เพลิงสีฟ้าในโพรงหัวของ Conductor ลุกวาบอย่างบ้าคลั่ง เสียงคลื่นดนตรีกึกก้องกดทับร่างของเด็กหนุ่มที่นอนแนบพื้นเวทีราวกับถูกรัดด้วยเชือกพันธนาการนับร้อย
“————!”
ไม่มีเสียงใดหลุดจากปากเขา ความเจ็บปวดรุนแรงเกินกว่าจะเปล่งเสียงออกมาได้
เสียงสั่นของสายไวโอลินและเสียงเปียโนที่ดุดันประสานกันอย่างบ้าคลั่ง ก่อน Conductor จะยกแขนขึ้น ร่างกายบิดเบี้ยวขณะรวบรวมคลื่นเสียงสุดท้าย เขากำลังจะจบการแสดงด้วย—หมายสังหารที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ต้องสลายไปพร้อมกัน มือของมันเงื้อขึ้นเหนือหัว ท่วงท่าราวนักวาทยกรที่กวัดแกว่งชีวิตของผู้อื่นได้ด้วยปลายนิ้ว
ดวงตาของเด็กหนุ่มเบิกโพลงขึ้น สติสุดท้ายตะโกนให้เขาเคลื่อนไหว…แต่ร่างกายไม่ตอบสนองและในวินาทีนั้นเอง—
‘ชึบ…!’
คลื่นเสียงที่สั่นสะเทือนทั่วทั้งโรงละครพลันแตกกระจายออกเหมือนกระจกถูกทุบ ใยพลังราวเงาสีดำบางอย่างแทรกผ่านกลางเวที เหมือนมีบางสิ่ง “หยุดโน้ตสุดท้าย” ไว้ก่อนที่มันจะสัมผัสร่างของเด็กหนุ่ม
เพลิงสีน้ำเงินในหัว Conductor สั่นไหวก่อนจะค่อย ๆ มอดดับไป พร้อมกับร่างสูงนั้นที่ทรุดลงเงียบ ๆ เสียงดนตรีหายไปทันที—ราวกับเวทีทั้งหมดได้ “ตัดฉากลง” ม่านเวทีค่อย ๆ ปิดลง… และสติของเด็กหนุ่มก็ดับวูบไปทุกอย่างกลายเป็นสีดำ
ฉากถัดไป: ห้องสีขาว
แสงไฟเพดานนิ่งสงบ ไม่มีการกระพริบ ไม่มีเสียงใดๆ แม้แต่เสียงลมหายใจก็เหมือนถูกกลืนลงไปในความเงียบ
เตียงสีขาวตั้งอยู่กลางห้องอย่างโดดเดี่ยว ผ้าปูสะอาดเรียบตึงจนไร้รอยยับ ผ้าพันแผลแน่นรัดรอบเอวและไหล่ของเด็กหนุ่ม—รอยแผลลึกที่ควรพรากชีวิตเขาไปแล้ว ถูกประสานอย่างเร่งด่วนจนเหลือเพียงอาการบาดเจ็บระดับที่พอขยับตัวได้…แต่ความเจ็บปวดไม่ลดลงแม้แต่น้อย เหมือนทุกครั้งที่ขยับตัว
ข้างเตียงเป็นโต๊ะไม้เล็ก มีแก้วน้ำวางอยู่กับกล่องยา ไม่มีกลิ่นยา ไม่มีเสียงเครื่องมือ ไม่มีบรรยากาศของโรงพยาบาลที่เขาคุ้นเคย และนอกหน้าต่าง…
ไม่มีแม้แต่เงาอาคารหรือแสงจากเมือง ไม่มีทิวทัศน์ของต้นไม้ ถนน หรือผู้คน มีเพียงม่านแห่งท้องฟ้ายามค่ำคืนที่กว้างไกลเต็มไปด้วยหมู่ดาวระยิบระยับ ลอยนิ่งอยู่ในความเวิ้งว้างราวกับห้องนี้อยู่ท่ามกลางสุญญากาศ เป็นพื้นที่ที่ถูกแยกขาดจากโลกเดิมโดยสิ้นเชิง
“ที่นี่…คืออะไรกันแน่”
เสียงของเขาแผ่วเบา ทะลุความเงียบเหมือนเสียงกระซิบในฝัน ก่อนที่ความคิดจะไหลไปไกลกว่านั้น เสียงส้นรองเท้าดังขึ้นจากประตูที่เปิดออกอย่างช้า ๆ
หญิงสาวในชุดสูทสีดำก้าวเข้ามาเงียบ ๆ ผมยาวสีนิลตกลงแนบไหล่ เธอเดินเข้ามาใกล้ มองเขาด้วยดวงตาที่นิ่งสนิทแต่ไม่เย็นชา เหมือนคนที่เฝ้าดูอยู่ตลอดเวลาโดยไม่เผยความคิดใด ๆ
“ตื่นแล้วสินะ”
เด็กหนุ่มไม่ตอบในทันที เขาเพียงเหลือบมองเธออย่างระแวดระวัง
“ฉันช่วยรักษานายไว้แล้ว ถึงจะหยาบๆไปหน่อยก็ตาม…”
“และก็ที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาล ไม่ใช่โลกที่นายเคยอยู่ และที่สำคัญ—มันไม่มีเวลาให้พักฟื้นมากนัก”
“สรุปแล้ว…เธอเป็นใคร”
หญิงสาวยิ้มเพียงเล็กน้อย ไม่ใช่รอยยิ้มที่ปลอบใจ แต่ก็ไม่ใช่เยาะเย้ย
“ตื่นมาก็ถามเข้าประเด็นหลักเลยหรอ แต่ไม่สำคัญว่าฉันจะเป็นใครหรืออะไรหรอก แล้วนายจะเรียกฉันว่าอะไรก็แล้วแต่เลย สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นกับนาย”
เธอเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปยังหมู่ดาวที่เงียบงัน ก่อนเอ่ยต่อด้วยเสียงที่แผ่วลง
“สิ่งที่โจมตีเธอนั่น…มันไม่ใช่แค่ฝันร้าย”
เด็กหนุ่มเงียบ เขารู้ดีว่าภาพนั้นยังชัดเจน เพลิงสีฟ้า เสียงดนตรี เสียงกรีดร้องในหัวที่ไม่มีใครได้ยินภายในโรงละคร
“พวกมันถูกเรียกว่า Nightmare—พวกมันถือกำเนิดจากความอารมณ์แง่ลบของมนุษย์ที่มาทับถมกันจนเป็นรูปร่าง และกินมนุษย์”
“................?”
เธอหันกลับมา และส่งสายตามาที่เขา
“ไอตัวที่โจมตีเธอคร่าวนี้นะเป็นแค่ของปลอมที่ถูกสร้างขึ้นมาเอาไวทดสอบนายเฉยๆ ของจริงนะอาจะโหดกว่านี้”
“ทำไมละ…ทำไมต้องเป็นฉัน”
หญิงสาวเดินกลับมาหาเขา ชะโงกลงเล็กน้อย เงาของเธอบดบังแสงไฟบนเพดาน
“เมื่อวานนี้ เธอนะตกลงมาจากดาฟ้าโรงเรียน แล้วก็ตายและกลับมามีชีวิตเพราะอะไรไม่รู้นะสิ สำหรับสิ่งผิดปกติอย่างเธอนะพวกนั้นถือว่าเธอเป็นของหวานชั้นเลิศเลยละ ที่ส่งกลิ่นหอมเกินจะห้ามใจเลยละ เพราะงั้นเลยต้องลากเธอมาที่นี่เพื่อลองทดสอบว่าถ้าเจอของจริงจะรอดได้ซักกี่น้ำ”
เด็กหนุ่มเบิกตาขึ้น ปากของเค้าขยับเล็กน้อยและส่งเสียงอแกมาอย่างแผ่วเบา “ตายงั้นหรอ”
“ความเจ็บปวดที่นายรู้สึกตอนนั้น—มันเป็นของจริง มันไม่ใช่ควาทฝันซักทีเดียว และมันจะรุนแรงกว่านี้อีกหลายเท่าในครั้งถัดไป”
เธอหยิบบางอย่างออกจากกระเป๋า เป็นวัตถุทรงเหมือนลูกเต๋า20หน้าเล็กสีดำด้าน วางไว้บนโต๊ะเหล็กข้างเตียง
“ถ้าจะปล่อยไว้เฉยๆมันก็ดูจะใจร้ายไปใช่มั้ยละ เลยอยากเสนอตัวช่วย แต่ในอีกทางหนึ่ง ถ้านายต้องการจะต่อสู้กับมัน นายก็ต้องมีพลังที่จะรับมือ”
“…พูดเหมือนให้ฉัจะนมีทางเลือก”
หญิงสาวพยักหน้า
“ทางหนึ่งคือรอให้มันมาถึงตัว แล้วตายช้าๆ โดยที่ไม่เข้าใจเลยว่ามันคืออะไร อีกทาง…คือรับสิ่งนี้มาใช้ให้เต็มที่”
เด็กหนุ่มกลืนน้ำลาย รู้สึกว่าห้องที่เงียบอยู่แล้วกลับเงียบกว่าที่เคย เขาจ้องสิ่งของเล็ก ๆ บนโต๊ะนั้น มันดูไม่มีพิษภัย แต่กลับรู้สึกได้ถึงแรงกดดันแปลก ๆ
“…แล้วมันคืออะไร? และมีไว้ทำอะไร?”
“สิ่งนี้เรียกว่า Exousia—มันไม่ใช่ชื่อกลุ่ม ไม่ใช่คำสวยหรู มันเป็นคำที่เรียกผู้ที่ยอมรับในพลังที่ไม่ควรจะมีอยู่บนโลกนี้ละนะ”
“ถ้าฉันรับมันไวแล้ว…จะเป็นอย่างไง”
หญิงสาวไม่ตอบในทันที แต่สายตาของเธอเข้มขึ้นเล็กน้อย
“เป็นคำถามที่ดี เธอก็จะได้รับพลังที่สามารถรังสรรค์ปาฏิหาริย์ช่วยเหลือผู้คน ได้ยังละ”
หญิงสาวพูดด้วยเสียงที่สดใสและไม่จริง ด้วยที่ท่าเหมือนราวกับเรื่องที่คุยเมื่อกี้เป็นเรื่องตลกคาเฟ่
“มันจะทำการใช้ข้อมูลนิสัยและแนวคิดทั้งชีวิตของเธอมาออกแบบตัวตนExousiaของเธอ ก็อย่างเช่น ความเศร้าของเธอ ความรักของเธอ ความโลภของเธอ ความสิ้นหวังของเธอ และความปรารถนาของเธอ”
เด็กหนุ่มตัวค้างไปเนื่องจากความสับสน สมองของเค้ายังประมาณผลข้อมูลที่ได้รับไม่ทัน
“เรื่องที่จะบอกก็มีแค่นี้แหละ”
เธอหันหลังกลับไปและเดินไปที่ประตูอย่างช้าๆ ตอนที่เธอจับลูกบิดประตูเธอก็เอ่ยปากออกมา…
“จริงสิ ฉันลืมบอกไปเรื่องนึง ถ้าเธอใช้มันเธอจะเสียอะไรบางอย่างไปและจะไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป จงเตรียมใจและคิดให้ดีๆก่อนที่จะใช้มัน และก็เธอจะตื่นขึ้นอีกครั้งในห้องนอนของเธอ”
“เดี๋ยวก่อนยังมีเรื่องที่อยากจะ….”
สติของเขาก็ดันไป หลังจากที่ประตูถูกปิดลง
วันที่30พฤษภาคม2011 ณ เกาะกลางทะเลนอกชายฝั่งที่ถูกตัดขาดจากพื้นดินเมืองแห่งการศึกษาสึกามิมีพื้นที่47,589ตารางกิโลเมตร มีประชากรทั้งหมด5.7ล้านคน สาเหตุที่ได้ชื่อนี้ก็เพราะเมืองมีประชากรส่วนใหญ่มากกว่า69%เป็นนักเรีย อีก15%นักวิจัยและครู มีนักเรียนจากทั่วโลกมารวมตัวกัน
หอพักนักเรียนชายเก่าๆแหล่งนึง ภายนอกผนังที่ควรจะเป็นสีขาวกลับถูกคราบสกปรกที่สะสมมาเป็นระยะเวลานานกลบ ที่ชั้น6บริเวณริมสุดตรงทางเดินมีห้องที่ป้ายหมายเลขและชื่อของเจ้าของห้องถูกเขียนไว้ราวกับไม่ได้ตั้งใจที่จะเขียนมันเลย643-ซาโตะ อายูมะ
แสงแดดยามเช้าส่องทะลุผ่านม่านหนาสีกรมท่า เข้าที่ดวงตาของโดเมย์ อายูมะ ที่กำลังนอนหมดสภาพหลังผ่านเหตุการณ์เมื่อคืน
“เช้าแล้วหรอ…”
เขาค่อยลุกขึ้นสลัดจากแรงดึงดูดจากเตียง
“โอ้ย!?”และทั้งที่หลังจากการก้าวขาออกจากเตียง เค้าก็ลื่นล้มก้นจ้ำเบ้า และเป็นเวลานั้นเอง
“เจ็บๆ หืมมม…นี่มัน”
มันก็คือผ้าพันแผลที่พันอยู่ทั่วตัวอย่างดี และเค้าก็สังเกตได้ที่ปลายแขนขวาของเค้ามีสร้อยข้อมือที่ดูไม่เข้ากันกับตัวเขาอย่างแรง ไม่สิ ถ้าพูดให้ถูกคือมันไม่ได้มีไว้เพื่อผูกกับข้อมือแต่เพื่อไม่ให้หล่นมันหายไป มันคือลูกเต๋าสีดำ20หน้าที่เห็นในความฝัน
“ไม่ใช่ความฝันจริงๆสินะ”
สีหน้าของเขาซีดลง เหงื่อที่หน้ารังเกียจไหลท่วมหน้าเขา
“จริงสิวันนี้ ต้องไปโรงเรียนด้วยนิหว่า อ่าาาสายแล้ว!!”
เวลาปัจจุบัน06:32น.
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments
Tít láo
อย่าลืมอัพต่อเลยล่ะ อ่านแล้วติดใจ
2025-06-11
0