ซาโตะ อายูมะ กำลังลอยอยู่เหนือพวกอัศวินสีขาวดำจำนวนมาที่กำลงพุ่งมาหาเค้า มือขวาที่ถือธนูยาวไร้สายสีเงินที่เหมือนเอาดาบสองเล่มมาติดกันชี้ลงมาที่พวก
“รับไปซซซซะ…”
เกิดเสียงระเบิดจากการกระทบกันอย่างรุนแรงของคันธนูที่เหมือนกับดาบกับชุดเกราะเหล็กอย่างจัง เหล่าอัศวินขาวดำชนกันจนล้มละเนละนาดจนผัลักพวกที่อยู่ขอบพื้นตกลงไปเบื้องล่าง บางตัวที่ที่อยู่บนขั้นบันไดก็ล้มลงราวกับโดมิโน
“ไม่ไหวจริงๆด้วยแหะ”
ถ้าหากว่าตัวเอกในนิยายหรือการ์ตูนที่ได้รับพลังอันยิ่งใหญ่มาในสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายแบบนี้ คงจะพุ้งไปยังใจกลางของความสับสนวุ่นวายที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวอย่างกล้าหาญและใช้พลังอันท่วมท้นในการโค่นศัตรู แต่ว่าสิ่งที่ ‘ซาโตะ อายูมะ’ ดันไม่ทำอย่างงั้น
อายูมะ รีบหันตัวกลับและรีบพุ่งไปยังเส้นทางเดิมที่เป็นทางออก
‘อ่าวเห้ย ไหงจะหนีละทั้งที่ได้ชุดสุดเท่มา แล้วไอ้ประโยคเท้เมื่อกี้นี้ละ’ ปีศาจพูดออกมาด้วยเสียงที่ผิดหวัง
“ก็พึงนึกได้นะสิ ถ้าให้ซักกับพวกปลาซิวปลาซ้อยนะได้อยู่แล้ว แต่ว่าถ้าตัวบอสโผล่มา ชั้นคงจอดในสามกระบวนท่าแน้”
‘ยังไม่ลองก็ไม่รู้หรอน่า’
“บอกทางหนี แล้วค้อยหาทางให้พลัง” อายูมะได้ข้อสรุปว่าเค้าไม่รู้วิธีใช้พลังของตัวเองเลยแม้แต่น้อยและเค้าไม่ใช้คนที่มีความกล้าพอที่จะเอาตัวไปเสี่ยงอีกครั้งในตอนนั้นมันเป็นสถานการณ์ที่บังคับให้สู้ไม่มีทางหนีเหมือนคราวนี้ จึงสรุปได้ว่าต้องหนีไปเพื่อตั้งหลัก เพื่อหาวิธีใช้ เพื่อที่จะมีชีวิตรอด จึงต้องหนี
‘นายเห็นประตูที่อยู่ตรงนั้นมั้ยละนั้นแหละทางออก’ ปีศาจพูดพร้อมชี้ไปที่ประตูสีดขนาดใหญ่ที่ถูกตกแต่งไว้ด้วยดอกกุหลาบสีดำ
“ถ้างั้นก็ไปละนะ” อายูมะรีบวิ่งพุ่งเข้าไปที่ทางประตูทางออก ในระหว่างที่เดินอยู่ก็เกิดแผ่นดินไหวขึ้นอีกครั้ง เค้าเหลือบไปเห็นมีสัตว์ประหลาดสีดำขนาดยักษ์อะไรบางอย่างที่คาดจากสายตาสูงประมาณตึก4-5ชั้น มันพยายามเอื้อมมือมาจับอายูมะ เค้าเพิ่มความเร็วและกระโดดเข้าประตูได้แบบฉิวเฉียด
“ในที่สุดก็รอดจนได้” พื้นที่โดยรอบกลับสู่สภาพปกติ อายูมะนอนเอาหน้าจูบพื้นอยู่หากไม่มีนหน้ากากละก็ริมฝีปากได้จูบจับพื้นถนนยางมะตอยไปแล้ว กลางวันเปลี่ยนเป็นกลางคืนแล้ว
‘มืดไวจังนะ’ ปีศาจแหงนมองดาวบนท้องฟ้า
อายูมะ ค่อยๆใช้แขนทั้งสองข้างยันตัวเองขึ้นจากพื้น แล้วพริกตัวนั้งเงยมองท้องฟ้าอย่างเลื่อนลอย
‘ถ้างั้นก็รีบกลับก่อนเถอะ’
“ตามนั้น” อายูมะลุกขึ้นพร้อมกับเดินไปข้าง ในทันทีที่ก้าวขาข้างนึงออกไป
‘เดี๋ยวก่อนอย่างเดินไปทางนั้น’ ไม่ทันขาดคำ พื้นที่โดยรอบเปลี่ยนกลับไปเป็นโลกที่พื้นเป็นตารางหมากรุก เส้นขอบฟ้าเป็นมีบันไดจำนวนมากเหมือนเมื่อไม่กี่นาทีก่อน อายูมะ ยืนอยู่กลางดงอัศวินกระป๋องจำนวนมาก
‘ซวยชิบ’ อายูมะสบถออกมาในใจ ในวินาทีต่อมามีเงามีดำขนาดใหญ่เคลื่อนตัวมาอยู่เหนือหัวของอายูมะ เค้าหันไปอย่างตื่นตระกลัว หากคิดจะหนีไปอีกรอบคงเป็นไปไม่ได้ ถ้าจะหนีคงโดนจะโดนไอตัวยักษ์รูปร่างขัดกับความจริงของโลก รูปร่างของมันเหมือนเส้นปากกาสีดำที่ไม่คงที่ คงโดนมันขัดขวางทุกวิถีทางแน่ เรื่องนั้นเค้ารู้ดียิ่งกว่าใคร
‘นี่อายูมะจัง ชวยโคตรๆเลยละ’
‘รู้แล้วน่า” พวกอัศวินขาวดำเริ่มพุ่งเข้ามาโจมตีจากหลายทิศทาง
‘เอาละชั้นจะระวังหลังให้เอง’ ปีศาจพูดออกมาอย่างขึงขัง
“โอ้ว” การตอบสนองดีขึ้นอย่างมากทั้งความเร็ว พลังโจมตี อายูมะโจมตีพวกภูตรับใช้ที่เข้ามาโจมตีได้อย่างงดงาม ร่างเส้นปากกาขนาดใหญ่เริ่มเงื้อหมัดเพื่อที่จะโจมตีลงไปที่ใจกลางวงล้อม ที่อายูมะกำลังซัดกับพวกอัศวินขาวดำ
‘อีก3 วินาทีกระโดด’
“ปัง!!!” อายูมะกระโดดตามคำเตือนนั้น พื้นใต้เท้าถูกทำลายด้วยพลังอันท่วมท้นถ้าหากโดนไปตรงละก็ได้กลายเป็นเนื้อบดอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ว่าด้วยแรงที่มากเกินไปทำให้หมัดของมันฝังแน่นอยู่ในพื้นลายตารางหมาก
“เดี๋ยวดิ นี้ชั้นกระโดดได้สูงขนาดนี้เลยหรอ?” อายูมะลอยอยู่กลางอากาศสูงประมาณ ตึกที่สูงประมาณสามชั้น เค้าค่อยๆล่วงลงไปบนแขนของร่างเส้นปากกาขนาดใหญ่
“ดีละ ถ้างั้น” เค้าค่อยๆวิ่งไต่ขึ้นไปตาแขนข้างที่ถูกฝังติดกับพื้น มันใช่แขนอีกข้างพยายามจับตัว อายูมะกระโดดขึ้นข้างบนเพื่อหลบการจอม เท่านี้มือทั้งสองข้างของมันก็ไม่สามารถจับตัวอายูมะได้แล้ว อายูมะง้างคันธนูที่เหมือนดาบโค้งยาวขึ้นเหนือหัว เป๋าหมายก็แน่ชัดอยู่แล้วคือการโจมตีที่หัวของมัน เท่านั้นก็…
“จบกัน แค่นี้แหละ”
“ตึ้ง”
“หะ” เกิดเสียงดังขึ้น ตรงส่วนที่ควรจะเป็นห้าอกของร่างเส้าปากกาเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่จนสามารถมองทะลุเห็นอีกด้านได้ นั้นไม่ใช่ฝีมือของ ‘ซาโตะ อายูมะ’ อย่างแน่นอน ด้านหลังของมันมีหอกสีทองปักอยู่ตรงพื้น
ร่างเส้นปากกาขนาดใหญ่ เริ่มสลายไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกันแสงระยิบระยับจากเศษ อายูมะ ยืนมองหาที่มาของการโจมตีปริศนาที่ปรากฏออกมาอย่างกระทันหัน สิ่งที่เห็นอยู่คือคนใส่ชุดสีดำเทากระโปรงยาวสีดำ ผมยาวสีด นั้นคือสิ่งที่สามารถเห็นได้จะระยะไกลมากๆ เธอยืนอยู่บนบันไดอย่างมันใจราวกับไม่มีสิ่งใดเป็นอันตรายต่อเธอได้
“ใครนะ” มีเพื่อคำเดียวที่หลุดออกจากปากของเด็กหนุ่ม
เธอเดินหันหลังกลับไปในมุมมืด
ทุกอย่างกลับสู่สภาพปกติ พื้นลายตารางหมากรุกกลายเป็นพื้นยางมะตอย ท้องฟ้าสีขาวกลับกลายเป็นดวงแาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน กระเป๋าของเค้าหล่นอยู่ไม่ไกลจากตัวเค้ามากนัก
‘สรุปผฃเธอคนนั้นเป็นใครกันนะ’
“ชั่งเถอะ คิดมากเดี๋ยวพาชั้นนอนไม่หลับไปด้วยก็แย่สิ” อายูมะพูดอย่างไม่ใส่ใจ ในขณะที่เดินไปหยิบกระเป๋า
‘ว่าแต่นายรู้วิธีคืนร่างเดิมมั้ย?’
ราวกับมีฟ้าผ่ากลางหัว อายูมะยืนค้างนิ่งสนิด ก่อนที่จะรีบคนทั่วตัว น่าจะมีสวิตช์หรืออะไรซักอย่างที่สามารถที่ให้กลับร่างเดิมได้แน่ สิ่งที่หยิบออกมาได้ก็มีแค่กล่องเงินใส่ของบางอย่างขนาดใหญ่ประมาณฝ่ามือที่ติดอยู่ตรงเอวด้านขวาและซ้าย ภายในมีการ์ดจำนวนมากอยู่ การ์ดส่วนใหญ่เป็นสีขาว มีการ์ดที่แตกต่างจากพวกมีอยู่สามใบที่มีรวดลายและภาพงานศิลปะที่เข้าใจยาก เขียนด้วยตัวอักษรอังกฤษที่อายูมะอ่านไม่ออกเขียนอยู่ด้านล่าง ใบแรกรูปคนที่ล่วงหล่นลงมา ใบที่สองเป็นตั๊กแตนตำข้าว ใบที่สามเป็นรูปอัศวิน
‘ดูเหมือนการ์ดพวกนี้จะต้องใช้กับเข็มขัดตรงเอวนายนะ’
อายูมะมองลงมาที่เองของตัว เป็นเข็มชัดขาดเล็กที่มีช่องสำหรับรูดการ์ด
“เอาเป็นใบนี้” เค้าหยิบการ์ดรูปคนล่วงหล่นมารูดผ่านเข็มขัด พร้อมภาวนาให้สำเร็จในครั้งแรก “Release” มีเสียงดังขึ้นมาจากเข็มขัด มีเงามืดมาปกคลุมราวกับผ้าคลุมที่ตกลงมาคลุมวัตถุ เมื่อเงามืดนั้นหายร้างของอายูมะก็กลับสู่ปกติ
“งานเข้า” อายูมะพึมพำออกมาหลังจากเห็นชุดนักเรียนเป็นรูขนาดใหญ่บริเวณท้อง ที่ที่ควรจะมีแผลจากการถูกหอกแทงกลับเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และแน่นอนว่าจะต้องไปซื้อชุดนักเรียนใหม่
“แค่คิดว่าต้องเสียเงินซื้อชุดนักเรียนใหม่ตั้ง2ตัว ก็รู้สึกเหนื่อยจิตแล้ว” อายูมะร้องครวญครางออก
‘เอาน่าไหนๆ ก็รอดตายมาได้เสียเสื้อแค่ตัวสองตัวก็ถือว่าคุ้ม คราวนี้ก็คงกลับบ้านได้แล้วจริงๆสินะ’
เวลาผ่านไปเร็วเหมือนโกหก (เพราะโกหก)
ในที่สุด ‘ซาโตะ อายูมะ’ ก็มาถึงห้องของเค้า ในสภาพที่หมดแรงเข้ารีบโยนกระเป๋าไปที่โต๊ะเรียนที่รกรุงรังของวางไม่เป็นที่ แล้วพุ่งไปอาบน้ำด้วยความเร็วสุดเหลือเชื่อ
อายูมะในชุดนอนที่กำลังนอนเช็คเรื่องต่างๆอยู่บนที่นอน
“นี้สรุปแล้วแกเป็นตัวอะไรกันแน่” อายูมะหันไปถามปีศาจที่นั่งอยู่บนพื้นไม้
‘ก็อย่างที่เคยบอกไปนั้นแหละ ชั้นก็คือนาย นายก็คือชั้น มันก็แค่นั้น’ ปีศาจตอบออกมาอย่างไม่จริงจังอะไรนัก
“แล้วจะให้เรียกนายว่าอะไรละ”
‘ถ้างั้นเอาเป็น “shadow” ’ ปีศาจตอบด้วยที่ทางขึงขัง
“เซ้นในการตั้งชื่อโคตรห่วยเลยนิหว่า มีแต่ความจูนิเบียวล้วนๆเลย” อายูมะพูดด้วยท่าที่เอื่อมระอาและพูดต่อ
‘เฮ้ย นี่มันชื่อที่เท่มากเลยนะ! Shadow! ลึกซึ้ง มีชั้นเชิง เรียบง่ายแต่น่ากลัว!’
“ฟังดูเหมือนชื่อเด็กม.ต้นที่เพิ่งซื้อเสื้อคลุมจากร้านคอสเพลย์มาแล้วประกาศว่า ‘ข้าคือผู้เดินในเงามืด’ มากกว่านะ”
‘งั้นจะให้ใช้ชื่ออะไรล่ะ? ปีศาจที่ไม่มีชื่อมันดูไร้คลาสจะตาย’
“อย่างน้อยขอชื่อที่คนทั่วไปไม่ขำตอนเรียกได้มั้ยล่ะ?”
‘งั้นนายตั้งมาเลยสิ เก่งนักเรื่องชื่อ เอาแบบเท่ๆ ที่ไม่จูนิเบียวหน่อยสิ!’
“โอเค งั้น… ‘คุโระ’… ไม่สิ ฟังดูโหลไป… ‘ดัสต์’? ‘เบลซ’? อืม… หรือจะตั้งว่า ‘ขุนพลแห่งความโกลาหล’ ดี”
‘ว่าใครจูนิเบียววะ!?’
“ก็แค่เสนอชื่อให้เฉยๆ นี่ไง ไม่เห็นจะบ่นตอนเสนอชื่อ Shadow เลย”
‘เพราะชื่อ Shadow มันจบ! มันสั้น กระชับ เท่! ใช้ได้ทุกสถานการณ์!’
“ใช้ได้กับเด็กที่เขียนนิยายเองแล้วตั้งตัวเองเป็นตัวเอกอะนะ”
‘แล้วมันไม่ใช่นายรึไง!?’
ทั้งสองเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจออกพร้อมกันแบบหมดแรง
‘แล้วจะให้ใช้ชื่อว่าอะไรล่ะ? มืดไปไม่เอา เท่ไปก็ว่าเบียว เอาไงกับชีวิต?’
“ก็นายนะอยู่ในหัวฉันใช่มั้ยละ? ชื่อมันก็ควรสะท้อนอะไรที่… ฉลาดขึ้นมาหน่อย”
‘โอเค งั้นเสนอมาเลยสิ อยากได้ชื่อแบบไหน? ฉลาด ลึก ล้ำ? หรือเอาแบบโคตรจืดเหมือน “ทาโร่” ดีล่ะ?’
“เอางี้… นายก็เหมือนพวกที่ชอบมากและเป็นปีศาจด้วย และมาให้ฉันตอนสิ้นหวัง ไม่สิควรพูดว่าสถานการณ์อันตรายสุด ใช่มั้ยละ?”
‘จะว่าอย่างนั้นก็ได้…’
“งั้น… นายไม่ต่างจากพวกปีศาจในตำนานเลยใช่มั้ย? แบบ… ฟาวสต์ไง”
‘…Faust?’
“ใช่ คนที่ขายวิญญาณให้ปีศาจเพื่อพลังกับความรู้ทั้งหมดในจักรวาล”
‘แล้วฉันต้องเป็นปีศาจแบบเมฟิสโตเฟเลสงั้นสิ?’
“ก็นายทำตัวได้สมบทบาทอยู่แล้วนี่นา”
‘…แปลว่านายก็เป็นฟาวสต์… นายตั้งชื่อนี้ให้อีกด้านของตัวเองน่ะเหรอ?’
“ไม่รู้สิ ก็ฟังดูดี… ดีกว่า Shadow แหละน่า” อายูมะพูดอย่างเลื่อนลอย
‘…ก็ได้ งั้นต่อจากนี้เรียกฉันว่า Faust’
“เฮ้อ… สุดท้ายก็ยังฟังเบียวอยู่ดี”
‘ก็นายเป็นคนตั้งนะ’
“เงียบไปเลยน่า คิดว่าจะมีคนอ่านเรื่องของฟาวสต์เยอะงั้นหรอ”
“นอนละ…ราตรีสวัสดี”
อายูมะปิดเปลือกตาทันที่ทีพูดจบ
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments
うacacia╰︶
กลับมาอ่านซ้ำไม่ยอมหยุดอ่านเรื่องนี้
2025-06-22
1