NovelToon NovelToon

ก็แค่อยากรู้

1ล้มลุกคุกคลาน

 หญิงสาวผมสีดำเดินผ่ากลางฝูงชนที่แน่นแออัด เธอเบื่อหน่ายกับชีวิตที่ไม่มีอะไรน่าค้นหาอีกต่อไป

 "จะไปหาสิ่งที่น่าสนใจที่ไหนดีอีกนะ"

 หญิงสาวพูดพึมพำกับตัวเองพลางเดินไปเรื่อยๆ และคิดขึ้นในหัวว่า เธออยากลองไปต่างโลกดูจัง เพราะมันคือฉากที่เห็นบ่อยๆในซีรีส์ ในอนิเมะ ในนิยายและอื่นๆอีกมากมาย เวทย์มนต์เป็นสิ่งที่สวยงาม แต่มันก็คือภาพที่มนุษย์มโนขึ้นมาเองเท่านั้น หากเวทย์มนต์มีอยู่จริงโลกนี้จะยังสงบสุขแบบนี้อยู่ไหมนะ?มันจะวุ่นวาวขนาดไหน?แต่ภาพก็มีให้เห็นในอนิเมะตั้งเยอะแยะล่ะนะคงจะนึกออกกัน หญิงสาวเดินพลางคิดไปโดยไม่มีจุดหมาย เธอปีนป่ายและก้าวเดินอย่างลำบากด้วยเพราะอายุสี่สิบต้นๆ

 "ที่ผ่านมาฉันต้องพยายามมามากเลยนะที่จะเรียนรู้ทุก อย่างน่ะ ถึงชีวิตคนเราสามารถเรียนรู้ได้มากกว่านี้แต่ฉันทำทุกอย่างที่มันท้าทายกับชีวิตมาแล้ว..."ไม่สิต้องบอกว่าฉันทำทุกอย่างที่มันเสี่ยงตายมาแล้ว เพราะการเสี่ยงตายคือทุกอย่างที่สามารถทำให้ตัวเองรู้สึกสนุกได้ หลายคนอาจจะทำเพราะอยากสนุกเหมือนฉันหลายคนอาจทำเพราะมันเป็นงานอดิเรกและอีกหลายคนทำมันเพราะมันคืออาชีพ แม้ฉันจะใช้ชีวิตมาแค่ครึ่งหนึ่งก็ตามแต่หากฉันแก่ตัวลงฉันคงไม่สามารถทำอะไรที่มันท้าทายได้มากกว่านี้แน่ๆ หญิงสาวพูดกับตัวเอง

 ...

 หญิงสาววัยกลางคนเดินมาอยู่ขอบหน้าผาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แม้ว่าหญิงสาวอาจจะปีนผาขึ้นมาอย่างยากลำบากแต่ทักษะการปีน และการเดินเขาของเธอนั้นเป็นเอกลักษณ์มากๆ ด้วยท่าทางที่ออกแบบให้เข้ากับเธอโดยเฉพาะทุกท่วงท่าทำให้มีความคล่องแคล่วถึงร่างกายจะลำบากหรือไม่สะดวกมากเพียงใดก็ตาม

 "รู้อยู่หรอกว่า...ถ้าจบชีวิตตัวเองที่นี่ฉันคงบาปน่าดูเลย แต่ก็ไม่มีใครให้ฉันกังวลหากฉันตายในภายหลังหรอกนะ"พูดจบฉันก็ไม่รีรอโดดลงจากผา ณ จุดนั้นทันที

 "แรงลมตอนตกลงมาเป็นแบบนี้นี่เองถึงจะเคยกระโดดบันจี้จัมพ์มาแล้งก็เถอะ แต่รอบนี้จบลงด้วยการกระแทกพื้น ความเจ็บมันจะขนาดไหนกันนะ"หญิงสาวหลับตาลงเตรียมพร้อมรับความรู้สึกเจ็บปวดจากการกระแทก เวลาที่ฉันได้ปล่อยตัวเองกลางอากาศแบบนี้น่ะ รู้สึกเป็นอิสระชะมัดเลยแต่เวลานี้ คงจะผ่านไปแค่แป๊บเดียวเองสินะ รู้สึกเสียดายชะมัดเวลาที่รู้สึกอิสระแบบนี้เนี่ย

หญิงสาววัยกลางคน ไม่ได้คิดอะไรต่อภาพก็ตัดไปทันที หลังจากภาพตัด เธอก็รู้สึกว่ารอบตัวมีแต่ความมืดมิด

 [นี่น่ะหรอสิ่งที่เรียกว่าความตาย ดูน่าเบื่อกว่าที่คิดนะ ต้องใช้ชีวิตต่อกับความมืดแบบนี้อย่างนั้นหรอ ทำเอารู้สึกผิดที่ฆ่าตัวตายเลยแฮะ...แต่ก็ช่างเหอะกูฆ่าตัวตายไปแล้วมันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วอ่ะ]

หญิงสาวได้ตัดพ้อตัวเองแม้จะกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้เพราะเธอนั้นฆ่าตัวตายแล้วแต่เธอก็ยอมรับผิดในส่วนที่เธอฆ่าตัวตายเป็นการเข้าใจตัวเองในรูปแบบหนึ่ง หญิงสาวเริ่มเหนื่อยกับการคิดเองเออเอง จึงปล่อยให้สมองโล่งแล้วหลับตาลงอีกรอบแม้จะมีแต่ความมืดมิดก็ตาม

[ออร์ล นั่นคือชื่อของเจ้า]

จบเสียงการตั้งชื่อผู้ที่ถูกเรียกว่าออร์ลก็ลืมตาตื่นขึ้น

ฉันลืมตาแล้วมองไปรอบๆด้วยความสงสัย ถ้าตรงนี้ไม่มีคน แล้วเมื่อกี้ใครพูดกับกูวะ

[แม่ของเราเองๆ!]

ฉันหันไปหาต้นเสียง ก็พบตัวตนที่คาดว่าน่าจะเป็นภูตแฟรี่ เพราะขนาดตัวเล็กมากๆ ฉันก้มหน้ามองสำรวจตัวเอง ก็อึ้งมากๆเพราะเธอก็ตัวเล็กเท่าพวกแฟรี่ที่กำลังมองอยู่เมื่อครู่ แต่ว่านะ...พวกเขารู้ว่ากูคิดอะไรหรอนั่น

...

กูกลายเป็นตัวที่ดูอ่อนแอรึเปล่าวะเนี่ย ไอ้เหี้ยแล้วกูจะตายไหมวะ

 [ดูเธอสิเธอคือเด็กน้อยแรกเกิดนะแต่เธอไม่ร้องไห้ออกมาซักแอะเลยล่ะ!]

 [ไม่แน่เธออาจจะเป็นภูตวิเศษก็ได้นะคะ เธอจะกลายเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่แน่ๆ]

 กำลังพูดถึงไรกันวะ พูดถึงกูหรอ...เออกูก็ถามแปลกเขาก็มองกูกันให้ทั่วหน้าอยู่เนี่ย อ้าวแล้วลักษณะการพูดกูเปลี่ยนเฉย ช่างแม่งเถอะ ออร์ลลุกขึ้นยืนแล้วทำการสำรวจรอบตัวอีกครั้ง ตอนนี้เธอกำลังลอยตระหง่านอยู่บนฟ้าด้วยความสงบท่ามกลางสายตาของแฟรี่ตนอื่น

 รู้สึกเป็นอิสระชะมัด การมีปีกมันเป็นแบบนี้เองหรอ

 ก่อนหน้านั้นออร์ลรู้สึกเป็นอิสระเพราะกำลังตกจากท้องฟ้า แต่ตอนนี้มันแตกต่างกันเพราะเธอก็กำลังบินด้วยตัวเองบนท้องฟ้า

 "เด็กน้อยลงมาได้แล้ว เจ้าพึ่งถือกำเนิดอย่าพึ่งโลดเต้นให้มากนัก"

 ออร์ลได้ยินเสียงทุ้มหล่อของใครบางคนทำให้ออร์ลลงมาตามที่เสียงนั้นบอกกล่าวอย่างหลงไหล ไม่ใช่แค่ออร์ลเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รู้สึกลุ่มหลงเสียงนั้น

 [ท่านคือใคร]ออร์ลถามด้วยความสงสัย

 ยักษ์...ไม่สิเขาก็ขนาดเท่าคนปกตินั่นแหละ เพียงแต่ออร์ลตัวเล็กขนาดเท่าฟิกเกอร์แค่นั้นเอง

 "ข้าคือผู้ดูแลภูติครับ จะคอยดูแลภูตทีไม่สบาย ศึกษาตัวตนภูตที่ถือกำเนิดในรูปแบบต่างๆและดูแลภูตแรกเกิดด้วยครับ แล้วเธออยากเป็นเพศไหนล่ะ"ชายเสียงทุ้มพูดขึ้นทำให้ออร์ลนิ่งเพราะความงุนงงว่าเพศที่ชายคนนี้หมายถึงคืออะไร

 "การเลือกเพศคือสิ่งที่ภูตต้องทำเมื่อถือกำเนิดขึ้น"

 อ๋อ ที่โลกเก่าของฉันมันไม่สามารถทำได้เพราะเพศถูกกำหนดไว้ตั้งแต่อยู่ในท้องแล้ว เออแล้วภูตของที่นี่เกิดขึ้นมายังไงวะกูเป็นยุงแล้งกลายร่างเป็นภูตงี้รึเปล่าวะ เอาเหอะเลิกคิดเรื่องอื่นก่อนตอนนี้กูคิดแค่ว่ากูอยากเป็นเพศไหนก็พอ หมอนี่พูดแทนตัวเองว่าข้างั้นเหรองั้นฉันก็ต้องปรับตัวให้เข้าล่ะนะ

 [ข้า...ไม่ขอเลือกเพศ ข้าอยากเป็นชายหรือหญิงข้าก็จะขอเปลี่ยนเองเมื่อถึงเวลา]คำตอบของออร์ลทำให้ชายร่างยักษ์ชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับมาว่า

 "เด็กน้อยเจ้าคงเป็นภูตพิเศษจริงๆสินะ ได้ตามคำขอครับ"ชายร่างยักษ์ตอบรับพร้อมกับรอยยิ้มจางๆที่ชวนให้ผู้ที่มองใจเต้น แต่ไม่ใช่กับออร์ลเพราะเธอเคยเห็นชายหนุ่มหน้าตาและเสียงดีมาเยอะแล้วในความทรงจำของเธอ

 [อะไรคือภูตพิเศษช่วยพูดให้เข้าใจหน่อยจะได้ไหม]

 "ภูตพิเศษคือตัวตนที่จะพัฒนาจนกลายเป็นระดับสูงน่ะ อย่างที่เห็นตอนนี้เด็กน้อยมีขนาดตัวที่เล็กแต่เมื่อเด็กน้อยวิวัฒนาการแล้วเด็กน้อยจะตัวเท่าข้า"

 อ๋อก็คือถ้าเกิดข้าวิวัฒนาการแล้วข้าก็จะมีขนาดตัวเท่ากับความทรงจำที่ผ่านมาสินะ เอ๋...ฉันสงสัยเรื่องนึงตัวตนที่ฉันเข้ามาอยู่เนี่ย เป็นตัวตนที่ถูกกำหนดขึ้นมาใหม่หลังจากฉันตายแล้วหรือว่าเป็นตัวตนที่กำเนิดก่อนฉันเพียงครู่เดียวและฉันก็เข้ามาแย่งร่างกันนะ...ไม่น่าหรอกฉันว่าเพราะว่านี่อาจจะเป็นความทรงจำจากชาติก่อนของฉันก็ได้นี่อาจจะเป็นตัวตนที่ตั้งใจจะให้ฉันมาอยู่เพียงแต่มีความทรงจำติดกลับมาด้วยแค่นั้นเอง โอ๊ยอธิบายให้ตัวเองเข้าใจหน่อยก็ได้จะซับซ้อนมากความอะไรกันนักกันหนาวะ ออร์ลคิดพลางบ่นตัวเองในใจ

 "ช่วยบอกชื่อของเด็กน้อยมาได้ไหม"

 [ออร์ล]

 "เป็นชื่อที่ใช้ได้"

 อะไรวะก็แค่ชื่อ มันมีความหมายอะไรนอกจากนี้ด้วยรึไง ฉันรู้แค่คำว่า all ภาษาอังกฤษมันหมายความว่าทั้งหมด แล้วอะไรที่หมายถึงคำว่าทั้งหมดล่ะ ชีวิตงั้นหรอ อาหารงั้นหรอ เผ่าพันธุ์ที่ว่างั้นหรอ หรือทั้งหมดที่หมายถึงโลกนี้ทั้งใบ...ช่างมันเถอะยิ่งคิดยิ่งปวดหัว แล้วหลังจากนี้ฉันต้องไปทำอะไรต่อล่ะเนี่ยจะให้อยู่เฉยๆไปวันๆรึไง ไม่มีทาง

 ออร์ลใช้ปีกน้อยๆของแฟรี่บินไปทั่วด้วยความอยากรู้อยากเห็น ที่นี่เป็นป่าใหญ่ไกลสุดลูกหูลูกตา อืม...พลังของแฟรี่ทำอะไรได้บ้างนะ ว่าแต่แฟรี่งั้นหรอ...แล้วเป็นภูตแฟรี่ประเภทไหนกันล่ะ ภูตแฟรี่ประเภท ลม ดิน ไฟหรือน้ำ ประเภทพิเศษคือภูตที่สามารถพัฒนาตัวตนได้ง่ายๆคือฉันอาจจะสามารถมีขนาดตัวเท่าเดิมได้ถ้าเป็นอย่างงั้นก็คงจะสะดวกขึ้น ออร์ลบินลงมาที่พื้นพร้อมกับเอามือจับผืนแผ่นดินอย่างแผ่วเบา

[งั้นเรามาลองเริ่มจากทดลองจากดินเลยดีไหมนะ]ออร์ล มักจะเห็นและได้อ่านบ่อยๆแบบในนิยายและอนิเมะแฟนตาซีว่าการใช้เวทย์มนต์นั้นต้องใช้จินตนาการ ไม่รู้หนอกนะว่าที่นี่เขาใช้เวทย์มนต์แบบไหนกัน แต่ฉันจะใช้การจินตนาการ หากฉันต้องการจะใช้เวทย์มนต์ที่ยิ่งใหญ่จำเป็นต้องมีมานามหาศาลด้วย แล้วในร่างเล็กๆนี้มีมานาเท่าไหร่กันล่ะ ผ่านไปครู่หนึ่งดินรอบๆตัวของออร์ลก็นูนขึ้นจนสูงกว่าตัวของออร์ลสองเท่าได้ ออร์ลบินขึ้นไปดูบนที่สูง

 [มานาน้อยตามขนาดตัวรึไง...ไม่เป็นไรอนิเมะยังบอกฉันอีกว่าหากฝึกใช้พลังเวทย์จนหมดไปเรื่อยๆพลังเวทย์ก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ]

...----------------...

 วันเวลาผ่านไปหลายร้อยปี ออร์ลก็ยังคงทำแบบนั้นต่อไปเรื่อยๆแม้ว่าการที่พลังเวทย์หมดแล้วจะทำให้ออร์ลเหนื่อยมากๆก็ตามแต่นั่นคือสิ่งที่ท้าทายออร์ลว่าพลังเวทย์ของเธอสามารถเพิ่มขึ้นได้มากขนาดไหน และตอนนี้...

 ตึง!

ผืนป่าสั่นสะเทือนพร้อมกับมีต้นไม้ยักษ์งอกขึ้นมา ออร์ลใช้ร่างและปีกเล็กๆของเธอบินขึ้นไปบนยอดของต้นไม้ มองต้นไม้ยักษ์ที่เธอสร้างขึ้นมาภายในพริบตาด้วยพลังเวทย์ของเธอ

[เอาล่ะตอนนี้ใช้พลังเวทย์ของตัวเองและธาตุต่างๆได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว...ต่อจากนี้ก็จะใช้เวทย์มนต์ที่มีอยู่ในธรรมชาติเลยแล้วกัน]อธิบายง่ายๆก็คือก่อนหน้านั้นออร์ลใช้พลังเวทย์ที่มีอยู่ในตัวของเธอ และต่อจากนี้เธอจะฝึกใช้พลังเวทย์ที่มีอยู่ตามธรรมชาติที่อยู่รอบตัวเธอ

 ออร์ลพูดโดยที่มีสายตาของเหล่าภูตแฟรี่ตนอื่นจับจ้องอยู่ด้วยสายตาที่ตื่นเต้น

[ท่านออร์ลสุดยอดไปเลย!]เสียงเจื้อยแจ้วไม่ดังมากเพราะขนาดตัวที่เล็ก พวกเขากำลังชื่นชมเธอและแน่นอนถ้ามีพวกที่ชื่นชมแล้วก็ต้องมีพวกที่อิจฉาเหมือนกัน แต่เธอไม่สนใจแม้แต่น้อย แล้วไงล่ะถึงพวกมันจะกำเนิดก่อนหรือหลังแต่ถ้ามัวแต่อิจฉาข้าแล้วไม่ลงมือฝึกด้วยตัวเองแล้วก็มาอิจฉาคนอื่น แทนที่จะดูเป็นตัวอย่างแล้วก็ไปฝึกมันแต่นั่งรอไปวันๆมันใช่ที่ไหนกันล่ะ

[พวกที่อยากเก่งน่ะพวกเจ้าแค่ฝึกฝีมือไปเรื่อยๆก็พอไม่มีใครมีพรสวรรค์ตั้งแต่เกิดหรอกนะ กว่าข้าจะมาถึงจุดนี้ได้ล้มลุกคุกคลานมาเยอะแล้ว]พูดบอกนิดหน่อยคงจะคิดได้นะอย่ามัวแต่อิจฉาจนหน้ามืดตามัวล่ะเหล่าภูตทั้งหลาย

2อ่านความทรงจำ

 ไม่คิดว่าจะได้มาเจอมนุษย์ที่ป่าแห่งนี้ ป่านี้ยังคงมีต้นไม้ที่อายุยืนยาวมากขึ้นเรื่อยๆรวมถึงอายุของออร์ลที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆด้วยเช่น ตอนนี้ออร์ลมีขนาดตัวเท่ากับเด็กอายุห้าขวบได้ ตอนนี้ออร์ลอายุเจ็ดร้อยปีขึ้นไป แม้มันจะดูเหมือนเวลาเพียงชั่วครู่ของออร์ลเพราะเธอได้สนุกกับการใช้ชีวิตหลังจากที่เธอได้ตายลงในโลกเก่าและได้รับชีวิตใหม่พร้อมกับความทรงจำของชาติก่อน ดูเหมือนป่าที่เธออยู่จะถูกมนุษย์เรียกว่าป่าลับแล พวกเขาตั้งว่าป่าลับแลแปลว่าที่นี่นานๆทีจะมีคนเข้ามาพบอย่างงั้นหรอหรือตั้งขึ้นไปมั่วๆกัน แต่ดูจากท่าทีแล้วคงจะเป็นอย่างแรกเพราะพวกมนุษย์กำลังหลงทางกันอยู่ จากที่ข้าอยู่ฝึกเวทย์มนต์จนเชี่ยวชาญข้าก็สำรวจป่าได้มากขึ้น ทำให้รู้ว่าป่านี้อันตรายสำหรับพวกมนุษย์ แต่สำหรับภูตมันคือสวรรค์เพราะมนุษย์ไม่สามารถเข้ามารุกรานได้ แม้จะมีบางครั้งที่พวกเขาหลงเข้ามาแต่ก็ไม่ได้ก่อปัญหามาก หลังจากฉันตัวใหญ่ขึ้นรูปร่างที่คล้ายกับมนุษย์ก็มากขึ้นเรื่อยๆเหมือนเด็กห้าขวบทำให้ออร์ลต้องหาใบไม้มาปิดส่วนล่างของตนเองไว้ชั่วคราว

[หลังจากวันนี้ข้าไปหาหนอนไหมเพื่อทำด้ายดีกว่าจะได้หาเสื้อผ้าได้สะดวกหน่อย หรือจะเอาหนังเสือมาคลุมเลยดีเนี้ย...ข้าไปขอจากผู้ดูแลภูตก็ได้นี่นาจะคิดยากทำไม]ออร์ลคิดได้ก่อนจะกระพือปีกบางใสของแฟรี่บินแต่เพราเธอตัวใหญ่ขึ้นจึงลำบากและพลาดท่าตกลงมาจากต้นไม้ที่พึ่งนั่งเมื่อครู่

ตุบ!

เพราะออร์ลตกเมื่อครู่ทำให้มนุษย์กลุ่มนั้นตกใจก่อนที่จะถามขึ้นมาว่าเป็นใคร ทำให้ออร์ลคิดในใจ มนุษย์ที่นี่ไม่ได้ถูกสอนว่าอย่าทักถ้ายังไม่เห็นตัวรึไงนะ ก็นะโลกเปลี่ยนสถานที่เปลี่ยน ประเพณีวัฒนธรรมก็เปลี่ยนเหมือนกัน ระหว่างคิดก็มีมนุษย์คนหนึ่งที่ดูแข็งแกร่งที่สุดจับดาบขึ้นมาพร้อมเดินมาทางนี้

[ถ้าเป็นมนุษย์ที่ข้าเคยรู้จักป่านนี้เผ่นราบไปแล้ว]

...

ชิบหายกูลืมว่าตกลงมา เล่นพูดออกมาพวกแม่งก็ได้ยินหมดอ่ะดิ ซ่อนปีกด่วนเลย ออร์ลใช้พลังเวทย์มนต์ของธรรมชาติปกปิดปีกของตัวเองเอาไว้แล้วก็แกล้งหลับ แต่ก็แอบคิดในใจครูหนึ่งว่าทำไมกูไม่บินหนีไม่ก็หายตัวทำไมต้องซ่อนปีก แต่มันก็ไม่ทันแล้วทำให้ออร์ลต้องนอนนิ่งๆแบบนั้น

"เด็ก?"เสียงของคนที่เดินเข้ามาดังขึ้นพร้อมกับมือที่จับชีพจรของออร์ล

ทำเหมือนกับว่าข้าตายแล้วอย่างงั้นแหละผงแผลก็ไม่มีอีกอย่างข้าไม่ตายง่ายๆหรอกนะเจ้ามนุษย์ ออร์ลคิดในใจ แม้ตัวเองจะเคยเป็นมนุษย์แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่มนุษย์อีกแล้วและไม่ได้คุยกับมนุษย์มานานมากทำให้ออร์ลรู้สึกไม่คุ้นชิน

"เด็กคนนี้ไม่น่าไว้ใจเลยนะ มาอยู่ในป้าที่อันตรายแลบนี้แต่กลับไม่มีบาดแผลแถมยังสลบอีกต่างหาก แล้วเมื่อกี้เสียงใครพูดกันล่ะที่บอกว่าถ้าเป็นมนุษย์ที่เคยรู้จักคงเผ่นราบไปแล้ว?"หญิงสาวคนหนึ่งในกลุ่มพูด

...

ชิบหายกูตื่นดีไหมวะ กูออกจากตรงนี้น่าจะดีกว่าเนาะ

"เรื่องนั้นช่างมันก่อนข้าสงสัยว่าเด็กคนนี้เป็นเด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชาย" เออเนาะข้าเคยบอกว่าข้าขอไม่เลือกเพศ แล้วข้าต้องบอกว่าข้าเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงล่ะ เอาผู้ชายแล้วกัน เพราะเคยเป็นผู้หญิงมาแล้ว ออร์ลคิดเสร็จและมั่นใจแล้วว่าตนเองจะเป็นเพศไหนจึงลืมตาขึ้นมาพร้อมกับลุกขึ้นนั่งท่ามกลางสายตาของคนเหล่านั้น

"เจ้าหนู...เจ้ามาจากไหนแล้วพ่อแม่ของเจ้าล่ะ"ตื่นขึ้นมาชายคนที่เดินเข้ามาหาเธอคนแรกก็รัวคำถามใส่ทันทีทำให้ออร์ลถึงกับตั้งตัวไม่ทัน

"ใจเย็นๆหน่อยสิยังไงเขาก็เป็นเด็กน้อย รัวคำถามแบบนั้นเดี๋ยวก็สับสนซ้ำยังจะกลัวกันอีก""งั้นหรอ...ขอโทษนะหนูน้อย ข้าชื่อ ชิน ยินดีที่ได้รู้จักนะ"ชายที่อยู่ตรงหน้าพูดขึ้น ออร์ลมองสำรวจรอบๆมีชายสองหญิงสองอยู่ในกลุ่มนี้ และคนที่อยู่ตรงหน้าของออร์ลคือชายผมสีเขียวอ่อนละมุน นัยตาสีเขียวมรกต ดูน่าหลงไหล คนที่นี่เขาย้อมสีผมกันรึไงทำไมถึงผมหลากสีเลยวะ...กูก็ไม่แตกต่างนี่หว่าผมสีน้ำเงินเข้มเลยเผลอๆเรืองแสงได้อีกตอนกระทบแสงจันทร์ ไม่ได้คิดไปเองหรอกเนอะ

[ผม...ชื่อออร์ลครับ]

"ออร์ล...ได้ยินไหมมิเกลเด็กคนนี้เป็นเด็กผู้ชาย"ชินหันไปมองหญิงสาวผมสีแดงที่คาดว่าน่าจะชื่อมิเกล

"โตไปเบ้าหน้าจะเหมือนผู้ชายมากขึ้นไหมเนี่ยดูจากตอนนี้หน้าหวานชะมัดเลย"มิเกลพูด

ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหน้าจะหวานไหม บอกได้เลยว่าชาติก่อนของข้าออกจะเป็นสาวหล่อมากกว่า แล้วตอนนี้ข้าก็ไม่มีเพศ และข้าบอกพวกเขาไปว่าข้าคือผู้ชายข้าอาจจะหน้าหวานสลับกับชาติที่แล้วก็ได้ใครจะรู้ แล้วจากนี้ต้องทำอะไรต่อล่ะเนี้ย

"เด็กน้อยหิวไหม"ชินถาม แต่ด้วยความว่าออร์ลคือแฟรี่ที่คอยดูดพลังจากธรรมชาติเพื่อใช้ชีวิตเธอจึงส่ายหัวเป็นการยอกว่าไม่หิว

"แล้วเธอรู้ไหมว่าเธอมาอยู่ที่นี่ได้ไงพ่อแม่ของเธอไปไหน"มิเกลถาม ออร์ลยังคงส่ายหัวกลับไปเหมือนเดิม

[ที่นี่...คือที่ไหนหรอครับ]หลังจากได้ยินคำถามทุกคนในกลุ่มก็ชะงักทันที

"เธอไม่รู้งั้นหรอว่าที่นี่คือที่ไหน"ชายอีกคนถามขึ้น

[ไม่รู้ครับ ผมจำอะไร....ไม่ได้เลย]เอาล่ะวิญญาณนักแสดงเข้าสิงข้าต้องสวมบทบาท

[แล้วพวกคุณล่ะครับทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้]

"พวกเราหลงทางน่ะ"ชินตอบ

"ชิน...ข้าหิว~"หญิงสาวอีกคนเดินมาเกาะแขนพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน

น่าหมั่นไส้ชะมัด

ออร์ลคิดในใจพร้อมกับทำหน้างงๆออกไปเป็นการแสดง

[พี่ๆครับ พวกพี่ชื่ออะไรกันบ้างหรอครับ]ออร์ลถามด้วยแววตาสงสัยพร้อมกับเอียงคอเล็กน้อยเพื่อเรียกคะแนน

"คนข้างๆพี่ชื่อริน ผู้ชายคนนั้นชื่อ โด และคนที่พี่คุยด้วยเมื่อกี้คือมิเกล"ชินตอบแทนทุกคน คนที่ออดอ้อนอยู่ชื่อรินสินะ

พวกเขาเดินอยู่ในป่าอย่างงั้นไปเรื่อยๆเพื่อตามหาของที่ดูจะกินได้บ้าง แต่ดูเหมือนมนุษย์พวกนี้จะไม่รู้จักผักผลไม้ในดินแดนนี้เลย ข้าอยากรู้ว่ามนุษย์พวกนี้ไม่รู้จักกระหล่ำปีที่อยู่เต็มข้างทางนี่อย่างงั้นหรอ

"ที่นี่ไม่มีอะไรที่กินได้เลยรึไงกัน"โด คนที่พูดน้อยที่สุดตั้งแต่เดินมาด้วยกันถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย

[ก็มีอยู่เต็มเลยนะครับ]ออร์ลพูดขึ้นพร้อมกับเดินไปหยิบกะหล่ำปีขึ้นมา ท่ามกลางสายตาของทุกคน ทุกคนยืนตาค้างอยู่ตรงนั้นไม่พูดไม่ติงอะไรเลยซักอย่าง

[มีอะไรหรอครับ]

"ออร์ล...หนูน้อย สิ่งที่หนูน้อยเรียกว่าอาหารน่ะมันก็ใช่ แต่ว่าข้างนอกป่าลับแลนี้น่ะเขาไม่กินของในนี้กันเพราะว่าไม่ว่าจะพืชหารือผักหรือสัตว์ล้วนเป็นมอนสเตอร์ทั้งนั้น"ชินตอบ

หา?มอนสเตอร์หรอ ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่ อย่าบอกว่าผักพวกนี้มันมีลิ้นมีฟันออกมาได้น่ะ

แผล็บ

อะ...อะไรเย็นๆที่แก้มเนี่ยอย่าบอกว่าเลียจริงๆ ออร์ลหันมามองกะหล่ำที่อยู่ในมือของตัวเอง มอนสเตอร์งั้นหรอปกติมอนสเตอร์มันต้องดุร้ายไม่ใช่หรอ แต่นี่เลียหน้าข้าอยู่เหมือนกับการอ้อนของน้องหมาเนี้ยนะ อย่าทำแบบนี้สิเดี๋ยวข้าก็กินเจ้าไม่ลงหรอก

[เพื่อนของออร์ลหิวใช่ไหม ข้าจะแบ่งส่วนหนึ่งให้ดังนั้นไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกนะ!]เด็กคนนี้กำลังพูดกับข้าหรอ พวกนั้นไม่ได้ยินใช่ไหม

[พวกเขาไม่ใช่เพื่อนของข้าหรอก...แต่จะให้กินเจ้ามันก็]

[ตอนนี้ออร์ลกำลังสนุกใช่ไหมล่ะ ข้าจะแบ่งส่วนหนึ่งให้เท่านั้นยังไงถ้าข้าอยู่ที่ป่าแห่งนี้ข้าก็ไม่ตายหรอก ซ้ำยังจะเติบโตขึ้นมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ]

[ขอบใจนะ]

[อื้อ!พวกเราเฝ้าดูออร์ลที่เป็นอิสระอยู่ตลอดเลยล่ะ พวกเราหลงไหลในตัวตนของเจ้า ดังนั้นของแค่นี้ก็ไม่เป็นไรหรอก]

"ออร์ล...เด็กน้อยเจ้าพูดภาษามอนสเตอร์งั้นหรอ"

[พวกคุณได้ยินเป็นแบบนั้นหรอ]

"อ่า...ดูท่าเธอคงไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาแล้วล่ะ หากเจอพวกค้ามนุษย์เข้าเธอคงถูกขายในราคาสูงน่าดู"

ค้ามนุษย์?น่าสนใจ ข้าเอาตัวเองไปอยู่ในนั้นดีไหมนะ พวกนั้นจะใช้ประโยชน์จากข้ายังไงกันนะน่าสนๆ ข้าต้องหาทางไปกับมนุษย์พวกนี้ให้ได้ แบะข้าจะได้ใช้โอกาสนี้ออกจากป้าแห่งนี้ ตอนนี้ข้าแข็งแกร่งที่สุดคงไม่เป็นไรแล้วล่ะ ถึงข้าจะโดนเจ้าผู้ดูแลภูตห้ามแต่ก็นะ...ตอนนี้ข้าแข็งแกร่งจนเอาตัวรอดได้แล้วนี่นา

[พวกเขาบอกว่าพวกเขาจะแบ่งส่วนหนึ่งให้กิน]ออร์ลพูดก่อนที่จะยื่นกะหล่ำให้กลุ่มคนตรงหน้า แต่เพราะพืชผักผลไม้ในที่แห่งนี้ถูกเรียกว่ามอนสเตอร์ ออร์ลยื่นไปให้ใครพวกเขาก็เอี่ยวตัวหนีกันหมด

ขี้ขลาดชะมัด ถ้าพวกเจ้าไม่ทำข้าต้องให้ให้พวกเจ้าใช่ไหม ออร์ลมองพวกเขาด้วยความอ่อนใจก่อนจะใช้เวทย์มนต์ตัดต้นไม้ที่อยู่ข้างๆให้กลายเป็นที่วางของพร้อมกับลงมือทำอาหารทันที

แค่อาหารยังต้องให้เด็กห้าขวบ(ร้อยปีขึ้น)หาให้กินอยู่รึไง หลังจากทำอาหารเสร็จออร์ลก็วางอาหารที่ปรุงเสร็จเรียบร้อยไว้กับตอไม้ที่พึ่งตัดไปเมื่อครู่

[เอาล่ะพวกพี่หิวใช่ไหมครับ ทานสิครับ]ออร์ลมองกลุ่มคนที่ยืนอึ้งเพราะความตกตะลึงที่เห็นเด็กอายุห้าขวบตัดต้นไม้ที่ดูตัดยากนั่นได้ภายในพริบตาและทำอาหารได้อย่างหน้าตาเฉย

...

[ยืนนิ่งกันนานจังเลยนะครับ หรือว่าจะไม่กินไม่งั้นผมจะเททิ้งนะครับ]ออร์ลพูดพร้อมกับยกจานขึ้นมาหนึ่งจานเตรียมเททิ้ง

"ตกลงๆอย่าทิ้งเลย กลิ่นมันน่ากินมากหากทิ้งไปพวกข้าคงเสียดายน่าดู"และอีกครั้งชินก็ยังเป็นคนที่ตอบออร์ลอีกเช่นเคย

คนอื่นไม่มีปากหรือไงแถบจะไม่พูดกันเลยหรือไม่เข้าใจข้ากัน หรือพวกนี้กลัวข้าจับสังเกตได้ว่าพวกมันนี่แหละพวกค้ามนุษย์ น่าสนใจ น่าสนใจ ข้าขอส่องดูความทรงจำของพวกเจ้าแล้วกัน...แต่ข้ายังไม่ค่อยคล่องเลยนะ แต่แล้วไงล่ะ ออร์ลคิดเรื่องชั่วร้ายด้วยใบหน้าเฉยชามองพวกเขากินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย ออร์ลมองพวกเขาทีละคนๆตั้งแต่หัวจรดเท้าโดยไม่ให้พวกเขารู้ตัวว่าออร์ลกำลังอ่านความทรงจำของพวกเขาอยู่

"ฮ่าา อร่อยจังนี่ฝีมือเด็กห้าขวบจริงๆหรอเนี้ย"

พวกเจ้าเนี้ย...ปล่อยตัวเกินไปนะ เห็นว่าเป็นเด็กห้าขวบเลยคิดว่าข้าจะโดนหลอกง่ายๆงั้นหรอ จะเล่นด้วยหน่อยนะเด็กน้อย ออร์ลคิดพลางยิ้มชั่วร้ายก่อนจะตีหน้านิ่ง

[แล้วพวกพี่ๆจะทำยังไงกันต่อหรอครับ ผมว่า...ผมอาจจะพาพี่ๆออกจากป่านี้ได้นะครับ สัญชาตญาณของผมมันบอกน่ะครับ]

"จริงหรอ!งั้นต้องพึ่งพาเด็กน้อยแล้วล่ะ"มิเกลพูดขึ้น

[ครับ]

3งานประมูล

ออร์ลเดินนำกลุ่มคนที่พึ่งพบเจอได้ไม่นานออกจากป่าลับแลแห่งนี้ได้ประมาณสัปดาห์หนึ่งแล้ว ระหว่างทางนั้นคนทำอาหารก็ยังเป็นออร์ลที่รับทำหน้าที่ทำอาหาร น่าแปลกที่ไม่ใช่ผู้ใหญ่ที่ทำให้กินแต่ให้เด็กทำซะงั้น ในที่สุดพวกเขาก็ออกมาจากป่าลับแลได้ กลังจากที่ออกมาจากป่าลับแลทิวทัศน์ที่พวกเขาเดินออกมาก็หายไปทันที สมกับคำว่าลับแลจริงๆ คนพวกนี้เดินหลงยังไงให้เข้าไปในป่าลับแลได้กันนะ

"ถึงข้างนอกแล้ว!ในที่สุดก็จะได้กลับบ้านซักทีวู้ว!!"หญิงสาวที่ดูจะโมโหร้ายแต่กลับเป็นคนที่เฟรนลี่และมีนิสัยน่ารักที่สุดในกลุ่มพูดขึ้น เธอสดใสจนบรรยากาศรอบตัวเหมือนมีสีสันมากขึ้นเลย ออร์ลมองมิเกลแล้วยิ้มด้วยความเอ็นดูก่อนจะกลับมาตีหน้านิ่งเหมือนเดิมเมื่อมิเกลหันมาหาตัวเอง

"ขอบคุณนะเด็กน้อย ถ้าไม่ได้เธอพวกข้าคงตายอยู่ในป่านั้นแล้วล่ะ"

[แค่ผม...ได้เป็นประโยชน์กับพวกคุณก็ดีแล้วล่ะครับ]ออร์ลพูดด้วยท่าทีเคอะเขินเมื่อได้รับคำชมทำให้พวกเขาเอ็นดูออร์ลไม่น้อย แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่านั่นคือการแสดงของออร์ล

"เอาล่ะทีนี้เราก็เข้าเมืองกันเถอะ"

[เมือง?]ถึงจะรู้แล้วว่าเมืองคืออะไรแต่ข้าไม่รู้เลยว่ามีเมืองแบบไหนอยู่บ้าง ไม่แน่ที่ที่ข้าอยู่อาจจะถือกำเนิดกลายเป็นเมืองใหม่ก็ได้ อาจจะถูกเรียกว่าเมืองลับแลเลยด้วยซ้ำ

"เมืองที่พวกเรากำลังจะไปน่ะเป็นเมืองหลวงไม่สิน่าจะเรียกว่าราชอาณาจักรมากกว่า เพราะที่นั่นน่ะมีกำลังรบแบะการรักษาความปลอดภัยสูง แต่ก็ยังมีพวกผิดกฎหมายเหลือรอดได้อยู่ล่ะนะ"

และพวกผิดกฎหมายที่ว่าก็คือพวกเจ้านั่นแหละ เอาล่ะได้ออกมาจากที่นี่แล้ว

เห้อ

"หนูน้อยเจ้าถอนหายใจทำไม"

[ข้าแค่รู้สึกว่าตัวเองได้เป็นอิสระ ซักที]เมื่อไหร่จ้าจะได้บินข้าอยากเป็นอิสระบนท้องฟ้ามากเลย ข้าอยากบินชะมัด เดินพื้นแบบนี้แล้วรู้สึกอึดอัดชะมัดเลยแถมเดินแบบนี้ยังทำให้ข้าหงุดหงิดง่ายอีกด้วย...เอาเถอะบ่นไปก็ไม่ช่วยอะไร

"เอาล่ะเด็กน้อยเจ้าอยากรู้ไหมว่าราชอาณาจักรของพวกเราเป็นแบบไหน"มิเกลถาม

[อยากรู้ครับ!]ทำหน้าตาตื่นเต้น

"ดี เอาล่ะตอนนี้เริ่มกระตือรือร้นแล้วใช่ไหมล่ะ"ชินพูด

[ครับ ตื่นเต้นมากไปเลย]

"ชินข้าอยากกลับเต็มทีแล้วรีบไปกันเถอะ!"รินพูดพร้อมกอดแขนชิน

"เข้าใจแล้วล่ะ ไปกันเถอะ"

เดินอยู่สองสัปดาห์ก็ถึงเมืองหลวง หลังจากที่ออกมาข้างนอกป่าลับแลพวกเขาก็เป็นฝ่ายทำอาหาร คนทำคือชินและริน พวกนั้นใส่ยาอะไรบางอย่างไว้ในถ้วยของข้าและมิเกล เป็นส่วนผสมที่ใส่ลงไปน้อยมากๆแต่ข้ารู้สึกเหมือนมีบางอย่างกำลังก่อตัวในร่างกายของข้าจึงกำจัดมันทิ้งไปแล้วโดยการใช้เวทย์มนต์ภายในตัวข้าชำระล้าง ส่วนมิเกล...ไว้ค่อยให้เจ้าตัวรู้ก่อนนะว่าไอ้พวกนี้มันทำอะไรไว้บ้าง แล้วเดี๋ยวข้าจะชำระล้างให้ พวกเขาเดินไปจนถึงหน้ากำแพงเมืองก็มีทหารที่คอยตรวจเช็คบุคคลน่าสงสัย ออร์ลมองไปรอบๆอย่างตื่นเต้นเพราะนี่คือเมืองมนุษย์ที่เธอเคยเห็นแต่ในอนิเมะและจะได้พบมนุษย์มากมายที่ไม่ได้เจอมานานหลายร้อยปีอีกครั้ง ถึงมันจะน่ารำคาญแต่ก็อยากรู้ล่ะนะว่ามนุษย์ของที่นี่จะแข็งแกร่งกันขนาดไหน จะแข็งแกร่งขนาดข้าไหมนะ...แต่ไม่น่าหรอกเพราะช่วงชีวิตของมนุษย์นั้นสั้นกว่าข้าเยอะเลย

"ข้าชินนักผจญภัยแรงค์B นี่บัตรประจำตัวข้า"ชินพูดพร้อมกับแสดงบัตรประจำตัวขึ้นมาตามด้วยสมาชิกคนอื่นๆ ดูเหมือนกลุ่มของชินจะมีกันสามคนแต่รอบนี้พวกเขาให้มิเกลเข้ากลุ่มมาด้วยเพราะหวังจะล่อลวงมิเกลไปขายในตลาดมืด และตอนนี้ข้าก็กลายเป็นเหยื่อไปด้วยอีกคน คงกำลังคิดอยู่สินะว่ารอบนี้ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ผิดแล้วล่ะ...เจ้ากำลังคว้าน้ำเหลวอยู่ต่างหาก ออร์ลแสยะยิ้มอย่างน่าขยะแขยงก่อนจะตีหน้านิ่งอีกครั้งก่อนที่ทหารดูแลความแลอดภัยจะหันมาทางตนเอง

[ส...สวัสดีครับ]ออร์ลทำท่าหลบหลังมิเกลเพราะทหารดูแลนั้นมีขนาดตัวที่ใหญ่และบึกบึนจากการฝึกฝน คนๆนี้แข็งแกร่ง ออร่าแตกต่างจากพวกที่ข้ากำลังเดินอยู่ด้วย แต่ก็นะมันไม่ขนามือของข้าหรอก

"เจ้าหนูนี่ชื่อออร์ล พวกข้าเจอเด็กนี่หลงอยู่ในป่า จึงพาตัวเขามาด้วย ความทรงจำของเขาหายไปหมดเลย"ชินพูด ทหารคนนี้ใช้นัยตาสีน้ำตาลมองสำรวจออร์ล

"งั้นหรอ งั้นคงต้องตรวจสอบประวัติหน่อยแล้วล่ะ"ทหารร่างบึกบึนผิวสีน้ำผึ้งพูดพร้อมกับเอื้อมมือมาทางออร์ลหวังจะจูงมือไป ทำให้ออร์ลที่หลบหลังอยู่เกาะมิเกลแน่นขึ้น ท่าทางนั้นทำให้ทหารคนนั้นชะงักและหันหลังเดินพร้อมกับบอกให้พวกเขาตามไป

...

คงแอบเสียใจสินะที่เด็กกลัว แต่ถ้าข้าต้องการคนที่เชื่อใจได้ที่จะจัดการเจ้าพวกค้ามนุษย์นี้ข้าต้องซื้อใจเขา ออร์ลวิ่งไปเกาะขาของทหารคนนั้นพร้อมกับชูมือทั้งสองข้างขึ้นเป็นการบอกให้อุ้มด้วยความออดอ้อน ทหารคนนั้นชะงักอีกครั้งพร้อมกับอุ้มออร์ลขึ้นมาด้วยความแผ่วเบาดุจขนนก

[พี่ทหาร...ผมไม่ได้อ่อนแอขนาดจะแตกหักได้นะครับ พี่ดูจับผมอย่างระวังมากเลยนะ ทำแบบนี้ถ้าไปอุ้มเด็กคนอื่นเขาคงไม่สบายตัว]ออร์ลพูดพร้อมกับขยับตัวให้อยู่ในท่าที่ตนเองนั่งถนัด

[ต้องอุ้มแบบนี้ครับเด็กๆถึงจะนั่งสบาย]อืม...แขนเขาแกร่งชะมัดเลย ถึงจะบอกว่าข้าไม่มีเพศแต่ใช่ว่าจะไม่ใจสั่นหรอกนะ กล้ามเป็นมัดๆเลย ผู้ชายที่ดูแลตัวเองได้น่ะในโลกเก่าหาไม่ได้ง่ายๆเลยนะ

[พี่ชายชื่ออะไรหรอครับ]ออร์ลถามคนที่อุ้มออร์ลอยู่

"แกเร็ธ"แกเร็ธตอบด้วยใบหน้าเย็นชา แต่แก้มที่ขึ้นสีระเรื่อนิดๆก็ไม่พ้นสายตาของออร์ล ออร์ลทำท่าสงสัยจึงเอามือเล็กๆของตนจับที่แก้มของแกเร็ธและมองดูแผลเป็นบนใบหน้าของแกเร็ธ

อืม...ผิวสีน้ำผึ้ง ตาสีน้ำตาลผมสีน้ำตาล น่าหลงไหล ถ้าหากข้าเจอคนแบบนี้ในชาติก่อนข้าคงจะตามจีบไม่เลิกเลย โลกนั้นถึงเจอก็เจอแต่คนเจ้าชู้ไม่ก็สันดานเสีย ข้าไม่เคยเจอคนดีๆเลย แกเร็ธขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ก็ปล่อยให้ออร์ลสำรวจใบหน้าของเขาที่มีสีระเรื่อขึ้นให้เห็นนิดๆ

อ่า...น่ารักชะมัดเลย ออร์ลคิดในใจก็ขยับตัวใช้แขนเล็กทั้งสองข้างกอดคอแกเร็ธพร้อมกับหลับตา เขาคนนี้ให้บรรยากาศที่น่านอนชะมัด ข้าเชื่อใจเขาอย่างงั้นหรอ ออร์ลคิดก่อนภาพจะตัดไป

...----------------...

ออร์ลตื่นขึ้นมาก็พบว่าตนเองนั้นนอนหนุนตักของมิเกล ที่หลับอยู่ในกรง ออร์ลลุกขึ้นมาสำรวจรอบๆ

แกเร็ธคงปล่อยให้ข้ากลับกับพวกนั้นสินะ เอาล่ะจะทำยังไงดีนะ ออร์ลคิดวางแผนในหัวพร้อมกับนั่งกอดเข่าตัวเองเป็นการแสดงว่าตนเองนั้นรู้สึกกลัว ที่นี่มีหลายเผ่าพันธุ์มากๆ มนุษย์สัตว์ เอลฟ์ แวร์วูฟ แม้แต่มนุษย์ด้วยกันเอง แถมยังเป็นมนุษย์เด็กด้วย ว่าแต่พวกนั้น...เอาปีกของข้าออกมาได้ไงเนี้ย ออร์ลมองสำรวจรอบๆตัวอีกครั้งก็พบว่าตัวกรงนั้นติดอุปกรณ์กันเวทย์เอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เหยื่อหนี ข้าคงจะถูกขายราคาสูงมากเลยล่ะสิท่า

"เจ้าหนู..."มิเกลตื่นขึ้นมาพร้อมมองไปที่ปีกสีใสของ ออร์ล ข้าต้องแสดงยังไงล่ะทีนี้ ตามๆน้ำไปล่ะกัน

[พ...พี่มิเกล ทำไมพวกเราถึงมาอยู่ในกรงได้ล่ะครับ แล้วพี่ชิน...พี่รินแล้วก็พี่โดหันไปไหน]ออร์ลพูดพลางมีน้ำสีใสเริ่มไหลอาบแก้มใสของออร์ล

"พวกนั้น...ไม่สิ อีกพักเดี๋ยวพวกเราก็ได้ออกไปแล้วล่ะไม่ต้องกลัวนะ"มิเกลพูด

"มานี่สิหนูน้อย"ออร์ลเดินเข้าไปหาอย่างว่าง่าย ทันใดนั้นมิเกลก็กอดออร์ลเอาไว้ อะไรเนี้ยจะเล่นบทดราม่ารึไง

"ไม่เป็นไรนะเดี๋ยวเราก็ได้ออกไปแล้ว"อ่าจริงสิเมื่อกี้ข้ากำลังบีบน้ำตานี่เนอะ ออร์ลสะอึกสสะอื้นภายในอ้อกอดของมิเกลก่อนจะสงบลงแล้วทำท่าหลับไปอีกครั้ง

"ไอ้พวกเวรตะไลเอ๊ย ข้าจะทำให้พวกแกหายไปจากโลกซะ"มิเกลพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง พร้อมกับมองที่ปีกของออร์ลด้วยความสงสัยและจับปีกของออร์ลอย่างแผ่วเบาราวกับมันจะขาดได้ทุกเมื่อ ปีกนี้มันดูสวยงามและน่าหลงไหล เนื้อสัมผัสมันลื่นมากมิเกลจับได้ไม่นานปีกก็ไหลลงกลับไปอยู่ที่เดิม

แกร๊กๆๆๆ

เสียงโซ่กระทบกันดังขึ้นพร้อมกับประตูบ้านใหญ่เปิดออก พร้อมกับร่างของชายสองหญิงหนึ่งเดินเข้ามา และเริ่มทำการใช้โซ่ลากคนอื่นๆออกไป ชินมาหยุดอยู่ที่หน้ากรงที่ออร์ลและมิเกลอยู่ ก่อนจะแสยะยิ้ม

"เอาล่ะสินค้าพิเศษ มิเกล หญิงสาวที่มีผมสีแดงเด่นชัดซึ่งหายากในยุคสมัยนี้กับสิ่งที่คาดว่าน่าจะเป็นภูตระดับสูงถึงตาพวกเจ้าแล้ว"ชินพูดพร้อมกับเปิดกรง

"โอ๊ะๆถ้าคิดจะโจมตีล่ะก็ปลอกคอที่อยู่ที่คอของพวกเจ้าจะทำงานนะระวังด้วยล่ะ"ชินพูดเตือน

"ไอ้พวกสวะ"มิเกลสบถคำพูดใส่ชินและคนอื่นๆ การกระทำแบบนั้นทำให้ชินยิ้มพร้อมกับปลอกคอของออร์ลที่ปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมา

...

ข้าต้องเจ็บใช่ไหม ออร์ลนิ่งไปหนึ่งวินาทีก่อนจะลงไปนอนกับพื้นพร้อมกับดิ้นทุรนทุราย

[อ๊ากกก!เจ็บนะ!]

"นี่พอเลยนะหยุดเดี๋ยวนี้เลยข้าขอโทษ!"มิเกลพูดขึ้นด้วยความร้อนรน

"หากเจ้าทำให้ไม่พอใจก็จะเป็นแบบนี้แหละ"ชินพูดขึ้นพร้อมกับกระแสฟ้าที่หายไป น้ำสีใสไหลอาบแก้มของ ออร์ล มิเกลเข้ามาดูอาการของออร์ล

"พี่ขอโทษนะ..."มิเกลพูด ออร์ลก็พยักหน้ารับคำขอโทษก่อนจะลุกขึ้นมาเพราะพวกเขาสองคนต้องถูกประมูลในตลาดมืด

ผ้าม่านถูกเปิดขึ้น ข้างหลังผ่าม่านมีร่างของเด็กห้าขวบยืนอยู่ทำให้คนที่มาตลาดมืดต่างตกใจแต่ก็ต้องยิ้มขค้นมาทันทีเมื่อเห็นปีกใสอยู่ข้างหลัง ออร์ลมองไปรอบๆด้วยสายตาเย็นชาและความรังเกียจ

"เริ่มที่บ้านสองเหรียญ"พิธีกรของตลาดมืดพูดขึ้น

โอ้ว ราคาสูงดีนี่ เอาเถอะถ้าเกิดข้าพูดอะไรมากต้องมานั่งแสดงชักกระแด่วเอา มันแอบน่าอายอยู่นะถ้าต้องมาชักกระแด่วต่อหน้าคนเยอะๆน่ะ พูดง่ายๆคือข้าเงียบไว้ก่อนดีกว่า

"ล้านสาม"ลูกค้าที่ถือป้ายหมายเลข87เอ่ยขึ้น

"ล้านหก"65ชูป้ายขึ้น

"หกล้าน"49ชูป้ายขึ้น

"ร้อยล้าน"18ชูป้ายขึ้น

"พันล้าน"3ชูป้ายขึ้น

โห๋ สุดยอดแต่นั่นมันยังน้อยกว่าเงินที่ข้าชีวิตก่อนทำงานได้ห้าล้านต่อหนึ่งเดือนอีก เอาเถอะข้ายังไม่รู้ค่าเงินของที่นี่เผลอๆมันอาจจะเยอะมากๆเลยก็ได้

"โอ้วว พันล้านครั้งที่1"

"พันล้านครั้งที่2"

"พันล้านครั้งที่3"

"การประมูลเป็นอันจบลง"พิธีกรพูดจบผ้าม่านก็ปิดลงก่อนที่ออร์ลจะถูกลากไปหลังเวที

เอาล่ะสวัสดีเจ้าของคนแรกของข้า จะเป็นยังไงกันนะ

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!