เช้าวันเสาร์ หมู่บ้านยังคงเงียบสงบ มีเพียงเสียงไก่ขันกับลมที่พัดใบไม้สั่นไหว
อรชุนตื่นแต่เช้า หุงข้าวและช่วยย่าจัดการงานบ้านตามปกติ เขารู้สึกเบาสบายขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าย่าดูแข็งแรงขึ้นกว่าวันก่อน
ระหว่างที่สองย่าหลานนั่งพักหน้าบ้าน ป้าข้างบ้านเดินเข้ามาแล้วเล่าให้ฟังว่า ที่ท้ายโรงเรียนมีบ้านหลังหนึ่ง เคยเป็นของ ศาสตราจารย์ ที่มีชื่อเสียงด้านวิชาความรู้ แต่ท่านได้เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว บ้านจึงถูกปล่อยร้าง เต็มไปด้วยต้นไม้เถาวัลย์ปกคลุมทั่วทั้งหลัง ป้าว่าข้างในนั้นยังมีหนังสือเก่าและเศษกระดาษมากมาย ถ้าเก็บไปขายอาจจะได้ราคาพอช่วยให้มีรายได้บ้าง
ย่าได้ฟังตาก็ลุกวาวขึ้นมาทันที ความจนบีบคั้นจนต้องคว้าโอกาสทุกอย่างที่ผ่านเข้ามา อรชุนเมื่อเห็นแววตาของย่า จึงรีบอาสาว่าจะไปด้วย
บ้านร้างตั้งอยู่ท้ายหมู่บ้านจริงๆ ต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านปกคลุมจนแทบจะไม่เห็นหลังคา รั้วไม้ผุพังจนเหลือแต่เสาโอนเอน หญ้าขึ้นรกเรื้อ เสียงกิ่งไม้เสียดสีกันตามแรงลมทำให้บรรยากาศดูน่าขนลุกราวกับบ้านผีสิงในนิยาย
“หลานเอ๋ย อย่าคิดมากนะ ของเก่าพวกนี้มันยังมีค่าอยู่” ย่าพูดพลางแหวกหญ้าเข้าไปข้างใน
อรชุนเดินตามเงียบๆ หัวใจเต้นแรง แต่ไม่ได้เพราะกลัว เขารู้สึกเหมือนมีบางสิ่งกำลังเฝ้ามองอยู่
เมื่อเข้าไปถึงตัวบ้าน ประตูไม้เก่าครางเอี๊ยดเมื่อถูกดันเปิด กลิ่นอับและฝุ่นตลบอบอวลไปทั่ว แต่สิ่งแรกที่สะดุดตาคือ รูปถ่ายขาวดำของศาสตราจารย์ แขวนอยู่บนผนัง ห้องโถงด้านในเต็มไปด้วยหนังสือเก่าเรียงกองท่วมหัว
อรชุนหยุดนิ่ง จ้องมองรูปถ่ายอยู่นาน แววตาในภาพนั้นดูทรงปัญญา เต็มไปด้วยความลึกลับราวกับมีชีวิตจริง ย่าที่เดินตามมาถึงรู้สึกขนลุก รีบถามเสียงสั่น “อรชุน…จ้องอยู่นานทำไมลูก”
เด็กชายหันมายิ้มบางๆ “ผู้ชายในรูปดูเหมือนคนมีความรู้เลยนะครับย่า…ผมว่าเราควรขออนุญาตท่านก่อนที่จะหยิบหนังสือพวกนี้ไป”
ว่าแล้วอรชุนก็ก้มลงกราบรูปถ่ายนั้นอย่างจริงใจ มือเล็กๆ แตะหน้าผากกับพื้นไม้ เสียงในใจเงียบสงบเหมือนพูดกับใครที่ยังเฝ้ามองอยู่
ทันใดนั้น ลมเย็นวูบหนึ่งพัดผ่านบ้านร้างเข้ามา ฝุ่นปลิวว่อน หน้าต่างไม้กระแทกกันเสียงดังจนย่าตกใจสะดุ้ง ขนลุกซู่ไปทั้งแขน “ตายจริง…นี่มันอะไรกัน” แต่แปลก—อรชุนกลับไม่รู้สึกหวาดกลัวเลย เขาเดินลึกเข้าไปเหมือนถูกบางสิ่งดึงดูด
ในห้องนั่งเล่น เขาพบหนังสือเล่มหนา ปกจารึกคำว่า ดาราศาสตร์ เล่ม 1
เขาหยิบขึ้นมาเปิด พลิกอ่านด้วยความตื่นเต้น คำที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนกลับไหลเข้าสู่สมองได้อย่างรวดเร็ว “ดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะ…ดาวเคราะห์หมุนรอบตามแรงโน้มถ่วง…”
เสียงพึมพำของเด็กชายเจ็ดขวบก้องกังวานราวกับท่องจำได้ในทันที วิญญาณของศาสตราจารย์ที่เฝ้ามองอยู่รู้สึกสั่นสะเทือน จากตอนแรกที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจที่ของรักกำลังถูกย่าหลานสองคนพยายามนำไปขาย แต่เมื่อได้ยินการท่องพึมพำ ความรู้สึกนั้นกลับเปลี่ยนไป
“เด็กคนนี้…อ่านเข้าใจได้รวดเร็วอย่างน่าประหลาด…” วิญญาณของศาสตราจารย์ยิ้มบางๆ ด้วยความแปลกใจและภาคภูมิใจ
ทันใดนั้น สายลมแรงอีกระลอกพัดเข้ามากระแทกตู้ไม้เก่าๆ ที่มุมห้องให้เปิดออกเอง เสียงบานพับเอี๊ยดอ๊าดดังสะท้อน ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นบันดาลมันให้เปิดออก
ข้างในตู้ไม้เต็มไปด้วย หนังสืออีกมากมาย ที่สภาพยังดีอย่างน่าประหลาด ราวกับถูกเก็บรักษาไว้อย่างตั้งใจ วิญญาณของศาสตราจารย์ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ เหมือนกำลังจะมอบมันให้กับเด็กชาย
อรชุนตาเป็นประกาย รีบหันไปถามย่า “ย่าครับ…หนังสือพวกนี้ ผมขอเก็บไว้ได้ไหมครับ ผมรู้สึกว่ามันสำคัญมาก”
ย่ามองหน้าหลานชาย ก่อนจะถอนหายใจยาว เธอไม่เข้าใจว่าหลานรู้สึกยังไง แต่ก็เห็นแววตาที่เปี่ยมด้วยความหวังนั้น จึงพยักหน้าอนุญาต “ถ้าหลานอยากอ่านจริงๆ ก็เอาไปเถอะ”
ก่อนกลับ อรชุนหันไปยืนหน้าบ้าน ก้มลงกราบที่พื้นดินหน้าประตูด้วยความเคารพ แม้เขามองไม่เห็น แต่เขารู้สึกได้ถึงสายตาของใครบางคนที่มองมาด้วยความเอ็นดู
---
ยามเย็น วันนั้นหลังกลับบ้าน เด็กชายวางหนังสือเล่มดาราศาสตร์ไว้ข้างตะเกียงน้ำมันก๊าด เปิดอ่านทุกหน้าอย่างตั้งใจ เขาท่องเรื่องราวของระบบสุริยะ จนกระทั่งเข้าใจภาพรวมในหัวราวกับหนังสือทั้งเล่มได้กลายเป็นของเขาแล้ว
เสียงกระซิบของเทพอารักษ์ดังขึ้นในใจ “การอ่าน +1 … ค่าการอ่านเพิ่มขึ้นเป็น 2 การจดจำ +1 … ค่าการจดจำเพิ่มขึ้นเป็น 2”
อรชุนยิ้มกว้าง รู้สึกเหมือนก้าวอีกขั้นเข้าสู่โลกแห่งการเรียนรู้และการฝึกตน
ย่าที่นั่งปะชุนเสื้ออยู่ข้างๆ แอบเหลือบมองหลานชาย รอยยิ้มของเธอเต็มไปด้วยความภูมิใจ แม้ไม่รู้ว่าอนาคตจะนำพาไปทางใด แต่เธอสัมผัสได้แล้วว่า เด็กชายคนนี้…ไม่ธรรมดา
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 5
Comments