ใจเชื่อมกัน | สกาย×อันดา
วันที่ท้องนภามืดมนมีแสงจากดวงจันทร์ส่องกระทบ
อันดายืนเยียดตรงพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง เมื่อเธอเพิ่งกลับมาจากประเทศญี่ปุ่น การไปเรียนต่อ4ปี ทำให้เธอไม่ได้พูดคุยสนุกสนานกับครอบครัวนานจนเธอรู้สึกไม่ชินหูชินตา
**เอี๊อด!! เสียงรถหรูที่เหมือนเพิ่งออกจากซูเปอร์คาร์**
จนมีหลายคนมองมายังเธอที่ประจบยืนใกล้กับรถหรูราคาหลายล้าน
"ยัยน้องขึ้นรถ" เสียงเจ้าของรถหรูเปิดบานกระจกเพื่อเรียกเธอขึ้นไปนั่งบนรถ
"ยกกระเป๋าเดินทางไว้หลังรถให้น้องหน่อยสิอาทิตย์" ใช่ค่ะ เจ้าของรถหรูคือพี่ชายแท้ๆของฉันเอง
ไม่รีรอพี่ชายสุดแกร่งของเธอก็เปิดประตูก้าวขายาวออกจากรถทำเอาสาวๆเหลียวหลังมองกันทั้งแถบ
ระหว่างที่ผู้เป็นพี่ชายกำลังยกกระเป๋า เธอก็เดินขึ้นรถหรูอย่างมาดลูกคุณ..
"เฮ้อ! ไปเรียน4ปี กลับมาเอาใหญ่เลยนะ" พี่ชายด้วยความอยากพูดคุยกับน้องก็ได้แต่สบถคำพูดที่ฟังไม่ลื่นหูออกมาให้ได้ยิน
**ถึงคฤหาสน์หลังโต ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบ้านของตระกูลวระณารี**
สองพี่น้องกอดคอกันเข้าบ้านโดยที่พี่ชายยังคงถือกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ให้น้องสาว
"กลับมากันแล้วหรอ สองพี่น้อง" แม่อุ่น วระณารีแม่ของสองพี่น้องเอ่ยถามเมื่อเห็นลูกสาวลูกชายกลับถึงบ้านด้วยสีหน้าสดใส
"น้องคิดถึงมะมี๊มากๆเลย" อันดาผู้เป็นลูกน้อยที่คิดถึงผู้ให้กำเนิดจับใจ
"ดูพูดเข้า ปากหวานใช่ย่อยนะเราอ่ะ"
"เดี๋ยวน้องไปอาบน้ำก่อนนะคะ ค่ำมืดแล้ว"
"เดี๋ยวครอบครัวเพื่อนสนิทป๊ามาทานข้าวกับเรานะลูก"
"โอเคค่ะ มะมี๊" เธอพูดพลางวิ่งแจ้นขึ้นบรรไดอย่างว่องไว
**ห้วงเวลาล่วงเลย ประมาณห้าทุ่มเศษ**
"ป๊านายข๋า เพื่อนป๊านายกับครอบครัวจะมาเมื่อไรหรอคะ" ลูกสาวตัวดีทำหน้าอ้อนปะป๊าเหมือนไม่อยากร่วมทานข้าวด้วยกันอย่างไรอย่างนั้น
"คุณอินมาแล้วค่ะคุณผู้ชาย" แม่บ้านวัยกลางคนวิ่งแจ้นมาบอก
ผู้ชายวัยกลางคนอายุไม่เกิน60ปีเดินเข้าบ้านของตระกูลเพื่อนสนิทด้วยท่าทางน่าเกรงขาม ซึ่งมาพร้อมกับผู้ชายร่างสูง หน้าตาใช้ได้ ดูท่าแล้วน่าจะเป็นลูกชายและอีกสองคนก็คงจะเป็นภรรยากับลูกสาวหรือลูกสะใภ้ก็มิอาจทราบในตอนนี้
ในการทานข้าวกันของ2ครอบครัวในครั้งนี้ มีเพียงเสียงคุยกันเรื่องธุรกิจของป๊านายและคุณลุงเท่านั้น เหมือนการมาทานข้าวครอบครัวแต่ก็แฝงเรื่องธุรกิจไว้ จนบรรยากาศโต๊ะอาหารดูอึมครึม..
นี่มันคืออาหารมื้อแรกหลังจากเธอกลับจากต่างประเทศหรือนี่ ได้เพียงลำพึงลำพังอยู่ในใจ
เธอจะเอ่ยปากพูดคุยกับลูกชายเพื่อนป๊าก็กระไรอยู่ ถ้าเกิดว่าผู้หญิงที่นั่งข้างๆเขาเป็นภรรยาเขา เธอจะไม่คอขาดเชียวหรือ
เธอนั่งอย่างระแวดระวังไม่เอ่ยพูดอะไรทั้งสิ้น
"ยัยน้อง เป็นอะไรไป"
จะให้เธอตอบอย่างไรเมื่อพี่ชายตัวดีของเธอถามเข้า "น้องเป็นไร อย่ามายุ่งหน่า" เธอได้เพียงตอบประโยคสั้นๆเหล่านี้กลับไป เพื่อพี่ชายจะไม่ถามคำถามที่ทำให้เธอต้องปริปากอีก
"ปะป๊า มะมี๊ขออนุญาตค่ะ" มีบุคคลใหม่เข้ามาท่ามกลางการสนทนาทางธุรกิจ เธอไม่ต้องคิดนานก็พอเดาได้ว่าบุคคลที่เพิ่งเข้าเป็นพี่สาวของเธอ
"มาพอดีกำลังจะเรียกหา"
"เรียกอุ้ม?" ใช่ค่ะพี่สาวของฉันชื่ออุ้มเธอเป็นหมอด้วยแหละ จิตใจอ่อนโยนที่หนึ่งแต่ความโผงผางไม่เป็นสองรองใคร
"ทำความรู้จักกับพี่เขาไว้สิลูก"
"สวัสดีครับ พี่ห่างกับอุ้มแค่1ปีเอง" ให้ตายเถอะเขาโสดด้วยซ้ำนั่นก็เป็นน้องสาวเขาชัวร์ แต่เอ๊ะ!เขาแก่กว่าพี่อุ้ม1ปีก็ไม่ใช่ว่าเข้าเลข3แล้วหรอกนะ
**โหแม่เจ้า**! หล่อขนาดนี้ครองโสดมาตั้ง30ปีได้ไงกัน ใครไม่เชื่อฉันใดเธอก็ไม่เชื่อฉันนั้นมันต้องมีงุบงิบสาวไว้บ้างแหละ
ที่เมื่อครู่ตอนเจอหน้ากันไม่อยากคิดชื่นชมเพราะเธอคิดว่าคนข้างๆคือภรรยาเขาต่างหาก
"สวัสดีค่ะ" พี่สาวตอบรับด้วยว่ามารยาท
จบการร่วมทานอาหารมื้อดึกด้วยกัน ตระกูล
เรื่อมอารมก็ทักทายก่อนจะกลับ
"พี่อุ้มไม่ได้คุยกันหลายเดือนอยู่" เธอพูดทักทายพี่สาวที่ไม่ได้เห็นหน้าคร่าตากันนาน
"ช่วงนี้งานโรงพยาบาลยุ่งมากด้วยแหละ"
"พักผ่อนบ้างนะพี่ ไม่ใช่ไปดูแลรักษาคนอื่นให้หายแต่ตัวเองกลับไม่สบายแทน" เธอพูดไปด้วยความว่าเป็นห่วงสุขภาพของพี่สาวตน
"ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ พี่ไปพักผ่อนก่อน"พี่สาวพูดด้วยแววตายิ้มแย้ม
**เวลาผ่านไปหลายอาทิตย์ เข้าสู่ฤดูฝนอย่างเต็มที่**
วันนี้เป็นอีกวันที่ฟ้าฝนกระหน่ำในเวลากลางวัน จนหญิงสาวในชุดนอนสีขาวลืมตาตื่นขึ้นเพราะความรำคาญใจไม่ใช่น้อย
"โอ๊ย! คนจะหลับจะนอน ฝนจะตกฟ้าจะผ่าไม่ดูเวล่ำเวลาบ้างหรือไง" เธอพูดออกไปด้วยความไม่พอใจ ด้วยว่าสภาพอากาศไม่เอื้อต่อการนอน
"คุณหนูอันดาคะ ทานอาหารเช้ามั๊ยคะป้าจะได้เตรียมไว้ให้" ป้าแม่บ้านปริปากถามจากหน้าประตูห้องเธอที่ล็อกกลอนไว้
ขาเรียวขาวก้าวเท้าตรงไปที่ประตูห้องพร้อมบิดกลอนประตูที่ล็อกไว้ออก "ทานค่ะป้า หนูไปนั่งรอข้างล่างนะคะ" จบประโยคหญิงสาวหน้าสวยก็วิ่งแจ้นลงบรรไดไปก่อนที่ป้าแม่บ้านจะได้ปริปากเตือน
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 6
Comments