เกมเสน่หา วิวาห์รัก
...ย้อนไปเมื่อ2ปีก่อน...
...ปึก!!...
...“โอ๊ะ!” หญิงสาวอายุสิบแปดปีร้องอุทานออกมาเมื่อเธอเดินชนกับอะไรบางอย่างเข้าอย่างจัง สมุดโน๊ตและสิ่งของอื่นที่หอบมาพะรุงพะรังหล่นกระจัดกระจายเต็มพื้น หญิงสาวรีบก้มลงไปเก็บโดยที่ไม่ได้สนใจคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเธอเลย...
“มาครับ พี่ช่วยเก็บ” เสียงของใครบางคนเอ่ยขึ้นมา ก่อนจะนั่งย่อลงพื้นพร้อมกับยื่นสมุดโน๊ตมาให้เธอ
หญิงสาวมองตามมือก่อนจะเลื่อนขึ้นมองใบหน้า “พ..พี่วี?” เอ่ยชื่ออีกคนออกมา
ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้น เมื่อเธอสบตากับชายหนุ่มที่เธอแอบปลื้ม ใบหน้าเรียวเล็ก จมูกโด่งเป็นสัน แววตาคมกริบนัยน์ตาสีน้ำตาลกำลังจ้องมองก่อนจะส่งยิ้มให้เธออยู่ตรงหน้า เพราะความตกใจกับใบหน้าอันหล่อเหลา ของคนที่แอบชอบมานานแสนนานจนทำให้เธอเผลอลืมยื่นมือไปรับสมุดโน๊ตจากมือของพี่เขา
“ใช่สมุดโน๊ตของน้องไหมครับ?” คนตรงหน้าเลิ่กคิ้วถาม
“ช...ใช่ค่ะ” หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงติดขัด พอได้สติอันดาก็รีบรับมันมาถือไว้ทันที ก่อนจะเอ่ยคำขอบคุณออกไป
“ขอบคุณนะคะ แล้วก็ขอโทษด้วยที่เดินไม่ระวัง” เธอกล่าวคำขอบคุณและขอโทษออกมา เมื่อรู้ว่าคนที่เธอเดินชนคือชาวีนักร้องนักแสดงหนุ่มชื่อดังที่เธอแอบปลื้ม
ชายหนุ่มยิ้มออกมา พรางยกมือปัดส่งๆ “ไม่เป็นไรครับ แล้วนี่น้องเป็นเด็กฝึกเหรอครับ” ชาวีเอ่ยถาม
“ใช่ค่ะ” อันดาตอบ ก่อนจะยิ้มเขินเมื่อโดนใครบางคนจ้องมองอย่างเอ็นดู
“ถึงว่า พี่ไม่เคยเห็นหน้าน้องมาก่อนเลย”
“ตายจริง ฉันต้องรีบไปแล้วล่ะค่ะ” อันดาทำหน้าตาตื่นมื่อเธอก้มมองดูนาฬิกาที่ข้อมือสวย เพราะมัวแต่เขินทำให้เธอลืมเวลานัดมาเกือบสิบห้านาทีกว่าได้
ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ ให้กับความไร้เดียงสาของเธอ ก่อนจะบอกหญิงสาวให้รีบไป “งั้นน้องรีบไปเถอะครับ ขืนไปช้าโดนครูฝึกดุพอดี”
“งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ” อันดาก้มโค้งให้เพื่อเป็นการบอกลา ก่อนจะวิ่งเข้าไปในลิฟท์
ประตูลิฟท์ค่อยๆ ปิดลง อันดาเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าของชายหนุ่มอย่างประทับใจ ส่วนเขาในตอนนี้ก็มองเธออยู่ไม่ต่างกัน......
เมื่อเดินเข้ามาในห้องซ้อม หญิงสาวรีบเอ่ยปากขออนุญาตครูฝึกทันที
“หนูขออนุญาตเข้าไปนะคะ” เธอว่าออกมา พร้อมกับยืนนิ่งรอครูฝึกอนุญาตให้เธอเข้าไปข้างในห้อง
เพื่อนสิบกว่าคนที่อยู่ในห้องนั้นต่างพากันหันมองเธออย่างพร้อมเพียงกัน พากันส่งเสียงซุบซิบนินทาเบาๆ อันดาที่ยืนอยู่ตรงนั้นได้แต่เงียบนิ่ง
“ใครอ่ะน่ารักจัง”
“เธอชื่ออันดามั้งถ้าฉันจำไม่ผิด”
“ทำไมดูหยิ่งจัง”
“จริง”
“เข้ามาสิอันดา” ครูฝึกมองหน้าเด็กสาวพร้อมกับบอกให้เธอรีบเดินเข้ามานั่งในกลุ่มเพราะถึงเวลาสอนแล้ว
ทันทีที่ได้รับคำอนุญาตอันดารีบเดินเข้าไปนั่งรวมในกลุ่มเพื่อนทันที เธอวางกระเป๋าและสมุดโน๊ตไว้ข้างตัว
หญิงสาวในตอนนี้เธอต่างเป็นที่จับจ้องของใครหลายๆ คน บางคนจ้องมองเธอเพราะอยากจะเป็นมิตรด้วยแต่กับบางคนก็มองเหมือนไม่พอใจ แต่อันดาก็เลือกที่จะไม่สนใจคนพวกนั้น เพราะจุดประสงค์ของเธอไม่ได้มาเพราะอยากเป็นไอดอลแต่เธอมาเพราะชาวีต่างหากล่ะ เพราะแบบนี้เธอเลยไม่สนใจสายตาที่คนอื่นมองมา กับกันเธอกับตั้งใจฟังในสิ่งที่ครูฝึกกำลังสอน
ปาไปเกือบห้าชั่วโมงได้ที่อันดาอยู่ในคลาสเรียนจนเวลาล่วงเลยมาจนถึงหกโมงเย็น และแล้วก็หมดเวลาเลิกเรียนสักที
“เอาล่ะทุกคนวันนี้พอแค่นี้ก่อน แล้วพรุ่งนี้เจอกันใหม่”
ทันทีที่ครูฝึกพูดจบ เด็กฝึกทุกคนก็ต่างพากันขอบคุณ จากนั้นก็เริ่มทยอยพากันเดินออกจากคลาสเรียนไป อันดาที่มัวแต่เก็บของยัดใส่กระเป๋าใบใหญ่อยู่นั้น พอเธอเงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็ไม่มีใครอยู่ในห้องนั้นแล้ว
“อ้าว ไปไหนกันหมด?” เธอพึมพำออกมาเบาๆ ก่อนจะรีบลุกขึ้นเดินไปที่ประตู
มือบางกำลังผลักประตูออกแต่ทว่าก็เหมือนมีใครบางคนเดินสวนเข้ามาชนกับเธอที่กำลังจะเดินออกไปพอดี
...ปึก!!...
“โอ๊ะ! ชนอีกแล้วววว” อันดาบ่นออกมา ก่อนจะก้มลงไปเก็บมือถือที่หล่นพื้นอย่างหงุดหงิด
“พี่ขอโทษนะ” น้ำเสียงที่คุ้นเคยเอ่ยขึ้น อันดาที่ก้มเก็บของอยู่นั้นรีบเงยหน้าขึ้นไปมองทันที
“พี่วี?”
“แย่จัง เดินชนกันอีกแล้ว” ชายหนุ่มว่าออกมาพรางเกาหัวแก้เขินเบาๆ
บริษัทก็ดูจะใหญ่โตไม่น่าจะมีโอกาสเดินชนกันได้นะ หรือว่าจะเป็นพรมลิขิตที่ทำให้เราได้เจอกับพี่เขา เธอได้แต่เพ้อเข้าข้างตัวเองอยู่ในใจ
“น้องเป็นอะไรไหมครับ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า? ” เพราะเห็นเธอเงียบไป ชาวีเลยถามด้วยความเป็นห่วง
คนตัวเล็กที่กำลังมโนอยู่ถึงกับสดุ้งตื่นจากห้วงจิตนาการทันที เมื่อโดนใครบางคนตีแขนของเธอเบาๆ
“อ่อ...ฉันไม่เป็นไรค่ะ” อันดาตอบ ก่อนจะเอ่ยถามพี่เขาต่อ “ว่าแต่พี่เถอะเข้ามาทำไมเหรอคะ?” ถามออกไปด้วยความสงสัย
คนถูกถามรีบตอบกลับทันควัน “อ่อ..พี่จะเข้ามาซ้อมเต้นครับ”
“เหรอคะ” อันดาที่ได้ยินแบบนั้นเธอก็อยากอยู่ดูพี่เขาซ้อมเต้น แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นขอยังไงดีได้แต่ยืนเก้ออยู่อย่างนั้น จนท้ายที่สุดก็ยอมเอ่ยปากขอคนพี่ออกไปตรงๆ
“เอ่อ.... จะเป็นไรไหมคะถ้าหนูจะขอดูพี่ซ้อมเต้นด้วย” เธอเอ่ยปากขอ
แต่พอเห็นอีกคนเงียบไปอันดาหน้าจ๋อยทันที พอรู้ตัวว่าคำขอของเธอเป็นไปไม่ได้เธอจึงรีบเดินไปที่ประตูเพราะไม่อยากให้ใครบางคนรู้สึกอึดอัด แต่ทว่าอีกคนกลับตะโกนตามหลังเธออย่างไว
“จะอยู่ดูพี่ซ้อมก็ได้ครับ พี่ไม่ได้ว่าอะไร” ชาวีบอกน้อง
ได้ยินแบบนั้นอันดารีบหันหน้ากลับมา ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเลยเธอเลยทวนคำตอบของเขาอีกครั้ง
“พี่พูดจริงเหรอคะ”
ชายหนุ่มหัวเราะออกมาให้กับท่าทางของเธอ ที่ดูจะดีใจมาก
“จริงครับ” ชาวีว่า
ทันทีที่ได้ยินคำตอบของชายหนุ่มอย่างชัดเจนอันดารีบวางกระเป๋าไว้ข้างๆ ประตู และรีบเดินเข้าไปนั่งใกล้ๆ หน้ากระจกบานใหญ่ มองดูชาวีซ้อมเต้นอย่างไม่ละสายตา
ไม่รู้กี่โมงกี่ยามแล้วตอนนี้ชาวีที่ซ้อมเต้นเสร็จ เขารีบเดินปรี่ตรงเข้าไปปิดเพลงพร้อมกับหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา
“เชี่ย! จะห้าทุ่มแล้วเหรอวะ” ชายหนุ่มสบถคำหยาบคายออกมาเบาๆ ก่อนจะหันไปมองอันดาที่นั่งพิงกระจกหลับอย่างน่าสงสาร
ชาวีรีบเก็บข้าวของลงในกระเป๋า พอเก็บเสร็จเขาเดินย่องเข้าไปหาอันดาที่นอนหลับอยู่ มือหนาสะกิดไปที่แขนของเธอเบาๆ
“น้องครับ! ตื่นได้แล้ว พี่จะกลับคอนโดแล้วครับ”
“อือออ” หญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงียพร้อมกับส่งเสียงอื้ออึงผ่านลำคอเบาๆ ไม่พอเธอยังกางแขนบิดขี้เกียจจนคนที่ยืนมองอยู่ตรงหน้าถึงกับกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่
“ทำไรอ่ะ” ชายหนุ่มเอ่ยถาม พรางหัวเราะไปด้วย
อันดาปลายตามองดูคนพี่ที่ยืนขำอยู่ “บิดขี้เกียจไงคะ ว่าแต่พี่เถอะหัวเราะหนูทำไมอ่ะ หรือว่ามีอะไรติดอยู่ที่หน้าหนู” เธอรีบเช็ดปากตัวเองทันที เพราะไม่รู้ว่ามีคาบน้ำลายเลอะติดแก้มของเธออยู่หรือเปล่า
“ไม่มีอะไรหรอก แล้วนี่จะกลับยัง” ชาวีเอ่ยปากถามน้องไป อันดาพยักหน้าหงึกๆ
“จะกลับแล้วเหมือนกันค่ะ” พอพูดจบเธอก็ลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินตรงไปหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย
“ไปค่ะ”
“น้องเดินออกไปก่อนเลยครับ เดี๋ยวพี่เดินตามไปทีหลัง”
อันดารู้ดีว่าการเป็นคนดังจะต้องระมัดระวังตัวเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะอยู่นอกบริษัทหรืออยู่บริษัทเองก็ตาม ก็ต้องระวังตัวเอาไว้เพราะขืนมีคนมาเห็นเข้า ไม่ใช่ชาวีที่ต้องลำบาก เธอเองก็จะลำบากไปด้วยเช่นกันเพราะฉะนั้นเธอจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้ชาวีเดือดร้อน
“งั้นหนูกลับก่อนนะคะ” เธอหันไปบอก ชาวีที่ยืนมองอยู่นั้นได้แต่พยักหน้าเบาๆ เชิงเป็นคำตอบ
แต่พอจะเปิดประตูออกไป อันดาก็นึกขึ้นได้ว่าเธอยังไม่ได้แนะนำตัวกับชายหนุ่มเลย เพราะแบบนี้เธอเลยหันกลับไปมองใครบางคน พร้อมกับแนะนำตัว
“หนูชื่ออันดานะ”
“ส่วนพี่ชาวีครับ น้องน่าจะรู้จักแล้ว” เขาตอบ
“จะเป็นไรไหม ถ้าพรุ่งนี้หนูจะขอมาดูพี่ซ้อมเต้นอีก” อันดาเอ่ยถามพรางทำหน้าลุ้นในคำตอบของอีกคน
“ได้สิ ถ้าน้องอยากเต้นเก่งก็มาเรียนกับพี่ได้พี่พร้อมสอนครับ”
อันดาฉีกยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ “รับปากแล้วนะ งั้นพรุ่งนี้เจอกันค่ะ” ว่าจบ ก็โบกมือลา
หลังจากวันนั้นที่เธอกับชาวีได้คุยกัน เวลาที่อันดาซ้อมร้องซ้อมเต้นกับครูฝึกเสร็จ เธอก็มักมารอชาวีในห้องซ้อมทุกวัน จากที่เต้นไม่ค่อยเก่งชายหนุ่มก็พยายามบอกเทคนิคตั่งต่างให้กับเธอ จนความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ กลายมาเป็นสนิทกัน
ในสายตาของชาวีอาจจะมองอันดาเหมือนน้องสาวคนนึง แต่กับอันดานั้น ....มันเกินกว่าคำว่าพี่น้องไปแล้ว
5เดือนที่เป็นเด็กฝึกอยู่ในค่ายเดียวกับชาวี เธอมีความสุข มากๆ มากจนเธอก็คิดว่าชายหนุ่มก็อาจจะความสุขเหมือนกันกับเธอ...
“นี่พวกเธอ ได้ยินข่าวหรือยัง?”
“ข่าวอะไรอ่ะแก้ว”
“ข่าวพี่ชาวีไง”
อันดาหันไปมองหน้าเพื่อนทันทีที่เธอได้ยินเด็กฝึกพวกนั้นต่างพากันซุบซิบในระหว่างรอครูฝึกเข้ามาในคลาสเรียน
“ข่าวอะไรเหรอแก้ว?” อันดาหันหน้าไปถามเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างหลัง
“ก็ข่าวเดทของพี่ชาวีกับพี่แอนนาไง” แก้วหันมาตอบ จากนั้นก็หันไปพูดคุยกับเพื่อนในกลุ่มต่อ
เมื่ออันดาได้ยินถึงกับนิ่งไปพักใหญ่ 5เดือนที่อยู่กับชาวี เธอแทบจะไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำว่าชาวีแอบเดทกับแอนนา ไม่มีแม้แต่จะคุยโทรศัพท์หรือนัดเจอกัน ส่วนชาวีเองก็ทำเหมือนเธอเป็นคนพิเศษ ไม่ว่าเธออยากไปเที่ยวที่ไหนเขาก็ไม่เคยขัดใจ ทั้งคู่แอบไปกินข้าว ดูหนังด้วยกันอยู่บ่อยครั้ง
จนอันดามั่นใจว่าชาวีก็แอบชอบเธอเหมือนกัน
แต่พอมีข่าวเดทกับคนที่ชื่อแอนนาออกมา มันทำให้เธอช็อกจนพูดอะไรไม่ออก ที่ผ่านมาเท่ากับเธอมโนขึ้นมาเองว่าเขาแอบชอบเธอเหมือนกัน
“เป็นอะไรหรือปล่าอันดา” มินนี่เอ่ยถามทันทีที่เห็นอันดาเงียบไป
“ห...ห๊ะ?” อันดาไม่สามารถอยู่เรียนต่อได้ เพราะตอนนี้ในหัวมันเอาแต่คิดถึงเรื่องของชาวีอยู่ตลอดเวลา ไม่มีกระจิตกระใจทำอะไรเลยด้วยซ้ำ
“โอเคไหม?” มินนี่ถามย้ำอีกครั้ง
คนตัวเล็กได้แต่พยักหน้า ก่อนจะหาข้ออ้างขึ้นมาเพื่อโดดเรียน
“พอดีนึกขึ้นได้ว่ามีธุระ ฉันขอตัวก่อนนะ” ไม่รอให้เพื่อนได้พูดอะไร อันดาก็รีบลุกพรวดพลาดเดินไปเก็บข้าวเก็บของยัดใส่กระเป๋าอย่างลวกๆ แล้วเดินออกจากคลาสเรียนไปทันที
“เดี๋ยวสิอันดา! เธอจะไปไหน” มินนี่ได้แต่ตะโกนตามหลัง
มือบางกดลิฟท์ย้ำๆ เพื่อให้มันประตูเปิดออก พอลิฟท์เปิดเธอรีบเดินเข้าไปค่อยๆ ทรุดตัวนั่งลงไปกับพื้น
“ฮึก\~\~” พยายามฮึบมันเอาไว้แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้อยู่ เพราะสิ่งที่รับรู้มามันเจ็บเกินกว่าจะทนได้ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็ว เร็วจนอันดาไม่ทันได้ตั้งตัว
สองเท้าเดินมาถึงลาดจอดรถอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าแล้วกดโทรออกไปหาคนเป็นพ่อ
[ว่าไงลูกรัก] ทันทีที่ปลายสายกดรับก็รีบเอ่ยถามทันที
[ปะป๊า อันดาอยากย้ายไปเรียนต่อที่อเมริกา
[เดี๋ยวนะลูก ที่พูดออกมาลูกคิดดีแล้วหรอ] ปะป๊ารีบถามย้ำทันที
เพราะที่ผ่านมาพ่อของเธอพยายามโน้มน้าวให้อันดาไปเรียนต่อที่ต่างประเทศอยู่ตลอดเวลาแต่ทว่าคนที่ยืนยันหัวเด็ดตีนขาดว่ายังไงก็จะไม่ไป มาวันนี้กลับบอกว่าอยากไปเรียนเอาซะดื้อๆ มันเลยทำให้คนเป็นพ่ออย่างเขาอดสงสัยในตัวลูกสาวไม่ได้
[หนูคิดมาดีแล้วค่ะ ปะป๊าให้หนูไปเรียนนะ] อันดาตอบปะป๊าไปอย่างหนักแน่น
[แล้วหนูจะไปเมื่อไหร่] ปะป๊าถาม
อันดาเงียบไปครู่นึง จนสุดท้ายก็ตอบออกมา
[หนูต้องการบินไปคืนนี้เลยค่ะ]
[ตอนนี้ป๊าติดประชุมอยู่เอาไว้กลับไปถึงบ้านแล้ว เราค่อยคุยกันอีกทีนะลูก]
[ค่ะ] อันดากดตัดสายก่อนจะยัดมือถือลงในกระเป๋า ไม่นานรถก็ขับมาจอดอยู่ตรงหน้าของเธอ อันดารีบขึ้นไปนั่งในรถทันที พร้อมกับออกคำสั่งให้คนขับรีบออกรถ
“ออกรถได้เลยค่ะ”
“ครับคุณหนู”
รถได้ขับเคลื่อนออกไปจากตึกอย่างช้าๆ อันดาที่นั่งอยู่ข้างในทอดมองออกไปผ่านกระจกใสด้วยสายตาที่ว่างเปล่าในใจก็คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
การตัดสินใจในครั้งนี้ถึงแม้ว่ามันจะเป็นอะไรที่ยากลำบากมากก็ตาม ถ้าแลกกับการที่เธอไม่ต้องมารับรู้ไม่ต้องมาได้ยินอะไรเกี่ยวกับความรักของชาวีกับผู้หญิงคนนั้น อันดาก็พร้อมไปจากที่นี่ทันที
และเธอเองก็ไม่ต้องการโทรไปถามอีกคนด้วย เพราะในเมื่อค่ายออกมายืนยันแล้ว นั่นก็แสดงให้เห็นว่าการเปิดเผยในครั้งนี้ชาวียินยอม...เพราะฉะนั้นเธอไม่มีอะไรจะคุยกับเขาอีกต่อไปแล้ว...
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 34
Comments