ตอนที่ 2 นักศึกษาสาวที่ลึกลับ

หลังจากทีมอรินทราช 26 พูดคุยกันเสร็จ ทุกคนก็เดินไปยังห้องประชุมภารกิจ ห้องประชุมถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อย มีแผนที่คฤหาสน์และบริเวณโดยรอบกระจายอยู่บนโต๊ะ พร้อมกับอุปกรณ์เสริมที่จำเป็นสำหรับปฏิบัติการ พลตำรวจเอกฐานศักธิ์ยืนอยู่หน้าห้อง ประกาศเริ่มการประชุมทันทีเมื่อทุกคนเข้ามานั่งพร้อมหน้า

“ทุกคนครับ ภารกิจคืนนี้จะเกิดขึ้นในเวลาเที่ยงคืนเป๊ะ จุดหมายคือคฤหาสน์ลึกลับในป่าลึกทางเหนือของลพบุรี เราต้องทำการบุกตรวจค้นเพื่อหาตัวผู้ลักพาตัวและช่วยเหลือเหยื่อที่ยังไม่ทราบจำนวน เราจะเริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์ลักษณะของสถานที่และยุทธวิธีที่จะใช้”

พลตำรวจเอกชี้ไปที่แผนที่บนโต๊ะ ซึ่งแสดงภาพถ่ายทางอากาศของคฤหาสน์วิคตอเรียขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางป่า ล้อมรอบด้วยพื้นที่หนาทึบ ไม่มีถนนหลักเข้าถึง มีเพียงทางลูกรังเล็กๆ ที่ดูเหมือนจะใช้เฉพาะคนในพื้นที่

“คฤหาสน์หลังนี้มีขนาดใหญ่ มีสองชั้นหลักและหอคอยขนาดเล็กทางด้านหลัง มันเป็นอาคารเก่าแต่ยังอยู่ในสภาพดี ประตูและหน้าต่างทุกบานถูกล็อกไว้แน่นหนา ทำให้เราต้องใช้เครื่องมือสำหรับงัดหรือระเบิดประตู ในส่วนของป่าโดยรอบก็มีพื้นที่ที่สามารถใช้เป็นจุดซุ่มยิงได้ เราจะใช้ประโยชน์จากจุดนี้เพื่อการคุ้มกันจากภายนอก” พลตำรวจเอกอธิบาย

เขาหันไปหาจักรพรรดิและพูดต่อ “ส่วนยุทธวิธีการบุก เราจะแบ่งทีมออกเป็นสองชุดหลัก ทีมบุกและทีมคุ้มกัน”

พลตำรวจเอกชี้ที่แผนที่อีกครั้งและพูดต่อ “ทีมบุกจะเข้าไปทางด้านหน้าคฤหาสน์ จักรพรรดิ นายจะเป็นหัวหน้าทีมนี้ นำทีม บอล เจม และทิว บุกเข้าไปภายใน ส่วนทีมคุ้มกันจะอยู่รอบนอก โดยใช้เคน โชกุน และฉันเป็นหน่วยซุ่มยิงและรักษาความปลอดภัยบริเวณโดยรอบ พวกเราจะใช้ปืนไรเฟิลจู่โจม M4A1 เพื่อความแม่นยำและคล่องตัวในพื้นที่แคบ”

จักรพรรดิพยักหน้ารับ พลตำรวจเอกฐานศักธิ์พูดต่อ “เมื่อเข้าไปในคฤหาสน์ ทีมบุกต้องแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกจะตรวจสอบชั้นหนึ่งให้ครบถ้วน ส่วนกลุ่มที่สองจะขึ้นไปตรวจสอบชั้นสอง และอย่าลืมตรวจสอบหอคอยทางด้านหลังด้วย คฤหาสน์นี้มีโครงสร้างซับซ้อน ต้องระวังตัวเป็นพิเศษ”

พลตำรวจเอกยกนิ้วขึ้นเป็นการย้ำเตือน “เวลาปฏิบัติการเที่ยงคืน แต่พวกเราจะเริ่มเคลื่อนย้ายจากจุดรวมพลในเวลา 22:00 น. เพื่อเตรียมตัวก่อนเข้าสู่พื้นที่ เราจะใช้เฮลิคอปเตอร์ทางการทหารสำหรับเดินทางเข้าสู่พื้นที่เป้าหมาย อย่าลืมพกเครื่องมือตัดสัญญาณและอุปกรณ์วิทยุสื่อสารทั้งหมด”

ทุกคนในทีมฟังอย่างตั้งใจ พลตำรวจเอกฐานศักธิ์ปิดท้าย “ถ้ามีอะไรผิดพลาด ให้ยุติการปฏิบัติการทันที และกลับมาที่จุดปลอดภัยที่กำหนดไว้ ทางนี้เราจะมีเฮลิคอปเตอร์ standby สำหรับการอพยพด่วนเมื่อมีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน”

“เข้าใจไหม?” พลตำรวจเอกถามขึ้นอย่างจริงจัง

“เข้าใจครับ!” ทุกคนตอบพร้อมเพรียง

หลังจากการประชุมเสร็จสิ้น ทุกคนในทีมแยกย้ายไปพักผ่อนตามเวลาของตัวเอง จักรพรรดิเดินออกมาจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลเพียงลำพังเพื่อสูบบุหรี่คลายเครียด ท่ามกลางอากาศเย็นสบายของยามเย็น เขายืนสูบบุหรี่หน้ากองบัญชาการ พลางปล่อยให้ควันบุหรี่ลอยไปในอากาศ

ในขณะที่จักรพรรดิกำลังดื่มด่ำกับความเงียบสงบ เขาก็ได้เหลือบไปเห็นนักศึกษาสาวคนหนึ่งเดินผ่านหน้ากองบัญชาการ เธอดูมีลักษณะที่โดดเด่นจนเขาอดไม่ได้ที่จะจ้องมอง ผมสั้นสีน้ำตาลที่พลิ้วไหว ดวงตากลมโตที่มีแว่นทรงสี่เหลี่ยมช่วยเสริมความน่ารักของเธอ ตัวเล็ก ผิวขาวสะอาด เธอเป็นภาพที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงโดยไม่ทันรู้ตัว

พวกเขาสบตากันชั่วครู่ สายตาของหญิงสาวดูเหมือนจะส่งความรู้สึกบางอย่างกลับมาด้วยเช่นกัน จักรพรรดิรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นเร็วขึ้น ความรู้สึกแปลกใหม่ที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อนทำให้เขายืนจ้องมองเธอต่อไปอย่างไม่สามารถละสายตาได้

แต่แล้วเขาก็ต้องกลับมาสู่ความเป็นจริง เขารีบทิ้งบุหรี่ที่สูบอยู่ ก่อนจะเดินเข้าไปในกองบัญชาการด้วยความเขินอาย ใจเต้นรัวกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น

ระหว่างที่เขากำลังเดินกลับเข้าไปในตัวอาคาร พลตำรวจเอกฐานศักธิ์ สีขมิ้น ที่ยืนอยู่ตรงทางเข้าได้เห็นท่าทางของจักรพรรดิและเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแฝงรอยยิ้ม "เป็นอะไรหรือไง ยิ้มอยู่คนเดียว"

จักรพรรดิสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับด้วยความลนลาน "เออ...เปล่าครับ ขอโทษด้วยครับ" เขารีบก้มหน้าก้มตาเดินผ่านพลตำรวจเอกเข้าไปทันที พร้อมกับความรู้สึกเขินอายที่ไม่อาจปิดบังได้

พลตำรวจเอกหัวเราะเบาๆ ก่อนจะส่ายหน้าแล้วเดินตามเข้าไปในกองบัญชาการอย่างไม่ใส่ใจมากนัก

หลังจากที่จักรพรรดิเดินผ่านพล ตำรวจเอกไปอย่างเขินอาย เขารีบเดินตรงไปยังห้องน้ำทันที เมื่อเขาเข้ามาในห้องส้วม จักรพรรดิก็ปิดประตูและนั่งลงบนโถอย่างเงียบ ๆ เขาพยายามรวบรวมความคิดและ ไตร่ตรองถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นความรู้สึกที่เขาได้เจอเมื่อสบตากับนักศึกษาสาวคนนั้นยังคงก้องอยู่ในหัว เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรู้สึกชอบ เธอได้ตั้งแต่แรกเห็น แต่มันชัดเจน มากเกินกว่าจะปฏิเสธได้

ในขณะที่เขานึกถึงรอยยิ้มและดวงตากลมโตของเธอ ความคิดของเขาก็เริ่มไหลไปอย่างควบคุมไม่ได้ จนร่างกายของเขาเกิดการตอบสนองขึ้น อวัยวะเพศของเขากลับตื่นตัวอย่างไม่ทันตั้งตัว จักรพรรดิรู้สึก ตกใจและสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาตั้งคำถามกับตัวเองว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

แต่ก่อนที่เขาจะสามารถควบคุมความคิดหรือทำอะไรได้มากไปกว่านี้ เสียงฝีเท้าของคนที่เข้ามาในห้องน้ำ ทำให้เขาสะดุ้ง จักรพรรดิจึงรีบลบความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัวทันที เขาพยายามสงบสติอารมณ์และจัดการตัวเองให้กลับมาสู่สภาพปกติ ก่อนที่จะเปิดประตูเดินออกจากห้องส้วม

เมื่อเขาเดินออกมาก็พบว่าคนที่เข้า ห้องน้ำมาตามเสียงฝีเท้านั้นคือ "บอล" เพื่อนร่วมทีมหน่วยอรินทราช 26 บอลมองจักรพรรดิด้วยสายตาสงสัยเล็กน้อยแต่ไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม จักรพรรดิจึงเดินออกจากห้องน้ำไปอย่างเงียบๆ โดยพยายาม ทำตัวให้เป็นปกติมากที่สุด

หลังจากที่จักรพรรดิเดินออกจากห้องน้ำ เขาดูนาฬิกาข้อมือและเห็นว่าเป็นเวลา 19:00 น. เขาจึงรีบไปที่โรงอาหารเพื่อเติมพลัง พอไปถึง เขาเห็นกลุ่มหน่วยอรินทราช 26 นั่งรับประทานอาหารกันอยู่ เขาตักผัดกะเพรามาเป็นอาหารเย็นของตัวเองและไปนั่งร่วมกับทีม ไม่นานนัก บอลที่เพิ่งกลับจากห้องน้ำก็มานั่งทานข้าวด้วย โดยเขาเลือกผัดกะเพราเช่นเดียวกับจักรพรรดิ แล้วร่วมวงสนทนากับทีม

บอลเริ่มเปิดการสนทนาด้วยน้ำเสียงที่สงบแต่หนักแน่น เขาพูดกับทั้งกลุ่มว่า "ถึงเขา (จักรพรรดิ) จะอายุแค่ 27 และประสบการณ์น้อยสุดในกลุ่ม แต่พวกเราก็ไม่สมควรไปบอกเขาว่าเขาไม่มีฝีมือหรอกนะ" ซึ่งทำให้เจมสวนกลับด้วยความไม่พอใจว่า "แล้วเราจะมั่นใจได้ยังไงว่าเขาจะคุมทีมได้ดี?"

จักรพรรดิที่ฟังอยู่ไม่รอช้า ตอบโต้กลับอย่างมั่นใจว่า "ผมจะคุมทีมได้ดีได้ ถ้าพวกคุณทำตามคำสั่งผม ไม่งั้นมันจะดีได้ยังไง?"

ท่ามกลางบรรยากาศที่เริ่มตึงเครียด ทิวก็ตะโกนขึ้น "เห้ย! หยุดทะเลาะกันดิวะ! พวกเราต้องร่วมงานกันอยู่ดีนะ" คำพูดของทิวทำให้ทุกคนหยุดชะงักและหันกลับมากินข้าวต่อโดยไม่ทะเลาะกันอีก จบมื้ออาหารลงด้วยความเงียบและการเตรียมใจสำหรับภารกิจข้างหน้า

หลังจากที่ทุกคนกินอาหารเสร็จ เจม ทิว โชกุนและเคนได้แยกกันไปตามทางของแต่ละคน ในขณะที่จักรพรรดิและบอลเดินออกไปยังด้านหน้าของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ทั้งคู่หยุดยืนที่จุดพักผ่อนด้านหน้า สูดอากาศเย็นยามค่ำคืนพร้อมกับ เงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่บอลจะเปิดบทสนทนาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ

“นี่...นาย” บอลพูดขึ้นแบบไม่ทางการ “ฉันรู้ว่านายคงเจ็บปวดกับเรื่องนั้นอยู่ใช่มั้ย?”

จักรพรรดิที่ยืนพิงกำแพง หันมองบอลด้วยความสงสัย “เรื่องไหน?”

บอลหันมาสบตาเขาเล็กน้อยก่อนจะ ตอบ "ก็เหตุการณ์ที่นายรอดชีวิตมาคนเดียวนั่นแหละ"

จักรพรรดิขมวดคิ้วทันที “นี่นายรู้ เรื่องนั้นได้ยังไง? ใครบอก?”

บอลถอนหายใจเบาๆ ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “ก็...ท่านฐานศักธิ์ เขาบอกฉันมาแต่ถ้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวนาย ก็ขอโทษด้วยนะไม่ได้ตั้งใจจะก้าวก่าย"

จักรพรรดิส่ายหัว “ไม่...ไม่เป็นไร แต่ นายอยากรู้เรื่องนั้นจริงเหรอ?”

บอลเงยหน้ามองฟ้าก่อนจะพยักหน้า “ก็...ใช่ ฉันก็อยากรู้อยู่เหมือนกัน นายไม่เคยพูดถึงมันเลย”

จักรพรรดิยืนเงียบไปชั่วครู่ก่อนตอบ กลับ “ได้...เดี๋ยวฉันจะเล่าให้ฟัง แต่บอกไว้ก่อน มันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายจะพูดถึงหรอกนะ”

บอลพยักหน้าเบาๆ “ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ”

จักรพรรดินั่งลงบนม้านั่งไม้ยาวที่อยู่ ใกล้ๆ บอลตามมานั่งข้างๆ ทั้งสองนั่งเงียบกันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จักรพรรดิจะเริ่มเล่า

^^^วันที่13 มีนาคม ปี2015 ปัตตานี ประเทศไทย^^^

ภารกิจนั้นเริ่มต้นด้วยคำสั่งด่วนให้หน่วยของจักรพรรดิเตรียมบุกเข้าจับกุมตัวผู้ก่อการร้ายระดับสูงที่ชื่อว่า คาชิม เจวาบี ผู้นำกลุ่มที่ก่อเหตุระเบิดหลายครั้งในพื้นที่ภาคใต้ของไทยและมีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายก่อการร้ายข้ามชาติ เป้าหมาย ครั้งนี้คือการหยุดยั้งเขาก่อนที่แผนการต่อไปของเขาจะเป็นจริง

จักรพรรดิในเวลานั้นอายุเพียง 25 ปี เต็มไปด้วยพลังและความมุ่งมั่นในฐานะหนึ่งในสมาชิกหนุ่มใหม่ไฟแรงของทีม พวกเขาได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้เคลื่อนตัวไปยังบ้านหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่กลางป่าลึก ซึ่งคาดว่าเป็นที่ซ่อนตัวของคาชิม ทีมของ จักรพรรดิประกอบไปด้วยสมาชิกทั้งหมดหกคน พวกเขาขึ้นรถพร้อมอาวุธครบมือ เตรียมตัวพร้อมสำหรับปฏิบัติการที่ดูเหมือนจะเป็นเพียงอีกภารกิจหนึ่งในภารกิจหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา

“สถานที่เป้าหมายอยู่ห่างไปไม่เกิน 5 กิโลเมตร” หัวหน้าทีมบอกกับทุกคนผ่านวิทยุ

จักรพรรดินั่งอยู่ท้ายรถ เหลือบมองป่าที่เริ่มหนาทึบขึ้นข้างนอก เขารู้ว่าภารกิจนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะคาชิม ไม่ใช่คนธรรมดาเขาคือผู้ก่อการร้ายที่เก่งกาจและฉลาด เขาเคยหลบหนีจากการจับกุมมาแล้วหลายครั้ง จักรพรรดิรู้ดีว่าภารกิจนี้มีความเสี่ยงแต่ความตื่นเต้นของการได้ เผชิญหน้ากับศัตรูที่สำคัญทำให้เขารู้สึกพร้อมสำหรับทุกสิ่ง

เมื่อทีมมาถึงจุดหมาย พวกเขาเคลื่อนตัวอย่างเงียบเชียบไปยังบ้านเป้าหมายที่อยู่กลางป่า มันเป็นบ้านไม้เก่าที่ดูเหมือนไม่มีใครอยู่ แต่สายตาของทุกคนต่างจดจ้องที่เป้าหมายอย่างระมัดระวัง

“ตรวจสอบสัญญาณความร้อนแล้วมีคนอยู่ในบ้านแต่ยังไม่ชัดเจนว่ามีกี่คน” หนึ่งในสมาชิกทีมรายงานขณะใช้กล้องจับสัญญาณความร้อนสแกนตัวอาคาร

หัวหน้าทีมส่งสัญญาณให้ทุกคนเตรียมบุก “จำไว้นะ พวกมันอาจ เตรียมพร้อมแล้ว อย่าประมาท"

ทุกคนพยักหน้าและเตรียมพร้อมบุกเข้าประตูด้วยท่าทีระวัง แต่เมื่อพวกเขาก้าวเข้าไปในบ้าน ทุกอย่างกลับผิดแผน พื้นที่ว่างเปล่าของบ้านไม่ได้บอกว่ามันจะซ่อนกับดักเอาไว้ ขณะนั้นเองเสียงระเบิดก็เกิดขึ้นในพริบตา เสียงดังสนั่นหวั่นไหวทำให้จักรพรรดิและเพื่อนร่วมทีมกระเด็นออกไปจากที่ตั้ง

ภาพค่อยๆ ช้าลง เสียงหูอื้อและฝุ่นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ จักรพรรดิที่ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองโดนอะไร พยายามลุกขึ้นจากพื้น เขาเห็นสมาชิกทีมสองคนที่นอนแน่นิ่งไม่ไหวติงข้างๆ เลือดไหลออกจากร่างกายพวกเขา ในขณะที่อีกสองคนพยายามฝ่าห่ากระสุนที่ถูกยิงมาจากทิศทางที่ไม่สามารถระบุได้

“พวกมันรู้ว่าเรามา!” หัวหน้าทีม ตะโกน “เตรียมถอย! เราโดนดัก!”

จักรพรรดิพยายามหาที่กำบัง แต่ทันใดนั้นเขารู้สึกถึงแรงกระแทกที่รุนแรงเข้าที่หน้าอก เขามองลงไปและเห็นลูกซองที่เจาะเข้ากลางอกของเขา ร่างของเขาล้มลงไปกับพื้นพร้อมกับความเจ็บปวดที่รุนแรงจนแทบขยับตัวไม่ได้

ทุกอย่างรอบตัวเริ่มมืดลง...เขามองเห็นเพื่อนร่วมทีมของเขาถูกยิงล้มทีละคน ไม่มีใครรอดจากห่ากระสุนนั้น สุดท้ายเขาเองก็นอนอยู่กลางกองเลือดของเพื่อนๆ ที่เขาไม่สามารถช่วยเหลือได้

จักรพรรดิพยายามกลั้นหายใจเพื่อไม่ให้เจ็บปวดเกินไป เขารู้ว่าตัวเองไม่ควรขยับมาก เขาจำได้ว่าภาพสุดท้ายที่เขาเห็นคือคาชิมยืนอยู่ไกลๆ พร้อมกับลูกน้องของมันที่หัวเราะเยาะกับความพ่ายแพ้ของทีมนี้

มันคือความพ่ายแพ้ที่เขาไม่เคยลืม...

หลังจากที่ภาพความทรงจำอันเจ็บปวดนั้นจบลง จักรพรรดิกลับมาสู่ปัจจุบัน เขานั่งนิ่งอยู่กับบอลตรงหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล ความเงียบปกคลุมระหว่างพวกเขาทั้งสองอยู่ชั่วครู่ สายลมเย็นพัดผ่านไปเบาๆ แต่ในใจจักรพรรดิกลับเต็มไปด้วยความหนักอึ้งจากอดีตที่ยังไม่จางหาย

บอลที่นั่งฟังเรื่องราวของจักรพรรดิอย่างตั้งใจ นิ่งเงียบไปอีกครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะหันมามองจักรพรรดิด้วยแววตาที่แสดงถึงความเข้าใจ

"นายคงผ่านอะไรมามากจริงๆ" บอลพูดเบาๆ แต่เสียงของเขาชัดเจนพอที่จะทำให้จักรพรรดิรู้สึกได้ถึงความเห็นใจ

จักรพรรดิมองออกไปข้างหน้า พยายามเก็บความรู้สึกที่หลั่งไหลในหัวใจของเขา "ใช่... มันหนักมาก... หนักจนบางครั้งฉันก็ไม่รู้ว่าจะรับมือยังไง"

บอลนั่งพิงเก้าอี้ด้านหลัง สายตายังคงมองไปที่จักรพรรดิ เขาเข้าใจดีว่าความเจ็บปวดนี้ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะพูดหรืออธิบายได้ง่ายๆ

"ฉันรู้ว่านายอาจจะโทษตัวเองที่ไม่สามารถช่วยเพื่อนร่วมทีมได้ แต่บางครั้งสิ่งที่เกิดขึ้น มันก็ไม่ใช่ความผิดของใครเลย" บอลพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

จักรพรรดิพยักหน้าช้าๆ แม้คำปลอบใจเหล่านั้นจะฟังดูดี แต่ในใจเขายังคงรู้สึกถึงความผิดบาปที่แบกรับอยู่ "ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ถ้าฉันเก่งกว่านี้ ถ้าฉันไม่พลาด... บางทีพวกเขาอาจจะยังมีชีวิตอยู่ก็ได้"

บอลถอนหายใจยาว เขารู้ว่าจักรพรรดิยังคงไม่ปล่อยวางจากความรู้สึกนี้ แต่เขาก็ไม่ต้องการเร่งให้จักรพรรดิต้องเปลี่ยนความคิด

"นายทำดีที่สุดแล้ว จักรพรรดิ" บอลกล่าวอย่างอ่อนโยน "ในสถานการณ์นั้น ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ นายยังอยู่ที่นี่... และนายมีโอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่ โอกาสที่จะเป็นหัวหน้าทีมและนำพวกเราไปสู่ภารกิจครั้งนี้ให้สำเร็จ"

จักรพรรดิหันมามองบอลเป็นครั้งแรกตั้งแต่เริ่มเล่าเรื่องราว เขาเห็นประกายในแววตาของบอลที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและเชื่อมั่นในตัวเขา

"ฉันไม่รู้ว่าฉันพร้อมหรือยัง" จักรพรรดิพูดเสียงเบา แต่บอลยิ้มเล็กน้อยและส่ายหัว

"ไม่มีใครเคยรู้หรอกว่าตัวเองพร้อมเมื่อไหร่ แต่ที่ฉันรู้คือนายมีหัวใจของนักสู้ และพวกเราจะผ่านมันไปด้วยกัน นายไม่ต้องแบกรับทุกอย่างไว้คนเดียวหรอก"

ความเงียบกลับมาอีกครั้ง แต่คราวนี้มันไม่ใช่ความเงียบที่กดดัน จักรพรรดิรู้สึกถึงความอบอุ่นจากการที่มีเพื่อนร่วมทีมที่เข้าใจและอยู่เคียงข้าง เขาค่อยๆ หายใจลึกและปล่อยความรู้สึกที่เก็บเอาไว้ออกมา เขาไม่ต้องการพูดอะไรมากไปกว่านี้ บอลเองก็ไม่พูดอะไรต่อ ทั้งสองคนนั่งมองออกไปยังความมืดของถนนหน้ากองบัญชาการ เหมือนกับว่าความรู้สึกนั้นเพียงพอแล้ว

"ขอบใจนะ บอล" จักรพรรดิพูดขึ้นมาเบาๆ ในที่สุด "ฉันไม่เคยคิดว่าจะมีใครเข้าใจแบบนาย"

บอลพยักหน้าเบาๆ "ไม่เป็นไร เราจะผ่านมันไปด้วยกัน"

ทั้งคู่ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น ความเงียบที่ไม่ได้อึดอัด แต่เป็นความสงบสุขในแบบที่จักรพรรดิไม่ได้รู้สึกมานาน

หลังจากที่บทสนทนาของพวกเขาเงียบไปสักพัก จักรพรรดิก็คิดถึงเรื่องบางอย่างที่เขายังสงสัย เลยตัดสินใจถามบอล

"บอล... ทำไมเจมถึงดูไม่ค่อยใจดีเลยล่ะ? ทุกครั้งที่ฉันเจอเขา เขาดูเหมือนจะไม่ชอบหน้าฉันเอามากๆ" จักรพรรดิถามขึ้นด้วยความสงสัย

บอลหันมามองจักรพรรดิแล้วถอนหายใจเล็กน้อย "เจมเป็นคนมีประสบการณ์มาก เขาผ่านเรื่องราวมามากมายในภารกิจต่างๆ และแน่นอนว่าเขาเสียเพื่อนร่วมทีมไปหลายคนแล้ว"

จักรพรรดิพยักหน้าฟังด้วยความตั้งใจ "เข้าใจแล้ว..."

"จริงๆ แล้วเจมก็เป็นคนใจดีนะ" บอลพูดต่อ "เขาเป็นคนที่มีจิตใจดีมาก แต่ว่าเรื่องความเป็นและความตายน่ะสิ... มันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขา เจมไม่ชอบที่จะต้องพาคนมือใหม่เข้ามาร่วมภารกิจเสี่ยงชีวิต โดยเฉพาะคนที่เขาคิดว่าอาจจะไม่พร้อม"

จักรพรรดิหันมองบอลด้วยสายตาครุ่นคิด "เพราะฉันอายุยังน้อยกว่าคนอื่นในทีมสินะ?"

บอลพยักหน้า "ใช่ อายุของนายถือว่าน้อยที่สุดในกลุ่มเลย พวกเราคนอื่นก็ผ่านการทำงานมาหลายปีแล้ว มันก็เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมเจมถึงมองว่านายยังอ่อนประสบการณ์อยู่ เขาแค่ไม่อยากให้ใครต้องมาเสียชีวิตอีก ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ชอบนายนะ"

จักรพรรดิฟังแล้วนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาเริ่มเข้าใจมุมมองของเจมมากขึ้นเล็กน้อย "ฉันเข้าใจแล้ว... ขอบใจนายที่บอกฉัน"

"ไม่เป็นไร" บอลตอบอย่างอ่อนโยน "อย่าลืมว่า นายเองก็มีอะไรให้พิสูจน์อยู่เสมอ เพียงแต่ต้องแสดงให้พวกเขาเห็นว่าพร้อมแล้ว"

จักรพรรดินิ่งฟังคำพูดของบอล มันทำให้เขารู้สึกมีกำลังใจมากขึ้นในการพิสูจน์ตัวเองกับเพื่อนร่วมทีม 

แต่จักพรรดิเขาก็ยังคงสงสัยเรื่องของสมาชิกคนอื่นในทีมต่อ จึงถามบอลอีกครั้งว่า "แล้ว เคน โชกุน กับทิวล่ะ พวกเขาดูเงียบๆ ไม่ค่อยพูดจาเลย เหมือนเป็นตายด้านยังไงไม่รู้"

บอลยักไหล่เล็กน้อย ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่แน่ใจนัก "เรื่องนี้ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันไม่เคยร่วมงานกับพวกเขามาก่อน แต่ว่าท่านฐานศักดิ์บอกกับฉันและเจมว่า พวกเขาเป็นคนมากประสบการณ์ เคยรบมาหลายที่ หลายภารกิจ ฉันเลยเดาว่าพวกเขาอาจจะมี PTSD หรือไม่ก็ผ่านเรื่องหนักๆ มามากจนกลายเป็นคนเงียบขรึมแบบนั้น"

จักรพรรดิพยักหน้าช้าๆ ขณะที่คิดตาม "งั้นเหรอ... ฉันก็พอจะเข้าใจละ ถ้าเป็นอย่างที่นายว่ามาจริงๆ พวกเขาก็คงเจอเรื่องเลวร้ายมาเยอะ"

บอลตอบกลับ "ใช่ ทุกคนในทีมนี้ล้วนผ่านอะไรที่มันโหดร้ายมา แล้วแต่ว่าจะรับมือกับมันยังไง บางคนก็เลือกจะปิดตัวเอง บางคนก็ยังสู้ต่อไป เหมือนเจมที่ถึงจะโหดแต่เขาก็ทำเพื่อให้แน่ใจว่าเราจะไม่พลาด"

จักรพรรดิฟังแล้วเริ่มเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับเพื่อนร่วมทีมมากขึ้น เขารู้ว่าต้องพยายามเข้าใจพวกเขา และในขณะเดียวกันก็ต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าตนเองมีความสามารถพอที่จะนำทีมนี้ได้

ในขณะที่จักรพรรดิกำลังครุนคิดเรื่องที่บอลเล่าอยู่ จักรพรรดิกลับสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวแปลกๆ อยู่ตรงมุมหนึ่งของอาคาร มีเงาของใครบางคนกำลังแอบมองพวกเขาอยู่ ดวงตาของจักรพรรดิหรี่ลง เขาจ้องไปที่เงานั้นชั่วครู่ก่อนจะตะโกนออกไปเสียงดัง

"เฮ้! ใครน่ะ!?"

เงานั้นสะดุ้งด้วยความตกใจและรีบหันหลังวิ่งหนีทันที บอลเห็นเช่นนั้นจึงลุกขึ้นพร้อมจักรพรรดิ "วิ่งตามเร็ว!" บอลกล่าว ทั้งคู่พุ่งตัวออกไปตามเงาที่กำลังวิ่งหนีไปทางท้ายอาคาร

จักรพรรดิและบอลวิ่งอย่างไม่ลดละ จักรพรรดิเร่งฝีเท้าจนในที่สุดก็ไล่ทันคนที่วิ่งหนี เขาคว้าข้อมือของอีกฝ่ายไว้แน่น "หยุดนะ!" จักรพรรดิกล่าวเสียงแข็งพร้อมกับจับคนที่หนีไว้ เขาหายใจแรงและกล่าวด้วยน้ำเสียงข่มขู่ "หันหน้ามาช้าๆ อย่าคิดหนีอีก"

คนที่ถูกจับตัวหันกลับมาช้าๆ ตามคำสั่ง และเมื่อใบหน้าของเธอปรากฏขึ้นภายใต้แสงไฟนวล จักรพรรดิก็ถึงกับตกใจไปชั่วขณะ มันคือ... นักศึกษาสาวที่เขาเห็นเมื่อตอนเย็น คนที่เขาสบตาแล้วรู้สึกหวั่นไหวอย่างประหลาด

"เป็นเธอเหรอ?" จักรพรรดิพูดขึ้นเบาๆ

นักศึกษาสาวทำหน้าเขินอายและลังเลที่จะพูดอะไรออกมา บอลยืนมองสถานการณ์อย่างงุนงง ก่อนจะถามขึ้น "นายรู้จักเธอเหรอ จักรพรรดิ?"

จักรพรรดิยังคงมึนงงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น "ก็... ฉันเห็นเธอเมื่อตอนเย็น สบตากันแป๊บเดียวเอง... แต่ทำไมเธอถึงมาแอบดูพวกเราล่ะ?"

นักศึกษาสาวยังคงนิ่งเงียบ ไม่ตอบอะไรในทันที ความเงียบที่เกิดขึ้นทำให้สถานการณ์ยิ่งแปลกเข้าไปอีก จักรพรรดิรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เขายังไม่เข้าใจว่าเรื่องทั้งหมดนี้เกิดจากอะไร...

เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!