ก็แค่อยากรู้
หญิงสาวผมสีดำเดินผ่ากลางฝูงชนที่แน่นแออัด เธอเบื่อหน่ายกับชีวิตที่ไม่มีอะไรน่าค้นหาอีกต่อไป
"จะไปหาสิ่งที่น่าสนใจที่ไหนดีอีกนะ"
หญิงสาวพูดพึมพำกับตัวเองพลางเดินไปเรื่อยๆ และคิดขึ้นในหัวว่า เธออยากลองไปต่างโลกดูจัง เพราะมันคือฉากที่เห็นบ่อยๆในซีรีส์ ในอนิเมะ ในนิยายและอื่นๆอีกมากมาย เวทย์มนต์เป็นสิ่งที่สวยงาม แต่มันก็คือภาพที่มนุษย์มโนขึ้นมาเองเท่านั้น หากเวทย์มนต์มีอยู่จริงโลกนี้จะยังสงบสุขแบบนี้อยู่ไหมนะ?มันจะวุ่นวาวขนาดไหน?แต่ภาพก็มีให้เห็นในอนิเมะตั้งเยอะแยะล่ะนะคงจะนึกออกกัน หญิงสาวเดินพลางคิดไปโดยไม่มีจุดหมาย เธอปีนป่ายและก้าวเดินอย่างลำบากด้วยเพราะอายุสี่สิบต้นๆ
"ที่ผ่านมาฉันต้องพยายามมามากเลยนะที่จะเรียนรู้ทุก อย่างน่ะ ถึงชีวิตคนเราสามารถเรียนรู้ได้มากกว่านี้แต่ฉันทำทุกอย่างที่มันท้าทายกับชีวิตมาแล้ว..."ไม่สิต้องบอกว่าฉันทำทุกอย่างที่มันเสี่ยงตายมาแล้ว เพราะการเสี่ยงตายคือทุกอย่างที่สามารถทำให้ตัวเองรู้สึกสนุกได้ หลายคนอาจจะทำเพราะอยากสนุกเหมือนฉันหลายคนอาจทำเพราะมันเป็นงานอดิเรกและอีกหลายคนทำมันเพราะมันคืออาชีพ แม้ฉันจะใช้ชีวิตมาแค่ครึ่งหนึ่งก็ตามแต่หากฉันแก่ตัวลงฉันคงไม่สามารถทำอะไรที่มันท้าทายได้มากกว่านี้แน่ๆ หญิงสาวพูดกับตัวเอง
...
หญิงสาววัยกลางคนเดินมาอยู่ขอบหน้าผาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แม้ว่าหญิงสาวอาจจะปีนผาขึ้นมาอย่างยากลำบากแต่ทักษะการปีน และการเดินเขาของเธอนั้นเป็นเอกลักษณ์มากๆ ด้วยท่าทางที่ออกแบบให้เข้ากับเธอโดยเฉพาะทุกท่วงท่าทำให้มีความคล่องแคล่วถึงร่างกายจะลำบากหรือไม่สะดวกมากเพียงใดก็ตาม
"รู้อยู่หรอกว่า...ถ้าจบชีวิตตัวเองที่นี่ฉันคงบาปน่าดูเลย แต่ก็ไม่มีใครให้ฉันกังวลหากฉันตายในภายหลังหรอกนะ"พูดจบฉันก็ไม่รีรอโดดลงจากผา ณ จุดนั้นทันที
"แรงลมตอนตกลงมาเป็นแบบนี้นี่เองถึงจะเคยกระโดดบันจี้จัมพ์มาแล้งก็เถอะ แต่รอบนี้จบลงด้วยการกระแทกพื้น ความเจ็บมันจะขนาดไหนกันนะ"หญิงสาวหลับตาลงเตรียมพร้อมรับความรู้สึกเจ็บปวดจากการกระแทก เวลาที่ฉันได้ปล่อยตัวเองกลางอากาศแบบนี้น่ะ รู้สึกเป็นอิสระชะมัดเลยแต่เวลานี้ คงจะผ่านไปแค่แป๊บเดียวเองสินะ รู้สึกเสียดายชะมัดเวลาที่รู้สึกอิสระแบบนี้เนี่ย
หญิงสาววัยกลางคน ไม่ได้คิดอะไรต่อภาพก็ตัดไปทันที หลังจากภาพตัด เธอก็รู้สึกว่ารอบตัวมีแต่ความมืดมิด
[นี่น่ะหรอสิ่งที่เรียกว่าความตาย ดูน่าเบื่อกว่าที่คิดนะ ต้องใช้ชีวิตต่อกับความมืดแบบนี้อย่างนั้นหรอ ทำเอารู้สึกผิดที่ฆ่าตัวตายเลยแฮะ...แต่ก็ช่างเหอะกูฆ่าตัวตายไปแล้วมันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วอ่ะ]
หญิงสาวได้ตัดพ้อตัวเองแม้จะกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้เพราะเธอนั้นฆ่าตัวตายแล้วแต่เธอก็ยอมรับผิดในส่วนที่เธอฆ่าตัวตายเป็นการเข้าใจตัวเองในรูปแบบหนึ่ง หญิงสาวเริ่มเหนื่อยกับการคิดเองเออเอง จึงปล่อยให้สมองโล่งแล้วหลับตาลงอีกรอบแม้จะมีแต่ความมืดมิดก็ตาม
[ออร์ล นั่นคือชื่อของเจ้า]
จบเสียงการตั้งชื่อผู้ที่ถูกเรียกว่าออร์ลก็ลืมตาตื่นขึ้น
ฉันลืมตาแล้วมองไปรอบๆด้วยความสงสัย ถ้าตรงนี้ไม่มีคน แล้วเมื่อกี้ใครพูดกับกูวะ
[แม่ของเราเองๆ!]
ฉันหันไปหาต้นเสียง ก็พบตัวตนที่คาดว่าน่าจะเป็นภูตแฟรี่ เพราะขนาดตัวเล็กมากๆ ฉันก้มหน้ามองสำรวจตัวเอง ก็อึ้งมากๆเพราะเธอก็ตัวเล็กเท่าพวกแฟรี่ที่กำลังมองอยู่เมื่อครู่ แต่ว่านะ...พวกเขารู้ว่ากูคิดอะไรหรอนั่น
...
กูกลายเป็นตัวที่ดูอ่อนแอรึเปล่าวะเนี่ย ไอ้เหี้ยแล้วกูจะตายไหมวะ
[ดูเธอสิเธอคือเด็กน้อยแรกเกิดนะแต่เธอไม่ร้องไห้ออกมาซักแอะเลยล่ะ!]
[ไม่แน่เธออาจจะเป็นภูตวิเศษก็ได้นะคะ เธอจะกลายเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่แน่ๆ]
กำลังพูดถึงไรกันวะ พูดถึงกูหรอ...เออกูก็ถามแปลกเขาก็มองกูกันให้ทั่วหน้าอยู่เนี่ย อ้าวแล้วลักษณะการพูดกูเปลี่ยนเฉย ช่างแม่งเถอะ ออร์ลลุกขึ้นยืนแล้วทำการสำรวจรอบตัวอีกครั้ง ตอนนี้เธอกำลังลอยตระหง่านอยู่บนฟ้าด้วยความสงบท่ามกลางสายตาของแฟรี่ตนอื่น
รู้สึกเป็นอิสระชะมัด การมีปีกมันเป็นแบบนี้เองหรอ
ก่อนหน้านั้นออร์ลรู้สึกเป็นอิสระเพราะกำลังตกจากท้องฟ้า แต่ตอนนี้มันแตกต่างกันเพราะเธอก็กำลังบินด้วยตัวเองบนท้องฟ้า
"เด็กน้อยลงมาได้แล้ว เจ้าพึ่งถือกำเนิดอย่าพึ่งโลดเต้นให้มากนัก"
ออร์ลได้ยินเสียงทุ้มหล่อของใครบางคนทำให้ออร์ลลงมาตามที่เสียงนั้นบอกกล่าวอย่างหลงไหล ไม่ใช่แค่ออร์ลเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รู้สึกลุ่มหลงเสียงนั้น
[ท่านคือใคร]ออร์ลถามด้วยความสงสัย
ยักษ์...ไม่สิเขาก็ขนาดเท่าคนปกตินั่นแหละ เพียงแต่ออร์ลตัวเล็กขนาดเท่าฟิกเกอร์แค่นั้นเอง
"ข้าคือผู้ดูแลภูติครับ จะคอยดูแลภูตทีไม่สบาย ศึกษาตัวตนภูตที่ถือกำเนิดในรูปแบบต่างๆและดูแลภูตแรกเกิดด้วยครับ แล้วเธออยากเป็นเพศไหนล่ะ"ชายเสียงทุ้มพูดขึ้นทำให้ออร์ลนิ่งเพราะความงุนงงว่าเพศที่ชายคนนี้หมายถึงคืออะไร
"การเลือกเพศคือสิ่งที่ภูตต้องทำเมื่อถือกำเนิดขึ้น"
อ๋อ ที่โลกเก่าของฉันมันไม่สามารถทำได้เพราะเพศถูกกำหนดไว้ตั้งแต่อยู่ในท้องแล้ว เออแล้วภูตของที่นี่เกิดขึ้นมายังไงวะกูเป็นยุงแล้งกลายร่างเป็นภูตงี้รึเปล่าวะ เอาเหอะเลิกคิดเรื่องอื่นก่อนตอนนี้กูคิดแค่ว่ากูอยากเป็นเพศไหนก็พอ หมอนี่พูดแทนตัวเองว่าข้างั้นเหรองั้นฉันก็ต้องปรับตัวให้เข้าล่ะนะ
[ข้า...ไม่ขอเลือกเพศ ข้าอยากเป็นชายหรือหญิงข้าก็จะขอเปลี่ยนเองเมื่อถึงเวลา]คำตอบของออร์ลทำให้ชายร่างยักษ์ชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับมาว่า
"เด็กน้อยเจ้าคงเป็นภูตพิเศษจริงๆสินะ ได้ตามคำขอครับ"ชายร่างยักษ์ตอบรับพร้อมกับรอยยิ้มจางๆที่ชวนให้ผู้ที่มองใจเต้น แต่ไม่ใช่กับออร์ลเพราะเธอเคยเห็นชายหนุ่มหน้าตาและเสียงดีมาเยอะแล้วในความทรงจำของเธอ
[อะไรคือภูตพิเศษช่วยพูดให้เข้าใจหน่อยจะได้ไหม]
"ภูตพิเศษคือตัวตนที่จะพัฒนาจนกลายเป็นระดับสูงน่ะ อย่างที่เห็นตอนนี้เด็กน้อยมีขนาดตัวที่เล็กแต่เมื่อเด็กน้อยวิวัฒนาการแล้วเด็กน้อยจะตัวเท่าข้า"
อ๋อก็คือถ้าเกิดข้าวิวัฒนาการแล้วข้าก็จะมีขนาดตัวเท่ากับความทรงจำที่ผ่านมาสินะ เอ๋...ฉันสงสัยเรื่องนึงตัวตนที่ฉันเข้ามาอยู่เนี่ย เป็นตัวตนที่ถูกกำหนดขึ้นมาใหม่หลังจากฉันตายแล้วหรือว่าเป็นตัวตนที่กำเนิดก่อนฉันเพียงครู่เดียวและฉันก็เข้ามาแย่งร่างกันนะ...ไม่น่าหรอกฉันว่าเพราะว่านี่อาจจะเป็นความทรงจำจากชาติก่อนของฉันก็ได้นี่อาจจะเป็นตัวตนที่ตั้งใจจะให้ฉันมาอยู่เพียงแต่มีความทรงจำติดกลับมาด้วยแค่นั้นเอง โอ๊ยอธิบายให้ตัวเองเข้าใจหน่อยก็ได้จะซับซ้อนมากความอะไรกันนักกันหนาวะ ออร์ลคิดพลางบ่นตัวเองในใจ
"ช่วยบอกชื่อของเด็กน้อยมาได้ไหม"
[ออร์ล]
"เป็นชื่อที่ใช้ได้"
อะไรวะก็แค่ชื่อ มันมีความหมายอะไรนอกจากนี้ด้วยรึไง ฉันรู้แค่คำว่า all ภาษาอังกฤษมันหมายความว่าทั้งหมด แล้วอะไรที่หมายถึงคำว่าทั้งหมดล่ะ ชีวิตงั้นหรอ อาหารงั้นหรอ เผ่าพันธุ์ที่ว่างั้นหรอ หรือทั้งหมดที่หมายถึงโลกนี้ทั้งใบ...ช่างมันเถอะยิ่งคิดยิ่งปวดหัว แล้วหลังจากนี้ฉันต้องไปทำอะไรต่อล่ะเนี่ยจะให้อยู่เฉยๆไปวันๆรึไง ไม่มีทาง
ออร์ลใช้ปีกน้อยๆของแฟรี่บินไปทั่วด้วยความอยากรู้อยากเห็น ที่นี่เป็นป่าใหญ่ไกลสุดลูกหูลูกตา อืม...พลังของแฟรี่ทำอะไรได้บ้างนะ ว่าแต่แฟรี่งั้นหรอ...แล้วเป็นภูตแฟรี่ประเภทไหนกันล่ะ ภูตแฟรี่ประเภท ลม ดิน ไฟหรือน้ำ ประเภทพิเศษคือภูตที่สามารถพัฒนาตัวตนได้ง่ายๆคือฉันอาจจะสามารถมีขนาดตัวเท่าเดิมได้ถ้าเป็นอย่างงั้นก็คงจะสะดวกขึ้น ออร์ลบินลงมาที่พื้นพร้อมกับเอามือจับผืนแผ่นดินอย่างแผ่วเบา
[งั้นเรามาลองเริ่มจากทดลองจากดินเลยดีไหมนะ]ออร์ล มักจะเห็นและได้อ่านบ่อยๆแบบในนิยายและอนิเมะแฟนตาซีว่าการใช้เวทย์มนต์นั้นต้องใช้จินตนาการ ไม่รู้หนอกนะว่าที่นี่เขาใช้เวทย์มนต์แบบไหนกัน แต่ฉันจะใช้การจินตนาการ หากฉันต้องการจะใช้เวทย์มนต์ที่ยิ่งใหญ่จำเป็นต้องมีมานามหาศาลด้วย แล้วในร่างเล็กๆนี้มีมานาเท่าไหร่กันล่ะ ผ่านไปครู่หนึ่งดินรอบๆตัวของออร์ลก็นูนขึ้นจนสูงกว่าตัวของออร์ลสองเท่าได้ ออร์ลบินขึ้นไปดูบนที่สูง
[มานาน้อยตามขนาดตัวรึไง...ไม่เป็นไรอนิเมะยังบอกฉันอีกว่าหากฝึกใช้พลังเวทย์จนหมดไปเรื่อยๆพลังเวทย์ก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ]
...----------------...
วันเวลาผ่านไปหลายร้อยปี ออร์ลก็ยังคงทำแบบนั้นต่อไปเรื่อยๆแม้ว่าการที่พลังเวทย์หมดแล้วจะทำให้ออร์ลเหนื่อยมากๆก็ตามแต่นั่นคือสิ่งที่ท้าทายออร์ลว่าพลังเวทย์ของเธอสามารถเพิ่มขึ้นได้มากขนาดไหน และตอนนี้...
ตึง!
ผืนป่าสั่นสะเทือนพร้อมกับมีต้นไม้ยักษ์งอกขึ้นมา ออร์ลใช้ร่างและปีกเล็กๆของเธอบินขึ้นไปบนยอดของต้นไม้ มองต้นไม้ยักษ์ที่เธอสร้างขึ้นมาภายในพริบตาด้วยพลังเวทย์ของเธอ
[เอาล่ะตอนนี้ใช้พลังเวทย์ของตัวเองและธาตุต่างๆได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว...ต่อจากนี้ก็จะใช้เวทย์มนต์ที่มีอยู่ในธรรมชาติเลยแล้วกัน]อธิบายง่ายๆก็คือก่อนหน้านั้นออร์ลใช้พลังเวทย์ที่มีอยู่ในตัวของเธอ และต่อจากนี้เธอจะฝึกใช้พลังเวทย์ที่มีอยู่ตามธรรมชาติที่อยู่รอบตัวเธอ
ออร์ลพูดโดยที่มีสายตาของเหล่าภูตแฟรี่ตนอื่นจับจ้องอยู่ด้วยสายตาที่ตื่นเต้น
[ท่านออร์ลสุดยอดไปเลย!]เสียงเจื้อยแจ้วไม่ดังมากเพราะขนาดตัวที่เล็ก พวกเขากำลังชื่นชมเธอและแน่นอนถ้ามีพวกที่ชื่นชมแล้วก็ต้องมีพวกที่อิจฉาเหมือนกัน แต่เธอไม่สนใจแม้แต่น้อย แล้วไงล่ะถึงพวกมันจะกำเนิดก่อนหรือหลังแต่ถ้ามัวแต่อิจฉาข้าแล้วไม่ลงมือฝึกด้วยตัวเองแล้วก็มาอิจฉาคนอื่น แทนที่จะดูเป็นตัวอย่างแล้วก็ไปฝึกมันแต่นั่งรอไปวันๆมันใช่ที่ไหนกันล่ะ
[พวกที่อยากเก่งน่ะพวกเจ้าแค่ฝึกฝีมือไปเรื่อยๆก็พอไม่มีใครมีพรสวรรค์ตั้งแต่เกิดหรอกนะ กว่าข้าจะมาถึงจุดนี้ได้ล้มลุกคุกคลานมาเยอะแล้ว]พูดบอกนิดหน่อยคงจะคิดได้นะอย่ามัวแต่อิจฉาจนหน้ามืดตามัวล่ะเหล่าภูตทั้งหลาย
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 5
Comments
M.
โอเค เรื่องก่อนจบ มาสิงเรื่องใหม่ต่อ
2024-06-28
0