เมื่อใจ ข้ามภพ
ชีวิตของภาคิน
เขาเกิดมาในโลกที่ทุกอย่างดูเหมือนจะเดินไปข้างหน้า ยกเว้นเขาเอง
พยายามเท่าไหร่ก็ไม่เคยไปถึงเป้าหมาย สอบซ่อมกลายเป็นเรื่องประจำ ความหวังในอนาคตแทบจะไม่หลงเหลือ
จนกระทั่งวันหนึ่ง
เขาได้พบกับ อลัน เพื่อนร่วมชั้นที่ดูไม่เคยตั้งใจเรียนแต่กลับสอบผ่านทุกครั้ง และคำแนะนำแปลกประหลาดจากอลันได้นำเขาไปยังร้านเช่าหนังสือเก่าในซอยเล็กข้างโรงเรียน… และที่นั่นเอง เขาได้พบกับ คัมภีร์
คัมภีร์ลึกลับที่พาเขาข้ามกาลเวลา
คัมภีร์ที่พา ใจ ของเขาไปอยู่ในโลกอีกใบ ที่แตกต่างจากทุกอย่างที่เขาเคยรู้จัก
โลกที่เขาได้พบกับ องค์ชายรอง
ชายผู้เปลี่ยนโลกทั้งใบของภาคิน ด้วยรอยยิ้มเดียว ด้วยแววตาเดียว
ชายผู้ที่หัวใจของเขา… ไม่เคยลืม แม้จะข้ามผ่านห้วงเวลา
เมื่อโชคชะตานำพาให้เขาต้องเลือกระหว่างโลกเดิม กับหัวใจที่ข้ามภพ
เขาจะเลือกพาหัวใจของเขาได้ไปไกลแค่ไหน
และรักแท้นั้น… จะสามารถฝ่าทุกขอบเขตของกาลเวลาได้จริงหรือไม่กริ่งโรงเรียนดังขึ้นหลังหมดคาบบ่าย ภาคินไม่รอช้า เขารีบเก็บหนังสือแล้วตรงไปยังห้องสมุดทันที สถานที่ประจำที่เขานั่งอยู่ตรงโต๊ะตัวเดิมทุกเย็น หยิบตำราเล่มหนาออกมาเปิดทบทวน ทั้งที่ใจเขารู้ดีว่าเนื้อหาบางเรื่องเขาอ่านซ้ำกี่ครั้งก็ยังไม่เข้าใจ
ปีนี้เป็นปีสุดท้ายของการเป็นนักเรียน ม.6 และเป็นปีที่ภาคินตั้งใจจะเปลี่ยนชีวิต เขาอยากสอบติดมหาวิทยาลัยรัฐ อยากพิสูจน์ให้แม่เห็นว่า “คนอย่างเขาก็ทำได้”
แต่ปัญหาเดิม ๆ ก็ยังตามหลอกหลอนคะแนนที่ไม่เคยถึงเกณฑ์, การสอบซ่อมที่เป็นเรื่องปกติของชีวิต และความรู้สึกสิ้นหวังที่กัดกินหัวใจเขาทุกครั้งที่ประกาศคะแนนสอบออก
วันนี้ขณะกำลังอ่านบทเรียนอยู่ เขาได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาในห้องสมุด ก่อนที่ใครคนนั้นจะทิ้งตัวนั่งลงฝั่งตรงข้าม
“อ่านอะไรน่ะ?” เสียงทุ้มต่ำถามอย่างไม่ใส่ใจนัก
ภาคินเงยหน้าขึ้น เห็นว่าเป็น “อลัน” เพื่อนร่วมชั้นเรียน หนุ่มมาดนิ่งแต่ติดจะกวนที่มักสอบผ่านแบบเฉียด ๆ ทุกครั้ง แถมยังไม่ค่อยเข้าเรียนด้วยซ้ำ
“คณิตฯ” ภาคินตอบเสียงเบา
“เอ่อ…เราอยากถามนายมานานแล้ว” ภาคินเม้มปากก่อนพูดต่อ “ทำไมถึงสอบผ่านทุกครั้ง ทั้งที่…คือ นายไม่ค่อยเรียนเลยใช่ไหม?”
อลันหันมามองเขานิ่งๆ ไม่พูดอะไรสักพัก แล้วก็ลุกขึ้นยืน
“เรื่องของฉัน” เขาทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนเดินจากไป ทิ้งให้ภาคินนั่งอยู่กับความสงสัย
…
แต่เขาไม่ยอมแพ้แค่นั้น ภาคินยังคงไปห้องสมุดทุกเย็น หวังจะเจออลันอีก และหวังว่าอีกฝ่ายจะยอมเปิดปากสักครั้ง
จนกระทั่งวันหนึ่ง อลันเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ เขาเงียบ ๆ แล้วพูดว่า
“ฉันจะบอกก็ได้ แต่นายต้องทำตามที่ฉันบอกทั้งหมด เข้าใจไหม?”
…
“นายต้องไปที่ซอยเล็ก ๆ ข้างโรงเรียน…ถ้าไม่สังเกตดี ๆ จะไม่เห็น”
อลันพูดเสียงเรียบ ขณะเดินเคียงกับภาคินในช่วงเย็นของวันศุกร์
“ซอย? อะไรของนายอีกวะ…” ภาคินทำหน้างง
“เข้าไปแล้วจะเจอร้านดอกไม้เก่า ๆ หน้าร้านมีชื่อว่า ‘มะลิหลังฝน’ อย่าสนใจร้านนั้น เดินเลยเข้าไปด้านใน จะเจอบันไดไม้แคบ ๆ ขึ้นไปชั้นสอง มันคือร้านเช่าหนังสือ”
ภาคินยังคงขมวดคิ้ว “แล้วมันเกี่ยวกับการสอบยังไง?”
“ฟังก่อนสิ” อลันหันมามองเขานิ่ง ๆ “ไปถึงแล้ว มองหาชั้นหนังสือสุขศึกษา…ชั้นที่สอง ล็อกที่สาม จำให้แม่นนะ นายจะเจอ ‘คัมภีร์’ เล่มหนึ่ง”
“เฮ้ย! นายหลอกฉันแน่ ๆ!” ภาคินร้องเสียงหลง
“เอ้า จะเชื่อมั้ยเนี่ย ฟังก่อนสิ”
อลันยกมือห้าม ก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้น
“เปิดคัมภีร์นั้น มันจะมีบทให้ท่องตาม แล้วนายจะสามารถ ‘ขอ’ ได้หนึ่งอย่าง…แลกกับของสำคัญที่สุดในชีวิตนายหนึ่งชิ้น”
ภาคินนิ่ง…สายตาสั่นไหว
อลันถอนหายใจเบา ๆ แล้วพูด “แต่ฉันไม่แนะนำนะ ของฟรีไม่มีในโลก แต่ถ้านาย…จำเป็นจริง ๆ นายก็ต้องตัดสินใจเอง”
“แล้วนาย…แลกอะไรไป?”
ภาคินถามเบา ๆ
อลันนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนตอบ
“…รูปของแม่ฉันที่เสียไปแล้ว รูปเดียว…ใบสุดท้าย”
“และฉันขอให้บ้านฉันมีเงินไม่ขาดมือ”
ภาคินเม้มปากแน่น ใจเริ่มลังเล แต่สุดท้ายเขาก็พยักหน้า “งั้น…ฉันจะลองดู”
…
วันต่อมา ภาคินหาทางไปซอยนั้นจนเจอจริง ๆ ซอยแคบจนเหมือนทางหนีไฟมากกว่าจะเป็นทางเข้าร้าน เขาเดินไปตามคำบอก จนเจอร้านดอกไม้ตามที่อลันว่า และเจอบันไดไม้เก่าที่ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดในทุกก้าว
ร้านเช่าหนังสือเงียบและเก่า โต๊ะไม้หยาบ ๆ กับโคมไฟสีส้มสลัวให้บรรยากาศแปลกตา
เขาเดินไปที่ “ชั้นหนังสือสุขศึกษา” — แต่ด้วยความตื่นเต้น…เขาจำผิด
เขาหยิบหนังสือจาก “ชั้นสาม ล็อกที่สอง” แทนที่จะเป็น “ชั้นสอง ล็อกที่สาม”
คัมภีร์เล่มนั้นอยู่ในสภาพเก่าผิดจากหนังสือเล่มอื่น ปกสีเทาไหม้ ขลิบทองจาง ๆ ไม่มีชื่อเรื่อง…
แต่ภาคินกลับรู้สึกเหมือนมัน “เรียกหา” เขา
เมื่อเขาเปิดมันออก…ข้อความแปลกประหลาดปรากฏขึ้นด้วยลายมือที่ไม่คุ้นเคย
“…เจ้าผู้มืดบอดด้วยความหวัง หากจงรักในสิ่งนั้นยิ่งนัก จงมอบมันเพื่อแลกเปลี่ยน…”
หน้าถัดไปเริ่มเลือนลาง และคำภาวนาโบราณค่อย ๆ ปรากฏขึ้นทีละบรรทัด…
…
เสียงท่องบทมนตร์ยังคงก้องอยู่ในหัวของภาคิน แม้คัมภีร์ในมือจะเลือนหายไปทันทีหลังจากเขาอ่านจบ…
ทันใดนั้น
พรึ่บ!
อากาศเบื้องหน้าบิดเบี้ยวราวม่านน้ำ กระแสลมพัดวนรอบตัวเขา ก่อนที่แสงสว่างจะสาดวาบออกมาจากกลางอากาศ
“เฮ้ยย!!”
ภาคินร้องออกมาทั้งตกใจและหวาดกลัว ก่อนจะถูกแรงบางอย่างดูดเข้าไปในแสงนั้น ร่างของเขาลอยเคว้งคว้างคล้ายถูกฉุดกระชากผ่านอากาศ ความรู้สึกเหมือนกำลังตกจากฟ้าผสมกับวังวนลึกลับจนเขาแทบจะหมดสติ
…
พอรู้สึกตัวอีกที…
เสียงนก เสียงลม และกลิ่นดินชื้นเข้ามากระทบประสาทสัมผัสทั้งหมด
ภาคินลืมตาขึ้น พบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนพื้นหินในถ้ำแห่งหนึ่ง ชุดนักเรียนของเขายังอยู่ครบ ทั้งเสื้อเชิ้ตแขนยาว รองเท้าและกระเป๋าเป้ แม้จะเลอะไปบ้างจากการตกกระแทก
“…นี่มันที่ไหนวะ…”
เขาพึมพำ พร้อมกับลุกขึ้น เดินช้า ๆ ออกมาที่ปากถ้ำ
เบื้องหน้า คือทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ มีภูเขาเขียวครึ้มและท้องฟ้าที่ดู “บริสุทธิ์” กว่าในยุคที่เขาเคยอยู่ ไม่มีเสาไฟ ไม่มีถนน ไม่มีแม้แต่เสียงเครื่องยนต์
ภาคินยืนงุนงง ใจเริ่มสั่น เขามองไปรอบตัวแล้วเริ่มครุ่นคิด
“อลัน…นี่นายก็มาอยู่ที่นี่ใช่มั้ย…”
เขาพึมพำ ก่อนความรู้สึกโดดเดี่ยวจะเริ่มกัดกินหัวใจ
เขานั่งลงหน้าถ้ำ ร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
…
เสียงแตรแหลมก้องมาแต่ไกล พร้อมเสียงม้าเหยาะย่างเป็นจังหวะ
ภาคินเช็ดน้ำตาหันไปมอง และต้องตกใจเมื่อเห็น ขบวนราชรถ ม้าสีขาวบริสุทธิ์ลากเกี้ยวประดับทอง ที่รายล้อมด้วยทหารแต่งชุดเกราะโบราณ คนหนึ่งในนั้นมีใบหน้าอ่อนเยาว์ ร่างสูงสง่า สวมชุดคลุมไหมปักดิ้นทอง เขานั่งอยู่บนเกี้ยวด้วยท่าทีองอาจและสง่างาม
“นั่น…องค์ชายรองแห่งแคว้นหลิงหลาน!” เสียงทหารคนหนึ่งกล่าวขณะชี้ไปยังภาคิน
ขบวนหยุดลง
สายตาคมขององค์ชายรองจ้องมายังเขาเด็กหนุ่มแปลกหน้าในชุดประหลาด
เสียงเกือกม้าหยุดลงตรงหน้าภาคิน ฝุ่นคลุ้งบางเบาตามแรงเบรกของม้า ขบวนราชรถที่สง่างามยิ่งใหญ่ยืนนิ่งอยู่ต่อหน้าถ้ำ ภาคินยืนตะลึง เหงื่อผุดทั่วหน้าผาก ขณะสายตาไล่มองเครื่องแต่งกายของเหล่าทหารและบุรุษผู้แต่งตัววิจิตรเหนือเกี้ยวทอง
“เจ้าคือผู้ใด มาทำอะไรที่นี่?”
เสียงทุ้มต่ำ ทรงอำนาจ แต่ไม่หยาบคายเอ่ยขึ้นจากองค์ชายรอง ผู้ที่นั่งอยู่กลางราชรถ
ภาคินกลืนน้ำลาย คิดวนในหัว
“ที่นี่ที่ไหนกันแน่…ทำไมแต่งตัวย้อนยุคแบบนี้…หรือว่ากำลังถ่ายหนัง!?”
เขาพึมพำออกมาเบา ๆ ทั้งยังไม่แน่ใจ
“นี่…ที่นี่ถ่ายละครอยู่เหรอครับ? ปีอะไรแล้วเนี่ย…ผม…หลุดมาจากตรงไหนกันแน่…”
ทันใดนั้น
“บังอาจ!! เจ้านั่นพูดอะไรออกมา!?”
ทหารนายหนึ่งตะโกนเสียงดัง พร้อมชักดาบออกมาเล็กน้อยอย่างข่มขู่
ภาคินสะดุ้งเฮือก ถอยหลังแทบจะสะดุดล้ม
แต่ก่อนที่อะไรจะเกิดขึ้น
“พอเถอะ”
เสียงขององค์ชายรองเอ่ยแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่แฝงอำนาจจนทุกคนเงียบกริบ
“เขาไม่รู้ความ…เขาไม่ได้มาจากแผ่นดินของเรา”
องค์ชายเหลือบตามองภาคินอย่างพินิจ
ใบหน้าเด็กหนุ่มแปลกประหลาดในชุดขาวแปลกตานั้นเปรอะเปื้อนฝุ่น แต่แววตามีความบริสุทธิ์และความสับสนจริงใจ
“จงพาเขากลับวัง…จัดหาที่พักให้ และส่งคนไปตามหมอหลวง ตรวจดูว่าเขาได้รับอันตรายจากการเดินทางมาหรือไม่”
องค์ชายรองสั่งโดยไม่อธิบายอะไรเพิ่ม
…
ภาคินถูกพาขึ้นเกี้ยวเล็กอีกคันด้านหลัง เดินทางเข้าเมืองหลวงอันตระการตา ภาพบ้านเรือน เครื่องแต่งกาย ผู้คน และกำแพงวังทำให้เขาเริ่มแน่ใจว่า
นี่…ไม่ใช่แค่ละคร
หัวใจเขาเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ ขณะถูกพาเข้าไปในเขตพระราชฐาน
…
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments
Paola Uchiha 🩸🔥✨
เร็วๆนี้น้าาา
2025-05-07
0