บทที่ 1 การเดินสู่ป่าหมอกดำ

˓𓄹 ࣪˖ ˖ ࣪ ִֶָ ⸰ 𖥔 ͙ࣳ ⸰ֺ⭑ ִֶָ . ָ࣪ ˑ ֗ ִ ˑ ִ ֗˓𓄹 ࣪˖ ˖ ࣪ ִֶָ ⸰ 𖥔 ͙ࣳ ⸰ֺ⭑ ִֶָ˓𓄹 ࣪˖ ˖ ࣪ ִֶָ ⸰ 𖥔 ͙ࣳ ⸰ֺ⭑ ִֶָ . ָ࣪ ˑ ֗ ִ ˑ ִ ֗˓𓄹

“ เจ้าหญิงน้อยของเรา ผู้ถูกซ่อนเร้นเพื่อความปลอดภัย เอเวนไทน์ จะยังรอคอยการกลับมาของเธอ และเมื่อดวงดาวแห่งสายหมอกส่องแสง ดินแดนนี้จะฟื้นคืนจากเงามืดให้กลับสู่รุ่งเรืองอีกครั้ง เป็นเพราะคำทำนายหรือคำปริศนาอันนี้ได้ล่ะมั้งคะ…ที่เป็นการยืนยันแต่ฉันเองก็ยังไม่รู้กับความหมายนะคะ ” เธอกล่าวก่อนที่จะหันหนังสือเล่มนั้นไปให้ชายหนุ่มคนนั้นได้เห็นและอ่านมัน

สีหน้าของชายหนุ่มกับประหลาดใจเป็นอย่างมากเพราะไม่มีใครรู้เกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้เลยแม้แต่น้อยหลังจากสีหน้านั้นชายหนุ่มก็ได้สงบลงก่อนที่จะยืนหนังสือเล่มนั้นคืนมาแล้วทำเหมือนจะยิบสมุดโน๊ตเล่มเล็กเหมือนกับหาอะไรสักอย่างก่อนที่ชายหนุ่มจะกล่าวถามขึ้นมาว่า…

“ ในกล่องนั้นมีแผนที่โบราณหรืออะไรทำทำนองนั้นหรือเปล่าครับ ” ชายหนุ่มทำหน้าเคร่งเครียดก่อนที่จะยืนมือเพื่อขอดูแผนที่ทึ่เธอมีอยู่ในตอนนี้แต่เธอกลับทำสีหน้าไม่ไว้ใจกลับชายหนุ่ม ชายหนุ่มคนนั้นก็ชักมือกลับก่อนที่จะกล่าวแนะตำตัวด้วยความเต็มใจ…

“ ผม..เอดัน..[..Aedan..]..เป็นนักผจญภัยและทหารรับจ้างทั่วไป…ขอโทษด้วยที่ไม่ได้แนะนำตัวตั้งแต่แรก ” เอดัน ได้กล่าวแนะนำตัวและขอโทษไปด้วย สีหน้าของ ไอริส ได้ดีขึ้นมีรอยยิ้มมากขึ้นเธอนั้นได้ยืนกระดาษม่วนหนึ่งที่ดป็นแผนที่โบราณให้ชายหนุ่มได้ดู

“ แบบนี้นี้เองสินะ…แต่เป็นการเดินที่ยาวนานมากต้องเตรียมความพร้อมให้ดีเลย…ห้ามเตรียมตัวไปแบบครึ่งๆกลางๆคงจะได้กลับมาแน่ๆ ” เอดัน ได้กล่าวบอกกับ ไอริส ที่กำลังทำตัวมั่นอกมั่นใจเอาเป็นอย่างมาก

“ เริ่มเตรียมตัวเลยก็ได้นะคะ…เพราะยิ่งเดินทางไปไว้เท่าไหร่ยิ่งถึงไว้เท่านั้น ” เธอได้กล่าวให้กลับ เอดัน ที่กำลังเตรียมรายชื่อของที่จะใช้ในการเดินทางไกล ‘ เขาดูรอบคอบมากเลยนะ..แต่ดูเหมือนจะเย็นชาเอามากเลยนะ ’ เธอได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เอดัน สักพักก่อนที่จะได้ตาม เอดัน ไปเพื่อเริ่มการเตรียมความพร้อมในการเดินทางจนเริ่มเย็น จนต้องได้พักที่นี้อีกครั้ง

“ ตอนนี้พักไปก่อนพรุ่งนี้ค่อยออกเดินทางตอนเช้าอีกที…เพราะงันพักผ่อนให้เพียงพอ ” เอดัน ได้กล่าวบอกก่อนที่จะบอกเพราะการพักผ่อนให้เต็มทีเพื่อการเดินทางของพวกเขา

“ ได้คะ…ขอบคุณสำหรับการเตรียมตัวด้วยนะคะ…ฝันดีนะคะคุณเอดัน ” เธอได้กล่าวออกมาพร้อมกับการขอบคุณพร้อมกับเข้าไปในห้องเพื่อพักผ่อนให้มากพอ

เมื่อค่ำคืนมาถึงคืนในการพักผ่อนในครั้งนี้ เช้าอีกวันก็ได้เริ่มต้นขึ้น ไอริส ได้เตรียมตัวแต่เช้าเพื่อเริ่มต้นการเดินทางและเธอเองก็ได้เดินลงมาข้างลงเพื่อรอ เอดัน แต่ผิดขาดเพราะเขามารออยู่ก่อนแล้วพอเขาเห็นเธอก็เลยบอกว่าให้เริ่มทานข้าวก่อนที่จะเริ่มออกทาง

“ เราออกเดินทางไปทิศเหนือ…เพื่อเริ่มต้นการเดินทางจากหมู่บ้านเล็กๆที่อยู่ทางเข้าป่าหมอกดำเพื่อไปเติมสเบียงอาหารเพิ่ม ” เอดัน ได้อธิบายในการเส้นทางก่อนที่จะได้เริ่มต้นการเดิน และหมู่บ้านที่จะเข้าไปพักหรือเติมสเบียงในหมู่บ้านเล็กๆแถวๆนั้น

“ ได้คะ…สเบียงสามารถซื้อสเบียงเพิ่มได้…เรื่องอื่นก็ไม่มีปัญหาคะ ” เธอได้กล่าวขึ้นพร้อมกับตรวจสอบสเบียงอาหารที่มีเพิ่มให้เพิ่งพอต่อการเดินทางของเธอ

“ งั้นก็ออกเดินทางได้แล้ว…ถ้าออกจากที่นี้ช้าคงจะไม่ถึงที่นั้นเพื่อพักและเติมสเบียงหรอกนะ ” เอดัน ได้กล่าวถึงการออกเดินทางและได้เริ่มออกเดินทางจากหมู่บ้านเล็กๆนี้ไป

เวลาผ่านไปถึงช่วงบ่ายแก่ๆทั้ง 2 คนได้พักที่รินน้ำเพื่อจะเริ่มต้นการเดินทางในตอนเช้าอีกครั้ง ตอนเช้ามืด เอดัน ได้เดินเข้ามาปลุกเพื่อให้เตรียมตัวออกเดินทางจากที่พักเมื่อคืนนั้น

“ เอดัน…ได้พักบ้างหรือเปล่าคะ ” เธอได้ถามพร้อมกับยืนผลไม้ป่าให้กับ เอดัน แต่ เอดัน ก็ได้รับไปทานเพื่อความสบายใจของเธอ

การเดินทางของทั้ง 2 คนก็ได้ดำเนินต่อไป ผ่านไปหลายวันก็ได้เดินทางเข้ามาถึงหมู่บ้านเล็กๆก่อนเพื่อพักในหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ เธอได้เดินแยกออกจาก เอดัน เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับป่าหมอกดำเพราะการเดินทางในป่าหมอกดำนั้นมีแค่ทางเข้าและคนที่เข้าไปนั้นจะไม่ได้กลับออกมาหรือออกมาก็มีน้อยคนมากที่จะได้ออกมาอย่างปลอดภัยมากนัก

“ ข้อมูลที่ได้มาจากที่หมู่บ้านของฉันก็น้อยมากที่เมืองหลวงก็แทบจะไม่มีเลย ที่นี้ก็มีมากพอที่จะเป็นข้อมูลได้เลย…รู้แค่ว่า ล้มละลายลงเมื่อ 15 ปีก่อนเท่านั้น..แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนั้นคือ สงครามกลางเมืองหลวงของ ดินแดนที่สาบสูน เท่านั้นเลย ” เธอได้เดินออกมาพร้อมกับข้อมูลที่ได้จากการหาข้อมูลมาจากหลายๆที่และหลายห้องสมุดที่มีอยู่ เธอได้เดินออกมาจากห้องหนังสือจาหมู่บ้านนี้แต่มีเด็กสาวตัวเล็กอายุน้อยกว่าเธอวิ่งตามออกมาจนได้ล้มลง

“ เจ็บๆ…เจ็บๆ…เจ็บจัง… ” เด็กหญิงอายุน้อยการนั้นร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดจากการวิ่งล้มลงเมื่อกี้ เธอช่วยเก็บหนังสือและช่วยพยุงตัวขึ้นจากพื้นก่อนที่จะพาไปหาที่นั่งเพื่อทำแผลให้กับเด็กคนนั้น

“ เจ็บหน่อยนะ…ด้วยก็จะหายไม่เป็นลอยด้วยนะ ” เธอได้บอกผู้ที่เธอช่วยทำแผลเพื่อให้ระวังการเดินทางในส่วนอื่นๆที่ใกล้กลับบริเวณแผลของเธอ

“ ขอบคุณนะคะ..คุณ… ” เด็กสาวได้อั้มๆอึ่งอยู่สักพักเพราะเธออาจจะไม่รู้จักเธอ ‘ เด็กสาวคงไม่รู้จักฉันสินะ ต้องแนะนำตัวก่อนสินะ ’ เธอคิดจบก็ได้แนะนำตัวของตัวเธอเอง

“ หวัดดี…ฉันชื่..ไอริส..นะ ” เธอได้แนะนำตัวของเธอเองเด็กสาวดูท่าทีที่ตกใจก่อนที่และได้ลุกขึ้นมาพร้อมกับก้มหัวเพื่อเริ่มแนะนำตัว

“ ฉันมี ชื่อว่า…ลิเลีย..คะ..ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ…ฉันเป็นนักเล่านิทานและนักประวัติศาสตร์อิสระนะคะ..ฉันกำลังหาดินแดนที่สาบสูนนะคะ…ไม่คิดเลยว่าจะมีคนตามหาด้วยนะคะ ” เด็กสาวนาม ลิเลีย ได้กล่าวทักทายและบอกเหตุผลที่เข้ามาที่หมู่บ้านเล็กๆ

“ แบบนี้เองหรอคะ…แต่ดินแดนนั้นอาจจะเป็นบ้านเกิดของฉันก็ได้นะคะ..ฉัน และเพื่อนร่วมทางอีกคนหนึ่ง…ก็ออกเดินทางตามหาดินแดนนั้นอยู่นะคะ ” เธอได้อธิบายสถานการณ์ในตอนนี้ว่าเป็นอะไรบ้างหรือจะทำอะไรต่อ ซึ่งต้องมาสีหน้าของ ลิเลีย ก็ได้เศร้าลงก่อนที่จะได้เอยปากถาม…

“ ฉันคงไม่ได้รับอนุญาตให้ติดตามไปด้วยสินะคะ…เพราะหลายครั้งที่มีคนเข้าไปที่ป่าหมอกดำนั้น…ไม่มีใครได้ออกมาหรือออกมาก็น้อยคนนักนะคะ ” เธอได้อธิบายสถานการณ์ในตอนนี้แต่อย่าไงเธอก็ได้รับฟังเอาไว้เพื่อเป็นข้อมูลในการเดินต่อ

“ ตอนนี้เริ่มเย็นแล้ว…ไอริส…กลับไปพักเถอะนะคะพรุ่งนี้…เธอคงต้องออกเดินทางอีกแน่ ” ลิเลีย ได้พูดก่อนที่จะลุกขึ้นพร้องกับแยกออกจาก ไอริส

“ ฉันยังไม่ได้ออกเดินทางตอนนี้หรอกนะคะ…แค่เรื่องการเดินทางนั้นต้องถามความเห็นของเพื่อนร่วมทางอีกคนนะคะ..ฉันจะลองไปถามให้นะคะ ” เธอได้กล่าวกับเด็กสาวก่อนที่จะได้แยกย้ายขากเธอกลับไป

เธอได้เดินทางกลับไปที่โรงแรมของหมู่บ้านเล็กๆนี้ เสียงเพลงและเสียงคนที่ครื้นเครงดังออกมาพร้องกับเสียงจานและแก้วกระทบกัน เธอได้เดินเข้าไปข้างในนั้นก่อที่จะเดินตรงเข้ามาเพื่อทานข้าว เอดัน เองก็ได้นั่งทานข้าวอยู่ข้างๆเธอก่อนที่ิ เอดัน จะได้เริ่มถาม…

“ ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มหรือเปล่า…แล้วข้อมูลที่เกี่ยวกับป่าหมอกดำนี้ล่ะ..ได้ข้อมูลมาหรือเปล่า ” เอดัน ได้ถามขึ้นมาเพื่อจะได้รับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นมาในป่าหมอกดำนี้

“ เห็นว่าการเดินทางเข้าไปที่ป่าหมอกดำ…คนที่จะกลับออกมาจากป่าหมอกดำ น้อยมากที่จะออกมาถึงหมู่บ้านนี้…อย่างน้อยหาคนนำทางในป่าหมอกดำจะดีไหม ” เธอได้กล่าวออกมาก่อนที่จะเริ่มทานข้าวก่อนที่จะมีคำถามจาก เอดัน ออกมาอีกหลายคำถามเพื่อถามให้เกิดความชัดเจน

“ เรื่องแรก…เอดัน…คงรู้มากว่าฉันเพราะส่วนมากฉันเดินเข้าไปโดยที่ไม่มีคนนำทางหรอกนะคะ…และฉันเจอคนที่จะร่วมเดินทางด้วยดีไหมคะ ” เธอที่พูดจบก็ทานข้าวทำให้ เอดัน กลับทานข้าวก่อนที่จะได้เริ่มถามอีกครั้งจากที่ไม่ถามขึ้นมานาน

“ ฉันรู้จักคนเดินป่าอยู่เหมือนกัน…แต่ต้องเดินทางลงไปทางทิศใต้ก่อนที่จะเดินเข้าไปในป่าหมอกดำ…เพราะแถวตอนใต้ก็มาสะพานข้ามไปด้วยเช่นกัน..ส่วนเพื่อนร่วมเดินทางก็เป็นหน้าที่ของเธอ ” เอดัน ได้กล่าวก่อนที่จะได้เดินขึ้นไปด้านบนเพื่อกลับขึ้นห้องเพื่อไปพักผ่อนในการเตรียมตัวที่จะเพิ่มสเบียงอาหารที่ต้องการ

เมื่อเธอได้เข้าไปพักที่ห้องที่เธอนั้นนำของเข้ามาเก็บเอาในตอนที่มาถึง เมื่อเช้าวันถัดมาแสงแดดส่องเข้ามาผ่านเข้าทางหน้าต่าง ทำให้เธอได้ตื่นขึ้นมาเธอได้เริ่มแต่งตัวก่อนจะเดินลงไปทานข้าวเช้าของวันนี้

“ เธอเองก็ตื่นไว้ดีนิ…ฉันจะไปเตรียมสเบียงอาหารเพิ่มเพราะจะต้องเดินทางนานเอาแน่ ” เอดัน ได้กล่าวก่อนที่จะได้เดินออกจากโรงแรมของหมู่บ้าน ปล่อยให้เธอได้นั่งกินข้าว ‘ เป็นคนดีจังเลยนะ..ชั่งเรื่องนั้นก่อนขอกินก่อนแล้วกันนะ ’ เธอได้นั่งกินข้าวต่อไปจนเสร็จ แล้วได้เดินออกจากโรงแรมเพื่อไปที่ได้นัดกับ ลิเลีย ที่ได้นั่งรออยู่ก่อนแล้ว

“ มาแล้วหรอคะ…ไอริส..เป็นอย่างไงบ้างคะ…เขาคนนั้นได้พูดอะไรหรือเปล่าคะ ” ลิเลีย ได้ถามขึ้นมาพร้อมกับสีหน้าเคร่งเครียดและกังวลเอาอย่างมากในเรื่องการเดินทาง

“ เขาไม่มีเป็นอะไร…ไม่มีปัญหาอะไรและไม่ได้คุยอะไรเกี่ยวกับ..ลิเลีย..นะ…ข้อแค่ไม่สร้างปัญหาในการเดินก็ไม่มีอะไรแล้วล่ะนะ ” เธอได้พูดก่อนที่จะนั่งลงข้างๆ ลิเลีย และเธอได้ดื่มน้ำไปด้วย และอธิบายการร่วมการเดินทางในครั้งถัดไป

“ จริงหรอคะ…งั้นก็ต้องไปเตรียมตัวในการเดินทางช่วยหน่อยได้ไหมคะ…เพื่อจะไม่ให้ขาดอะไรกับการเดินทางนะคะ ” ลิเลีย ลุขขึ้นมาด้วยท่าทีที่ตื่นเต้นเป็นอย่างมากกับการร่วมเดินทางของเธอ

“ แบบนั้นก็ดีนะ…ฉันเธอก็ไม่ได้เดินเล่นที่หมู่บ้านแห่งนี้บ้าง ” เธอได้กล่าวพร้อมกับลุกขึ้นยืนและเดินนำหน้าไปหนึ่งก้าว

“ ไปกันเลยคะ ” เธอได้ยิ้มออกมาพร้อมกับช่วน ไอริส ให้พาไปซื้อของเพื่อเตรียมตัวของ ลิเลีย เองด้วย

ทั้ง 2 คนได้พากันเดินซื้อข้าวของที่จำเป็นต่อการเอาชีวิตรอดและของใช้สำคัญของจำเป็นสำหรับตัว ของเธอ กับ ลิเลีย อีกมาก ส่วนมากเป็นของที่จำเป็นสำหรับผู้หญิงอีกด้วย หลังจากการเดินซื้อของที่จำเป็นเสร็จแล้ว ไอริส กับ ลิเลีย ก็ได้เจอกับ เอดัน ที่กำลังเตรียมสเบียงอาหารที่ให้พอกับการเดินทางของทั้ง 3 คน

“ เอดัน…ฉันตามหานายตั้งนานแล้วนะ…ก่อนอื่นฉันขอแนะนำให้รู้จัก…ลิเลีย…เธอจะมาร่วมเดินทางกับเราในครั้งนี้นะ ” เธอได้แนะนำ ลิเลีย ให้กับ เอดัน ให้ได้รู้จักกันเอาไว้

“ ยินดีที่ได้รู้จัก..ฉัน..เอดัน..ทหารรับจ้างทั่วไป ” เอดัน ได้กล่าวก่อนที่จะได้ก้มลงเล็กน้อยก่อนจะยิบสมุดโน๊ตเล่มเล็กของเขาขึ้นมาเพื่อดูของที่ต้องซื้อ

“ ยินดีที่ได้รู้จักคะ..คุณเอดัน..ฉัน..ลิเลีย..คะ..นักเล่านิทานและนักประวัติศาสตร์อิสระคะ ” ลิเลีย ได้กล่าวแนะนำตัวตามมาก่อนที่จะก้มหัวลงไปและเงยหน้าขึ้นมาและก็จัดทรงผมของเธอให้เรียบร้อย

“ จะเริ่มเดินทางออกจากที่นี้วันไหนหรอคะ…แล้วมีอะไรที่ต้องการเพิ่มอีกไหม ” เธอได้ถามชายร่างกายวัย 20 ต้นๆที่กำลังดูรายการที่ต้องซื้อ

“ พรุ่งนี้ก็เดินทางออกจากที่นี้ได้แต่ถ้าจะดีจะออกเดินทางวันหลังก็ได้นะ…เพื่อเธอจะเตรียมตัวให้มากกว่านี้ก็ได้เพราะไม่รู้ว่าจะได้เติมสเบียงอาหารอีกทีเมื่อไหร่เพราะการเดินป่าหมอกดำนั้นไม่มีทางรู้ว่ามีสัตร์ป่าอันตรายมากแค่ไหน ” เอดัน ได้อธิบายให้ทั้ง 2 คนได้ฟังก่อนที่จะดูสมุดโน๊ตเล่มเล็กของเขาเช่นเดิม

“ พวกเราคงต้องเตรียมตัวให้มากกว่านี้และเตรียนอุปกรณ์ไปด้วย ” ลิเลีย พูดขึ้นพร้อมกับท่าทีที่ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ‘ เธอคงเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้จริงๆใช้ไหมเนี้ย ’ ไอริส ได้คิดก่อนเพื่อสังเกตสถานการณ์เบื้องต้นเพื่อเธอคงจะเข้าใจถูก

ผ่านไปหลายวันการเตรียมตัวสำหรับการเดินทางเข้าป่าหมอกดำนั้นก็เสร็จแล้วร่างกายก็ได้พักอย่างเพียงพอ สเบียงอาหารก็เตรียมอย่างเพียงพอแล้ว อุปกรณ์สำหรับการเดินทางนั้นก็จัดเตรียมไว้เพียงพอแล้วเช่นกัน การเดินออกจากหมู่บ้านเล็กๆลงไปทางทิศใต้ของหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ด้วย

“ เราเดินมาไกลมากๆแล้วนะ…วันนี้เราพักที่นี้ก่อนนะ..เอดัน..พรุ่งนี้เช้าจะได้เดินทางต่อได้ ” เธอได้กล่าวขึ้นกับมองทั้ง 2 คนที่เป็นเพื่อนร่วมทางครั้งนี้ด้วย

“ เดินต่ออีกนิดแล้วกันตรงนี้จะโล่งไปสำหรับการพักเพราะตรงนี้อาจจะมีสัตร์ร้ายพุ่งเข้ามาได้ ” เอดัน ได้กล่าวพร้อมกับเหตุผลที่ต้องการเดินทางต่ออีกหน่อยเพราะตอนนี้ยังไม่มืดมากนัก

“ เอาแบบนั้นก็ได้คะ…ตรงนี้รู้สึกไม่ดีเท่าไหร่นักเพราะรู้สึกอันตรายอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกันนะคะ ” ลิเลีย ก็พูดพร้อมกลับจับแขนของ ไอริส เพราะความรู้สึกที่หวาดกลัวและมือของเธอก็สั้นมากพอควรเลย

“ ถ้าทั้ง 2 คนว่าอย่างนั้น…งั้นพวกเราเดินตรงไปอีกนิดก็ได้นะ..เอดัน..ช่วยนำทางไปหน่อยได้ไหม ” เธอได้กล่าวขึ้นพร้อมกับเดินตาม เอดัน ไปโดยจับมือของ ลิเลีย ไปด้วยเพื่อไม่ให้หลงไปจากกลุ่มของเธอ

เวลาผ่านไป 3-4 วันนั้นก็ได้เดินทางมาถึงหมู่บ้านทางใต้แต่พวกเขานั้นไม่ได้แวะเพราะสเบียงอาหารที่เตรียมมามากพอสำหรับการเดินทาง 3 สัปดาห์เลยที่ด้วย พวกเขาได้เดินทางตรงไปที่ชายป่ามีบ้านหลังหนึ่งที่ถูกสร้างอย่างโดดเดียวก่อนมีชายร่างใหญ่วัยกลางคน 1 คน ได้เดินตรงเข้ามาหาทางด้าน เอดัน ก่อนที่จะได้กล่าวทักทายออกมาเหมือนรู้จักกันมานาน…

“ ไม่เจอกันนานเลย..เอดัน..แล้วเดินทางกลับมาที่นี้มีอะไรหรือเปล่า…แล้วแม่หนู..2..คนนี้เป็นใครกันลูกๆนายของนายหรือเปล่า ” ชายหนุ่มวัยกลางคน ได้กล่าวขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่ส่งมาทาง 2 หญิง แต่สีหน้าของ เอดันนั้นถอดสีก่อนที่จะกล่าวขึ้นว่า…

“ นั้นไม่ใช่ลูกสาวของฉันและนี้คือคนที่จะเดินทางเข้าป่าหมอกดำนี้…มีใครจะพาไปได้ไหม ” เอดัน ได้กล่าวออมาพร้อมกับดึงตัวชายวัยกลางคนนั้นออกมาจากพวกเธอ

“ มาคนเข้าไปได้เพียงคนหนึ่งนะ..คาเดน..นะ..ลูกชายคนเดียวของฉันเองนะ..คาเดน……คาเดน…ออกมาได้แล้ว ” ชายหนุ่มวัยกลางคนที่ได้พูดคุยก่อนที่จะตะโกนเรียกผู้เป็นลูกชายคนเดียวของตัวเอง

“ ครับพ่อ…พ่อเรียกผมหรอครับ ” ชายหนุ่มคนหนึ่งได้กระโดดลงมาจากต้นไม้ข้างหลังและได้เดินตรงเข้ามาทางพวกเขา ทั้ง 3 คน

“ คาเดน…นี้คือคนที่ช่วยพ่อและเป็นเพื่อนของพ่อเอง..เอดัน..นี้คือลูกชายคนเดียวของฉันเอง ” ชายหนุ่มวัยกลางคนที่่กำลังจับไหล่ลูกชายของตนเพื่อแนะนำตัวของลูกชาย

“ ปีนี้ก็..19..ปีแล้วสินะ…โตไว้กว่าที่คิดนะเนี้ย ” เอดัน ได้พูดคุยกันอย่างสนุกสนานและน่าประทับใจเป็นครั้งแรกของปีอีกด้วย

“ แล้วจะเริ่มเดินทางเมื่อไหร่ล่ะ…หรือว่าจะเริ่มเดินทางตอนนี้เลย ” ชายหนุ่มวัยกลางคนที่กำลังถาม เอดัน ไปเมื่อนต้องการคำตอบที่จะได้เตรียมตัว

“ พรุ่งนี้ก็จะออกเดินทางก็ได้ให้..คาเดน..ได้เตรียมตัวหน่อยก็ดีเพราะไม่รู้จะได้ออกมาเมื่อไหร่…จะเตรียมตัวจัดเต็มหน่อยก็ดีนะ…นายเองก็คงรู้ว่าข้างในป่าหมอกดำมีอะไรบ้าง ” เอดัน ได้หันไปมองก่อนที่จะได้อธิบายสถานการณ์ให้ฟังอีกครั้ง

เช้าวันใหม่ได้มาถึงพระอาทิตย์ขึ้นมาอยู่บนท้องฟ้าอีกครั้ง การเตรียมความพร้อมในการเดินทางครั้งนี้ อุปกรณ์และสเบียงอาหารได้เพิ่มขึ้นมากเพราะภรรยาของชายหนุ่มวัยกลางคนนั้นได้เตรียมให้กลับพวกเขาด้วย

“ พวกเธอจะเข้าตามเขาไปจริงๆหรอ…คิดดีแล้วหรือไง ” คาเดน ได้เอยขึ้นมาเหมือนมีนัยสำคัญอะไรสักอย่างเพราะเธอคงเป็นผู้หญิงและไม่อยากให้ลำบาก

“ ถ้าเป็นการผจญภัย…ฉันไม่ได้อะไรหรอกนะ…อีกอย่างถึงฉันจะอายุน้อยแต่ก็ออกเดินทางมาตั้งแต่เด็กๆเลยด้วยนะ ” ลิเลีย พูดขึ้นมั่นอกมั่นใจมากเถราะเรื่องแค่นี้เธอเองคงทำได้ไม่ต่างจากผู้ชาย

“ พวกเราไม่ได้มีเวลามากหรอกนะ…ถ้าพร้อมแล้วก็ออกเดินทางได้แล้วเข้าใจไหม ” เอดัน ได้กล่าวพร้อมกับสะพายกระเป๋าเดินทางที่ได้นำมาด้วยขึ้นสะพายบนหลัง

“ พร้อมแล้วใช่ไหม…ไปกันเถอะ ” เธอได้กล่าวขึ้นพร้อมหันมามองทั้ง 2 คนก่อนที่จะจัดการตัวเองและเดินตาม เอดัน ออกไป

“ รอฉันด้วย…ได้เวลาแล้ว...นายก็รีบตามมาล่ะ ” ลิเลีย กล่าวขึ้นก่อนที่จะเดินตาม ไอริส ออกมาเช่นกัน

เวลาผ่านไปพวกเขาได้เดินทางเข้าสู่ป่าหมอกดำเป็นที่เรียบร้อย ในป่าหมอกดำนั้นมีแต่หมอกลงหนาแน่นมากแค่พลาดนิดด้วยก็สามารถหลงทางจากกลุ่มได้เลย พวกเขาเองเดินเป็นกลุ่มร่างกายของแต่ล่ะคนนั้นตัวติดกันเอามาก แต่สามารถเดินต่อไปได้ พระอาทิตย์เริ่มจะตกดินพวกเขาได้เดินมาเจอต้นไม้ใหญ่จึงเอาที่นี้เป็นจุดพักในคืนนี้

“ ตรงนี้พักได้ครับ…สามารถพักได้ในคืนนี้..ผมจะไปเอาน้ำส่วนที่เหลือก็เริ่มทำที่เหลือได้เลยครับ ” คาเดน ได้กล่าวพร้อมวางกระเป๋าสัมภาระลงก่อนจะเดินเข้าหมอกไป

“ ปล่อยเขาไปคนเดียวจะดีหรอคะ…มันอันตรายไม่ใช่หรอคะ ” ลิเลีย ได้กล่าวก่อนที่จะนั่งลงเพื่อก่อกองไฟที่ใช้ให้แสงสว่างและทำอาหารในคืน

“ คาเดน…สามารถเดินไปทั่วป่าได้และยังเข้าออกป่าได้ชำนาญกว่าพวกเราอีกเรื่องนี้ได้ต้องห่วงอะไรหรอก..เขานั้นยังจดจำเส้นทางในป่าหมอกดำได้ดีเอามากด้วยซ้ำ ” เอดัน ได้อธิบายให้กับ ลิเลีย ได้ฟังเพื่อไม่ให้เธอนั้นเป็กังวลเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง

หลังจากการเดินทางอันแสนยาวนานมาหลายวันในที่สุดก็เดินทางมาถึง สะพานแห่งแสง ที่สูงมากข้างลงมีแต่หินแหลงมที่อันตรายมากที่สุดแต่ในคืนนี้พวกได้พักที่ทางเดินข้างหน้า

“ ทางดูอันตรายมากเลยนะคะ…มีทางอื่นไหมคะ ” ลิเลีย ได้กล่าวพร้อมกับมองลงไปทางใต้สะพานแห่งแสง

“ พวกเธอไปพักเถอะเพราะ…พวกเราเดินทางมานานพอควร ” คาเดน ได้กล่าวก่อนที่จะหันไปทางสะพานแห่งแสงที่อยู่ตรงหน้าก่อนที่จะสังเกตเห็นว่ามีคนอยู่ฝั่งตรงข้ามของสะพานแห่งแสงเลยเดินกลับเข้าไปในป่าหมอกดำ

“ มีอะไรหรือเปล่า…คาเดน..สีหน้าไม่ค่อยดี ” เอดัน ได้กล่าวก่อนจะจับที่ไหล่ของ คาเดน เพื่อเรียกสติกลับมา

“ เหมือนจะเห็นคนยืนอยู่ฝั่งตรงกันข้าม…อาจจะตาฝาดก็ได้นะครับ…เพื่อผมอาจจะพักผ่อนไม่พอก็ๆได้นะครับ ” คาเดน ได้กล่าวก่อนที่จะเดินเข้าไปใกล้กองไฟเพื่อจะพักผ่อนให้พอ

“ ฉันว่า…คาเดน…มองไม่ผิดหรอกมีคนอยู่ฝั่งตรงข้ามจริงๆมีประมาณ..4-5..คนเลย..คาเดน..พวกเราสามารถอ้อมไปทางอื่นได้ไหมหรือว่าไม่มีทางอ้อมแล้ว ” เธอ ได้ถามชายหนุ่มที่กำลังพักผ่อนอยู่ข้างๆกองไฟและกำลังหลับตาอยู่

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!