เสียงฝนที่โปรยปรายลงมาตลอดทั้งคืนทำให้บรรยากาศในเมืองเล็ก ๆ ริมทะเลดูเงียบเชียบผิดปกติ ยามดึกเช่นนี้ มักไม่มีใครกล้าออกจากบ้าน ยกเว้นเจ้าหน้าที่ที่ยังคงตรวจตราอยู่เป็นครั้งคราว
กฤตภพนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานในห้องเช่าของเขา เอกสารคดีการหายตัวไปของ “พิม” ถูกกางกระจายบนโต๊ะ ทุกหลักฐานเหมือนจะพาเขาไปถึงคำตอบ แต่กลับติดขัดเหมือนทางตัน เขาหยิบสมุดบันทึกเล่มเล็กของพิมขึ้นมาอีกครั้ง
ขณะที่เขาพลิกอ่านบันทึก รอยหมึกที่ถูกขีดฆ่าและลบเลือนทำให้เขาฉุกคิดขึ้นมา—เหมือนพิมพยายามจะเขียนอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ลบออกไปแทบทั้งหมด
ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นกลางดึก สายที่โทรมาไม่ขึ้นชื่อผู้ติดต่อ มีเพียงตัวเลขยาว ๆ ที่ดูเหมือนจะเป็นสัญญาณโทรศัพท์จากเครื่องเก่า
“สวัสดีครับ ใครครับ?” กฤตภพเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงระแวง
มีเพียงเสียงหอบหายใจหนัก ๆ ดังลอดมาตามสาย ก่อนจะมีเสียงหญิงสาวสั่นเครือเอ่ยขึ้นว่า
“...ช่วยด้วย...พวกเขา...ไม่ให้ฉันออกไป...”
กฤตภพชะงักทันที “คุณพิมใช่ไหม!? คุณอยู่ที่ไหน บอกผมมา!”
แต่สิ่งที่ได้ยินกลับเป็นเสียงกรีดร้องแหลมสูง แทรกด้วยเสียงโลหะกระแทกกัน ก่อนที่สายจะถูกตัดไปอย่างกะทันหัน
หัวใจของกฤตภพเต้นแรง เขารีบตรวจสอบข้อมูลจากระบบโทรศัพท์ แต่ตัวเลขที่ปรากฏไม่ตรงกับเครือข่ายใด ๆ ที่มีอยู่ ราวกับโทรศัพท์นั้นไม่ควรจะโทรออกมาได้ด้วยซ้ำ
ขณะเดียวกัน ในเงามืดตรงข้ามห้องเช่า มีเงาร่างหนึ่งยืนอยู่ใต้แสงไฟสลัว เฝ้ามองห้องของกฤตภพอย่างเงียบงัน…
กฤตภพหยิบไฟฉายจากลิ้นชัก และเดินออกไปตามทางเดินแคบ ๆ ของอพาร์ตเมนต์ เสียงฝนยังคงซัดลงมาหนัก มือสั่นเล็กน้อยจากความตื่นตระหนก เขารู้สึกถึงสายตาแปลก ๆ จับจ้องอยู่รอบตัว แม้จะพยายามบอกตัวเองว่าเป็นแค่จินตนาการ แต่หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
เขาตัดสินใจกลับไปที่คอมพิวเตอร์ เปิดโปรแกรมค้นหาข้อมูลการโทรล่าสุดอีกครั้ง ทุกอย่างเงียบสงัด แต่แล้วภาพบนหน้าจอก็ปรากฏตัวเลขแปลกประหลาด—รหัสลับที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน กฤตภพโน้มตัวเข้าไปใกล้ พลางพิมพ์รหัสลงไป
ทันใดนั้น หน้าจอสว่างวาบและมีข้อความปรากฏขึ้น:
“ถ้าคุณอยากเจอเธอ จงมาที่ท่าเรือเก่า… แต่ระวัง พวกเขากำลังจับตาอยู่”
กฤตภพกัดฟันแน่น เขารู้ว่าไม่มีเวลาจะลังเลอีกต่อไป เขารีบหยิบเสื้อกันฝนและเสื้อแจ็กเก็ต พร้อมกับอุปกรณ์ติดตามสัญญาณจากสมุดบันทึกของพิม
ขณะเดียวกัน เงาร่างที่อยู่ใต้แสงไฟสลัว ก้าวออกจากความมืด มือสวมถุงมือสีดำ กำหมับอาวุธบางอย่างไว้แน่น ราวกับรู้ว่าเขากำลังจะออกไป…
ฝนตกหนักจนเหมือนฟ้าผ่า กฤตภพก้าวลงบันไดไปยังถนนเปียก เสียงรอง
ทุกก้าวคือความเสี่ยง แต่เขารู้ดีว่าถ้าไม่รีบ พิมอาจไม่ได้รอเขาอยู่ที่นั่นอีกแล้ว
ฝนซัดเข้าหน้าเต็มแรง กฤตภพก้าวอย่างระวังไปตามถนนเปียก ๆ แสงไฟสลัวจากโคมถนนสะท้อนบนพื้นน้ำ ทำให้ทุกอย่างดูพร่ามัว แต่สายตาของเขาจับจ้องไปที่ท่าเรือเก่า ราวกับมีแรงดึงดูดบางอย่าง
เมื่อถึงท่าเรือ เขาเห็นเพียงเรือไม้เก่า ๆ ลอยลำอยู่ในความมืด มีเงาร่างเล็ก ๆ นั่งอยู่บนท่า เสียงลมและฝนผสมกันจนเหมือนเสียงสะอื้น
“พิม!” กฤตภพตะโกน แต่ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าเร็ว ๆ ก็กระทบพื้นท่าเรือ เขาหันไปเห็นคนสองคนสวมเสื้อกันฝนสีดำ เดินตรงเข้ามาโดยไม่พูดอะไร มือหนึ่งถืออุปกรณ์บางอย่างเหมือนจะล็อกเป้าหมาย
กฤตภพคิดเร็ว เขาคว้าก้อนหินข้างตัวแล้วขว้างไปเพื่อเบี่ยงความสนใจ คนร้ายหยุดชะงัก เพียงชั่วพริบตา กฤตภพกระโดดเข้าไปคว้าพิมขึ้นจากท่าเรือ
“จับฉันทำไม!” พิมกรีดร้อง สายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“เงียบก่อน เราต้องรีบ!” กฤตภพพูดพลางดันเธอไปทางด้านหลังท่าเรือ
แต่เสียงฝีเท้ากำลังวิ่งเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ และแสงไฟจากไฟฉายสะท้อนบนโลหะของอาวุธบางอย่าง เขารู้ทันทีว่าพวกเขาไม่ได้มาเพียงเพื่อขู่
กฤตภพรีบมองไปรอบ ๆ ท่าเรือ มองเห็นเงาแพไม้เก่าอยู่ใกล้ ๆ เขากระซิบกับพิม
“ขึ้นไปบนแพ เราจะใช้มันหลบออกไปทางน้ำ!”
พิมพยักหน้า ร่างทั้งสองรีบปีนขึ้นไปบนแพไม้ ขณะที่ฝีเท้าและเสียงตะโกนของคนร้ายใกล้เข้ามา เสียงฝนและฟ้าร้องทับเสียงทุกอย่าง ราวกับโลกทั้งใบกำลังอยู่ในความวุ่นวาย
แพไม้ลอยออกไปกลางน้ำช้า ๆ กฤตภพจับมือพิมแน่น เขารู้ดีว่าฝ่ามือของเธอสั่นแรง แต่ก็รู้สึกถึงแรงชีวิตที่ยังไม่ยอมแพ้
จากฝั่งมืด ๆ เขาเห็นเพียงแสงไฟของเรืออีกลำไล่ตามมา เสียงหัวใจเขาเต้นรัว…นี่คือการไล่ล่าที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้อีกต่อไป
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments