วันที่ท้องนภามืดมนมีแสงจากดวงจันทร์ส่องกระทบ
อันดายืนเยียดตรงพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง เมื่อเธอเพิ่งกลับมาจากประเทศญี่ปุ่น การไปเรียนต่อ4ปี ทำให้เธอไม่ได้พูดคุยสนุกสนานกับครอบครัวนานจนเธอรู้สึกไม่ชินหูชินตา
**เอี๊อด!! เสียงรถหรูที่เหมือนเพิ่งออกจากซูเปอร์คาร์**
จนมีหลายคนมองมายังเธอที่ประจบยืนใกล้กับรถหรูราคาหลายล้าน
"ยัยน้องขึ้นรถ" เสียงเจ้าของรถหรูเปิดบานกระจกเพื่อเรียกเธอขึ้นไปนั่งบนรถ
"ยกกระเป๋าเดินทางไว้หลังรถให้น้องหน่อยสิอาทิตย์" ใช่ค่ะ เจ้าของรถหรูคือพี่ชายแท้ๆของฉันเอง
ไม่รีรอพี่ชายสุดแกร่งของเธอก็เปิดประตูก้าวขายาวออกจากรถทำเอาสาวๆเหลียวหลังมองกันทั้งแถบ
ระหว่างที่ผู้เป็นพี่ชายกำลังยกกระเป๋า เธอก็เดินขึ้นรถหรูอย่างมาดลูกคุณ..
"เฮ้อ! ไปเรียน4ปี กลับมาเอาใหญ่เลยนะ" พี่ชายด้วยความอยากพูดคุยกับน้องก็ได้แต่สบถคำพูดที่ฟังไม่ลื่นหูออกมาให้ได้ยิน
**ถึงคฤหาสน์หลังโต ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบ้านของตระกูลวระณารี**
สองพี่น้องกอดคอกันเข้าบ้านโดยที่พี่ชายยังคงถือกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ให้น้องสาว
"กลับมากันแล้วหรอ สองพี่น้อง" แม่อุ่น วระณารีแม่ของสองพี่น้องเอ่ยถามเมื่อเห็นลูกสาวลูกชายกลับถึงบ้านด้วยสีหน้าสดใส
"น้องคิดถึงมะมี๊มากๆเลย" อันดาผู้เป็นลูกน้อยที่คิดถึงผู้ให้กำเนิดจับใจ
"ดูพูดเข้า ปากหวานใช่ย่อยนะเราอ่ะ"
"เดี๋ยวน้องไปอาบน้ำก่อนนะคะ ค่ำมืดแล้ว"
"เดี๋ยวครอบครัวเพื่อนสนิทป๊ามาทานข้าวกับเรานะลูก"
"โอเคค่ะ มะมี๊" เธอพูดพลางวิ่งแจ้นขึ้นบรรไดอย่างว่องไว
**ห้วงเวลาล่วงเลย ประมาณห้าทุ่มเศษ**
"ป๊านายข๋า เพื่อนป๊านายกับครอบครัวจะมาเมื่อไรหรอคะ" ลูกสาวตัวดีทำหน้าอ้อนปะป๊าเหมือนไม่อยากร่วมทานข้าวด้วยกันอย่างไรอย่างนั้น
"คุณอินมาแล้วค่ะคุณผู้ชาย" แม่บ้านวัยกลางคนวิ่งแจ้นมาบอก
ผู้ชายวัยกลางคนอายุไม่เกิน60ปีเดินเข้าบ้านของตระกูลเพื่อนสนิทด้วยท่าทางน่าเกรงขาม ซึ่งมาพร้อมกับผู้ชายร่างสูง หน้าตาใช้ได้ ดูท่าแล้วน่าจะเป็นลูกชายและอีกสองคนก็คงจะเป็นภรรยากับลูกสาวหรือลูกสะใภ้ก็มิอาจทราบในตอนนี้
ในการทานข้าวกันของ2ครอบครัวในครั้งนี้ มีเพียงเสียงคุยกันเรื่องธุรกิจของป๊านายและคุณลุงเท่านั้น เหมือนการมาทานข้าวครอบครัวแต่ก็แฝงเรื่องธุรกิจไว้ จนบรรยากาศโต๊ะอาหารดูอึมครึม..
นี่มันคืออาหารมื้อแรกหลังจากเธอกลับจากต่างประเทศหรือนี่ ได้เพียงลำพึงลำพังอยู่ในใจ
เธอจะเอ่ยปากพูดคุยกับลูกชายเพื่อนป๊าก็กระไรอยู่ ถ้าเกิดว่าผู้หญิงที่นั่งข้างๆเขาเป็นภรรยาเขา เธอจะไม่คอขาดเชียวหรือ
เธอนั่งอย่างระแวดระวังไม่เอ่ยพูดอะไรทั้งสิ้น
"ยัยน้อง เป็นอะไรไป"
จะให้เธอตอบอย่างไรเมื่อพี่ชายตัวดีของเธอถามเข้า "น้องเป็นไร อย่ามายุ่งหน่า" เธอได้เพียงตอบประโยคสั้นๆเหล่านี้กลับไป เพื่อพี่ชายจะไม่ถามคำถามที่ทำให้เธอต้องปริปากอีก
"ปะป๊า มะมี๊ขออนุญาตค่ะ" มีบุคคลใหม่เข้ามาท่ามกลางการสนทนาทางธุรกิจ เธอไม่ต้องคิดนานก็พอเดาได้ว่าบุคคลที่เพิ่งเข้าเป็นพี่สาวของเธอ
"มาพอดีกำลังจะเรียกหา"
"เรียกอุ้ม?" ใช่ค่ะพี่สาวของฉันชื่ออุ้มเธอเป็นหมอด้วยแหละ จิตใจอ่อนโยนที่หนึ่งแต่ความโผงผางไม่เป็นสองรองใคร
"ทำความรู้จักกับพี่เขาไว้สิลูก"
"สวัสดีครับ พี่ห่างกับอุ้มแค่1ปีเอง" ให้ตายเถอะเขาโสดด้วยซ้ำนั่นก็เป็นน้องสาวเขาชัวร์ แต่เอ๊ะ!เขาแก่กว่าพี่อุ้ม1ปีก็ไม่ใช่ว่าเข้าเลข3แล้วหรอกนะ
**โหแม่เจ้า**! หล่อขนาดนี้ครองโสดมาตั้ง30ปีได้ไงกัน ใครไม่เชื่อฉันใดเธอก็ไม่เชื่อฉันนั้นมันต้องมีงุบงิบสาวไว้บ้างแหละ
ที่เมื่อครู่ตอนเจอหน้ากันไม่อยากคิดชื่นชมเพราะเธอคิดว่าคนข้างๆคือภรรยาเขาต่างหาก
"สวัสดีค่ะ" พี่สาวตอบรับด้วยว่ามารยาท
จบการร่วมทานอาหารมื้อดึกด้วยกัน ตระกูล
เรื่อมอารมก็ทักทายก่อนจะกลับ
"พี่อุ้มไม่ได้คุยกันหลายเดือนอยู่" เธอพูดทักทายพี่สาวที่ไม่ได้เห็นหน้าคร่าตากันนาน
"ช่วงนี้งานโรงพยาบาลยุ่งมากด้วยแหละ"
"พักผ่อนบ้างนะพี่ ไม่ใช่ไปดูแลรักษาคนอื่นให้หายแต่ตัวเองกลับไม่สบายแทน" เธอพูดไปด้วยความว่าเป็นห่วงสุขภาพของพี่สาวตน
"ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ พี่ไปพักผ่อนก่อน"พี่สาวพูดด้วยแววตายิ้มแย้ม
**เวลาผ่านไปหลายอาทิตย์ เข้าสู่ฤดูฝนอย่างเต็มที่**
วันนี้เป็นอีกวันที่ฟ้าฝนกระหน่ำในเวลากลางวัน จนหญิงสาวในชุดนอนสีขาวลืมตาตื่นขึ้นเพราะความรำคาญใจไม่ใช่น้อย
"โอ๊ย! คนจะหลับจะนอน ฝนจะตกฟ้าจะผ่าไม่ดูเวล่ำเวลาบ้างหรือไง" เธอพูดออกไปด้วยความไม่พอใจ ด้วยว่าสภาพอากาศไม่เอื้อต่อการนอน
"คุณหนูอันดาคะ ทานอาหารเช้ามั๊ยคะป้าจะได้เตรียมไว้ให้" ป้าแม่บ้านปริปากถามจากหน้าประตูห้องเธอที่ล็อกกลอนไว้
ขาเรียวขาวก้าวเท้าตรงไปที่ประตูห้องพร้อมบิดกลอนประตูที่ล็อกไว้ออก "ทานค่ะป้า หนูไปนั่งรอข้างล่างนะคะ" จบประโยคหญิงสาวหน้าสวยก็วิ่งแจ้นลงบรรไดไปก่อนที่ป้าแม่บ้านจะได้ปริปากเตือน
**ห้องอาหาร**
หญิงสาววิ่งเข้าไปหวังจะไปนั่งรอป้าแม่บ้านมาเสริฟอาหารเช้าให้
ทว่า ไม่เป็นดังหวังเพราะมีคนมานั่งอยู่ก่อนแล้วนั่นคือป๊านายและอีกคนคือลูกชายเพื่อนสนิทป๊านายคนนั้นกำลังทานข้าวพร้อมสนทนาเรื่องธุรกิจไปพลาง
"คุณหนูคะ!!" ป้าแม่บ้านที่วิ่งตามมาเตือนแต่กลับไม่ทันเวลาแล้ว
"ป้าทำไมเพิ่งบอกล่ะคะ" เธอพูดกระซิบกับป้าแม่บ้านวัยกลางคนคนนั้น
"ก็ป้าวิ่งไม่ทันคุณหนูอันดาหนิคะ" ป้าแม่บ้านพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบ
เธอยิ้มกัดฟันใส่แม่บ้านพร้อมหันไปมองปะป๊าของตน "อรุณสวัสดิ์ค่ะป๊านาย" เธอพูดด้วยน้ำเสียงตะกุตะกักเล็กน้อย
"ลูกออกไปก่อนป๊าคุยงานอยู่"
"ไม่เป็นไร ให้น้องอยู่ทานข้าวเช้าด้วยกันก็ได้ครับคุณอา"พี่ชายหน้าตาใช้ได้คนนั้นพูดต่อ
"เอาก็เอา แม่บ้านทำให้คุณหนูถ้วยนึง" ป๊านายใช้ป้าแม่บ้านด้วยน้ำเสียงมั่นคง
"ค่ะ สักครู่นะคะคุณหนู"
เธอหันไปยิ้มเพื่อเป็นการตอบรับ
**ไม่กี่นาทีต่อมา**
"เดี๋ยวอามานะลูก" ป๊านายพูดกับพี่ชายที่นั่งตรงข้ามเธอ
"ครับคุณอา"
ป๊านายเดินออกไปด้วยเหตุอันใดนี่ก็มิทราบ
**ผ่านไปเกือบ10นาที**
"สวัสดีค่ะพี่ น้องชื่ออันดานะคะ" เธอพูดด้วยน้ำเสียงเก่ๆกังๆ
"พี่รู้ชื่อน้องตั้งนานแล้ว"
"คะ?" เธอถามย้ำด้วยความมึนงง
"ก็เราเคยเจอกัน ตอนประมาณ15ปีที่แล้วเหมือนจะได้" อ่อ ที่แท้ก็พี่คนนั้นนี่เองเหมือนว่าตอนนั้นเธอจะอายุราวๆ7-8ปี
"จริงหรือหลอกคะ!?" เธอพูดด้วยน้ำเสียงทั้งตื่นเต้นและตกใจ
"จริงครับ เพราะหลังจากนั้น3ปีพี่ย้ายไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษและอยู่ที่นั่นประมาณ5-6ปี ก็กลับมาพอเราจะได้เจอกัน น้องอันดาก็ได้เรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่นซะก่อน รวมๆก็13ปีที่เราไม่ได้เจอกัน"
"ใช่ๆ จริงด้วยพี่คือพี่ชายคนนั้น" เธอพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ
"ดีใจอะไรกันลูก" ป๊านายเดินเข้ามาพร้อมป้าแม่บ้านและขวดไวน์ในมือ
"อาหารเช้าค่ะคุณหนู"ป้าแม่บ้านเสริฟอาหารเช้าสุดหรูหราติดแกรมแบบสุดๆ
**เวลาล่วงเลยถึงเก้าโมงครึ่ง**
"ผมต้องกลับแล้วครับคุณอา"
"กลับดีๆลูก"
"พี่กลับนะน้องอันดา" เขาพูดกับเธอพร้อมส่งยิ้มให้
"ค่ะ กลับดีๆนะคะ"
"ครับผม" พอเขาหันหลังเหมือนมุมสดใสเมื่อครู่ถูกเปลี่ยนเป็นฉากสีดำมืดมนและเย็นชาไปในพริบตา
**ฝนยังคงกระหน่ำไม่หยุดหย่อนแม้เพียงชั่วครู่**
"น้องอันดา เมื่อกี้ลูกคุยอะไรกับพี่เขา"
"น้องก็คุยตามปกติค่ะป๊านาย"
"เห็นลูกยิ้มดีใจใหญ่เลย"
"ก็น้องเพิ่งจะรู้ว่าน้องรู้จักกับพี่เขาตอนเด็ก"
"อ่อใช่ พี่เขาเคยมาเล่นบ้านเรา"
"น้องว่าจะไปเดินห้างสักหน่อย น้องไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนนะคะป๊านาย"
"ครับลูก"
**ผ่านไป2ชั่วโมงครึ่ง**
หญิงสาวในชุดนอนสีขาวแปลงกายเป็นสาวสวย
**ห้างสรรพสิค้าในเครือของครอบครัวเธอ**
เธอเดินเรื่อยๆเหมือนไร้จุดหมายปลายทางจนมาสดุดตากับร้านขายหนังสือร้านหนึ่ง เธอไม่รอช้ามุ่งหน้าเข้าไปในตัวร้านเพื่อเลือกซื้อสินค้าและหนังสือที่ต้องการ
เธอเลือกซื้ออยู่นานจนไปสดุดตากับหนังสือเล่มหนึ่งที่มีชื่อว่า ใจเชื่อมกัน เธอเอื้อมมือเพียงเล็กน้อยก็ได้ครอบครองหนังสือเล่มนี้
หญิงสาวปริศนารายหนึ่งเดินเข้าพร้อมทักทายว่า "ชอบหนังสือแนวนี้หรอคะ"
"ค่ะ มีอะไรรึป่าวคะ" เธอตอบและถามกลับทันที
"ฉันชื่อมิวสิคนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักมากๆค่ะพอดีฉันชอบหาเพื่อนที่อ่านนิยายแนวเดียวกันน่ะค่ะ ไม่ทราบว่าแลกคอนแทคได้มั๊ยคะ"
"เอ่อ.." เธอน้ำเสียงตะกุตะกักเพราะไม่คุ้นชิน
"ไม่สะดวกไม่เป็นไรค่ะ"
"สะดวกค่ะ" เธอพูดพลางอมยิ้ม
**ค่ำคืนของวันนั้น**
**มิวสิค ส่งข้อความถึงคุณ**
**มิวสิค**:ฉันคือคนที่ทักคุณในร้านหนังสือนะคะยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งค่ะ
**อันดา**:ค่ะ เช่นกันค่ะ
**2-3เดือนผ่านไป**
ในค่ำคืนที่มีดวงดาววิบวับอยู่เต็มท้องนภา
**มิวสิค ส่งข้อความถึงคุณ**
**มิวสิค**:อันดาไปเที่ยวกลางคืนกันป่ะ
**อันดา**:ไม่รู้มะมี๊ ฉันจะอนุญาตมั๊ย แต่ไม่เป็นไร4ทุ่มเจอกัน ส่งโลเคชั่นมาด้วยนะ
ไม่พิมพ์อะไรมากมายเธอก็ยืดหยัดขึ้นพร้อมมุ่งตรงไปที่ตู้เสื้อผ้าที่มีเสื้อผ้าสารพัดรูปแบบ
แต่เธอกลับสดุดตากับชุดเดรสสั้นเหนือเข่านิดหน่อยรัดรูปสีดำขลับพร้อมประกายเพชรวับวิบทั่วตัวไม่พูดพร่ำทำเพลงนาน ก็จัดการสวมชุดนั้นเข้ากับตัว
**ถึงที่นัดหมาย**
**มิวสิค ส่งข้อความถึงคุณ**
**มิวสิค**:ใกล้ถึงแล้วหรออันดา
**อันดา**:เพิ่งหาที่จอดรถได้ ฉันจองที่จอดไว้ให้ เร็วหน่อย
**เมื่อได้เวลาดื่มด่ำกับค่ำคืนนี้เสียที**
"อันดา แกคอแข็งป่ะ" มิวสิคถามก่อนจะเริ่มการปาร์ตี้คืนนี้
"ได้อยู่ แกล่ะ" เธอถามกลับบ้าง
"ไม่ค่อยอ่ะ"
"เอ้า!! แล้วเป็นคนชวน" เธอพูดแบบนั้นออกไปก็เพราะมิวสิคเป็นคนชวนออกมาดื่ม
"ทะเลาะกับที่บ้านมานิดหน่อยน่ะ" เธอเข้าใจกับสถานการณ์ตรงหน้าแล้ว คือมิวสิคแค่ต้องการระบายความหม่นหมองในใจ
**เสียงสถานบันเทิงดังสนั่น แสงหลากสีที่ส่องกระทบให้บรรยากาศเหมือนได้ปลกปล่อย**
หนุ่มหล่อในชุดสีดำทำเอาสาวๆกรี๊ดเป็นเสียงเดียวกันเข้ามาพร้อมเพื่อนๆรุ่นเดียวกัน2คนและเพื่อนรุ่นน้องสุดหล่อมาดเท่อีก1คน
"มึงเอาไวน์หรือเหล้า" หนุ่มหล่อหนึ่งคนให้แก๊งค์ที่มีชื่อว่านานิเอ่ยถามเพื่อนๆ
"ทั้งสอง" สกายตอบคำถามของเพื่อนเมื่อครู่
"ดื่มน้อยๆหน่อยเถอะมึงอะ" นานิเพื่อนคนเดิมพูดปรามสกายที่คาดว่าคิดจะดื่มหนักอีกตามเคย
"ปล่อยมันเถอะ" คิวเพื่อนหนุ่มหล่อในแก๊งค์ของสกายอีกคนหนึ่งพูดขัดนานิ
"กูรู้ลิมิตของกูอยู่เพื่อน" สกายพูดสลายของคิดของนานิ
"ลิมิตของมึงคือ1ลัง อีเหี้ย!" นานิสบถคำหยาบออกมาเต็มที่เมื่อได้ยินประโยคข้างต้น
"พี่ก็ดื่มน้อยๆหน่อย พี่กับผมแบ่งกันคนครึ่งลังมั๊ย" ซังเพื่อนรุ่นน้องลูกครึ่งญี่ปุ่นดีกรีนักแข่งรถมือต้นๆได้พูดคำคารมด้วยความเป็นคนเฟรนลี่ ขี้หยอกเย้า
"ไอซัง! กูก็คิดว่ามึงจะห้ามมัน มึงนี่มัน.." นานิเหมือนคนหมดคำจะพูดประโยคต่อ
**เวลาเที่ยงคืนเศษในที่แห่งเดิม**
"มิวสิค หมดสภาพขนาดนี้ได้ไงดื่มไปแค่2-3แก้วเองป่ะ" อันดาพูดเสียงดังเจื่อยแจ้วแต่ถึงกระนั้นก็มีเพียงเธอและโต๊ะข้างๆเท่านั้นที่ได้ยิน เพราะเครื่องเสียงที่ดังไม่มีพัก
อันดาดื่มไปประมาณ1ขวดครึ่งแต่เพราะว่าเธอจัดว่าคอแข็งใช่เล่น เลยไม่มีอาการมึนหรือเมาทั้งนั้น มีเพียงแต่เพื่อนสาวหน้าสวยที่นอนฟุบกับโต๊ะอยู่ขณะนี้
สองมือบางแบกร่างเพื่อนสาวขึ้นแล้วจึงประคองออกจากร้านแต่ทว่าไม่เป็นดังตั้งใจ..
กลับมีกลุ่มชายหนุ่มหน้าตาไม่คุ้นชินยืนเรียงกันดักทางออกจนไม่มีที่ที่จะแซรกตัวออกไป
"ให้พี่ไปส่งมั๊ยจ๊ะ" เสียงหนุ่มในกลุ่มพูดหยอกเย้าคารมอย่างสนุกสนาน
"ขอบใจแต่ไม่ดีกว่า" เธอพูดปัดๆไปเสียอย่างนั้น
และเหมือนว่าเธอจะไม่อยากปริปากพูดสนุกสนานกับพวกที่มัวแต่หยอกเย้าเธอกับเพื่อนสาวที่ไร้สติ
เธอใช้จังหวะดีแซรกตัวออกไป แต่ทว่ากลับไม่เป็นผลกลุ่มชายหนุ่มยังตามรังควานเธอไม่เลิก!
"ไอจิ๊ด ไอดอล ออกไปๆ" ชายหนุ่มหน้าตาคุ้นเคยพูดกับกลุ่มชายพวกนั้นเหมือนจะสนิทกัน
"ครับพี่.."เหมือนชายกลุ่มนั้นจะเป็นรุ่นน้องของพี่สกายอย่างนั้นหรือ
"มาดื่มหรอ" สกายถามเพราะอยากรู้อยู่หน่อยๆ
"ค่ะพี่ น้องกลับบ้านก่อนนะ" เธอไม่พูดคุยอะไรนานก็ขอตัวกลับก่อนอย่างมีมารยาท
**ณ คอนโดฯ ชื่อดัง**
หญิงสาวในชุดสีดำประกายวิบวับที่กำลังประคองตัวเพื่อนสาวที่หมดสติเข้าไปยังตัวคอนโดที่เป็นที่พักของเพื่อนสาว
แล้วมันอยู่ห้องไหนชั้นไหนล่ะเนี่ย! เธอทำได้เพียงบ่นเอือกๆอยู่ในใจ
"มิวสิค แกอยู่ห้องไหนชั้นไหนว่ะ"
เธอพูดพร่ำเพรื่อกับเพื่อนที่ไร้วี่แววจะมีสติในเวลานี้
แสงสว่างวาบเข้ามาในหัวเธอ จนเธอคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ "คีย์การ์ดมันไง!!" เธอพูดออกมาเสียงดังหน้าลิฟต์พลางมือบอบบางวางเพื่อนสาวลงอย่างเบามือ
เธอหยิบกระเป๋าใบเล็กไม่หรูหราของเพื่อนสาวพร้อมเปิดออก เธอใช้มือค้นหาสิ่งที่ต้องการ
จนได้...
เธอเจอ'คีย์การ์ด'แล้ว ไม่รอช้าที่จะใช้ครรลองสายตามองหมายเลขในคีย์การ์ด..
***117*** เธอประคองเพื่อนสาวเข้าลิฟต์ทันทีเมื่อรู้หมายเลขห้อง..
**เวลาผ่านไปราว3-5วัน**
เธอลงมาที่ห้องอาหารสายตาเคลือบเห็น ปะป๊า มะมี๊และพี่ชายที่เหมือนกำลังรอเธอลงมา
"ป๊านาย มะมี๊ อาทิตย์รอน้องหรอคะเห็นจ้องกันขนาดนั้น"
"ป๊าเขามีเรื่องจะคุยกับลูก" มะมี๊เธอพูดพลางส่งสายตาให้ลูกสาวรีบนั่งลง
เมื่อเธอบรรจงก้น หลังพิงพนักผู้เป็นพ่อก็เอ่ยขึ้นทันที
"ป๊าจะให้ลูกบริหารธุรกิจของบริษัท" ป๊าเธอว่าด้วยทำเสียงหนักแน่น
"ก็อาทิตย์จัดการอยู่นี่คะ?"
"ก็ลูกเรียนจบนานแล้วก็ควรมาทำงานช่วยครอบครัว อาทิตย์เขาทำคนเดียวไหวที่ไหนล่ะ พี่อุ้มของลูกก็หมกแต่กับโรงพยาบาล" ป๊าเธอว่าด้วยน้ำเสียงดุแอบแฝงว่าเธอถือดี
"เริ่มทำงานสัปดาห์หน้าเลยแล้วกัน"
"ค่ะ" เธอปฏิเสธไม่ได้เพราะก็จริงอยู่ที่เรียนจบมาสักพักแล้วแต่ยังไม่ได้ทำหน้าที่ของตนเลยด้วยซ้ำ นั่นคือการแบ่งเบาป๊าและพี่ชาย
**1 สัปดาห์ต่อมา**
วันนี้เป็นอีกวันที่ฝนพรำไม่ใช่น้อย ก้อนเมฆสีขาวนวลกลับกลายเป็นสีเทาหมุ่นจนทำให้เช้าวันนี้ดูอึมครึม
อันดาก้าวขาเรียวลงจากเตียงขนาด5ฟุตด้วยทว่าจะรีบไปทำงานแต่เช้า
เพียงไม่เกินหนึ่งชั่วโมงครึ่งเธอก็จัดการแต่งตงแต่งตัวผมเผ้าเรียบร้อยตั้งแต่หัววัน
เดินลงมาพบว่ามีรถคันหนึ่งจอดรอเธออยู่ ก้าวขาเรียวสวยนั่งเบาะหลังมาดลูกคุณ..
**ณ บริษัท พีอากรุ๊ป**
**บริษัทอหังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ที่มีมูลค้าราวๆแสนล้านบาท**
อันดาวางมาดลูกคุณก้าวเท้าฝั่งขวาแล้วจึงก้าวฝั่งซ้ายลงจากรถหรูราคาไม่กี่ล้าน
เสียงซุบซิบของพนักงานก็เสียงดังพอๆกับฟ้าฝนที่เพิ่งจะถลาลงมา
เธอก้าวขาเรียวสวยอย่างสง่าฝ่าฝูงชนเข้าในตัวลิฟต์ที่อยู่เบื้องหน้า
**ผ่านไปสัก 2 ชั่วโมง**
ที่เธอยังคงนั่งในห้องทำงานที่ไม่คุ้นชินนัก มีใครบางคนที่เธอก็มิทราบยืนเคาะประตูกระจกฝ้าห้องของเธอ..
"เข้ามา!" เธอว่าน้ำเสียงวางมาดลูกคุณอยู่เห็นๆ
หญิงสาวแปลกหน้า หน้าตาไม่คุ้นเคยมายืนตรงหน้าเธอด้วยจุดประสงค์ใดใครจะทราบ..
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!