เช้าวันใหม่มาเยือนพร้อมกับแสงแดดอ่อนๆ ที่สาดส่องลอดผ้าม่านเข้ามา ปลุกให้ผมรู้สึกตัวจากฝันร้ายอันยาวนาน ผมลืมตาขึ้นช้าๆ มองเพดานสีขาวอย่างเลื่อนลอย ความเจ็บปวดที่เคยหนักอึ้งเมื่อคืนยังคงตราตรึงอยู่ในใจ แต่ตอนนี้มันถูกแทนที่ด้วยความว่างเปล่า
ผมลุกขึ้นนั่งอย่างเชื่องช้า ความรู้สึกเมื่อยล้าถาโถมไปทั่วทั้งร่างกาย ผมเดินไปที่หน้าต่าง เปิดผ้าม่านออกรับแสงอาทิตย์ยามเช้า และทอดสายตามองออกไปนอกบ้าน ต้นไม้ใบหญ้ายังคงสดชื่นและมีชีวิตชีวา ในขณะที่ใจของผมกลับเฉาเหมือนดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาลงในพริบตา
เสียงนกน้อยร้องจิบๆ อยู่บนกิ่งไม้ดูเหมือนจะเป็นสัญญาณเริ่มต้นของวันใหม่สำหรับใครหลายๆ คน แต่สำหรับผมแล้ว เช้าวันนี้เป็นเพียงแค่วันเริ่มต้นของชีวิตที่ผมไม่ต้องการ เสียงของคิงยังคงดังก้องอยู่ในหัว ผมพยายามจะลืมมันแต่ก็ไม่สำเร็จ
ผมเดินไปยังห้องน้ำ เปิดน้ำเย็นจากฝักบัวให้ไหลผ่านร่างกาย หวังว่าความเย็นจะช่วยชะล้างความรู้สึกที่หนักอึ้งออกไปได้บ้าง แต่ก็ไร้ผล ผมยืนนิ่งๆ อยู่ใต้สายน้ำที่เย็นเฉียบ ปล่อยให้น้ำตาไหลปะปนไปกับสายน้ำที่รินไหลลงมา
เมื่อจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินลงบันไดมายังห้องอาหารแต่ผมต้องชะงักเพราะเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่กินทานอาหารอยู่ที่โต๊ะอาหารพร้อมกับคุณโรสผมเดินเข้าไปใกล้โต๊ะอาหารอย่างเชื่องช้า ความรู้สึกอึดอัดเริ่มคืบคลานเข้ามาปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณ เมื่อผมยืนอยู่ใกล้โต๊ะพอสมควร
“ขอโทษด้วยครับ ตื่นสายไปหน่อย”
ผมเอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว พยายามทำให้น้ำเสียงดูปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งที่ในใจรู้สึกเหมือนถูกบีบรัดจนหายใจแทบไม่ออกคิงมองผมด้วยสายตาเหยียดหยามตั้งแต่หัวจรดเท้ารอยยิ้มเยาะปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา
“เสียเวลาชิบหาย”
เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา ก่อนจะเดินเข้าไปในรถโดยไม่รอช้า
ผมรู้สึกชาวาบไปทั้งตัวกับคำพูดของเขา ความเจ็บปวดแล่นเข้าสู่หัวใจอีกครั้ง น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้เมื่อคืนเหมือนจะไหลออกมาอีกครั้ง แต่ผมก็พยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเก็บความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้ภายใน
คุณโรสหันมามองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสาร
“ไปเถอะ นับดาว”
ผมพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเดินตามคิงไปขึ้นรถ ความเงียบเข้าปกคลุมบรรยากาศภายในรถ มีเพียงเสียงเพลงบรรเลงเบาๆ ที่เปิดคลออยู่ ผมได้แต่นั่งนิ่งๆ อยู่บนเบาะข้างคนขับ ปล่อยให้ความคิดพาตัวเองย้อนกลับไปในวันที่ผมยังมีความสุข
ผมได้แต่นั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง ปล่อยให้ภาพต้นไม้และอาคารข้างทางวิ่งผ่านไปอย่างเลื่อนลอย ความทรงจำในวัยเด็กที่เคยวิ่งเล่นอย่างสนุกสนานกับพ่อที่เคยรักผมผุดขึ้นในสมอง ผมจำได้ว่าพ่อเคยบอกผมว่าผมคือดวงดาวที่ส่องแสงที่สุดในชีวิตของพ่อ แต่ตอนนี้คำพูดนั้นกลับเหมือนมีดที่กรีดลงบนแผลเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“มองอะไร” เสียงของคิงดังขึ้นทำลายภวังค์ของผม ผมหันกลับมามองเขา เขาไม่ได้มองผม แต่สายตาจับจ้องไปที่ถนนเบื้องหน้า ผมได้แต่เงียบ ไม่รู้จะตอบอะไรดี
ไม่ต้องมาทำเป็นเศร้า” เขาพูดต่อ “เพราะคนอย่างมึงไม่มีวันที่จะได้มีความสุขหรอก”
คำพูดของเขาเหมือนมีดที่กรีดลงบนแผลเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า และมันเจ็บปวดมากกว่าครั้งไหนๆ ที่ผ่านมา ผมรู้สึกเหมือนกำลังจะขาดใจตายในรถคันนี้
@
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 3
Comments