เจ้าสวยมาก
คาเร็นท์
จักเอาอย่างนี้ใช่ไหม ได้งั้นต่างคนต่างหาแล้วกัน
งอนแก้มป่องเลย น่าจิ้มแก้มนัก หมายถึงถ้าน่ารักนิสัยดีกว่านี้สักนิดอะนะ ตอนนี้ไม่กล้าจิ้มอะกลัวนิ้วขาด
เมื่อเห็นว่าจะไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนหญิงในกรงก็รีบถามขึ้นทันที
คาเร็นท์
กรงเวทระดับสูงขนาดนี้ ไม่มีใครกล้าทำอันตรายเจ้าได้หรอก นอกซะจาก...
อื้ม...หลอกให้อยากแล้วก็จากไป จะเว้นวรรคอะไรขนาดนั้นพูดให้มันจบๆทีเดียวไม่ได้เหรอ ไม่ใช่แค่สาวชุดคลุมที่ลุ้นนะ ผมเองก็ลุ้นตาม ลุ้นจนจะฉี่เล็ดแล้วเนี่ย
สาวชุดคลุมกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ ก่อนถามอีกฝ่ายด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆ พร้อมมองไปรอบๆอย่างระวังภัย
คาเร็นท์
สัตว์ประหลาดระดับสูงน่ะ
ระดับสูงแถวนี้เนี่ยนะ ตรงนี้เป็นป่าก็จริงแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นป่าลึกซะทีเดียว จากเส้นทางที่โล่งเตียนไปบางส่วนก็พอคาดได้ว่ามีชาวบ้านสัญจรไปมาอยู่ประจำ ถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นสัตว์ยังไงก็ตาม แต่สัตว์ก็คือสัตว์มันย่อมกลัวผู้คนอยู่แล้วสิ ไม่มีทางที่มันจะทำร้ายมนุษย์ได้ง่ายๆหรอกนอกซะจากว่าจะไปรบกวนมันก่อน
เมื่อเห็นอีกฝ่ายกลัวตนจึงปล่อยหุ่นยนต์สอดแนมจิ๋วนับ10ตัวขนาดและรูปร่างเท่ากับแมลงปอ ขึ้นสู่ท้องฟ้าเหนือบริเวณที่เราพักประมาณ 4-5เมตร ให้มันบินวนสำรวจรอบๆ ดูๆไปก็กลมกลืนดีเหมือนกันถ้าอยู่ท่ามกลางฝูงแมลงปอตัวจริงในธรรมชาติก็แยกยากอยู่เหมือนกันนะเนี้ย
คาเร็นท์
ถ้าเกิดกระไรขึ้นเจ้าพวกนี้จักส่งสัญญาณถึงข้า แล้วข้าจักรีบมาช่วย
ก็อยากจะดูเทคโนโลยีแปลกๆที่ไม่เคยเห็นต่ออีกสักหน่อยนะ แต่กระเพาะปัสสาวะเจ้ากรรมนี่สิมันไม่เอื้อ มันจะออกแล้ว ผมต้องรีบแล้ว
เบริล
จักเอาอย่างไรก็คุยกันไปก่อนเลย ข้ามิไหวแล้ว
พูดเสร็จผมก็รีบหาที่ถ่ายเบาเป็นการใหญ่ เอาชนิดที่ว่าไม่เป็นที่อุจาดตาต่อสองสาวและใกล้ที่สุดเท่าที่ผมจะหาได้ และผมก็เจอจุดที่เหมาะ เป็นหลังต้นไม้ใหญ่ขนาด 4-5คนโอบ ปิดบังได้ดี นาทีนั้นรีบรูดซิปเลยครับจะราดละ
เมื่อเห็นเบริลวิ่งคาเร็นท์ก็ทิ้งนักโทษและกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามพลางเรียกอีกฝ่ายให้รอตนด้วย
กำลังเพลินๆ เด็กนี่ก็มาโผล่ข้างหลังผมตกใจจนแทบจะราดเท้าตัวเอง อะไรเนี่ยจะตามทำไม แถมตามไม่ดูตาม้าตาเรืออีก ถ้ากล้วยผมชี้หน้าให้จะว่าไง เป็นเด็กเป็นเล็กสมควรมั้ยห๊ะ
ผมไม่อยากถูกตราหน้าว่าเป็นโรคจิตวิตถารโชว์ของลับให้เด็กมันดูหรอกนะ ถ้าเป็นสาวๆสวยๆหน่อยอะพอว่า
ใช่ เพราะของดีของใหญ่ก็ต้องควรค่าแก่การโชว์ให้แม่ยอดยาหยีที่เฟอร์เฟคเท่านั้น เห้ย! อย่าเพิ่งคิดว่าผมเป็นคนงั้นนะ ผมหมายถึงดูกันสองต่อสองต่างหากแบบคนรักอะ เข้าใจ๊ !!!!
คาเร็นท์
กระ...กระไร เกิดกระไรขึ้น
คนตัวเล็กมองซ้ายขวาหน้าหลังเพื่อดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ก็ไม่เห็นสิ่งผิดปกติอะไรใดๆทั้งสิ้น มิหนำซ้ำยังจะเดินเข้าไปหาเบริลที่ยืนหันหลังให้อีก
ผมรีบร้องห้ามก่อนที่คาเร็นท์จะเดินมาถึงตัวผม ยัยนี่ก็ไม่มีเซนต์อะไรเอาซะเลย ทะเล่อทะล่าอยากเห็นมากหรือไร
คาเร็นท์
โทษ...เอ่อ...โทษที ใครจักไปรู้ล่ะว่าที่รีบออกมาจักเป็นเรื่องนี้
เด็กสาวหน้าแดงหูแดงเขินอายที่เกือบจะเห็นอะไรต่อมิอะไรของอีกฝ่ายนางรีบหันหลังและเดินออกมาให้เวลาส่วนตัวเบริลได้ยิงกระต่ายสะดวก
เบริลรีบทำธุระส่วนตัวให้เสร็จ ไม่นานก็เรียบร้อยเขาจึงเดินเข้ามาหาเด็กสาวที่ยืนหันหลังให้อีกฝั่ง
คาเร็นท์น้อยหันมาช้าๆพร้อมๆกับตาที่ค่อยๆลืมดูร่างของอีกคน หน้าเหน่อยังแดงอยู่เลย
เอ้า ยัง ยังไม่เลิกควรพอนะ มันเหตุสุดวิสัยจะอะไรปานนั้นแม่คุณ แดงเป็นมะเขือเทศแล้วนั่น ทำยังกับเป็นสาวแรกรุ่นงั้นแหล่ะ ทั้งๆตัวเองก็ไม่กี่ขวบแท้ๆ ยัยเด็กบ๊องเอ๊ย
เบริล
จักเขินทำไมเล่า ของข้ากับของพ่อเจ้าก็เหมือนกันนั่นแหล่ะ
ผมแหย่ยัยเด็กแก่แดดเล่น แอบเห็นคำบางคำแว่วมากับลม เหมือนจะเป็นคำว่าพ่อง ของเด็กสาวที่ทำปากเหมือนปลาทองหายใจในน้ำ ก่อนจะว่าผมว่าเป็นไอ้ทะลึ่ง ผมไม่ได้ตอบโต้เพียงแต่หัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว
คาเร็นท์
อย่ามัวแต่เล่น ช่วยกันหาฟืนหาผลไม้ได้แล้ว
วางมาดนิดหนึ่งและสั่งคนอื่นต่อ
ถึงจะมีบ่นให้กันบ้างแต่ทั้งคู่ก็ช่วยกันหาฟืนและผลไม้กลับมายังที่พักจนได้
?
นี่พวกเจ้าไปไหนมา ทำไมถึงกลับมาป่านนี้
สาวในกรงถามขึ้นทันทีที่เห็นผมหอบกองฟืนเข้ามายังที่พัก
ผมวางกองฟืนที่เก็บมาได้นั้นลงกับพื้นก่อนจะตอบกลับว่า
เบริล
ก็ไปเก็บฟืน...หา...ผลไม้มาน่ะสิ
ผมพูดพร้อมมองคู่สนทนา แต่ก็ต้องตะลึงกับภาพที่เห็นตรงหน้า
ผมเหมือนตกอยู่ในภวังค์ไม่อาจละสายตาคู่นี้ไปไหนได้เลย หญิงสาวที่ปรากฎอยู่ตรงหน้าช่างสวยงามเกินคำบรรยาย สวยประดุจภาพวาดที่ทำขึ้น ผมยาวสลวยหน้าคม คิ้วหนา จมูกโด่ง ปากอมชมพูน่าจูบนั่นด้วย นี่ผมกำลังฝันอยู่เหรอหรือผมตายไปแล้วเนี่ย
เบริล
คนหรือนางฟ้าเนี่ย เจ้าเป็นใครกันคนสวย
ผมเอ่ยถาม เธอไม่ตอบแต่ยิ้มให้ผมแทน แต่รู้ไหมเป็นยิ้มที่ทำให้ผมโคตรจะสดชื่นเลยตอนนี้ แต่มีความสุขได้ไม่นาน มารตัวน้อยก็เข้ามาขัดความสุขลืมไปเลยว่าเข้าป่าไปหาฟืนกับเด็กนี่มา
คาเร็นท์
นี่สิหนา ที่เขาเรียกว่าสันดาน ผู้ชาย
คาเร็นท์พยายามเน้นคำว่าสันดานให้ผมได้ยินชัดๆ แต่ใครจะสน ผมสนแม่นางฟ้าของผมมากกว่า
ผมดันหน้าผากคนที่สูงไม่ถึงเอวผมดีด้วยซ้ำออกให้พ้นๆทาง ผมจะได้เข้าไปคุยกับสาวสวยตรงหน้าได้ถนัด โดยไม่มีอะไรมาขัดได้
ผมถามชื่อเธอในทันที จังหวะนี้รุกก่อนได้เปรียบ ถ้าจีบติดก็เตรียมสละโสดเลยงานนี้
เจ้าตัวตอบเบาๆ แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่าน่ารักขนาดนี้ ทำอะไรก็ดูดี น่ารักทุกอิริยาบถเลย
เบริล
ชื่อก็น่ารัก เสียงก็น่ารัก แถมคนก็น่ารักด้วย
ผมชมเธอจากใจจริง หาใช่เล่นๆไม่ จริงจังนะเนี่ย จริงจัง ถึงที่ผ่านมาผมจะดูเป็นคนเล่นๆกวนๆก็เหอะ แต่ความรักผมเต็มร้อยไม่มีหลอกใครนะบอกเลย
เสียงแว่วดังมาจากข้างหลัง ช่างเหอะคงจะเป็นเสียงแมงวี่แมงวันแถวนี้น่ะ เด็กก็อยู่ส่วนเด็กไป มายุ่งไรกับผู้ใหญ่เนี่ย ไปก่อไฟผ่าฟืนไม่มีประโยชน์กว่าหรือไร
คาเร็นท์
เดี๋ยวนะ ยัยนั่น? ในกรง
คาเร็นท์รู้สึกตะหงิดใจ เหมือนมีบางอย่างมันแปลกๆ เธอจึงตั้งใจมองเอ็มม่าร์ เธอไม่ได้ยืนคุยกับเบริลที่ด้านนอกแต่อยู่ในกรงเวทย์กรงที่เธอจับนักโทษขังไว้ งั้นก็แสดงว่ายัยชุดคลุมกับเอ็มม่าร์คือคนคนเดียวกัน
เบริลโดนหลอกเข้าให้ นึกแล้วก็ขำไม่น้อยที่ไอ้ผู้ชายตัวโตเสียรู้ให้มารยาหญิงได้ เพราะความเจ้าชู้หน้าหม้อทีเดียวเชียว เกี้ยวไม่ดูตาม้าตาเรืออะไรเลย
เสียงหัวเราะของคนตัวเล็กทำให้เขาไม่มีสมาธิจะนึกคำมาจีบสาว เบริลจึงจะหันไปต่อว่าคาเร็นท์แต่คาเร็นท์ก็ชี้ไปที่กรงเวทย์ และหัวเราะต่อสักพัก ท่าจะขำมากนะนั่น มือกุมท้อง ตัวงอเป็นกุ้งแล้ว
กรงมันมีอะไรนักหนา ชี้อยู่นั่น ผมว่าอย่างรำคาญแต่ก็หันไปดู ปรากฏว่ากรงที่ว่านั่นคือกรงเวทย์ที่คาเร็นท์เสกขึ้นมาขังนักโทษ แต่ตอนนี้นักโทษได้หายไปแล้วและแทนที่ด้วยเอ็มม่าร์ที่คุยกับผมแทน
เบริล
เจ้า...เจ้าเข้าไปทำกระไรในกรง แล้วยัยชุดคลุมนั่นไปไหน
ผมหันรีหันขวางมองไปทั่วบริเวณแต่ก็ไม่พบอะไร มีแต่เพียงความมืดที่เริ่มปกคลุมผืนป่านี้เท่านั้น นางหนีไปไหน หนีไปได้ไงกัน ใครช่วยนาง แล้วนางเอาใครมาขังแทน
คาเร็นท์
หาใหญ่ ไม่ต้องหาหรอก นางฟ้าของเจ้านั่นแลคือคำตอบ
ผมรีบประมวลผลโดยด่วน ก่อนที่จะได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
มันยากเกินกว่าจะยอมรับความจริงได้ครับ ยัยแรงควายที่ตีผมสลบได้เนี่ยนะ จะสวยขนาดนี้ใช้มนตร์คาถาอะไรกับผมแน่ๆ คนที่คุมแก๊งชายฉกรรจ์เป็นสิบ ถ้าไม่ใช่เพราะมนตราที่แกร่งกล้าก็เพราะพละกำลังด้านร่างกายแหล่ะ เชื่อเหอะ ยัยนี่หลอก คลายมนตร์ปุบตัวจริง ล้ำเป็นนักมวยปล้ำชัวร์ ไม่ใช่ๆ ผมไม่เชื่อสายตาตัวเองเด็ดขาด
เอ็มม่าร์
ตกใจขนาดนั้นเทียว
แม่นักโทษเสียงหวานถามชายนอกกรงที่ยืนนิ่ง อึ้ง หน้าซีดเผือดเมื่อได้รู้ความจริง เขาพยักหน้าแทนคำตอบก่อนจะนิ่งเงียบไปเหมือนคนใช้ความคิด
คาเร็นท์
แล้วนี่เจ้านึกอย่างไรถึงเอาผ้าคลุมออก
เอ็มม่าร์
ก็เผื่อจักมีคนโง่ๆอย่างเจ้านี่ มาช่วยปล่อยข้าน่ะสิ
เอ็มม่าร์ตอบสายตาก็มองเบริลไปด้วย เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เบริลออกจากความคิดตัวเองพอดี จึงได้โต้กลับบ้าง
เบริล
อ้าว พูดงี้ได้อย่างไร ข้ามิได้โง่หนา
เอ็มม่าร์
แต่หน้าหม้อมิเลือก
คนในกรงพูดตามคำของคาเร็นท์
คาเร็นท์
ฮ่าๆ เจ้าพูดถูกใจข้านัก
ทั้งสองเข้ากันดีเหลือเกิน แถมเม้ามอยท์กันถูกคอไปอีก
เบริล
ไม่จริง ทำไมข้าถึงได้ติดกับง่ายนัก แต่เจ้าก็สวยจริงๆนั่นแลข้ายอมรับ
จะอ้าปากเถียงก็เถียงไม่ออก ไม่รู้จะพูดอะไรดี ได้แต่ชมเชยอีกคนไป
คาเร็นท์
ยังจักมาชมคนอื่นอยู่อีก ไปก่อไฟไป
คาเร็นท์ไล่เบริลให้ไปก่อไฟส่วนตนก็แบ่งผลไม้กินกันกับเอ็มม่าร์ รอขี้ข้าจุดไฟต่อไป
เบริลนั่งพิงหลังกับต้นไม้ใหญ่มองดาวนับล้านในท้องฟ้ายามค่ำคืน
เบริล
มีกระไรต้องคิดนิดหน่อยน่ะ แล้วเจ้าล่ะ
เอ็มม่าร์
อืม..คงเหมือนกับเจ้ามั้ง แต่คืนนี้ดาวสวยจังเลยเนอะ
เอ็มม่าร์กอดเข่ามองท้องฟ้า
เบริล
ใช่ แต่คงเทียบไม่ได้กับบ้านเกิดข้าหรอก ที่นั่นเต็มไปด้วยธรรมชาติ ความอุดมสมบูรณ์ สามารถมองเห็นความงามของกลุ่มดาวเหล่านี้ได้ดีกว่าที่ใด
ไม่รู้ว่าน้ำเสียงหรือแววตาของผมที่ดูเศร้าเกินไปจนเธอสังเกตได้หรือเปล่า แต่ก็ขอบใจที่ถามกัน ถึงจะเป็นคำถามธรรมดาแต่มันมีความหมายมากในตอนนี้ ผมคิดนะว่าบางทีการที่ได้ระบายความรู้สึกบางอย่างกับคนแปลกหน้ามันอาจจะดีก็ได้ เพราะเราไม่ต้องมาคอยนั่งกังวลว่า ผลลัพธ์มันจะสะท้อนกลับมาอย่างไร ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป เพราะไม่มีใครรู้จักใคร มันก็เหมือนกับเวลาเราพูดกับกำแพงหรือตัวเองในกระจกนั่นแหล่ะ เพียงแต่เงาสะท้อนกลับเป็นคนจริงๆ ความรู้สึกจริง และโต้ตอบปลอบโยนกลับได้จริงแค่นั้นเอง
เอ็มม่าร์
ท่าทางเจ้าจักรักบ้านเกิดมากเลยหนา
เบริล
ที่นั่นคือทุกสิ่งทุกอย่างของข้า ข้าคงมีความสุขมากกว่านี้ ถ้ามิเกิดสงครามบ้าๆนั่นขึ้น
ผมกำหมัดทุบลงกับดินใต้โคนต้นไม้ระบายความโกรธไปหนึ่งที
เอ็มม่าร์
พูดซะข้ารู้สึกผิดเลย ข้า...ขอโทษหนาเรื่องเมื่อตอนกลางวันน่ะ ที่จริงแล้วข้ามิได้อยากทำร้ายพวกเด็กๆหรอก
เอ็มม่าร์พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆรู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ
เอ็มม่าร์
ทั้งหมด ทั้งหมดมันเป็นคำสั่ง ถ้าไม่ทำพ่อแม่ข้าจักต้องตายแน่ ข้าไม่มีทางเลือกจริงๆ
กะแล้วไม่ผิดจากที่ผมคิดไว้เท่าไหร่ด้วยสิ ผู้หญิงที่ไหนจะกล้าทำสิ่งเลวร้ายได้ลงคอ ยังไงนั่นก็ชีวิตคนทั้งคน ไม่สามารถฆ่ากันได้ง่ายๆแน่
ว่าแต่ไอ้คนพวกนั้นมันทำไปเพื่ออะไรกดขี่ข่มเหงคนจนไร้ทางสู้ มันทำเพื่ออะไร ความสะใจ? หรือเพราะรายได้จากตลาดมืด ผมไม่เข้าใจความคิดต่ำๆไร่มนุษยธรรมของพวกมันเลยจริงๆ
หญิงสาวน้ำตาคลอก่อนจะกรอกตาไปมาเหมือนบังคับไม่ให้น้ำตาไหล แล้วหันหน้าไปอีกทางเพื่อแอบเช็ดคราบน้ำตาตัวเอง ไม่ให้ผมเห็น
เบริล
อืม ข้ามิติดใจหรอก ก็นี่มันสงครามนี่หนา พวกเบื้องสูงก็คงฉวยโอกาสช่วงนี้กันเป็นส่วนใหญ่แหล่ะ ข้าเข้าใจดีคนที่ไร้ทางเลือกน่ะ
ผมพูดพร้อมเพื่อให้เอ็มม่าร์รู้สึกผิดน้อยลงบ้าง
เอ็มม่าร์
ขอบคุณที่มินึกโทษโกรธข้า
เบริล
ก็นั่นมิใช่เรื่องของข้า คนที่เจ้าควรขอโทษคือพวกชาวบ้านที่เจ้าทำร้ายมากกว่า
เอ็มม่าร์
นั่นสิ แต่คงต้องรอพ้นโทษนู่นแหล่ะ หรือไม่ก็อาจจักมิมีเลย
ผมถามเพราะนางพูดเป็นลางจนผมใจเสียไปด้วย
เอ็มม่าร์
มิรู้สิ โทษของข้าร้ายแรงหนา อาจจักโดนประหารชีวิตก็ได้
อ๋อ นางคาดเดาไปเอง แต่ก็จริงดั่งนางว่าคนที่คิดปองร้ายทำลายคนอื่นโทษย่อมร้ายแรงเสมอ
เบริล
ข้าเชื่อว่าเมืองหลวงมีความยุติธรรมพอ
เอ็มม่าร์
ข้าก็หวังเช่นนั้น
เบริล
อย่ากังวลไปเลย อย่างไรก็ต้องมีทางออก
เอ็มม่าร์คงคิดหนักน่าดู แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้แล้ว ถ้ามัลคาไดน์มีความยุติธรรมผมเชื่อว่าคงตัดสินเรื่องนี้ได้ซื่อตรง ไม่ เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแน่
เบริล
สบายใจแล้วก็นอนเถิดหนา ข้าจักเฝ้ายามให้เอง
แมนไหมล่ะ อาสาเฝ้ายามให้สาวเองเลย
เอ็มม่าร์
เจ้าก็ควรนอนด้วยเช่นกัน
เอ็มม่าร์ชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า ที่มีแมลงปอหุ่นตระเวนของคาเร็นท์ลอยเด่นอยู่บนนั้นนับ 10ตัว มันจิ๋วจนผมลืมไปเลยว่ามียามตัวน้อยอยู่ ถ้าไม่เห็นแสงไฟกระพริบเหมือนหิ่งห้อยนั่นก็ไม่รู้เลยนะว่าอยู่ตรงไหนมั้ง
เบริล
ว่าแต่นอนอย่างไร นั่งหลับรึ
เอ็มม่าร์
มั้ง ก็ดีข้าจักนั่งสมาธิเพิ่มพลังด้วย
เบริล
ตามใจ เจอกันพรุ่งนี้เช้า
ผมยิ้มตาหยีก่อนเอนกายพิงต้นไม้และเข้าสู่ห้วงนิทราในที่สุด
เบริล
คนสวยจักรีบไปไหน อยู่กับข้าก่อนสิ
จู่ๆผมก็มาโผล่ที่ไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าเป็นสถานที่ที่สวยมาก สวยราวกับสวรรค์เลย มันเป็นสวนดอกไม้ที่มีดอกไม้นับล้านๆเบ่งบานเต็มทุ่งส่งกลิ่นหอมเชิญชวนเหล่าผีเสื้อที่บินว่อนอยู่โดยรอบมาดอมดมชมชื่นและลิ้มรสน้ำหวานจากเกสร ทุกอย่างมันช่างสวยงามจริงๆ
👑
👑
👑
👑
👑
👑
👑
👑
👑
👑
👑
👑
👑
👑
👑
Comments