Rebellion (ชื่อชั่วคราว)

Rebellion (ชื่อชั่วคราว)

ตอนที่1:ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่…

29พฤษภาคม2011 เวลา23:33น.

เสียงลมพัดกรูเข้ามาอย่างฉับพลันใบไม้ไหวกระเพื่อม เสียดสีกันดัง “กรอบแกรบ” ท่ามกลางความมืดดำในสวนด้านหลังโรงเรียนมัธยมปลายแห่งนึง เงาร่างหนึ่งกระตุกเบาๆ ก่อนที่เปลือกตาจะเปิดขึ้นอย่างเชื่องช้า

“…อึก…หนาว…”

เด็กหนุ่มผมดำลืมตาขึ้นมาช้าๆ เขานอนอยู่บนพื้นหญ้าเย็นเฉียบ ใบหน้าเปียกชื้นด้วยหยาดน้ำค้าง

แผ่นหลังรู้สึกแสบเหมือนถูกฝังลงกับดินมาหลายชั่วโมง

[ที่นี่มันที่ไหน แล้วทำไมดึกดื่นปานนี้ทำมั้ย ตรูถึงได้มานอนอยู่บนพื้นหญ้าฟะ]

เขาค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นมองไปรอบอย่างหมดแรง ท่ามกลางความเงียบไม่มีแม้แต่เสียงหมาซักตัว หรือแสงไฟจากตึกข้างเคียงมีเพียงความเงียบรอบตัวเขา เขาควักโทรศัพท์ออกกระเป๋ากางเกงมาดูตอนนี้เวลา 23:36 น.

“ชั่งเถอะ รีบกลับหอพักก่อนแล้วค่อยคิดแล้วกัน”

เขารีบคว้ากระเป๋านักเรียนที่หลนอยู่ข้างๆและปีนออกจากรั้วโรงเรียน

ถนนที่ไม่ค่อยมีคนสัญจร เวลานี้มีเพียงเด็กนักเรียนมัธยมปลายคนนึงที่กำลังเดินอย่างหมดเรี่ยวแรงอยู่คนเดียว เสาไฟฟ้าตามทางให้แสงสลัวๆเป็นช่วงๆ

“อะไรวะเนี่ย…”

ในขณะที่เดินอยู่คนเดียว—โดยไม่มีป้ายบอกทางหรือเสียงแม้แต่น้อย ถนนค่อย ๆ แปรเปลี่ยน

อาคารข้างทางเหมือนละลายรวมเข้าหากัน

พื้นผิวของโลกเหมือนถูกแทนที่ด้วยภาพวาดเหนือจริงในฝันร้ายของจิตรกรเสียสติ

เขาหยุดก้าว เบิกตากว้าง

เบื้องหน้าคือ… เวทีโอเปร่ากลางแจ้ง ที่เหมือนผสานเข้ากับโลกของ Wonderland ม่านเวทีสีเลือด คลี่ออกช้า ๆ กลิ่นหมึกพิมพ์เก่า ๆ และฝุ่นผสมกลิ่นเน่าโชยมาแตะจมูก

“ปัง…ปัง…ปัง…”

เสียงปืน? ไม่—มันเป็นเสียงกระทบพื้นไม้ของไม้คอนดักเตอร์

“…นั่นมัน…”

สปอร์ตไลท์สามดวงฉายลงมากลางเวที

ท่ามกลางแสงสีขาวซีด สิ่งมีชีวิตรูปร่างเหมือนมนุษย์ในชุดวาทยากร (conductor) ปรากฏตัวแต่ว่ามันไม่มีหัว… ตรงคอมีเพลิงสีฟ้าเปล่งแสงระยิบเหมือนอัญมณีลุกโชน มันทำท่าเหมือนกำลังมองเขาอยู่ แม้ไร้ตา ไร้ใบหน้า

นักเรียนมัธยมปลายชะงักนิ่งอยู่บนทางเดินยกระดับที่พาเข้าสู่โซนที่นั่งผู้ชม เสียงฝีเท้าเงียบลง แม้แต่เสียงลมหายใจยังกลัวจะไปรบกวนบรรยากาศของ “การแสดง” ที่กำลังจะเริ่ม

เวทีโอเปร่าขนาดยักษ์เบื้องหน้าเรืองแสงสลัวๆ ท่ามกลางม่านกำมะหยี่สีแดงคล้ำที่ไหวกระเพื่อมโดยไม่มีลม บรรยากาศโดยรอบค่อยๆ แปรเปลี่ยนราวกับทั้งอาคารโรงละครกำลังมีชีวิต โครงสร้างเริ่มขยับ เสาและเพดานโค้งตัวไปมาได้เหมือนแขนขาของสัตว์ประหลาด

“นั่นมัน…อะไรกันแน่…”

กลางเวที สิ่งมีชีวิตในชุดวาทยากรสูงโปร่งยืนอยู่ท่ามกลางความว่างเปล่า ไม่มีหัว มีเพียงเปลวเพลิงสีฟ้าที่ลุกโชนแทนที่ส่วนศีรษะ

ไม้บาตองในมือถูกยกขึ้นสูงราวกับจะเปิดม่านการแสดงอันศักดิ์สิทธิ์ ทันใดนั้น…

“ฉัวะ!”

เสียงเครื่องสายชุดหนึ่งลากโน้ตยาวราวกับกรีดร้อง

ม่านทั้งสองฝั่งเวทีเปิดออก เผยให้เห็น เหล่านักดนตรี ที่นั่งเรียงกันเป็นวงออร์เคสตรา

พวกเขาไม่ใช่มนุษย์—บางตัวคือหุ่นไม้ ผิวแตกร้าว

บางตัวมีแววตาว่างเปล่าเหมือนตุ๊กตาเก่าที่ถูกทิ้ง

พวกมันเล่นดนตรี…ประสานกันอย่างสมบูรณ์แบบในความวิปลาส

เสียงไวโอลินเริ่มสูงขึ้น ค่อยๆ ซ้อนทับด้วยเสียงกลองที่กระแทกเป็นจังหวะเหมือนเสียงหัวใจเต้น

ทางเดินใต้เท้าเด็กหนุ่มเริ่มขยับ

เก้าอี้ผู้ชมโดยรอบพลันเปลี่ยนรูปร่าง—บางตัวกลายเป็นร่างมนุษย์หุ่นเชิด บ้างมีแขนยาวเกินจริง บ้างไร้หน้า พวกมัน…หันมามองเขา

“…เจ้าพวกนี้มัน…ปีศาจหรอ…”

นักเรียนมัธยมปลายพยายามถอยหลัง แต่พื้นด้านหลังกลับหายไป—ถูกแทนที่ด้วย “เวิ้งอากาศสีดำสนิท”

ไม่มีทางถอยกลับ

“ปึง!”

ไม้บาตองของ Conductor ตวัดลง

นักดนตรีเริ่มเล่นพร้อมกัน เสียงประสานวิปริตไหลทะลักออกมาเหมือนคลื่นน้ำท่วม

“ฮวู่ววววววววววววววววววววว!!”

เสียงนั้น ไม่ใช่เสียงธรรมดา

มันคือเสียงคลื่น เสียงลูกแรกพุ่งซัดใส่ร่างเด็กหนุ่มจนกระเด็นไปชนเข้ากับราวเหล็กที่ทางเดิน

เสียง “โครม!” ดังลั่น ก่อนร่างของเขาจะทรุดลงกับพื้นไม้แข็งกระด้าง ความรู้สึกเจ็บปวดแร้นไปทั่วร่าง ปอดถูกบีบอัดจนหายใจแทบไม่ออก ราวกับอากาศทั้งหมดถูกรีดออกจากอกในพริบตา แขนซ้ายที่ยกขึ้นป้องกันถูกแรงปะทะจนชา รู้สึกแสบร้อนร้าวไปถึงข้อศอก

เลือดซึมออกมาตามข้อศอกและหัวเข่าที่กระแทกพื้น

ข้างแก้มถลอกครูดกับพื้นไม้ เสี้ยวเนื้อฉีกขาดเล็กน้อยเลือดผสมกับฝุ่นละอองในอากาศที่เต็มไปด้วยกลิ่นไม้เก่าและสนิม

[ …ขยับไม่ได้… แขน…ชาไปหมด… ]

ทุกลมหายใจกลายเป็นแรงบีบบังคับให้ร่างกายยังคงเคลื่อนไหว

หูอื้อไปชั่วขณะ เสียงออร์เคสตรายังคงดำเนินอยู่ แต่มันกลายเป็นเพียงเสียงห่างไกลเหมือนฝันร้ายที่ไม่มีวันตื่น

เขาพยายามดันตัวขึ้น มือสั่นระริก ร่างกายไม่ตอบสนองตามใจคิด

แขนขวาถูกใช้แบกรับน้ำหนักทั้งตัว แม้จะเจ็บจนเส้นเอ็นเหมือนจะขาด

เสียงดนตรียังคงดำเนินไปอย่างไม่มีความปราณี

เหมือนโลกทั้งใบกำลังเฉลิมฉลองความตายของเขา

เงาตุ๊กตาผู้ชมขยับใกล้เข้ามาทีละตัว ทีละก้าว เสียงข้อต่อตกร่อง “กึก กึก” ดังประสานไปกับเสียงไวโอลินที่ไต่ระดับขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนย้ำเตือนว่าการแสดงนี้ยังไม่จบ

[ต้องรีบ…ต้องรีบหนี…]

ความคิดนั้นวนซ้ำอยู่ในหัว แม้ร่างกายจะไม่เชื่อฟังก็ตาม เด็กหนุ่มกัดฟันแน่น เลือดจากริมฝีปากที่แตกไหลซึมลงคาง

มือขวาที่ยังขยับได้ค่อย ๆ ดันตัวขึ้นอีกครั้ง

“ปึง!!”

เสียงไม้บาตองกระแทกอีกครั้งหนึ่ง

คลื่นเสียงลูกที่สองกระแทกตามมา คราวนี้มันไม่ได้พุ่งตรงเข้าใส่เหมือนเดิม แต่กวาดเป็นระลอกขนาดมหึมา เหมือนคลื่นยักษ์ถาโถมเข้าทำลายล้างทุกอย่างบนเวที

พื้นไม้ใต้ฝ่าเท้าแปรเปลี่ยน—แตกออกเป็นริ้วร้าว เสาเวทีสองต้นงอเหมือนงู ทะยานฟาดลงข้างตัวเขา เฉียดไปเพียงนิดเดียว

แรงอัดอากาศกดร่างของเด็กหนุ่มจนทรุดเข่าลงอีกครั้ง หูทั้งสองข้างแทบแตกจากแรงสั่นสะเทือน สมองเหมือนจะระเบิดในพริบตา

เลือดไหลออกจากรูหูและจมูกโดยไม่รู้ตัว

ร่างกายอ่อนแรงอย่างน่ากลัว ทุกอย่างเหมือนจะดับวูบลงตรงนั้น

แต่แววตาของเขายังไม่มอดสนิท—มีบางอย่างในดวงตานั้น… ไม่ใช่ความหวัง

แต่เป็น “คำถาม” ที่ยังไม่ได้รับคำตอบ

[ที่นี่…มันคือที่ไหนกันแน่… และไอ้บ้านั่นคืออะไร…]

เสียงเครื่องสายกรีดลึกเข้าไปในโสตประสาท ม่านสีเลือดไหวระริก

เด็กหนุ่มยังคงพยายามคลานไปข้างหน้า ช้าๆ

ท่ามกลางแสงไฟประสาท และเสียงเชียร์เงียบงันจากตุ๊กตาผู้ชมที่ไม่มีปาก

…และเป็นตอนนั้นเอง

เบื้องหลังม่านเวที—มีเงาร่างสูงโปร่งในชุดยืนพิงฉากหลังอยู่ราวกับดูการแสดงนี้มานานแล้ว

ไม่มีใครสังเกตเห็นเขาหรือเธอที่กำลังรับชมอยู่เลย ราวกับหลุดจากโลกใบนี้

แม้กระทั่งเด็กหนุ่ม—ที่กำลังทรุดตัวลงบนพื้นเวที เลือดไหลเปื้อนปลายคาง ก็ยังไม่รู้ตัวว่า “ที่แห่งนี้เขาไม่ได้อยู่แค่คนเดียว”

เสียงดนตรีบ้าคลั่งยังดำเนินต่อไป

ทุกเสียงโน้ตเหมือนจะกรีดเข้าไปในกระดูก เสียดแทงสมอง และบังคับหัวใจให้เต้นผิดจังหวะ

/…โจมตีมันให้ได้…เพียงแค่หนึ่งครั้ง…/

เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง ทว่าในหัว…

ไม่ใช่เสียงพูดตามปกติ หากเป็นคลื่นความคิดที่ซึมเข้ามาโดยไม่ถามความสมัครใจ

เสียงนั้น…อบอุ่นอย่างน่าประหลาด แต่ก็มีกลิ่นอายของ “บางสิ่งที่อันตรายยิ่งกว่าความตาย”

/ถ้าไม่ทำ…เธอจะไม่มีวันพรุ่งนี้อีกเลย/

เด็กหนุ่มเบิกตากว้างหัวใจเต้นผิดจังหวะ

ร่างกายแม้จะอ่อนแรง แต่จิตใจกลับถูกเขย่ารุนแรงจากความจริงที่ไม่รู้ว่าคือภาพหลอนหรือการเตือน

[โจมตีมัน…แค่ครั้งเดียว…งั้นหรอ?]

แต่ไม่มีอาวุธ ไม่มีอะไรนอกจากตัวเปล่า เสื้อผ้าที่เปื้อนเลือด กับความตายที่รออยู่ทุกวินาที

ต่อจากฉากที่เธอในชุดเดรสบอกว่า “นี่คือโอกาสเดียว… โจมตีเสีย ก่อนที่ม่านจะปิดลง”

มือขวากำแน่น เลือดไหลซึมจากรอยแตกที่นิ้ว

แม้จะยังไม่รู้ว่า “จะโจมตียังไง” เขาก็ยังฝืนก้าวไปข้างหน้า เวทีเบื้องหน้ากว้างใหญ่ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด

ม่านขนาดยักษ์เหนือศีรษะค่อย ๆ เลื่อนลงมาทีละน้อย เวลามีจำกัด

ทันใดนั้น—Conductor ขยับ

ไม่มีสัญญาณเตือน ไม่มีเสียงประกาศเริ่มการแสดง

ไม้บาตองในมือขวาถูกตวัดฟาดอย่างรวดเร็ว

เส้นเสียงแหวกอากาศดัง ฉัวะ เหมือนดาบที่ฟันทุกสิ่งเป็นสองท่อน

เขารีบหลบ!—แต่ว่า ไม่ทันแขนขวาโดนเสี้ยวคลื่นเสียงเฉียดจนเนื้อเปิด

เลือดสาดกระเซ็นลงบนพื้นไม้ของเวที

เจ็บ…แต่ยังพอทนไหว เขากัดฟัน กระโจนใส่ Conductor อย่างไม่คิดชีวิต

หมัดขวาฟาดไปเต็มแรง—

แต่ยังไม่พอ หมัดมันไปส่งไม่ถึง!

‘ผัวะ!’

คลื่นต้านมองไม่เห็นกระแทกหน้าอกเขาจนร่างปลิวกระเด็น

กระแทกกับเสาแสงฉากหลังอย่างแรง จนเวทีสะเทือน

หูอื้อ

ตาพร่า

เจ็บเหมือนซี่โครงหักไปสองสามซี่

\อย่าเพิ่งถอย…\

เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้งในหัว

นุ่มนวล แต่แฝงด้วยแรงผลักดันที่เยือกเย็น

\ดูให้ดี…จังหวะของมัน

เด็กหนุ่มกัดฟันยันตัวลุกอีกครั้ง เสียงโน้ตของเปียโนเริ่มกลับมา ไม้บาตองของ Conductor ยกขึ้นสูงอีกหน

“ฉันไม่ได้มีเซนด้านดนตรีนะเห้ย”

ครั้งที่สอง—เขาสังเกต

หนึ่ง…ยกขึ้น

สอง…เล็ง

สาม…สะบัด!

เขาพุ่งตัวหลบก่อนไม้จะฟาด

คลื่นเสียงพุ่งเฉียดใบหน้า—ปลายผมขาดเป็นริ้ว

แต่อย่างน้อย…เขาไม่ได้โดนเต็ม ๆ

ยังไม่ทันตั้งหลัก

ไม้บาตองอีกข้างสะบัดจากซ้ายเข้าหาเขา

คลื่นลูกที่สองมาเร็วกว่าเดิม

“มันมีสองจังหวะซ้อนกัน…”

เขาคลานไปข้างหน้าอีกครั้ง

เหนื่อยแทบขาดใจ

เลือดจากคิ้วหยดลงบนพื้นจนมองเห็นภาพเบลอ ๆ

แต่เขายังไม่ยอมแพ้

ครั้งที่สาม—เขาเข้าใกล้มากพอที่จะมองเห็นโครงสร้างของ Conductor ชัดเจน

ไม่มีหัว ไม่มีหน้า

แต่เปลวไฟสีฟ้าที่ลุกไหม้เหนือคอของมัน…แปลกประหลาด เหมือนเป็นจุดควบคุมกลางของทุกสิ่งบนเวทีนี้ ราวกับจงใจบอกจุดอ่อนให้เห็นกันชัดๆ

ไม้บาตองยกขึ้นอีกครั้ง

“ตอนนี้ล่ะ!”

เด็กหนุ่มกัดฟันพุ่งเข้าใส่อีกหน

ครั้งนี้เขาหลบคลื่นเสียงได้เกือบหมด

แต่ยังโดนปลายแรงกระแทกอัดเข้าที่ไหล่

ร่างหมุนเคว้งกลางอากาศก่อนจะกระแทกกับแท่นลำโพงข้างเวที แท่นแหลกละเอียด เขากลิ้งลงมากองกับพื้น หอบหนัก—แทบหายใจไม่ออก

แต่ก็ “พอจะเข้าใจแล้ว”

“สามจังหวะ…แล้วมันต้องเว้นวรรคเล็กน้อย”

ดวงตาสั่นไหว—แต่กลับเริ่มนิ่งขึ้น

ร่างกายยังเจ็บปางตาย แต่สติกลับคมกริบกว่าเดิมแม้จะเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหนุ่มกำลัง “เรียนรู้” ไม่ใช่แค่จังหวะของศัตรู

แต่เป็นจังหวะของ “เวที” ทั้งหมด

เขารวบแรงเฮือกสุดท้าย พุ่งเข้าใส่เป็นครั้งสุดท้าย

รอให้ไม้บาตองสะบัดจังหวะที่สามแล้วหยุดวูบเพียงเสี้ยววินาที จากนั้น…

“เปลี่ยนทิศ!”เขาสไลด์ตัวเข้าไปทางด้านข้าง ไม่พุ่งตรงอีก

และหมัดของเขาก็ฟาดเข้าใส่ร่างของ Conductor

แม้จะไม่ใช่หมัดที่มีอะไรพิเศษ เป็นแค่หมัดธรรมดาแต่เปลวไฟสีฟ้ากลับสั่นไหว เงาของเวทีรอบข้างแปรปรวน

“…!”

Conductor ชะงัก เสียงทั้งหมดบนเวทีแตกพร่า

หุ่นนักดนตรีล้มระเนระนาด ม่านเวที…ค่อย ๆ ลดต่ำลงจนใกล้พื้น

เด็กหนุ่มทรุดลงกับพื้นอีกครั้ง

มือที่เปื้อนเลือดแนบกับหน้าอก เลือดทะลักออกมาจากปาก กระดูกส่วนต่างๆแตกระเอียด อวัยวะภายในฉีกขาด ตาค่อยๆหนักขึ้นเรื่อยๆอย่างช้าๆ หัวใจยังเต้น…แม้จะเจ็บไปทั้งร่าง

เขารอดแบบเส้นยาแดงผ่าแปดและก่อนม่านจะปิดสนิท เสียงกระซิบดังขึ้นอีกครั้งในหัว

/ดีมาก…ถึงแม้สภาพจะดูไม่ได้ก็ตาม/

เสียงนั้นแผ่วเบาลง

ก่อนจะหายไปพร้อมกับความมืดที่กลืนกินทุกอย่าง

เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!