˓𓄹 ࣪˖ ˖ ࣪ ִֶָ ⸰ 𖥔 ͙ࣳ ⸰ֺ⭑ ִֶָ . ָ࣪ ˑ ֗ ִ ˑ ִ ֗˓𓄹 ࣪˖ ˖ ࣪ ִֶָ ⸰ 𖥔 ͙ࣳ ⸰ֺ⭑ ִֶָ˓𓄹 ࣪˖ ˖ ࣪ ִֶָ ⸰ 𖥔 ͙ࣳ ⸰ֺ⭑ ִֶָ . ָ࣪ ˑ ֗ ִ ˑ ִ ֗˓𓄹
ไอริส เติบโตในหมู่บ้านเล็ก ๆ โตในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า โดยไม่รู้ถึงสายเลือดราชวงศ์ของตนเองวันหนึ่ง เธอได้เดินทางกลับมาจากเมืองหลวงเพราะเธอเป็นนักผจญภัยและความชำนาญในการอ่านแผนที่และสัญลักษณ์โบราณ
“ กลับมาแล้วสินะจ้า..ไอริส ” ผู้ช่วยดูแลที่บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าได้พูดทักทายขึ้นมากเพราะได้สังเกตหญิงสาวคุ้นตาเดินเข้ามาด้วย ผมสีดำสนิทยาวตรง ดูเงางามและสะกดสายตา ตาสีฟ้าสดใส คล้ายผืนน้ำทะเลลึก สะท้อนถึงความลึกลับและความมุ่งมั่น ของเธอ
“ คะ..หนูกลับมาแล้วนะคะผู้ดูแล..แล้วเด็กๆเป็นอย่างไงบ้างคะ ” เธอได้ถามด้วยความคิดถึงและความเป็นห่วงเด็กที่เพิ่มเข้ามาและคนที่อยู่มาพร้อมกับเธอ
“ ทุกคนสบายดีจ้า..สวนที่ทำกันเองก็เป็นไปได้ด้วยดีจ้า ” ผู้ดูแลได้พูดพร้อมพาเดินตรงออกไปทางด้านหลังของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่มีเด็กอยู่ช่วยกันทำสวนผักและดอกไม้ที่ใช้ขายในงานเทศกาล
“ พี่ไอริส..กลับมาแล้วหรอคะ…จะกลับมาอยู่นานไหมคะ...การผจญภัยและการเดินทางเป็อย่าไงบ้างคะ..พี่ช่วยเล่าให้พวกเราฟังได้ไหมคะ ” เด็กสาวที่เธอช่วยเลี้ยงคนแรกๆนั้นยังไม่ได้ถูกรับเลี้ยงไปเด็กสาวค่อยช่วยดูแลเด็กที่อายุ 6 ขวบได้ช่วยงานผู้ดูแลทำงานในสวนที่พอทำได้
“ พี่กลับมาแล้วจ้า..โตขึ้นมากเลยนะ..ก็อยู่สักพักจ้ายังไม่รู้ว่าจะเดินทางไปไหนนะพี่เล่าให้ฟังได้เสมอนะ ” เธอได้พูดพร้อมกับการลูบบนหัวของเด็กสาว ‘ เด็กชายอีก..2..คนถูกรับเลี้ยงไปก่อนหน้านี้แล้วด้วยอยู่ดีหรือเปล่านะ ’ เธอได้ลูบหัวของเด็กสาวพรานคิดอะไรจนผู้ดูแลสังเกตเห็นได้
“ ไอริส…ตามฉันมาหน่อยได้ไหม…ฉันมีอะไรบ้างอย่างจะให้เธอนะ ” ผู้ดูแลได้เรียกเธอให้ตามไป เธอได้เดินตามผู้ดูแลเข้ามาที่ห้องรับแขก เธอได้นั่งรอที่โซฟาก่อนที่ผู้ดูแลได้เดินออกไปจากห้องรับแขก
ผู้ดูแลทิ้งให้เธอนั่งรอที่ห้องรับแขกผ่านไปสักระยะหนึ่ง ก่อนที่ผู้ดูแลกลับมาพร้อมกลับกล่องใบหนึ่งที่ดูเก่าใบหนึ่งที่ดูมีค่าไม่มากนักและผู้ดูแลได้นำมาว่างลงตรงหน้าของเธอ
“ ไอริส…คงไม่ได้พักที่หรอกใช้ไหมและตอนนี้เธอก็อายุ..18..แล้ว…ฉันเลยเอามาให้เธอก่อนที่เธอจะกลับออกไปจากที่นี้…ก่อนจะกลับค่อยมาเอาไปด้วยแล้วกันนะ ” ผู้ดูแลได้พูดพร้อมมองกล่องตรงหน้าแต่ผู้ดูแลได้สังเกตเห็นว่าเธอสงสัยและสับสนกันสิ่งที่เห็น ก่อนที่ผู้ดูแลจะได้อธิบายสิ่งต่างๆที่ได้พบเจอ
เวลาผ่านไปสักพักเด็กก็ได้บอกลาเพราะเธอจะต้องเดินทางไปพักที่โรงแรมที่มีในหมู่เล็กๆแห่งนี้ และเธอได้เดินเข้ามาที่ห้องพักของเธอก่อนที่จะได้เริ่มเปิดกล่องที่ได้มาจาก ผู้ดูแลในกล่องมี หนังสือเล่มหนึ่ง ปากกาขนนก แผนที่โบราณและเข็มกลัดสัญลักษณ์ประจำราชวงศ์ใดราชวงศ์หนึ่งที่เป็นรูปดวงดาวสีฟ้าที่มีในกล่องและบนปกหนังสือ บนแผนที่และแน่นอนสร้อยคอที่เธอใส่ติดตัวด้วยก็เช่นกัน เธอได้เริ่มเป็นอ่านหนังสือที่มีอยู่ในกล่องนั้น ทำให้เธอเริ่มสงสัยและต้องการค้นหาความจริงเกี่ยวกับอดีตของตนเอง หลังจากที่เธอเริ่มเปิดอ่านหนังสือในกล่อง ไอริส พบว่ามันเต็มไปด้วยข้อความที่เขียนด้วยลายมือสวยงามแต่ซีดจางจากกาลเวลา หนังสือเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับดินแดนที่เรียกว่า…
“ เอเวนไทน์ ” เธอได้เอยถึงดินแดนที่เคยรุ่งเรืองและปกครองโดยราชวงศ์โบราณ
ซึ่งมีสัญลักษณ์ประจำราชวงศ์เป็นรูปดวงดาวสีฟ้า คล้ายกับเข็มกลัดในกล่องและลวดลายบนสร้อยคอของเธอ ในหนังสือมีบันทึกบางส่วนที่ดูเหมือนจะถูกซ่อนไว้ ไอริส ใช้ปากกาขนนกจุ่มน้ำเพื่อเขียนทับลายมือในหน้าที่ซีดจาง ซึ่งช่วยให้เผยเห็นข้อความเพิ่มเติมที่ซ่อนอยู่
เจ้าหญิงน้อยของเรา ผู้ถูกซ่อนเร้นเพื่อความปลอดภัย เอเวนไทน์ จะยังรอคอยการกลับมาของเธอ และเมื่อดวงดาวแห่งสายหมอกส่องแสง ดินแดนนี้จะฟื้นคืนจากเงามืดให้กลับสู่รุ่งเรืองอีกครั้ง
“ เอเวนไทน์..จะรอคอยการกลับมาของเธอและเมื่อดวงดาวแห่งสายหมอกส่องแสง..ดินแดนนี้จะฟื้นคืนให้กลับสู่รุ่งเรืองอีกครั้ง..มันหมายความว่าอย่าไง..ต้องหาข้อมูลเพิ่มที่ห้องสมุดของหมู่บ้านนี้แล้วสิ ” เธอได้นั่งมองข้อความซ่อนเอาไว้มองอยู่สักพักและได้นั่งคิด
ข้อความที่ซ่อนไว้ ทำให้หัวใจของ ไอริส สั่นไหว เธอไม่เคยคิดว่าตนเองจะเกี่ยวข้องกับเรื่องราวของราชวงศ์หรือดินแดนที่ห่างไกลเช่นนี้ แต่สิ่งที่ยืนยันได้คือทุกสิ่งในกล่องนี้ดูเหมือนจะเกี่ยวพันกับตัวเธอเอง เธอได้วางหนังสือเล่มนั้นลงก่อนที่จะหยิบแผนที่โบราณที่ว่างอยู่ในกล่อง เธอได้กลางแผนที่โบราณออกมาโดยมารอยพับเธอดูแผนที่โบราณสักพัก ก่อนที่จะ สังเกตเห็นว่ามุมของแผนที่โบราณมีรอยพับซ้อนทับกัน เธอคลี่มันออกและพบลายเส้นที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เป็นเส้นทางที่นำไปยังจุดที่ถูกระบุในแผนที่ปัจจุบันที่นำมาวางเทียบกับแผนที่โบราณว่าเป็นเส้นทางที่นำไปที่ “ สายหมอกนิรันดร์ ” พร้อมข้อความสั้น ๆ ที่เขียนกำกับไว้ในช
แผนที่โบราณว่า : ‘ ทางเดินแห่งแสง นำผู้สืบทอดกลับสู่รากเหง้า ’ จากข้อความนี้ทำให้เธอเชื่อว่าเส้นทางในแผนบนแผนที่ปัจจุบันที่อาจนำไปสู่ดินแดนที่ถูกลืม
เธอเริ่มสงสัยเกี่ยวกับสร้อยคอของตนเองและความเชื่อมโยงกับธงรูปดวงดาวบนแผนที่โบราณ เธอสัมผัสสร้อยคอและพบว่าเมื่อมันถูกยกขึ้นในมุมที่รับกับแสงไฟ สัญลักษณ์บนสร้อยคอเปล่งประกายเรืองรองเล็กน้อยก่อนที่จะจางลง ในคืนนี้ ขณะที่เธอได้นอนครุ่นคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ค้นพบในกล่องที่ได้มาจากผู้ดูแล เธอนอนครุ่นคิดจนหลับไปโดยไม่รู้ตัวพอรู้สึกตัวอีกครั้งก็เป็นเช้าของอีกวันแล้ว แต่เธอก็ยังคิดไม่ตกกับเรื่องที่ได้อ่านมาเมื่อคืนและเธอก็ได้เดินลงมาเพื่อเตรียมตัว
“ สวัสดีคะ..กำลังหนังสืออะไรอยู่หรือเปล่าคะ ” พี่พนักงานของร้านหนังสือเธอกำลังเข้าไปได้กล่าวทักทาย นักผจญภัยหลายคนเข้ามาพร้อมกันจนเต็มร้านเลยที่เดียว
“ ไม่เป็นไรคะ..ฉันจะหาหนังสือเองคะ ”เธอได้กล่าวออกมาพร้อมกับเดินไปตรงไปยังชั้นหนังสือ เธอเดินหาหนังสือรูปดาวที่คล้ายๆกับสร้อยของเธอเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับดินแดนที่สาบสูงไปจากหน้าประวัติศาสตร์
เธอได้นั่งอ่านหนังสือหลายเล่มเอาที่คล้ายกันประวัติศาสตร์ของหมู่บ้านแห่งนี้หาข้อมูออกมาพร้อมแต่ไม่มีความหมายอะไรมากขนาดนนั้นแต่ข้อมูลเบื้องต้นที่เอามาจากหนังสือและข้อมูลที่ได้มาเล็กหน่อยแต่ก็เป็นข้อมูลสำคัญมากพอที่จะเดินทางได้เลยแต่คงต้องเตรียมตัวก่อน เธอได้ออกจากที่ร้านหนังสือเดินตรงไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเพื่อไปบอกลาเด็กและผู้ดูแล
“ พี่ไอริส…ผู้ดูแลคะ…พี่ไอริส…มาคะ…พี่คะเป็นไงบ้างคะ…จะเดินทางแล้วหรอคะพี่ไอริส ” เด็กสาวน่ารัก ได้ถามพร้อมกับการวิ่งเข้ามากอดเธอ
“จะไปแล้วหรอจ้า…ไอริส ” ผู้ดูแลได้เดินออกมาพร้อมกับเด็กเล็กคนหนนึ่งที่กำลังตื่นอยู่ที่อุ้มอยู่ติดอกขอผู้ดูแลและเด็กที่เริ่มเดินได้ก็เดินออกมาพร้อมกับผู้ดูแล
“ กำลังจะออกเดินทางคะ…ผู้ดูแล…ไม่รู้จะได้กลับมาอีกทีเมื่อไหร่แต่จะกลับมาแน่ๆคะ จะเอาขอที่ขายได้กลับมาให้แล้วกันนะคะ ” เธอได้กล่าวขึ้นพร้อมกับย่อตัวลงกอดเด็กสาวที่มากอดตั้งแต่ตอนแรกเพื่อเป็นการกอดลา
“ พี่จะได้กลับมาหานะคะ…เธอต้องดูแลเด็กๆและช่วยดูแลเพื่อนๆน้องๆแทนผู้ดูแลด้วย ” เธอได้พูดพร้อมกลับลูบหัวให้เด็กและเด็กคนอื่นๆก็เดินเข้ามาให้ลูบหัวจนครบทุกคน เธอเดินเข้ามาผู้ดูแลเพื่ออวยพรให้เด็กที่อยู่ในออมอกของผู้ดูแล
“ ขอให้เติมโตด้วยความแข็งแรง จงเติบโตด้วยจิตใจที่ดี ” เธอได้อวยพรเด็กชายที่อยู่ในออมอกขอผู้ดูแลและอวยพรให้กลับเด็กๆที่ยืนอยู่รอบข้างได้ก้มหัวลงไปเพื่อรับพรที่ได้เอยให้พร
หลังจากการอวยพรจบลงเธอก็เริ่มออกเดินทางออกจาหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้เข้าป่าทางตะวันออกตามแผนที่ปัจจุบันและแผนที่โบราณมองเทียบกันไปมาสักพักก่อนที่จะเดินทางไปสักพักใหญ่ก่อนที่จะเดินไปเจอนักผจญภัยคนหนึ่งพึ่งที่กำลังช่วยเหลือเด็กหญิงแต่มีโจรตรงไปทางนักผจญภัยคนนั้นแต่เหมือนว่านักผจญภัยจะยังไม่รู้ ก่อนที่ ไอริส จะวิ่งเข้าไปช่วยนักผจญภัยคนนั้นจะได้รู้ตัวและมาช่วยต่อสู้ไปพร้อมๆกับเธอก่อนที่จะเหลือรอดไปหนึ่งคนก่อนที่จะอุทานออกมา
“ แย่แล้วรอดได้ไปคนหนึ่งนะ ” เธอได้กล่าวออกมาพร้อมกับสบัดดาบของเธอลงพื้นเพื่อนำของเหลวสีแดงติดอยู่ออกจากดาบก่อนที่จะหันมาถามคนที่ช่วยในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ว่า…
“ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ…บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ ” เธอถามด้วยความเป็นห่วงและกังวลว่านักผจญภัยจะได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับโจรที่ซุ่มโจมตีครั้งนี้
“ ไม่เป็นไร…เธอคงไม่ได้รับบาดเจ็บใช่ไหมหนูน้อย ” ชายหนุ่มกำลังถามเด็กสาวที่ได้ช่วยเอาไว้ในตอนแรกแต่กลับเมินเฉย ไอริส ที่ได้ช่วยเขาไว้
“ ไม่เป็นไรคะ…ขอบคุณนะคะที่ช่วยหนูเอาไว้นะคะ…ขอบคุณนะคะพี่สาว ” เด็กสาวได้กล่าวขอบคุณชายหนุ่มและ ไอริส
หลังจากเด็กสาวกล่าวขอบคุณเธอและชายหนุ่มที่ช่วย เด็กสาวก่อนที่จะจากไปเธอได้พามาที่หมู่บ้านของเธอเพื่อรับการขอบคุณจากแม่ของเด็กสาวก่อนที่จะเริ่มจัดของก่อนที่จะออกเดินทางออกจากหมู่บ้านของเด็กสาวคนนั้นเพื่อเดินทางต่อจากเดิม
“ คุณจะเดินทางไปไหนหรือเปล่าคะ ” เธอได้ถามชายหนุ่มที่กำลังจัดเตรียมของเพื่อจะออกเดินทางเหมือนกัน
“ แล้วจะบอกเธอไปทำไหมล่ะเธอเองจะไปเตรียมตัวจะไปไหนของเธอ…จะเตรียมอะไรก็เรื่องของเธอก็แล้วแต่เธอเลยและเธอไม่จำเป็นต้องมาตามฉันหรอก ” ชายหนุ่มได้กล่าวก่อนที่จะเดินห่างจากเธอไปแต่ ไอริส ได้ถามขึ้นมา…
“ คุณรู้จัก..ดินแดนเอเวนไทน์..(Aventine)..ไหมคะ..พอดีฉันออกมาตามหาที่นั้นอยู่นะคะ ” เธอได้กล่าวถามออกมาแต่ผู้ถูกถามนั้นชะงักและยืนนิ่งไปเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ชายหนุ่มนั้นได้หันหลังและเดินตรงมาที่เธอ
“ เธอนะ…เดินตามฉันมาไปหาที่คุยกับฉันหน่อย ” ชายหนุ่มคนนั้นได้บอกเธอก่อนที่เธอจะเดินตามชายหนุ่มคนนั้นไป มันเป็นสถานที่ที่มีโต๊ะม้านั่งอยู่
ไอริส ได้เดินมานั่งลงฝั่งตรงข้ามของ ชายหนุ่ม มาที่โต๊ะม้านั่งและนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกันเพื่อมานั่งคุยกันอย่างดี เพื่อ ไอริส จะหาข้อมูลเพิ่มเติมด้วยเพื่อหาแนวทางการเดินทางและหาทางเดินเข้าสู่ดินแดนแห่งนั้น...
“ เธอถามเรื่องเมื่อกี้นั้นหมายความว่าอะไร…เรื่องที่เธอตามหา…ดินแดนเอเวนไทน์..(Aventine)..ไปทำไมกัน ” ชายหนุ่มได้ถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและเป็นกังวลเอาอย่างมาก
“ คือฉันอยากกลับไปที่บ้านเกิดของฉันนะคะเพราะรู้แค่ครอบครัวของฉันนั้นเสียชีวิต…ในตอนที่ฉันยังเล็กเพราะเกิดหายะครั้งใหญ่นะคะ…เติบโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและอยากเดินทางกลับไปที่บ้านเกิดนะคะ…มีอะไรหรือเปล่า ” เธอได้เล่าสิ่งที่เธอรู้ให้ชายหนุ่มฟัง
“ เธอจะไปที่นั้นทำไมล่ะ…ที่นั้นไม่มีทางไปด้วยซ้ำ ” ชายหนุ่มคนนั้นได้กล่าวออกมาพร้อมกลับกุมขมับพร้อมมองสมุดโน๊ตเล็กๆที่ได้เปิดดู
“ แต่…ฉันมีนี้นะคะ…อันนี้อาจจะช่วยได้ก็ได้คะ ” เธอกล่าวจบนำเอากล่องไม้ที่นำเอามาด้วยขึ้นมาเปิดและนำเอาแผนที่โบราณออกมากางออกมา แต่หารูไม่ว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงข้ามข้างเธอกลับนิ่งไปเหมื่อเจอสิ่งที่หวาดกลัวที่สุดในชีวิต
“ เธอเอากล่อมไม้นี้มาจากไหน…เอามาได้อย่าไง…ใครให้เธอมา ” ชายหนุ่มคนนั้นได้ถามด้วยความตื่นตระหนกและความกังวลเป็นอย่างมาก
“ กล่องใบนี้ติดตัวของฉันมาตั้งแต่จำความได้ผู้ดูแลสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าบอกมาแบบนั้นและสร้อยคอที่ใส่มาตั้งแต่จำความได้เลยคะ ” เธอได้เล่าให้ชายหนุ่มฟังด้วยสีหน้าท่าทางที่ตกใจบ่นกับความคิดถึงมากๆและอยากเจอครอบครัวอีกครั้ง
“ เป็นแบบนั้นหรอ…แล้วเธอรู้เรื่องหรือได้อ่านอะไรอีกไหม ” ชายหนุ่มคนนั้นได้ถาม ไอริส ว่าเธอนั้นรู้อะไรมากหน่อยแค่ไหนเพื่อความมั่นใจในส่วนอื่นอีก
เธอได้นำหนังสือที่มีอยู่ในกล่องไม้นั้น เธอได้เปิดหาก่อนที่จะนำปากกาขนนกจุ่มน้ำเพื่อจะทำให้ขัอความซึ่งช่วยให้เผยเห็นข้อความเพิ่มเติมที่ซ่อนอยู่
เจ้าหญิงน้อยของเรา ผู้ถูกซ่อนเร้นเพื่อความปลอดภัย เอเวนไทน์ จะยังรอคอยการกลับมาของเธอ และเมื่อดวงดาวแห่งสายหมอกส่องแสง ดินแดนนี้จะฟื้นคืนจากเงามืดให้กลับสู่รุ่งเรืองอีกครั้ง
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 12
Comments