แสงเช้าวันใหม่สาดเข้ามาทางหน้าต่างไม้ของห้องเรียนป.1 เสียงชอล์กขีดไปบนกระดานดำดังกรอบแกรบ ครูเอนกกำลังสอนวิชาวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน เสียงเด็กนักเรียนร่วมห้องเจี๊ยวจ๊าวสลับกับเสียงขีดเขียนอย่างคึกคัก
แต่ในเช้าวันนี้…ที่สนามหญ้านอกอาคารเรียน มีชายร่างท้วมในชุดสูทสีเข้มยืนกอดอก สีหน้าคมเข้มจริงจัง เขาคือ นายทุนจากมหาวิทยาลัยใหญ่ในกรุงเทพฯ ที่เดินทางมาตามหา “เด็กอัจฉริยะเพียงหนึ่งเดียว” เพื่อนำไปอุปการะและมอบการศึกษาพิเศษให้
เขาเดินตรวจดูมาตั้งแต่ห้องป.6 ไล่ลงมา ป.4 ป.2 แต่ไม่มีใครทำให้เขาประทับใจได้เลย เด็กทุกคนตอบได้บ้าง ผิดบ้าง ถูกบ้าง ไม่มีใครแสดงศักยภาพโดดเด่นพอจะทำให้เขายอมลงทุน
“น่าเสียดาย…” นายทุนพึมพำ เตรียมจะหันหลังกลับขึ้นรถ แต่ดวงตากลับเหลือบไปเห็นห้องเรียนป.1 ห้องเล็กๆ ที่กำลังเรียนอยู่พอดี
ครูเอนกหันไปถามนักเรียนเสียงดัง “ใครพอจะตอบได้บ้าง ว่าน้ำบนโลกใบนี้แบ่งออกเป็นกี่ประเภท กี่สถานะ?”
เสียงเด็กๆ ตอบกันสับสน “น้ำทะเลครับ!” “น้ำฝนค่ะ!” “น้ำแข็ง!” บางคนตอบถูก บางคนตอบผิด แต่ไม่มีใครตอบได้ครบถ้วน
นายทุนถอนหายใจ มองด้วยแววตาผิดหวัง กำลังจะหันหลังกลับ แต่แล้วเสียงครูเอนกก็ดังขึ้นอีกครั้ง “อรชุน…ลองตอบดูบ้างสิลูก”
เด็กชายตัวเล็กยืนขึ้น ชุดนักเรียนเก่าที่ซีดจางไปตามกาลเวลา แต่แววตากลับเปล่งประกายมั่นคง เขาสูดหายใจแล้วเริ่มพูดอย่างชัดเจน
“น้ำบนโลกมีทั้งในรูปของน้ำจืด น้ำเค็ม และน้ำกร่อยครับ
สถานะของน้ำมีทั้งของแข็ง ของเหลว และไอ
น้ำแข็งอยู่ที่ขั้วโลกและธารน้ำแข็ง น้ำเหลวอยู่ในทะเล มหาสมุทร แม่น้ำ ลำคลอง และน้ำฝน
ส่วนไออยู่ในชั้นบรรยากาศ เป็นเมฆ หมอก ไอน้ำที่เรามองเห็น และยังมีน้ำบาดาลที่สะสมอยู่ใต้ดินอีกด้วยครับ”
ห้องเรียนเงียบกริบ ทุกคนหันมามองด้วยความตะลึงในรายละเอียดที่เขาพูด ครูเอนกเองยังขมวดคิ้วด้วยความทึ่ง
นายทุนที่ยืนอยู่ข้างนอกถึงกับหยุดเท้า หันกลับมามองด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป
“เกินเด็กป.1 ไปมาก…นี่มันความรู้ที่แม้แต่นักเรียนมัธยมบางคนยังตอบไม่ครบ” เขาพึมพำ พลันหันไปบอกกับอาจารย์ใหญ่และครูอีกสองสามคนที่ยืนข้างๆ “เด็กคนนี้…ใช่แล้ว ต้องเป็นเด็กคนนี้”
ไม่นานนัก นายทุนโทรศัพท์ติดต่อไปยังมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ เสียงหนักแน่นสั่งให้อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญสามท่านเดินทางมาทดสอบเด็กชายคนนี้ทันที
---
ช่วงบ่าย ห้องประชุมเล็กๆ ของโรงเรียนเต็มไปด้วยบรรยากาศตึงเครียด
อาจารย์คนแรก เป็นผู้สอนภาษาอังกฤษจากคณะศิลปศาสตร์
อาจารย์คนที่สอง เป็นผู้สอนคณิตศาสตร์เชิงลึก
อาจารย์คนที่สาม เป็นนักฟิสิกส์ควอนตัมที่มีชื่อเสียง
ทั้งสามนั่งลงตรงข้ามกับอรชุน เด็กชายเจ็ดขวบนั่งก้มหน้าอยู่บนเก้าอี้ไม้ ร่างเล็กๆ นั้นเต็มไปด้วยความเกร็ง แต่ดวงตากลับมุ่งมั่น
อาจารย์ภาษาอังกฤษเปิดคำถามก่อน “Can you translate this sentence into English? — ‘เด็กชายกำลังอ่านหนังสือใต้แสงตะเกียง’”
อรชุนคิดไม่นาน ก่อนตอบชัดเจน “The boy is reading a book under the lamplight.”
อาจารย์ภาษาอังกฤษยกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ เสียงออกชัดถ้อยชัดคำเกินคาดสำหรับเด็กที่เรียนแค่ ป.1
ต่อมา อาจารย์คณิตศาสตร์ถาม “ถ้าหนังสือหนึ่งเล่มมี 120 หน้า อรชุนอ่านวันละ 15 หน้า จะใช้เวลากี่วันอ่านหมด?”
เด็กชายตอบทันที “8 วันครับ” ก่อนจะอธิบายต่อ “เพราะ 15 คูณ 8 เท่ากับ 120”
อาจารย์คณิตศาสตร์ยิ้มบางๆ แล้วพยักหน้าชื่นชม
อาจารย์ฟิสิกส์ควอนตัมโน้มตัวไปข้างหน้า “เด็กน้อย…เธอรู้ไหม ทำไมน้ำแข็งถึงลอยบนน้ำได้”
อรชุนยิ้มบางๆ ก่อนตอบ “เพราะเมื่อน้ำแข็งแข็งตัว โมเลกุลจะจัดเรียงตัวห่างกว่าตอนเป็นของเหลว ทำให้มีความหนาแน่นน้อยกว่าน้ำเหลวครับ”
เสียงฮือฮาดังขึ้นรอบห้อง บางครูถึงกับหันไปสบตากันด้วยความตกใจ
นายทุนที่นั่งฟังเงียบมาตลอด ลุกขึ้นปรบมือช้าๆ
“คำถามพวกนี้…เป็นคำถามระดับมหาวิทยาลัยทั้งนั้น แต่เด็กเจ็ดขวบกลับตอบได้อย่างละเอียดถี่ยิบ ราวกับผ่านการเรียนรู้มาหลายปี”
เขามองตรงไปที่อรชุน แววตาเปี่ยมด้วยความตื่นเต้น “เด็กน้อยคนนี้…ช่างเป็นอัจฉริยะโดยแท้”
บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความทึ่ง ทุกสายตาจับจ้องไปที่เด็กชายจากบ้านไม้เก่า…ผู้ที่โชคชะตากำลังจะพาเข้าสู่เส้นทางใหม่ที่เกินกว่าที่ใครจะจินตนาการ
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 5
Comments