่ะไปทำภารกิจตั้งแต่สามวันที่แล้วยังไม่กลับมาเลย
"ไม่ได้นะคะ! วางจานอาหารลงเดี๋ยวนี้เลยค่ะ เดี๋ยวฉันยกไปเองค่ะ"
อาโออิจังที่รู้จักกันเมื่อสามวันที่แล้วรีบรุดมายกจานข้าวเพื่อถือเอง
ริน
ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันถือเองได้นะคะ มันไม่ค่อยเจ็บแล้ว
จริงๆก็ยังเจ็บอยู่แหละ แต่จะให้เด็กน้อยมาดูแลมันก็กระไรอยู่
ริน
ใช่แล้วค่ะ...ฉันน่ะสามารถยกตะกร้าผ้าได้เลยนะคะ
น้ำเสียงเยือกเย็นด้านหลังที่ทำเอาขนลุกซู่ พร้อมกับมือเรียวจับหมับเข้าที่แผลอย่างจงใจ
โคโจ ชิโนบุ
ว้าว...แข็งแรงเร็วดีนะคะ "
จากนั้นก็โดนคุณชิโนบุดุอีกครั้ง เหมือนได้แม่คนที่สองเลยล่ะ
ฉันนั่งพับเพียบฟังคำบ่นของคุณหมอสาวอย่างใจลอยก่อนจะได้สติกลับมาจากเสียงตึงตังด้านนอก
"เสาหลักเพลิงบาดเจ็บค่ะ!!"
โคโจ ชิโนบุ
ตายจริง....พาเขาไปพักด้วยนะคะ
คุณชิโนบุพูดพร้อมกับแย้มรอยยิ้มแบบฉบับเจ้าตัว ก่อนจะเดินออกไป ด้วยความเป็นห่วงฉันก็อดไม่ได้ที่จะเดินตามไปยังห้องพักรักษา
"ไข้ขึ้นเจ้าค่ะ" เด็กน้อยทั้งสามเอ่ยขึ้นพร้อมกันด้วยความเป็นกังวล
โคโจ ชิโนบุ
เพราะมนตร์อสูรสินะคะ รักษาตามอาการก็แล้วกันนะคะ
เสาหลักเเมลงยิ้มให้เด็กน้อยทั้งสามเพื่อให้สัญญาณทำตามหน้าที่ พร้อมกับหันมายิ้มให้ฉันด้วยอีกคน
โคโจ ชิโนบุ
ฝากดูแลด้วยนะคะ ช่วงนี้คนบาดเจ็บเยอะมาก
โคโจ ชิโนบุ
ผ้าเช็ดตัวอยู่ใกล้กับหน้าต่างบานสุดท้ายนะคะ จะได้ไม่เบื่อนะ รินจัง
เธอรู้ว่าฉันเบื่อการนั่งๆนอนๆอยู่เฉยๆนั่นก็ว่าน่ากลัวแล้วนะ แต่ให้มาเช็ดตัวคุณเร็นนี่ฆ่าฉันเถอะค่ะคุณโคโจ
และจริงอย่างว่า การเช็ดตัวก็กลายเป็นภารกิจระดับชาติไปเสียแล้วสิ
การพลิกตัวผู้ป่วยเป็นอะไรที่ง่ายดายสำหรับเด็กน้อย 1-10 ขวบ แต่ไม่ใช่ชายหนุ่มกำยำน้ำหนัก 72 คนนี้
ฉันยืนหอบแฮกๆ ในการพลิกตัวแต่ละครั้ง ร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแต่ก็ยังมีรอยแผลเป็นมากมายจากการฝึกซ้อมและการปราบอสูรอยู่เกลื่อนไปหมด
ฉันเอื้อมมือแตะหว่างคิ้วพร้อมกับคลึงเบาๆเพื่อให้มันคลายออกจากกัน ก่อนจะถอนหายใจแนบฝ่ามือกับใบหน้าคมคายนั้น แอบขัดใจอยู่ไม่น้อยที่เขาต้องเสี่ยงอันตรายมากมายแต่ทำยังไงได้ในเมื่อหน้าที่มันค้ำคอ และนี่ก็เป็นปณิธานของเจ้าตัวด้วยว่าจะดูแลคนอ่อนแอ
ไข้เริ่มลดลงแล้วถึงกระนั้นก็ยังตัวรุ่มๆอยู่ดี แต่ก็ไม่มีอะไรน่าห่วงมาก คุณชิโนบุบอกแบบนั้นฉันก็เบาใจลง เจียดเวลานั่งมองหน้าคุณเขามาถักมงกุฎดอกไม้เพื่อฆ่าเวลาว่าง
เพลงทำนองแปลกหูขับร้องขึ้นจากหญิงสาวที่ดูเด็กกว่าเขาอยู่สามสี่ปี นางมีดวงตาใสซื่อและแสนจะขี้อายเวลาเจอผู้คนมากมายที่เขาพบจากภูเขาตอนไปทำภารกิจ นางขโมยดาบนิจิรินจากอสูรที่ดูยังไงก็ถือว่าเป็นการกระทำที่ฆ่าตัวตายชัดๆ แต่กลับกล้าหาญในสายตาข้ามาก
แม้ข้าจะป่วยแต่สัญชาตญาณของข้านั้นยังคงตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาเผื่อมีเหตุการณ์คับขันเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นน่ะ ทุกการกระทำของนาง ข้าล้วนจดจำได้หมดแหละ
เร็นโงคุทอดมองร่างเล็กๆน่าทะนุถนอมกำลังแกว่งเท้าร้องเพลงพลางพับมงกุฎดอกไม้ที่ใกล้จะเสร็จอย่างเพลิดเพลิน เนื้อหาในบทเพลงนั้นมีบางคำที่เขาไม่เข้าใจบ้างแต่พอจับใจความได้ว่าเป็นเพลงที่เพราะมากเพลงหนึ่งเลยล่ะ!
นัยน์ตาสีเพลิงฉายแววผ่อนคลายลงเมื่อเห็นร่างบางในชุดคนไข้ทุบหลังเบาๆพร้อมกับยู่ปากท่าทางเหมือนเด็กจนมุมปากเขากระตุก ก่อนนางเดินมาทางเตียงของตนจนต้องแสร้งหลับตาเพื่ออะไรกันเขาก็ไม่รู้เช่นกัน
กลิ่นหอมของดอกไม้ลอยเข้าเตะจมูกเบาๆ เดาได้ว่ามงกุฎเมื่อกี้อาจจะวางอยู่ใกล้ตัวเขา ก่อนจะได้ยินเสียงเท้าเบาๆย่องออกไปจากห้อง
เขาลืมตาขึ้นหยิบมงกุฎข้างโต๊ะขึ้นมอง ก่อนจะวางมันไว้ที่เดิมอย่างเบามือ
ไหล่กว้างสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่แสนจะคุ้นหู
โคโจ ชิโนบุ
แกล้งหลับได้แนบเนียนมากค่ะ
เคียวจูโร่
อุเม!!! ข้าแค่ไม่อยากรบกวนนาง!
หญิงสาวขำเล็กน้อยก่อนจะยกยาให้กับคนบนเตียงรับไปดื่ม
โคโจ ชิโนบุ
จะเอายังไงกับนางดีคะ
เคียวจูโร่
..ยังไม่ได้คิด!!..
โคโจ ชิโนบุ
ให้ไปอยู่บ้านคุณเร็นโงคุดีไหมคะ เซนจูโร่จะได้มีเพื่อน ที่นี่คนก็เยอะแล้วข้าดูแลไม่ทั่วถึงนะคะ
โคโจ ชิโนบุ
คุณเองก็ถึงวัยออกเรือนแล้วหนิคะ ไม่คิดจะหาคู่หน่อยเหรอคะ
เคียวจูโร่
ข้ายังไม่คิดน่ะ! ปกป้องผู้คนต้องมาก่อน!!
โคโจ ชิโนบุ
เฮ้อ...สงสารเซนจูโร่คุงนะคะที่พี่ชายทิ้งให้เหงาเวลาไปทำภารกิจ
โคโจ ชิโนบุ
ถ้าได้เพื่อนคุยบ้างก็คง...
เคียวจูโร่
ข้าจะลองถามแม่นางดู!!
ปกป้อง
ฉันอยู่ที่คฤหาสน์ผีเสื้อนี้มา 1 เดือนแล้ว
เพื่อการรักษาสภาพร่างกายของตัวเอง รวมถึงช่วยคนในคฤหาสน์หยิบจับนู่นนั่นนี่ ช่วงนี้คนเจ็บมีเยอะมากจนคนในหน่วยไม่เพียงพอถึงแม้ว่าจะเป็นการช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆ เช่นการหาบน้ำมาใส่ตุ่ม หรือการซักผ้าปูเตียงตากก็นับเป็นการเเบ่งเบาภาระเช่นกัน
ถึงยังไงซะฉันเองก็เป็นเด็กหอมาก่อน เรื่องเล็กน้อยแบบนี้น่ะ ฉันชินเเล้วล่ะ เพราะหอที่ฉันอยู่น่ะ มันใช้แรงงานแทนเงินยังไงล่ะ หรือให้พูดอีกอย่างก็คือเด็กทุนนั่นแหละฉะนั้นเรื่องแค่นี้น่ะสบายมาก
"รินจัง ช่วยยกถาดยาตรงนั้นมาเก็บหน่อยได้ไหม"
"รินจัง รบกวนเอาผ้าห่มไปเปลี่ยนให้ห้องทางทิศใต้หน่อยได้ไหม"
ริน
ไม่มีปัญหาค่ะ จะไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ
รินจังๆๆ และรินจังไปอีกหลายๆวันเลยล่ะ
.
.
..
.
.
ฉันนั่งถอนหายใจอยู่ริมบ่อน้ำ
หลายวันมานี้ฉันแทบจะไม่ได้นั่งเพราะต้องช่วยคุณชิโนบุดูแลคนป่วยเป็นสิบๆคนแลกกับที่หลับที่นอน และอาหารรวมถึงเครื่องนุ่งห่ม แต่ก็เป็นอะไรที่คุ้มค่าดีกว่าการต้องไประหกระเหินอยู่ในโลกภายนอกเพียงลำพังล่ะนะ
เสียงพูดเต็มปากเต็มคำที่คุ้นหูแต่วันนี้ฉันเหนื่อยเกินที่จะหันไปสนทนาด้วย
ริน
นิดหน่อยค่ะ...แต่ว่าตอนนี้ฉันต้องไปตักน้ำไปใส่ตุ่มก่อน ยังไม่ว่าคุยกับคุณหรอกนะคะ
ฉันที่ก้มหน้าก้มตาตักน้ำอย่างเอาเป็นเอาตายเพราะอยากให้หน้าที่สุดท้ายนี้เสร็จไวไว
"อื้ม!! เข้าใจแล้ว!! ฝากตัวนะ"
ถึงยังนั้นเขาก็ไม่ได้เดินไปที่ไหนแต่กลับยืนรอจนฉันตักน้ำเสร็จเลยอดไม่ได้ที่จะพูดติดตลกนิดหน่อย
ริน
ช่วงนี้ที่นี่ยุ่งมาก ข้าทำงานหนักมากเลยนะคะ ดูสิคะแขนข้าเริ่มมีกล้ามเนื้อจากการทำงานแล้วนะเจ้าคะ.....คะ!!!?...
เคียวจูโร่
ใช่แล้ว! ข้าเองแหละ
เคียวจูโร่
ข้ามีเรื่องจะถามเจ้าน่ะแต่เห็นเจ้าวิ่งวุ่นอยู่ทั้งวันเลยพับเก็บไว้ก่อน
เคียวจูโร่
ว่าแต่เเขนเจ้าเริ่มมีกล้ามเนื้อด้วยเหรอ! เป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่ง! เหมือนกับคันโรจิสินะ!!!!
ไม่เลยค่ะ....ฉันเทียบเธอไม่ได้หรอกค่ะ นั่นมันคนละระดับเลยนะคะ
ฉันรีบตักน้ำใส่จนเต็ม หาบไม้และถังถูกปลดลงว่าไว้ข้างเรือนเช่นเดิมกับตอนแรก ก่อนจะวิ่งกลับมาจนหอบแฮกๆ
ฉันเอ่ยพลางหอบหายใจไปด้วย ก่อนจะฮึบสูดลมเข้าปอดลึกก่อนจะปล่อยออกมายืนมองใบหน้าของชายผู้ได้ชื่อว่าเสาหลักเพลิงเพื่อรอคำถาม
ริน
คุณเรนโงคุมีอะไรจะถามเหรอเจ้าคะ
เคียวจูโร่
ข้าอยากจะชวนเจ้าไปที่เรือนข้า!!
เธอมองท่าทางกอดอกอย่างมั่นใจด้วยความฉงน
(อะไรนะ ชวนไปบ้านเหรอ? อีกทีซิ)
เคียวจูโร่
ข้าหมายถึงทำงานน่ะ!!
ริน
คะ!!...ทำงาน....ขะ..ข้า..ยังไม่พร้อมเลยนะคะ...
ริน
จู่ๆ..ก็พูดแบบนี้ข้ายังเด็กอยู่นะคะ...
เคียวจูโร่
ข้าเห็นเจ้าไม่มีที่ไป อีกทั้งยังเอาการเอางาน ข้าอยากให้ไปช่วยเซนจูโร่น้องข้าดูแลเรือนน่ะ!!
ริน
...อ๋อ..อย่างนี้นี่เอง
เป็นข้าที่ผิดเองเจ้าค่ะ ข้ามันคนบาป
เคียวจูโร่
แต่ที่บ้านข้ามีแต่ผู้ชาย ถ้าหากเจ้าลำบากใจล่ะก็...
ตอบกลับเขาไปด้วยรอยยิ้มกว้าง
แหม...ได้เข้าบ้านคุณเร็นโงคุเชียวนะ จะได้เห็นชีวิตประจำวันของเขาด้วยล่ะ บ้าเอ้ยยย หุบยิ้มไม่ได้ ต่อให้คุณจะส่งฉันไปห้องเก็บของแต่แค่ได้เห็นหน้าคุณฉันให้ตายแทนก็ยอมค่ะ
เคียวจูโร่
อื้ม! งั้นไปพรุ่งนี้ละกันนะ
ริน
รับทราบค่ะ!!! ขอบคุณมากนะคะ ที่เมตตา!!
เคียวจูโร่
อื้ม!! ไม่เป็นไร!!
เคียวจูโร่ยิ้มกว้างก่อนจะขอตัว ฉันโบกมือลาเขาจนกระทั่งเขาเดินหายลับสายตาไปแล้วแต่ใบหน้าของฉันยังคงฉีกยิ้มอยู่เช่นเดิม
ริน
แต้มบุญตอนนี้ใช้ไปเท่าไหร่เเล้วนะ...หมดสต็อกแล้วมั้ง
ฉันจัดข้าวของที่พอจะมีอยู่นิดหน่อยเช่นผ้ารัดอก ของจำเป็นสำหรับสตรี ฉันถามคุณชิโนบุสำหรับอาการประจำเดือนที่ต้องดูแลตัวเองด้วยแต่ถึงยังไงก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจกับความไม่สะดวกสบายของยุคสมัยนี้ ทุกอย่างดูยุ่งยากไปหมดเลยสิ ในสถานการณ์แบบนี้ขนาดมีสกิลการเข้าค่ายอาสาของนางสาวลลิล เจ้าของตำแหน่งกรรมการค่ายที่พาเหล่าลูกค่ายบุกป่าฝ่าดงมายังต้องกุมขมับอยู่เหมือนกัน
ริน
น่าจะมีลิปบ้างนะ ถึงฉันหน้าตาบ้านๆแต่ก็ไม่อยากปากแห้งแตกหรอกนะ
ฉันจัดที่นอนให้เรียบร้อยรวมถึงตรวจดูความว่าลืมอะไรอีกไหมก่อนจะออกจากหอพัก
โคโจ ชิโนบุ
อ้าวรินจัง ไปวันนี้แล้วเหรอคะ
ริน
ใช่ค่ะ ขอบคุณที่ให้ที่อยู่ข้านะเจ้าคะรวมถึงเรื่องการรักษาด้วย
โคโจ ชิโนบุ
ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดินทางดีๆนะคะ
ฉันก้มศีรษะให้พร้อมกับยิ้มกว้างให้คุณโคโจเพื่อแสดงความขอบคุณจากใจจริง ก่อนจะบอกลาเดินออกมาพบกับคุณเร็นโงคุที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว
เคียวจูโร่
ข้าวของเจ้ามีแค่นี้เองเหรอ
เรนโงคุก้มมองสัมภาระที่ดูน้อยนิดเกินกว่าจะเป็นของใช้ของหญิงสาวปกติ
ริน
ข้าไม่มีเงินซื้อของเยอะเเยะหรอกเจ้าค่ะ แค่นี้คุณชิโนบุก็ใจดีกับข้ามากแล้ว
เคียวจูโร่
อย่างงั้นเหรอ!! งั้นข้าจะให้ค่าจ้างด้วยก็แล้วกันนะ
ริน
ข้าไม่อยากรบกวนเจ้าค่ะ แค่มีข้าวกับน้ำและที่อยู่ในข้าก็พอแล้วเจ้าค่ะ
เคียวจูโร่
ไม่เป็นไร ข้าเต็มใจ!!!
ริน
งั้น...ขอบคุณล่วงหน้านะคะ
เคียวจูโร่
อื้ม!! ไม่มีปัญหา!!
ริน
เออ...คุณเร็นโงคุคะ ข้าต้องทำอะไรบ้างเหรอเจ้าคะ
เคียวจูโร่
เรื่องนั้นให้เซนจูโร่จัดการเถอะ ข้าเองก็ไม่ค่อยได้กลับเรือนเท่าไหร่
โอเค...ไม่ค่อยได้กลับเรือนเพราะไปทำภารกิจสินะ
เดี๋ยวสิ!! ถ้าหากว่าเขาไปทำภารกิจและฉันต้องอยู่แต่ในเรือนถ้าเป็นแบบนั้นหากเขามีอันตรายฉันก็ไม่สามารถรับรู้ได้น่ะสิ ตายล่ะ ทำไงดีเนี่ย
ริน
เออ.....ปราณเพลิงของคุณเรนโงคุเนี่ยสุดยอดไปเลยนะคะ
เคียวจูโร่
อื้ม!! ท่านพ่อสอนข้ามาน่ะ มันสุดยอดมากจริงๆ!!
เสียงฉันเริ่มเเผ่วเบาลงอย่างไม่มั่นใจ มีแค่ทางเดียวที่จะเข้าไปอยู่ในหน่วยพิฆาตอสูรคือต้องผ่านการทดสอบเข้าหน่วยเท่านั้น แต่กว่าจะไปถึงจุดนั้นต้องพาตัวเองเข้าไปอยู่ก็เหมือนกับพาตัวเองไปตายแล้วครึ่งหนึ่ง
เคียวจูโร่
แน่นอนว่ากว่าจะได้อะไรมาต้องฝึกฝนกันเป็นปีๆ ข้าเองก็เช่นกัน!!
ริน
คือ...อย่างข้าสามารถเป็นนักดาบได้ไหมเจ้าคะ...
คุณเรนโงคุหยุดเดินพร้อมกับหันมาหาฉัน เขาหยุดนิ่งราวกับกำลังพินิจพิจารณาว่าฉันนั้นมีคุณสมบัติที่ดีไหม แม้ว่าสายตาอันร้อนแรงนั่นจะจับจ้องอยู่ที่อิฐกำแพงบ้านด้านหลังฉันก็เถอะ
เคียวจูโร่
....ถ้าเจ้าพยายามฝึกฝนก็อาจจะเป็นได้ เจ้าอยากใช้ปราณเพลิงรึ?
ริน
ข้าอยากทำประโยชน์ให้ผู้อื่นเจ้าค่ะ!!
จริงๆ แล้วข้าอยากอยู่ใกล้ๆคุณค่ะ!!!
ต่อให้ต้องทรมานตัวเองก็ยอมค่ะ
เคียวจูโร่
ดี!! แต่ปราณเพลิงน่ะฝึกยากและใช้เวลานาน หากเจ้าไม่ไหวก็บอกข้าได้ทุกเมื่อล่ะ งั้นเริ่มฝึกพรุ่งนี้ละกันนะ
เคียวจูโร่
ฮ่าๆๆ ตอบรับให้หนักเเน่นหน่อยสิ!!
เคียวจูโร่
ว่าแต่เจ้าทำอะไรได้อีกบ้าง
ริน
เออ...ข้าทำอาหารพอได้บ้าง วาดภาพได้นิดหน่อย พอเขียนหนังสือได้..
ริน
จริงๆแล้วข้าร้องเพลงไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่น่ะเจ้าค่ะ
หืม....ทั้งที่ร้องเพลงพวกนั้นได้ออกจะไพเราะแท้ๆ เป็นหญิงสาวที่ถ่อมตนจังนะ
เร็นโงคุคิดในใจก่อนจะหยุดเดินเมื่อถึงหน้าบ้าน แต่บุคคลด้านหลังที่ดูเหมือนจะเพลินไปกับสภาพแวดล้อมใหม่หารู้ไม่ว่าจะหยุดเดินกะทันหันจึงชนหลังเขาจังๆ ก่อนจะดีดตัวผงกหัวขอโทษซะยกใหญ่ราวกับกระต่ายตื่นตูม
เซนจูโร่
ท่านพี่ กลับมาแล้วเหรอครับ"
เด็กชายที่มีใบหน้าเหมือนคุณเร็นโงคุแต่ทว่าให้ความรู้สึกเรียบร้อยน่ารักมากกว่าร้อนแรงสดใสแบบคุณเรนโงคุ เด็กน้อยเอ่ยทักทายพร้อมกับรอยยิ้ม ก่อนจะหันมาสบตาฉันด้วยสายตาสงสัย
เคียวจูโร่
นางมีชื่อว่า ริน น่ะ นางบอกว่าอยากฝึกปราณเพลิงข้าจึงจะสอนนางน่ะ ฝากดูแลด้วยนะ
ริน
ฝากตัวด้วยค่ะ รินเจ้าค่ะ
เซนจูโร่
อ่า ยินดีที่ได้รู้จักขอรับ ข้าชื่อเรนโงคุ เซนจูโร่ เรียกข้าว่าเซนจูโร่เถอะครับ เชิญทางนี้ขอรับ
บ้านไม้สไตล์ญี่ปุ่นจ๋าขนาดใหญ่ที่กว้างขวางคงเป็นเรื่องง่ายสำหรับการสร้างในยุคนี้แในปัจจุบันการเพิ่มขึ้นของประชากรทำให้ทรัพยากรถูกใช้เป็นจำนวนมากจึงต้องใช้อย่างประหยัดเพื่อเพียงพอต่อประชากรในอนาคต บ้านหลังนี้ดูร่มรื่นมากเพราะต้นไม้ที่เริ่มออกใบรวมถึงสภาพอากาศที่ค่อนไปทางเย็นมากกว่าร้อน
เซนจูโร่
เชิญพักผ่อนตามสบายนะขอรับ ข้าขอตัวไปเตรียมอาหารเย็นก่อน
เคียวจูโร่
อื้ม!! ฝากด้วยนะเซนจุโร่!!
เด็กน้อยผงกหัวขออนุญาตออกไปตามมารยาท
เคียวจูโร่
มาเถอะข้าจะพาเจ้าไปดูห้อง
เขาเดินนำฉันไปยังห้องพักตามที่บอก กลิ่นหอมอ่อนๆของต้นสนให้ความรู้สึกอบอุ่นรวมถึงกลิ่นอายแดดบางๆจากบรรยากาศภายนอกหรือจากร่างสูงใหญ่ตรงหน้าฉันก็ไม่อาจระบุได้แน่ชัด เขาเปิดให้ฉันเห็นห้องนอนกว้างทีมีฟูกนอนหนาและอบอุ่นกับโต๊ะวางของและตู้เสื้อผ้าอีกนิดหน่อยอีกทั้งยังมีห้องน้ำในตัวอีก
เคียวจูโร่
มีอะไรก็เรียกข้าได้เสมอล่ะ พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปดูของใช้นะ
เคียวจูโร่
ไม่ต้องเกรงใจ อยู่ที่นี่ก็ทำเหมือนที่นี่เป็นบ้านเถอะ รวมถึงเซนจูโร่ได้ไม่เหงาด้วย
ริน
คุณเซนจูโรน่ารักมากเลยนะคะ ดูเหมือนคุณเรนโงคุย่อส่วนเลย
เคียวจูโร่
งั้นเหรอ!! ใครๆก็ว่าแบบนั้น แต่ว่าน้องข้าน่ารักมาก!!
ฉันยิ้มขำกับความอวดน้องชายหน่อยๆของเขา ฉันรู้อยู่แล้วล่ะว่าสองพี่น้องรักกันมากๆ ทั้งช่วยเหลือและปลอบโยนซึ่งกันและกัน คุณเร็นโงคุน่ะ เป็นพี่ชายที่ดีมากๆเลยล่ะ
เคียวจูโร่
งั้นข้าไปก่อนนะ!! เดี๋ยวเซนจูโร่คงมาเรียกเจ้าไปทานข้าวเย็น
เคียวจูโร่
วันนี้ก็พักผ่อนก่อนละกันนะ ส่วนเรื่องการฝึกกับทำงานค่อยเริ่มพรุ่งนี้เถอะ
ฉันตอบรับคำพูดของ ก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าห้องเมื่อเขาเดินจากไปแล้วพลางก้มลงดมเสื้อผ้าของตน และตัดสินใจไปอาบน้ำอาบท่าเพื่อล้างอาการเหนียวตัวออก ห้องอาบน้ำเป็นแบบตักอาบและสามารถแช่น้ำได้ด้วยเช่นเดียวกัน แม้การแช่น้ำจะเป็นการผ่อนคลายอย่างหนึ่งแต่ฉันไม่ค่อยชื่นชอบเสียเท่าไหร่
หลังอาบน้ำเสร็จก็พบปัญหาปัญหาใหญ่ตั้งแต่เนิ่นๆเลยล่ะสิ
ริน
งานเข้า.... ใส่ชุดยังไงเนี่ย
ทั้งตัวของฉันมีแค่ผ้ารัดอกและชั้นในคลุมด้วยเสื้อคลุมตัวยาวที่ไม่ทราบเช่นกันว่าผูกอย่างไรถึงจะถูกต้อง
ฉันมองเสื้อผ้าหลายชิ้นที่รวมกันเป็นหนึ่งชุดด้วยใจตุ้มๆต่อมๆ เพราะอีกเดี๋ยวเซนจูโร่คงจะมาตามไปทานข้าวตามที่คุณเร็นโงคุบอก ก่อนจะผูกลวกๆไว้เป็นผ้าขาวม้าสไตล์พื้นบ้านไทยตามความถนัดมือ แต่อีกปัญหาหนึ่งคือก้มแล้วโป๊มากค่ะ
เซนจูโร่
พี่ริน แต่งตัวเสร็จหรือยังขอรับ อาหารเสร็จแล้วขอรับ
เคียวจูโร่
มีปัญหาอะไรรึริน!!
เสียงตะโกนด้านนอกของชายที่ฉันไม่อยากให้มาตอนนี้มาที่สุดทำเอาใจตกไปตาตุ่มเลยทีเดียว
ริน
ข้า....มีปัญหานิดหน่อยน่ะเจ้าค่ะ แต่ว่าพวกท่านทานกันเถอะเจ้าค่ะ
เคียวจูโร่
ไม่ได้!! กินข้าวต้องกินให้พร้อมหน้าถึงจะอร่อย!! เจ้ามีปัญหาอะไรรึ ข้าจะเข้าไปละนะ!!
น้ำเสียงเข้มที่ดูคล้ายเป็นห่วงเป็นใยทำเอาใจชื้นแต่ประโยคหลังที่แทบจะทำฉันกัดลิ้นตัวเองเสียเดี๋ยวนี้
เคียวจูโร่
อุเม!!! ทำไมเจ้าไม่แต่งตัวให้เรียบร้อย
ชายหนุ่มหันหลังขวับทันทีที่เห็นแผ่นหลังของหญิงตรงหน้าโผล่ออกจากกองเสื้อผ้าที่ร่วงลงมา
ริน
ขะ...ข้าใส่ชุดแบบนี้ไม่เป็นเจ้าค่ะ ขอโทษด้วยนะเจ้าค่ะ
รินเอ่ยขออภัยเสียงอ่อนด้วยความรู้สึกผิด เรนโงคุที่ใบหน้าเริ่มเห่อร้อนขึ้นด้วยความกระดากอายที่เห็นเรือนร่างของหญิงสาวที่ไม่ใช่ภรรยาเสียแล้ว ก่อนเขาจะสะบัดหัวไล่ภาพพวกนั้นออกไป พร้อมกับบอกวิธีใส่ชุดทั้งที่ยังหันหลังให้กันอยู่แบบนั้นจนกระทั่งเสร็จสิ้น
ฉันก้มลงมองชุดใส่เสร็จสรรพแล้วด้วยคิ้วที่ขมวดเข้าหากันแน่น ให้ตายสิ น้ำตาจะไหลฉันเกลียดโมเม้นท์ที่ต้องมาวิเคราะห์ว่าหน้าอกของฉันดูเหมือนจะเเบนราบแต่ก็มีอยู่เนี่ย ช่างดูห้าวหาญสมชายเหลือเกินจนแทบจะเป็นชายคนหนึ่งแล้ว แทบจะไม่ใช่ผู้หญิงแล้ว คุณเร็นโงคุจะชอบฉันไหมเนี่ย แบนมากนึกว่าหันหลังให้ แต่ยังน่ะ บางทีฉันอาจจะยังโตไม่พอ อาจจะต้องรออายุมากกว่านี้หน้าอกอาจจะเพิ่มขึ้นก็ได้
ฉันขำแห้งๆให้กับความสิ้นคิดของเหตุผลที่ใช้ปลอบตัวเองเบาๆ
เคียวจูโร่
ชุดเก่าของข้าตอนเด็กดูเหมาะกับเจ้าดี ถึงจะตัวใหญ่ไปหน่อย
ชายหนุ่มส่งเสียงพอใจก่อนจะเดินนำไปยังห้องทานอาหาร กับข้าววันนี้ไม่ได้มีอะไรมากสำหรับพวกเขาทั้งสองแต่กับฉันราวกับเปิดประสบการณ์อาหารต่างประเทศเลยล่ะ พอทานอาหารเสร็จฉันจึงเสนอตัวช่วยเซนจูโร่ตัวน้อยเก็บจานโดยบอกดักไว้ตั้งแต่เนิ่นๆตามนิยายจีนย้อนยุคทำนอง ข้าเป็นหนี้ชีวิตท่านจึงขอช่วยเหลือบ้างถึงมันจะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม ถึงแม้จะมีการยื้อยุดฉุดถ้วยชามกันสักพักก่อนเขาจะยอมแพ้และปล่อยให้ฉันยิ้มอย่างมีความสุข
แสงตะวันลับขอบฟ้าสักพักแล้ว กว่าจะได้นอนก็หลังเก็บข้าวของของตนเข้าที่และชั้นวางอย่างเป็นระเบียบ ก่อนจะตัดสินใจเปิดหน้าต่างรับลมเย็นๆที่พัดเข้ามาด้านในเบาๆช่วยให้น้องนี้เย็นมากขึ้น ตำแหน่งของห้องนี้ดีอยู่หนึ่งอย่างคือทำให้ฉันได้มองเห็นพระจันทร์ได้อย่างชัดเจนเพราะฉันน่ะชอบมองดวงจันทร์กลมๆมาตั้งแต่ยังเด็ก มันดูละมุนและอบอุ่นจนเมื่อนำมาเทียบกับสองพี่น้องกลับให้ความคล้ายคลึงกันเสียได้
พี่ชายเฉิดฉายเช่นตะวันกระจ่างฟ้า น้องชายกลับเรียบนิ่งสงบดั่งจันทร์เพ็ญ
เพียงแค่คิดถึงเรื่องในอนาคตจมูกฉันก็เริ่มแสบขึ้นมาเล็กน้อย ในวันนั้นที่คุณเร็นโงคุไม่อยู่แล้วเซนจูโร่คงจะเจ็บปวดมากสินะเพราะพระจันทร์น่ะไม่อาจส่องแสงได้หากไร้ซึ่งดวงอาทิตย์ วันนั้นคงจะเป็นข้างแรมที่ยาวนานในหัวใจเด็กน้อยไปอีกนาน
ความเเสบร้อนจากมือเรียวที่ฟาดลงบนโต๊ะมิได้สร้างความเจ็บปวดให้กับเธอผู้จมอยู่ในความคิดด้วยแววตามุ่งมั่น
ไม่ยอมหรอก...จะไม่ยอมให้เป็นอะไรไป
แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตของฉัน
จะต้องปกป้องให้ได้ จะปกป้องด้วยกำลังของฉันทั้งหมด
ร่างหนึ่งที่กำลังเดินกลับห้องต้องหยุดชะงักเท้าเมื่อได้ยินบทเพลงใหม่ขับร้องเบาๆด้วยน้ำเสียงของหญิงสาวที่คุ้นเคยและเข้ามามีบทบาทอย่างมากในช่วงเดือนกว่านี้ ชายหนุ่มกอดอกเหม่อมองดวงจันทร์กลมฉายจรัสบนฟ้าเคล้าบทเพลงที่ไม่คุ้นเคยแต่กลับไพเราะมากอีกเช่นเดิม
'ถึงแม้โลกใบนี้จะโหดร้ายแค่ไหน แม้ว่าจะต้องเสียสละทุกอย่างไป ข้าจะยังปกป้องคนที่รักตราบชั่วชีวิต...'
เคียวจูโร่
ช่างเป็นเพลงที่แสนเศร้าและสวยงามยิ่งนัก...
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!