บทที่ 2 สะพานแห่งแสง

˓𓄹 ࣪˖ ˖ ࣪ ִֶָ ⸰ 𖥔 ͙ࣳ ⸰ֺ⭑ ִֶָ . ָ࣪ ˑ ֗ ִ ˑ ִ ֗˓𓄹 ࣪˖ ˖ ࣪ ִֶָ ⸰ 𖥔 ͙ࣳ ⸰ֺ⭑ ִֶָ˓𓄹 ࣪˖ ˖ ࣪ ִֶָ ⸰ 𖥔 ͙ࣳ ⸰ֺ⭑ ִֶָ . ָ࣪ ˑ ֗ ִ ˑ ִ ֗˓𓄹 ࣪˖ ˖ ࣪ ִֶָ ⸰ 𖥔 ͙ࣳ ⸰ֺ⭑ ִֶָ

“ มีทางอ้อมอยู่หาจากตรงนี้ไม่มากนัก…พวกเธอพักก่อนเถอะ ” คาเดน พูดให้พวกเธอพักเพื่อให้เตรียมตัวก่อนที่จะออกเดินทางอีกครั้ง

เช้าถัดมาพวกเขาเริ่มออกเดินทางจากหน้าสะพานแห่งแสงนี้ พวกเขาเดินทางออกจากตรงนั้นและเดินอ้อมมาไม่ไกลมากนัก พอเดินมาสักพักก็ได้เจอกับสากของสิ่งก่อสร้างความสับสน คาเดน ได้เดินนำเข้าไปและตามไปด้วย เอดัน เพื่อพากันเช็คความปลอดภัยให้กับคนที่เหลือด้วย

“ ที่นี้คือที่ไหนหรือคะ…คาเดน ” ลิเลีย ได้กล่าวถามออกมาด้วยความสังสัยและความสับสนที่กำลังเกิดขึ้น

“ ที่นี้คือทางลงไปที่ลำธารใต้สะพานแห่งแสงนั้นไง…ถึงแม้ที่นี้จะมืดหน่อยแต่ก็ช่วยหลบสายตาหน่อย ” คาเดน ได้ตอบก่อนที่จะเริ่มเดินทางต่อไปเลื่อยๆเพื่อรีบออกจากที่นี้เพราะมันเป็นทางเดินใต้ดิน

“ เพราะแบบนี้เองสินะ…แต่ทางขึ้นจะอยู่ตรงไหนล่ะ..ถ้าเจอคนที่ดักรอก็ไม่ได้ดีหรอกนะ ” เธอได้กล่าวถามขึ้นมาพร้อมกับการกินขนมปังที่ทำเอาไว้ก่อนที่จะลงมาที่นี้

“ ก็จะไปขึ้นไปตรงสากฝั่งตรงข้าม…และห่างไปจากสะพานแห่งแสงนี้ตั้ง…5…กิโลเมตร…กว่าพวกนั้นจะรู้ตัวก็ประมาณ…3-4…วันนะ ” คาเดน ได้อธิบายถึงเส้นทางการเดินทางในครั้งนี้ถึงแม้การเดินทางจะยาวนานมากแต่พวกเขาก็สนุกไปกับมัน

“ แบบนี้ก็ดีนะแต่ฉันมีเรื่องจะสอบถามนะคะ…เพื่อจะสามารถจำบันทึกบางส่วนที่น่าสำคัญไว้ในการเดินทางนะคะ..เริ่มจะชื่อ..อายุ..อาชีพ ” ลิเลีย ได้กล่าวก่อนจะยิบสมุดเล่มหนึ่งขึ้นมาพร้อมกลับปากที่สามารถพกไปไหนมาไหนได้

“ เริ่มจากฉันก่อนสินะ…ฉันชื่อ..ไอริส..อายุ..18..อาชีพ..นักผจญภัย ” เธอได้กล่าวขึ้นก่อนที่จะได้นั่งกินขนมปังต่อ

“ ฉันด้วยงั้นหรอ…ฉันชื่อ..เอดัน..อายุ..25..อาชีพ..ทหารรับจ้างทั่วไป ” เอดัน ได้กล่าวแนะนำตัวตามมา ไอริส ออกมาหลังจากนั้น ลิเลีย ก็ได้กล่าวพร้อมเขียนตามที่เธอกล่าวมา…

“ ฉันชื่อ..ลิเลีย..อายุ..12..อาชีพ..นักเล่านิทานและนักประวัติศาสตร์ ” ลิเลีย กล่าวขึ้นพร้อมกับหันไปที่ คาเดน ต่อเพื่อให้ได้กล่าวขึ้นตามที่พวกเขากล่าวมา…

“ ผมชื่อ..คาเดน..อายุ..19..อาชีพ..นักเดินทางและนักสำรวจทางในป่าหมอกดำ ” คาเดน ได้กล่าวพร้อมกับกัดผลไม้เพื่อทำให้ร่างกายไม่ขาดน้ำ

“ ฉันพึ่งรู้ว่าเธออายุ..12..นะเนี้ย…นึกว่าจะเธอจะอายุมากกว่านิดหน่อย ” เธอได้กล่าวขึ้นพร้อมกับเตรียมตัวออกเดินทางจากจุดพัก

“ เธอก็เหมือนกันนั้นล่ะ…คิดว่าว่าจะเด็กกว่านี้สักอีก ” คาเดน ได้กล่าวออกมาพร้อมกับมองสักพัก

“ ฉันแค่ตัวเล็กนะ…คนกำลังโตนะเข้าใจหน่อยแล้วกัน ” เธอได้กล่าวด้วยท่าทีที่ได้พอใจเล็กน้อย

“ เอาล่ะ..คาเดน..อย่าไปแกล้งพวกเธอเลย…ฉันขอล่ะ ” เอดัน ได้กล่าวพร้อมกับความรำคาญลึกๆ เพราะการช่วนคุยของ ลิเลีย ทำให้ เอดัน รำคาญมากเป็นพิเศษ

หลังจากนั้นพวกของ ไอริส ก็ได้เดินทางออกมาจากทางใต้ดินในตอนมืด แต่ทว่าพวกเขากลับสังเกตเห็นไฟจากข้างบนได้ชัดเจนมาก พวกเขาต่างจับมือถือแขนเพราะไม่ให้หลงออกนอกเส้นทาง พวกเขาต่างกลับก้มตัวลงไปเพื่อให้หมอกที่ลงตามริมน้ำช่วยบังสายตาของคนที่จะเข้ามาทำร้าย ห่างไปนานพอควรก็เดินทางมาถึงจุดทางขึ้นของบันได้อีกฝั่งพวกเขาต่างรีบเดินขึ้นตามบันไดไป

“ พวกนั้นมารอทำไหมตรงั้นล่ะเนี้ย…พอเป็นแบบนี้เวลาเดินทางก็นานขึ้นหรือเปล่าคะ ” ลิเลีย กล่าวขึ้นพร้อมกับสีหน้ากังวลมากพอควร จึงถามเพื่อความแน่ใจ

“ ก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อยนั้นล่ะ…แต่ก็ไม่ได้มากขนาดนั้น ” เอดัน ได้กล่าวก่อนที่จะเดินตรงไปอีก

“ ไหวไหม…พอลุกขึ้นได้หหรือเปล่า ” เธอได้ถาม ผู้ทึ่กำลังนั่งอยู่ที่พื้นด้วยความเป็นห่วง

“ ไหวคะ…ไปกันต่อได้เลยนะคะ ” ลิเลีย พูดขึ้นพร้อมกับการลุกขึ้นอย่างกระตือรือร้นในการเดินทาง

เวลาผ่านไปจนถึงเช้าของอีกวันพวกเขาได้เดินออกมาจากทางใต้ดินและได้เดินทางต่อจึกตรงที่ออกมาเพื่อไม่ให้ศัตรูที่ดักตรงสะพานแห่งแสง ไม่ให้รู้ตัวทันจึงได้รีบเร่มฝีเท้าในการเดินออกมาให้ไกลจากตรงนั้นจน…เวลาผ่านไปจนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดินอีกครั้ง พวกเขาจึงได้พักที่ต้นไม้ใหญ่ใจกล้าป่าหมอกดำแห่งนี้ พวกเขาได้แบ่งหน้าที่ก่อนความมืดมิดจะเข้าปกครุ่มในป่าใหญ่

“ ได้พักกันแล้วนะคะ…เดินทางผ่านจางตรงนั้นก็ยังไม่ได้นอนเลยด้วย ” ลิเลีย ได้กล่าวพร้อมกับดื่มด่ำกับน้ำซุปเนื้อร้อนๆใจกลางป่าใหญ่

“ นั้นสินะ…เดินทางตอนกลางคืนนั้นเหนื่อยมากเลยด้วยพักหน่อยนะคะ…คุณเอดัน ” เธอได้กล่าวถึงการพักลางใจป่าอย่างเห็นด้วยและกล่าวบอกให้เพื่อนร่วมทางนั้นได้พักไปด้วย

“ คาเดน..อีกนานไหมกว่าจะถึงหุบเขาหินแห่งเสียง…นั้น ” เอดัน ได้เอยถามถึงการเดินทางที่เป็นทางผ่าน

“ ถ้าจากตรงนี้ก็ประมาณ..7..วันได้ครับ…แต่ถ้าโชคดีหน่อยสายลมที่พัดระหว่างหุบเขานั้นเบาลงเราเดินผ่านได้ก็อาจจะเดินททางผ่านไปได้ไว้ขึ้น ” คาเดน ไดักล่าว ขึ้นพร้อมกับสีหน้ากังวลมากพอควรเพราะสายลมที่รุนแรงถึงจะเดินผ่านไแแต่ก็เสียงอันตรายอยู่ดี

“ มีทางอื่นอีกไหมหรือต้องเดินทางผ่านตรงนี้เข้าไปจริงๆแลัวระหว่างเดินเข้าไปมีถ้ำให้พักไหม ” ลิเลีย กล่าวขึ้น พร้อมกับสีหน้ากังวลเพื่อจะมีสัตว์ป่าทำอันตรายหรือเปล่า

“ เคยหาทางแล้วแต่ก็ไม่มีนะ…ถ้าจะอ้อมไปก็อาจจะนานกว่าอีก..ถ้าถ้ำนั้นนะมีและพักได้หลายวัน ” คาเดน ได้ตอบ ลิเลีย สีหน้าที่กังวลก็คลายออกมาบ้างเพื่อทำไม่ให้ ลิเลีย กังวล

เช้ามืดพวกเขาก็ได้เริ่มเตรียมตัวที่จะออกเดินทางต่อจากกลางใจป่านั้นตรงขึ้นทางทิศเหนือเพื่อมุ่งหน้าไปที่หุบเขาแห่งเสียง เวลาผ่านไปนานพอสมควรพวกเขาได้พักอยู่ที่ลำธารสายเล็กๆสายหนึ่ง ป่าแถวนี้ไม่ได้มีหมอกหนากว่าที่ผ่านมา แสงอาทิตย์ ได้สาดแสงถึงพื้นดิ และธรรมชาติก็สวยงานสัตว์ป่าน้อยใหญ่นั้นก็มีใหัเห็นมากขึ้นมากกว่าตรงที่เป็นป่าหมอดำนั้น ไอริส ก็สังเกตเห็นได้ชัดเจน ลิเลีย และคนอื่นก็สังเกตเห็นได้

“ เหมือนว่าเราจะออกจาป่าหมอกดำแล้ว…มีสัตว์มากขึ้นและธรรมชาติที่ดีมากด้วย ” คาเดน ได้กล่าวก่อนที่จะเดินหาพันธุ์ไม้และผลไม้ที่สามารถนำมารับประทานได้

“ มีดอกไม้ที่ไม่เคยเห็นเยอะเลย…แต่แปลกนะคะเพราะอะไรคนที่เข้ามาถึงกลับออกไปไม่ได้กัน ” ลิเลีย ได้กล่าวขึ้นพร้อมกับมอกดอกไม้ป่าและพูดขึ้นเหตุผลที่ไม่มีใครออกไปได้เลย

“ เพราะเหตุผลอะไรสักอย่างนั้นล่ะ…ลิเลีย ” เธอได้กล่าวพรัอมกับก้มดูอะไรสักอย่างที่ ลิเลีย อาจจะไม่ได้สังเกตเห็นมัน

“ พวกเธอเองก็ระวังหน่อยแล้วกันนะ…เหมือนสัตว์ป่าพวกนี้จะมีมากกว่าข้างนอก ” คาเดน ได้เตือนพวกเธอ ที่กำลังดูอะไรสักอย่างอยู่แบบไม่ได้ระวังสิ่งรอบข้างสักเท่าไหร่

“ วันนี้พักแถวนี้ใช้ไหม…แต่ที่ฉันเห็นมันมีต้นผลสัมอยู่ด้วยนะ ” ลิเลีย ได้เอยปากถามเพื่อความแน่ใจว่าจะพักตรงนี้และอธิบายว่าหาจากที่พพักนั้นมีต้นผลไม้อยู่ด้วย

“ พักผ่อนตรงนี้นั้นล่ะ…ส่วนผลไม้ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็เอามากินได้ ” เอดัน ได้กล่าวเพื่อความสบายใจของพวกเขาในการเดินทาง

พวกเขาเริ่มการเต้นและว่างข้าวว่างของเอาไว้เพื่อให้การเตรียมที่พักดูง่ายขึ้น ทางฝั่งผู้ชาย 2 คนนั้นได้สำรวจบริเวณรอบๆว่าจะมีสัตว์ป่าที่สามารถทำอันตรายต่อพวกเขาได้หรือไม่ และบริเวณรอบว่าสามารถล่าสัตว์ป่าแถวนี้ได้หรือไม่ จนทั้ง 2 คนได้เดินกลับมาที่จุดพักที่พวกสาวๆเตรียมอยู่

“ กลับมาแล้วหรอคะ…พวกเรากำลังจะเตรียมอาหารเย็นนะรอก่อนนะคะ ” ลิเลีย ได้ถามขึ้นเมื่อ คาเดน เดินเข้ามาทางเต้นที่ได้เตรียมไว้

“ ไม่ค่อยมีสัตว์อันตรายสักเท่าไหร่…แล้ว..ไอริส..ไปไหนแล้วล่ะไม่ได้อยู่ด้วยกันหรอ ” คาเดน ได้บอก ลิเลีย ไปก่อนที่จะถามถึง ไอริส ที่ไม่เห็นตัวว่าอยู่ไหน

“ พี่ไอริส..ไปตักน้ำนะ…นี้ไงมาแล้วๆ ” ลิเลีย ได้ชี้ไปทางด้านซ้ายของตัวเองก่อนที่จะเห็น ไอริส ถือถังน้ำใบไม้ใหญ่มากเดินตรงมา

“ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ…แล้วรอบๆเป็นอย่างไงบ้าง ” เธอได้กล่าวถามก่อนที่จะว่างถังน้ำลงและเริ่มจุดก้องไฟเพื่อจะเริ่มทำอาหารเย็น

“ เปล่าหรอแค่…มีคนแถวนี้เป็นห่วงเป็นพิเศษก็เท่านั้นเอง ” เอดัน ได้กล่าวขึ้นพร้อมกับหันมามอง คาเดน ที่กำลังมอง ไอริส อยู่จน คาเดน รู้สึกตัวขึ้น

“ ผมเปล่านะครับ…ผมแค่เป็นห่วงความปลอดภัยก็เท่านั้นเองนะครับ..ไอริส..ไปที่ลำธารมีอะไรผิดปกติไหม ” คาเดน ได้ปฏิเสธ เอดัน ไปก่อนที่จะได้กล่าวถามถึงความผิดปกติที่สายน้ำแห่งนั้น

“ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอกนะมีปลาในลำธารนั้นด้วยที่นี้อุดมสมบูรเอามาแต่กลับไม่มีใครอยู่ใกล้ๆพื้นที่นี้เลย ” เธอได้กล่าวก่อนที่จะหันไปหาผู้ที่ได้เอยปากถามเธอ

“ พี่ไอริส..ฉันเอาเครื่องปรุงมาใช้ได้หรือเปล่า ” ลิเลีย กล่าวขึ้นพร้อมกับเอาเครื่องปรุงต่างออกมาจากกระเป๋าเดินทางของเธอ

“ ได้สิ…พวกเราเองก็กินแต่พวกขนมปังกับซุปมาหลายวันแล้วด้วยลองทำอะไรอย่าอื่นด้วยก็ดีนะ ” เธอได้กล่าวก่อนที่จะรับเครื่องปรุงเหล่านั้นมา

“ พวกเธออยู่กเองกันได้ใช่ไหม…ฉันกลับคุณเอดัน..จะไปล่าสัตว์…เพื่อจะเอามาทำอาหาร ” คาเดน กล่าวขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและจริงจังเอาอย่างมาก

“ พวกเรา..2..คนอยู่ด้วยกันได้…เรื่องแค่นี้เองไม่มีปัญหาหรอกนะนายเองก็ระวังตัวด้วยล่ะ ” เธอได้หันไปสบตาและกล่าวขึ้นพร้อมกับความเป็นห่วงที่มาจากใจของเธอ เพราะเธอนั้นไม่อยากให้ใครได้รับบาดเจ็บจากการล่าสัตว์

“ พวกเขาเก่งอยู่แล้วล่ะ..พี่ไอริส..ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะคะ ” ลิเลีย ที่ชอบหาเรื่องกับ คาเดน บ่อยได้กล่าวขึ้นพร้อมกับจับแขนของเธอ

“ พวกเราจะรีบกลับมาให้ทันตะวันตกดินแล้วกัน..คาเดน..ไปเถอะเดี๋ยวจะไม่ทันเอาหรอกนะ ” เอดัน ได้กล่าวระยะเวลาก่อนที่จะบอกให้ คาเดน ตามออกไปเพื่อไปล่าสัตว์

“ ระวังตัวด้วยนะคะ…ทั้ง..2..คน” เธอได้กล่าวก่อนที่ทั้ง 2 คนจะได้เดินจากไปเพื่อความเป็นห่วงลึกๆ

“ พวกเรามาเตรียมอาหารกันนะคะ ” ลิเลีย กล่าวขึ้นพร้อมกับกุบถือเครื่องปรุงที่เหลือออกมาหาเธอ

เวลาผ่านไปจนถึงพระอาทิตย์ใกล้จะตกดินเต็มที ทั้ง 2 คนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับมาที่พัก เวลาไหลไปเลื่อยๆจนกระะทังตะวันตกดินแล้ว เสียงฝีเท้าได้เข้ามาใกล้ที่พักที่พวกเขาได้อยู่กัน ไอริส จนส่งสัญญาณให้ ลิเลีย เข้าไปอยู่ในเต้นของเธอ เสียงเท้าเข้ามาถึบริเวณก้องไฟก็ทำให้รู้ว่า ทั้ง 2 คนที่ออกไปล่าสัตว์นั้นได้กลับมาแล้ว

“ ลิเลีย…ออกมาได้แล้วล่ะ…ทั้ง..2..คนกลับมาแล้วล่ะ ” เธอได้เอยบอก ผู้ที่ได้หลบอยู่ในเต้นให้ออกมา

“ กลับมาแล้วสินะคะ…คิดว่าจะมีใครบุกเข้ามนสักอีก ” ลิเลีย ได้โพ่หัวของเธอออกมาก่อนที่จะได้เดิจนออกมาหา

“ ขอโทษที่กลับมาช้านะ…พวกเราเองได้ล่าสัตว์ตัวใหญ่มาเลยใช้เวลานานหน่อยกว่าที่คิดเอาไว้นิดหน่อย ” เอดัน ได้ กล่าวคำขอโทษ ก่อนที่จะเริ่มพูดเหตุผลของตนที่ได้ล่าช้าไปอีก

“ ไม่เป็นไรเลยคะ…ขอแค่ไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนก็ดีแล้วล่ะคะ ” เธอได้กล่าวพร้อมสีหน้าที่ยิ้มแย้ม

“ เรามาทำต่อกันเลยนะคะ..คาเดน..ช่วยเอาเนื้อไปล้างน้ำทีนะ ” ลิเลีย ได้กล่าวขึ้นพร้อมบอกให้ คาเดน เอาเนื้อที่ได้มาไปล้างเพื่อทำอาหารให้คืนนี้

หลังจากรับประทานอะไรกันเสร็จก็ได้เข้านอนเพื่อออกเดินทางให้ไว้ที่สุด เช้าของวันถัดมาเริ่มต้นด้วยการรับประทานอาหารเช้าที่ได้ทำเอาไว้เมื่อคืนและเริ่มเก็บเต้นและกาารเก็บสัมภาระของแต่ล่ะคนเพื่อเริ่มต้นการออกเดินทางอีกครั้ง

“ เป็นวันแรกเลยที่ได้กินอะไรตอนเช้าๆ ” ลิเลีย กล่าวขึ้นพร้อมกับลุบบริเวณท้องของตน

“ นั้นสินะ…ถ้าขังเดินทางในป่าคงจะทำแบบนี้ได้อีกแน่ๆ..อาจจะพอไม่ให้สเบียงที่เตรียมมาหมดไว้ ” เธอกล่าวขึ้น และพูดเหตุผลออกมาพร้อมๆกัน

“ ดูท่าพวกเรา…จะมีปัญหาอะไรสักหน่อยแล้วล่ะ ” เอดัน ที่เดินนำหน้าได้กล่าวขึ้นนพร้อมกับการหยุดเดิน

“ มีอะไรหรอครับ ” คาเดน ได้เดินมายืนที่เดียวกับ เอดัน ก็ได้เห็ตสภาพแม่น้ำที่มีน้ำไหล่อย่างรุนแรงถ้าก้าวลงไปอาจจะเป็นอันตรายต่อพวกเขาได้

“ คาเดน..ที่นี้มาทางที่อ้อมออกไปแล้ว…ปลอดภัยอีกไหม ” เธอ กล่าวถามพร้อมกับสีหน้าที่กังวลเอาอย่างมากออกมาด้วย

“ ก็มีนะ…แต่ก็จะไกลไปอีกคงจะยืดเวลาในการเดินทางเพิ่มอีกนะจะไปจริงๆใช่ไหม ” คาเดน ได้กล่าวขึ้นพร้อมบอกระยะเวลาในการเดินทางที่เพิ่มขึ้นจากการหาทางเดินอ้อมที่ปลอดภัย

“ ทุกคนต้องปลอดภัยไว้ก่อน…ส่วนเรื่องของระยะเวลานะไม่เป็นอะไรเลย..ขอให้ทุกคนปลอดภัยก็พอแล้ว ” เธอได้กล่าวก่อนที่จะจับแขนของคนที่อยู่ตรงหน้าของเธอ

“ ถ้างั้นพวกเราเดินขึ้นทิศเหนือ…เพื่อจะมีทางเดินต่อไปได้…อาจจะเลียงตรงนี้ไปก่อนและจะใช้เวลาเพื่อกี่วันก็มาคุยกันอีกที ” เอด ได้กล่าวก่อนที่จะเอาแผนที่โบราณออกมามากางพร้อมกับแผนที่ปัจจุบัน

“ เพราะน้ำนี้พึ่ไหล่มาถึงตรงนี้เราเดินขึ้นทางทิศเหนือเพื่อจะหลีกทางน้ำที่เป็นน้ำป่าตรงนี้ได้ ” เอดัน ได้กล่าวขึ้นพร้อมกับชี้ให้ดูว่าจะเดินทางไปตรงจุดไหน

“ แต่ถามเป็นน้ำป่าก็จะไหล่จากทิศเหนือไม่ใช่หรอคะ ” ลิเลีย ได้เอยปากถามก่อนที่จะนั่งจับมือของ ไอริส

“ ไม่หรอก…ที่นี้จะแปลกอยู่อย่างหนึ่งถามมีน้ำป่านั้นจะไหล่มาเป็นช่วงๆ..แทนที่จะไหล่มาที่เดียวนะ ” คาเดน ได้เอยขึ้น พร้อมกับชี้ให้ดูกับบริเวณที่ไหล่ลงมาของน้ำ

“ ไอริส…พอที่เดินทางต่อไหวไหมหรือจะพักตรงนี้ก่อน ” คาเดน ได้กล่าวถามเธอ ทำให้คนที่เหลือเริ่มสังเกตเห็นอาการที่เธอกำลังเป็น

“ ฉันเดินทางต่อไหว…ไม่ต้องห่วงเอาตามคุณเอดัน..ได้วางแผนไว้เลย..ฉันขอพักสักเดียวก็จะดีขึ้น ” เธอกล่าวขึ้นด้วยความหวาดกลัวอะไรสักอย่างก่อนที่จะไปนั่งพักใต้ต้นไม้

“ ไอริส เธอไหวจริงนะ…ถ้าไม่ไหวก็บอกมาเธอเป็นแบบนี้เดินทางต่อไม่ได้หรอกนะทุกคนเขาเป็นห่วงเธอนะ ” คาเดน ได้เข้ามาพูดคุยพร้อมนั่งลงข้างๆเธอเป็นเพื่อนเพื่อเธออยากจะเล่าอะไรให้ฟัง

“ พอดี…ฉันมีความทรงจำไม่ดีต่อน้ำป่าหรือน้ำท่วมอะไรทำนองนั้นนะ…พอได้มาเห็นหรือเจอฉันก็จะกลัวขึ้นมาและกระวนกระวายทำอะไรไม่ถูก ถึงเรื่องจะผ่านมานานมากแต่เหตุการณ์ในครั้งนั้นฉันก็จำได้ไม่มีวันที่จะลืมมันลง ขอโทษนะที่เล่าสิ่งที่น่าหดหู่ใจแบบนี้ให้ฟังนะ ” เธอได้เล่าให้ คาเดน ฟันเกี่ยวกับสิ่งที่เธอได้พบเจอมากับตัวเองพร้อมกล่าวคำขอโทษ

“ ไม่เป็นไรเลย…ดีสักอีกที่เธอกล้าเล่าให้ฉันฟัง..งั้นเอาอย่างนี้เดียวจะให้ ลิเลียเดินบังตรงข้างแม่น้ำและเธอจับมือฉันไปด้วยจะได้ไม่รู้สึกกล้วแบบนี้ดีไหม ” คาเดน ได้อธิบายการเดินของ ไอริส เพื่อไม่ให้เธอกลัวข้างเธอนั้นจะมี ลิเลียค่อยเดินข้างเธอ

“ เอาแบบนี้ก็ได้ ขอบคุณนะ คาเดน ” เธอกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มที่ส่งให้ คาเดน ที่ได้นั่งข้างเธอ

“ อืม…ไม่เป็นไรฉันเข้าใจดีว่าความกล้วมันเป็นอย่างไง ” คาเดน ได้หลบหน้าก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างสุขภาพเท่าทีเขาจะทำได้ แต่นะตอนนั้น ไอริส สังเกตที่หูของ คาเดน ที่ค่อยๆเปลี่ยนสี‘ นี้เราพูดอะไรไม่เข้าหูหรือเปล่า หรือว่าเขาคง……ไม่ๆคิดอะไรของฉันล่ะเนี้ยเขาเนี้ยนะจะชอบฉันนะ ’ เธอได้นั่งคิดอยู่ในหัวก่อนที่ ลิเลีย จะเดินเข้ามา…

“ เราออกเดินทางกันเถอะคะ..พี่ไอริส..คงดีขึ้นแล้วนะคะ ” ลิเลีย กล่าวขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง

“ อืม…ดีขึ้นมาแล้วล่ะ ” เธอกล่าวก่อนจะยิ้มแห้งออกมา

“ ไปกันเถอะ…ช้ากว่านี้ผมไม่รอหรอกนะครับ ” คาเดน กล่าวพร้อมกับลุกออกจะที่ที่นั่งไป

“ คิดว่าพูดดีแล้วฉันจะมองนายดีขึ้นหรอกนะ…คาเดน ” ลิเลีย กล่าวขึ้นพร้อมกับสีหน้าที่ดูโกรธเล็กน้อย จนทำให้ ไอริส ขำออกมา

“ 555..55…ขอโทษนะทั้ง..2..คนที่ฉันขำออกมานะ ” เธอได้กล่าวขึ้นพร้อมลุกขึ้นจากใต้ต้นไม้ที่นั่งอยู่

พอ ไอริส ได้ลุกขึ้น การเดินทางก็ได้เริ่มต้นขึ้น เวลาผ่านไปถึงตะวันตกดินพวกเขาได้แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง ส่วน ไอริส ก็ยังรู้สึกกระวนกระวายอยู่แต่ก็ไม่มากเมื่อตอนแรกเลย

“ ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะ…พี่ไอริส ” ลิเลีย ได้ถามเธอที่กำลังนั่งพักหลังจากการเต้นของเธอเสร็จ

“ ไม่เป็นไรแล้วล่ะ…สบายมากเลย ” เธอกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มที่ส่งออกมาจากใบหน้าของเธอ

“ พวกเราจะต้องออกล่าสัตว์…พวกเธอก็อย่าออกไปไกลล่ะ ” เอดัน ได้กล่าวขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง

พวกเธอได้รับปากก่อนที่ชายทั้ง 2 คนได้ออกไปไปจากที่พักเพื่อเริ่มล่าสัตว์ในวันนี้ พวกเธอจึงเริ่มจัดเตรียมของเพื่อนำมาทำอาหารในช่วงเย็นนี้แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปนั้นคือ การที่เวลาได้ไปไหนก็จะมี ลิเลีย จะค่อยพาเธอไปอยู่เสมอๆ เวลาผ่านไปนานพอสมควร ชายหนุ่มทั้ง 2 คนก็ได้เดินทางกลับมาจากการล่าสัตว์

“ พวกเธอล่ะเป็นอย่างไง..แต่พวกเรามีเรื่องสำหรับการเดินทางมาเล่า ” คาเดน ได้กล่าวพร้อมกับเนื้อสัตว์ที่ได้ล่ามานำไปล้าง

“ เรื่องอะไรหรอคะ..สำคัญมากหรือเปล่า ” เธอได้กล่าวถามออกมาเพื่อเริ่มต้นบทสนทนา

คาเดน ได้เล่าและนำแผนที่การเดินทางออกมาเพราะเห็นเส้นทางการเดินทางไปสู่ หุบเขาหินแห่งเสียง ทางที่ คาเดน ได้อธิบายถึงเส้นทางที่ใช้ในการเดินทางในครั้งนี้

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!