ตอนที่ ๓

เคนทร์เดินตามร่างของทั้งสองจนไปหยุดอยู่ที่เรือนท้ายหมู่บ้าน ทั้งสองไม่มีการพูดคุยเกิดขึ้นมีเพียงชายหนุ่มลูกครึ่งที่คอยลอบมองคนข้าง ๆ เป็นระยะ

"พ่อเคนทร์หิวหรือยะ.."

ปึง

คำพูดของเพ็ญถูกหยุดโดยเสียงของประตูห้องลูกชายที่เพิ่งกลับมา สองผัวเมียมองหน้าอีกคราตามมาด้วยเสียงถอนหายใจเสียงดังอย่างขุ่นเคืองเล็กน้อย มีที่ไหนตอนไปกับตอนกลับมาราวกับเป็นคนละคน

ไอ้ขอนมันสับเปลี่ยนลูกเขาหรือยังไงกัน

"แต่ก่อนมันไม่เคยมีท่าทีเช่นนี้ ไอ้ขอนมันสอนศิษย์อย่างไรของมัน"

คูณกล่าวพาดพิงถึงสหายคนสนิทอย่างไม่จริงจังเพ็ญที่เห็นสีหน้าผัวก็ได้แต่เอ่ยปลอบใจว่าลูกชายคงไปเจอเรื่องอะไรมา

"ให้เวลาลูกหน่อยเถอะลูกเพิ่งกลับมา"

ร่างหนาที่ก้าวพ้นประตูขาแกร่งก็ก้าวขึ้นไปนั่งขัดสมาธิบนเตียง เมื่อไตร่ตรองเรื่องที่กำลังจะทำต่อไปนี้มาตลอดทาง ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นประกบกันระดับอก ริมฝีปากหนาก็เปล่งเสียงออกมายาวเหยียดเป็นภาษาที่คนปกติย่อมฟังไม่เข้าใจ

☆☆☆

ลานว่างหลังเรือนไม้หลังหนึ่ง มีไม้ไผ่ยาวพาดไว้กับเสาเรือน อีกฟากพาดไว้กับต้นมะม่วงเล็ก ๆ บนไม้ไผ่มีเสื้อผ้าตากอยู่สองสามผืน เป็นเหตุให้ทอขวัญต้องลงมาเก็บ เมื่อเพิ่งนึกได้ว่าลืมเก็บผ้าตะวันก็ลับขอบฟ้าแล้ว มีเพียงแสงตะเกียงบวกกับแสงจันทร์ที่ช่วยให้ไม่มืดมิดจนเกินไป

ระหว่างเก็บผ้าใบหน้าเล็กหันมองซ้ายมองขวาด้วยความสับสน เมื่อรู้สึกได้ว่าตนเองถูกจับจ้อง แต่เมื่อสำรวจดูก็พบเพียงความว่างเปล่า เห็นดังนั้นเธอจึงรีบเก็บผ้าและเดินกลับขึ้นเรือนเพื่อไปดูหม้อแกงที่ตั้งทิ้งไว้บนเตา

"มืดค่ำเช่นนี้เหตุใดเพิ่งเก็บผ้าผ่อนล่ะทอขวัญ" ทองกล่าวด้วยน้ำเสียงดุ ๆ เมื่อเห็นลูกสาวกำลังหอบเสื้อผ้าขึ้นเรือนไป

"คือฉันเพิ่งกลับมาจากเรือนยายจวนไม่นานนี้เองจ้ะพ่อ" เธอตอบตามความจริงไม่มีอะไรต้องปิดบัง

"รีบขึ้นเรือนได้แล้ว" ข้าวเอ่ยแทรกขึ้น

สายตาคู่หนึ่งที่กำลังหลบอยู่หลังต้นมะม่วงที่ใช้พาดทำราวตากผ้าหายวับไป เมื่อเป้าสายตาที่ต้องการมาเฝ้ามองหายขึ้นไปบนเรือนแล้ว

วันรุ่งขึ้น

"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันจ้ะ เห็นเขาว่ากันว่าเมื่อคืนไปตามหมอช่วงดึกเลย" ข้าวที่เพิ่งกลับมาจากร้านค้าของปทุมที่เป็นร้านค้าในหมู่บ้าน ก็ได้ยินคนพูดถึงการเจ็บไข้ของครอบครัวยายจวน ข้าวจึงเข้าร่วมวงสนทนาด้วย พอกลับบ้านก็มาเล่าเรื่องให้ผัวอย่างทองฟังโดยมองทอขวัญที่กำลังอยู่ในครัวเป็นระยะ

"มันจะดีหรือแม่ข้าวแค่นี้ลูกเราก็.." ทองพูดกับเมียด้วยความหนักใจเมื่อหัวข้อนั้นเกี่ยวข้องกับลูกสาวคนเดียวของตน

"พี่ก็พูดแล้วไม่ใช่หรือว่าจะไม่บังคับลูกให้ลูกตัดสินใจเอง" ข้าวพูดกับผัวจนทองถอนหายใจยาวออกมาในที่สุด จากคราแรกที่จะต่อปากกับเมียต่อก็หยุดชะงักเมื่อลูกสาวเดินมา

"ทอขวัญ เอ็งไปเยี่ยมพ่อโจหน่อยเถอะแม่ได้ยินมาว่าปวดท้องจนต้องไปตามหมอดึก ๆ ดื่น ๆ" ข้าวเอ่ยบอกเมื่อลูกสาวนั่งลงข้าง ๆ ฝ่ามือที่ผ่านการทำงานมาจนมันหยาบกร้านวางลงที่ศีรษะเล็กของหญิงสาวอย่างทะนุถนอม แค่พูดถึงเรื่องหน้าตาลูกเธอก็จะมีท่าทีปิดกั้นขั้นรุนแรง จึงทำได้เพียงรอให้ลูกพร้อมเอง ข้าวเคยบังคับแล้วแต่ทอขวัญนั้นเป็นลมไปเพราะกลัวความจริง

"จริงหรือจ๊ะ งั้นฉันจะทำข้าวต้มไปฝากด้วย" ทอขวัญเบิกตาด้วยความตกใจเมื่อวานอีกคนยังเดินมาส่งเธออยู่เลย

"ลูกชอบมันหรือทอขวัญ" ทองเอ่ยถามให้หายข้องใจ ตนจะได้ไม่ต้องกังวลใจเรื่องนี้อีก ยิ่งเห็นใบหน้าตกใจของลูกสาวก็ยิ่งอยากรู้ความในใจ ตนจะได้ทำบางเรื่องให้มันจบ

"จ๊ะ! พี่โจหรือจ๊ะ ฉันเห็นเขาเป็นพี่ชายไม่ได้คิดเป็นอื่นจริง ๆ นะจ๊ะ" ทอขวัญเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจอีกครั้งที่บิดาถามเช่นนี้ เมื่อเห็นทองมองอย่างจับผิดจึงย้ำชัดให้มั่นใจ

"แล้วหากมันชอบเอ็งเล่า" ทองถามอีกครั้ง

"อืม ฉันไม่รู้จ้ะแต่ตอนนี้ฉันเพียงมองพี่โจเป็นพี่ชายหรือเพื่อนคนหนึ่ง ฉันยังไม่รู้สึกแปลกใหม่หรือที่เขาเรียกว่าความรัก ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นยังไง" หญิงสาวพูดออกมายาวเหยียดตามความคิดตนเอง เรื่องความรักมันยังห่างไกลมากสำหรับเธอในตอนนี้ หลังคุยกับบิดามารดาเป็นอันเข้าใจหญิงสาวก็รีบไปทำข้าวต้มเพื่อไปเยี่ยมคนป่วย

"ทอขวัญหนูมาทำอะไรแต่เช้า" ยายจวนเอ่ยถามทอขวัญเด็กสาวที่เอ็นดูเหมือนลูกเหมือนหลาน ถ้าโจหลานชายคนเดียวได้หนูทอขวัญเป็นเมียคงจักดี

"พี่โจตื่นยังจ๊ะยาย" ทอขวัญถามกลับเสียงใสใบหน้าใต้ผ้าคลุมยิ้มแย้มสดใส เธอคงไม่ได้มาเช้าขนาดที่ผู้ป่วยยังไม่ตื่นหรอกใช่ไหม

"ขึ้นไปเถอะเหมือนจะเพิ่งตื่น"

"จ้ะยาย"

ได้ยินดังนั้นทอขวัญก็ละสายตาจากยายจวนที่กำลังก่อไฟเพื่อหุงข้าวอยู่หน้าบ้าน ก็เดินขึ้นไปบนเรือนไม้หลังไม่เล็กไม่ใหญ่ หลังลูกสาวยายจวนกลับมาฐานะทางบ้านของยายจวนก็ดีขึ้นมากถึงขนาดไปซื้อที่นาเพิ่ม เห็นว่ากันว่าเป็นทรัพย์สินที่ผัวฝรั่งยกให้ลูกชายอย่างโจ

"ทอขวัญ"

เพียงแค่ก้าวพ้นบันไดเรือน ก็มีเสียงเรียกแหบแห้งจากคนที่นอนซมอยู่บนเตียงในห้องนอนทันทีเพราะประตูเปิดอยู่ คงเป็นน้าอรที่เปิดทิ้งเพราะเธอได้กลิ่นสมุนไพร คงจะต้มยาให้ลูกชายอยู่เป็นแน่

"ไหนเขาว่ากันว่าเป็นโรคกระเพาะไม่ใช่หรือจ๊ะทำไมหน้าพี่ถึงซีดปานนั้น" ทอขวัญเอ่ยด้วยน้ำเสียงตกใจ

"พี่ไม่ได้เป็นอะไรมากดอก แต่คงไม่ได้ไปหาเอ็งจนกว่าจะหายดี" โจพูดด้วยแววตาเศร้าสร้อยคิดหนักมาตลอดทั้งคืน เมื่ออาการปวดท้องที่ไม่ทราบสาเหตุไม่ดีขึ้นแม้นกินยาไปเป็นหม้อแล้วก็ตาม เขาต้องทนคิดถึงใบหน้าใต้ผ้าคลุมนี้อีกกี่วันกัน อาการปวดท้องมันไม่ได้ปวดเจียนตาย แต่ปวดมากพอที่จะทำให้เขาไม่สามารถทำอะไรตามใจตนเองได้

"พี่พูดอย่างกับว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีก บ้านพี่ก็อยู่แค่นี้ แต่ฉันไม่อยากมาเยี่ยมพี่หรอกนะเพราะงั้นพี่ต้องหายนะ"

คนที่นอนอยู่มองหญิงสาวที่นั่งบนพื้นข้างเตียงด้วยแววตาหลงใหลอย่างลึกซึ้ง มือขาวซีดจากยีนฝั่งพ่อคว้าผ้าคลุมสีเข้มเพื่อเปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าสวยที่คิดถึง อยากสัมผัสมันสักคราแต่มือใหญ่ก็ต้องชะงักมือกลับเมื่อมารดาตนเดินเข้ามา

"นี่! หนูทอขวัญหรือจ๊ะ" อรอุทานออกมาอย่างประหลาดใจ เดิมดีเด็กคนนี้ก็น่าเอ็นดูมากอยู่แล้วยามได้เห็นหน้าชัด ๆ ก็ยิ่งน่าเอ็นดูเข้าไปใหญ่ ไม่น่าลูกชายถึงได้เทียวตามไม่ห่าง

"เอ่อจ้ะ น้าอรฉันเอาข้าวต้มมาฝากพี่โจด้วย" ทอขวัญอึกอักทั้งยังพยายามหลบสายตาเมื่อเห็นอรสำรวจใบหน้าเธอด้วยสายตาพินิจ

"ดีเลย น้าว่าวันนี้พ่อโจคงเจริญอาหารเป็นแน่ อีกอย่างมีน้าอยู่หนูเปิดผ้าคลุมได้ อย่าเห็นคนบ้านนี้เป็นคนอื่นไกลเลย ใช่ไหมพ่อโจ" อรเอ่ยพูดเย้าเเหย่ลูกชายจนคนที่นอนซมใบหน้าขึ้นเลือดฝาดเล็กน้อยเมื่อแม่เอ่ยแซว

ทอขวัญอยู่จนโจกินข้าวกินยาเสร็จก็กลับบ้านปล่อยให้คนป่วยพักผ่อน ถึงโจจะเอ่ยรั้งเธอหลายครั้งต่อหลายครั้งก็ตาม แม้จะเห็นใจแต่สุขภาพของคนป่วยต้องมาก่อนหากเธออยู่ต่อไม่แน่ว่าโจอาจไม่นอนเลยก็ได้

☆☆☆

"พ่อเคนทร์ ไปไหนมาแต่เช้า"

เพ็ญเอ่ยทักลูกชายที่เดินเข้ามาในบ้าน ในตอนนี้ควรอยู่ในห้องไม่ใช่หรือ เพราะตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเช้าเธอยังไม่ได้ยินเสียงประตูห้องลูกชายเปิดเลย

หรือไปหาพ่อมั่นมาไม่

"กระท่อมไม้กลางป่ายังอยู่ดีหรือ" เคนทร์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เมื่อเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าบิดาเคยพาไปเที่ยวเล่นที่กระท่อมไม้กลางป่าในอดีต

"เอ็งถามทำไม" คูณที่เดินออกมาจากห้องก็ได้ยินเข้าพอดี

"ข้าอยากไปอยู่พักผ่อนสักพัก"

"แล้วบ้านนี้ เอ็งพักผ่อนไม่ได้หรือยังไง" คูณตวาดใส่ลูกชายเสียงดัง มีที่ไหนเพิ่งกลับมาก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่พอยังอยากย้ายไปอยู่ในป่าคนเดียว ไอ้ขอนมันเอาค้อนทุบหัวลูกชายเขาหรืออย่างไรกัน ขนาดที่เสียงดังขนาดนี้ลูกชายก็ยังคงมีท่าทางเมินเฉยยืนนิ่งเหมือนรูปปั้น ไม่เหมือนก่อนไปที่ดูสุภาพอ่อนน้อมไม่เเข็งทื่อเช่นนี้

"เมื่อเดือนที่แล้วพ่อเขาเพิ่งแวะไปดูถ้าอยากไปอยู่ ก็ขนของไปเปลี่ยนเถอะเตียงไม้มันผุพังไปมากแล้ว" เพ็ญรีบบอกลูกชายเสียงอ่อน เพราะถ้าหากปล่อยให้สองพ่อลูกคุยกันต่อคงจบไม่สวย ถึงลูกชายจะเปลี่ยนไปแต่ก็เหมือนคนที่กำลังโมโหหายใจฟึดฟัดอยู่ข้าง ๆ นี่แหละ

"งั้นฉันไปตามไอ้มั่นก่อน" หลังจากได้คำตอบก็หันหลังเดินออกจากเรือนมุ่งหน้าไปหามั่น

ที่ไม่รู้ชะตากรรมว่ากำลังจะถูกใช้งาน

"แม่เพ็ญดูเอาเถอะ หางเสียงไม่มีสักคำ"

เคนทร์ไปตามมั่นถึงที่เรือนเพื่อให้ช่วยขนของไปกระท่อมไม้กลางป่า มั่นคือคนเดียวที่เคนทร์ไว้ใจถึงจะชอบบ่นชอบด่าให้มัน แต่ก็รักไม่ต่างจากน้องชายแท้ ๆ

"โห่ พี่กลับมาไม่กี่วัน พี่จะให้ฉันนอนพักผ่อนหน่อยไม่ได้หรือ" มั่นบ่นอย่างไม่จริงจังเพราะสุดท้ายก็ยอมไปช่วยแต่โดยดี ช่วยไม่ได้ที่เขามีพี่ชายค่อนข้างแปลก

"ขนไวก็ได้พักไว" เคนทร์พูดขณะขนของขึ้นเกวียนด้วยความขะมักเขม้น เพราะอยู่กลางป่าทางเข้าไปจึงไม่สามารถที่จะใช้กระบะของบิดาเข้าไป

"แล้วทำไมพี่ต้องย้ายมาอยู่ป่าด้วย อย่าบอกนะว่าติดใจบรรยากาศป่าช้า"

มั่นแสดงใบหน้าบิดเบี้ยวชัดเจน เมื่อนึกถึงช่วงที่อาจารย์ให้ไปเฝ้าป่าช้าเพื่อทำภารกิจ แต่ละวันไม่เคยเจออะไรที่มันสบายตาสักวัน อย่างเช่นร่างกายเน่าเปื่อยมีหนอนชอนไชอยู่ทั่วร่างเอย แค่คิดกลิ่นเหม็นสาบก็ลอยเตะจมูก จนต้องสะบัดหน้าไปหลายที ไม่เห็นจะมีตรงไหนน่าติดใจ

"ข้าก็แค่อยากพักผ่อนเงียบ ๆ สักพัก" เพื่อพักใจน่ะ

"แต่พี่ทำกับข้าวไม่เป็น อย่าบอกนะว่า"

"เออเดี๋ยวจ้าง "

นั่นไงไอ้มั่นว่าแล้วงานเข้าตัวมันจนได้ คนอะไรเก่งทุกทางแต่ทำกับข้าวไม่เป็น มั่นยังจำรสชาติกับข้าวที่ปล่อยให้เคนทร์ทำได้ดี ยกให้เลยสามคำ

เค็มนำ เค็มตาม และก็เค็มปี๋

กรรมของไอ้มั่นที่เกิดเป็นลูกพี่ลูกน้อง

.

.

.

.

อีพีหน้าพี่เคนทร์จะคิดเรื่องชั่วๆออกละน้าาา

เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!