เรื่องเล่า เรื่องหลอน

เรื่องเล่า เรื่องหลอน

ใครในห้อง??

สวัดดีค่ะ ฉันชื่อนิษฐา วันนี้ฉันจะเล่าประสบการณ์ชวนขนหัวลุกให้ฟัง ตอนนั้นฉันอายุ 15-16 พอจบมัธยมปลาย ก็ได้มาเรียนต่อในกรุงเทพฯ

ช่วงแรกๆฉันยังพักอยู่กับน้าสาวในบ้านเช้าหลังเล็กๆซึ่งมีเพียงหนึ่งห้องนอนเท่านั้น แต่ฉันกับน้าสนิทกันมาก จึงไม่ได้ติดอะไร แต่พอมีน้าเขยย้ายเขามา ฉันจึงต้องจำใจย้ายออกมา

ถึงอย่างนั้นน้าทั้งสองก็พาฉันตะเวนหาห้องเช่าที่นักศึกษาพอเช่าได้อยู่หลายเเห่ง จนมาพบกับที่ๆหนึ่ง ซึ่งเป็นบ้านหลังใหญ่ แบ่งห้องให้เช่าเหมือนคอนโด

และอีกอย่างที่นี้ยังรับเฉพาะผู้หญิง เนื่องจากคนที่ดูแลที่นี้เป็นหญิงมีอายุมากแล้ว จึงกลัวว่าถ้ารับผู้ชายเขามาอาจจะดูแลได้ไม่ทั่วถึง หรืออาจจะสร้างปัญหาตามประสาวัยรุ่นที่คึกคะนอง

ภายในบ้านมีห้องพักมี 5 ห้อง ชั้นบนมี 3 ห้อง ชั้นล่างมี 2 ห้อง และมีห้องโถงขนาดใหญ่ ในตัวบ้านมีห้องน้ำ 3 ห้อง ซึ่งเพียงพอสำหรับผู้เช่า 5 คน ซึ่งหญิงเจ้าของบ้าน ภายหลังฉันรู้จักกับเจ้าของบ้านมากขึ้น ป้าเขาชื่อป้าแช่ม ป้าเขาอาศัยอยู่ที่บ้านหลังเล็ก ซึ่งอยู่ถัดจากบ้านหลังนี้ไป

และในตอนนั้นมีห้องว่างอยู่ 1 ห้องพอดี ซึ่งเป็นชั้นล่าง มีหน้าต่างเล็กๆที่สามารถมองเห็นสวนดอกไม้ที่ป้านุ้ยปลูกได้ ฉันกับน้าๆถูกใจที่นี้มาก และเมื่อถามราคาก็พบว่าไม่ได้แพงเหมือนหลังอื่นๆ น้าเขยจึงสงสัยว่าทำไมราคาเช่าที่นี้ถูกกว่าที่อื่นมากนัก พอป้าแช่มบอกว่าเห็นใจนักศึกษาที่มาพัก จึงตกลงเช่าที่นี้ทันที

ทุกอย่างปกติดี ไม่มีอะไรผิดสังเกต เพื่อนรวมบ้านฉันก็พอรู้จัก ซึ่งทั้ง 4 มีอายุมากกว่าฉัน พี่ฟ้า และ พี่น้ำตาล เป็นนักศึกษามหาลัยเดียวกันกับฉัน พี่อิง ทำงานพิเศษจึงเรียนภาคค่ำ ส่วนพี่หยกทำงานแล้ว ทุกคนดีกับฉันมากๆ แต่ส่วนใหญ่เราก็มีเวลาไม่ค่อยตรงกัน จึงไม่ได้พูดคุยอะไรกันเท่าไหร่

ต่อมาฉันพบว่ามีบางสิ่งบางอย่างแปลกไป มีวันหนึ่งที่ฉันต้องทำรายงานจนดึก และฟุบหลับคากองรายงาน ฉันจำได้ว่าเหนื่อยจนไม่มีแรงลุกขึ้นไปปิดไฟเลยแม้แต่น้อย

แต่พอฉันตื่นขึ้นมา กลับพบว่าไฟถูกปิดเอาไว้ และกองรายงานที่กระจัดกระจาย กลับเป็นระเบียบขึ้นมาซะอย่างนั้น!(?)

จะว่าป้าแช่มก็คงไม่น่าใช่ เพราะว่าป้าแช่มไม่เคยมายุ่งกับห้องของเราเลย

วันนั้นฉันจึงคิดเข้าข้างตัวเองว่า ตอนที่ฉันยังสะลึมสะลือและลงเหลือสติอยู่บ้าง ฉันคงจะเก็บทุกอย่างให้เป็นระเบียบเรียบร้อย และลุกขึ้นไปปิดไฟก่อนเข้านอน

เพราะปกติแล้วฉันเป็นคนเจ้าระเบียบมาก ติดนิสัยนี้มาจากแม่ที่เป็นครู แต่พอแยกออกมาอยู่คนเดียวนานๆเข้า ไม่มีคนคอยบ่นคอยเตือน ความเป็นระเบียบฉันก็ค่อยๆลดลง

ห้องของฉันเริ่มรกขึ้นทุกวันๆบ่อยครั้งที่ฉันหาของที่ต้องการไม่เจอ จำไม่ได้ว่าเอาว่างไว้ที่ไหน ครั้งนึงฉันกำลังทบทวนบทเรียน แล้วจำเป็นต้องใช้ปากกาไฮไลท์มาขีดส่วนสำคัญเอาไว้ เหมือนที่เคยทำอยู่บ่อยๆ แต่ครั้งนี้ฉันหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ

"เอ๊ะ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่ไหนนะ"

แล้วพอฉันหาในลิ้นชักแล้วไม่มีจึงเงยหน้าขึ้นมา กลับพบปากกาสีนีออนสะท้อนแสงวางอยู่บนโต๊ะ!(?)

สีปากกามันค่อนข้างที่จะสะดุดตามาก และเป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะมองไม่เห็นในตอนแรก!

เรื่องแปลกๆแบบนี้เริ่มเกิดขึ้นกับฉันอยู่บ่อยๆ จนมันเป็นความเคยชินไปเสียแล้ว พอย้อนกลับไปคิดว่าทำไมไม่นึกเอะใจหรือสงสัยบ้างหรอ ทั้งๆที่เรื่องแบบนี้มันไม่น่าเกิดขึ้นได้เลยสักนิด

อย่างเรื่องที่ห้องฉันรก แล้วอยู่ๆก็ถูกจัดให้เป็นระเบียบขึ้นมาซะดื้อๆ โดยฉันยังจำไม่ได้เลยว่าเก็บห้องไปเมื่อไหร่ หรือพอหาของชินนั้นไม่เจอ ก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าซะอย่างนั้น

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ฉันไม่สบาย แล้วพอลืมตาขึ้นมาก็พบว่ามีผ้าชุบน้ำโปะอยู่ที่หน้าผาก และมีผ้าห่มคลุมตัวอยู่ แต่ฉันก็คิดว่าป้าแช่มคงรู้ว่าฉันไม่สบายเลยขึ้นมาดู

...และเรื่องที่เหลือเชื่อกว่าก็เกิดขึ้น...

คืนนั้นฉันกลับบ้านค่อนข้างดึกเพราะทำกิจกรรมกับทางมหาลัย เนื่องจากจะมีการจัดนิทรรศการ ฉันและเพื่อนๆจึงอยู่กันจัดบอร์ด และเช็คความพร้อมของสถานที่ก่อนที่งานจะเริ่ม

ฉันกลับมาถึงบ้านราวๆห้าทุ่ม เมื่อมาถึงหน้าห้องฉัน ปรากฏว่าลูกบิดประตูไม่ได้ล็อค และหน้าต่างถูกเปิดแง้มๆอยู่ ทั้งๆที่ฉันเช็คแล้วเช็คอีกก่อนออกจากบ้าน ว่าประตูหน้าต่างถูกล็อคหมดเรียบร้อยแล้ว

"หรือว่าขโมยจะเข้าห้อง!!"

ฉันพูดเบาๆก่อนจะกวาดตามองไปรอบๆห้อง แต่ไม่เห็นมีสิ่งผิกปกติ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คยังอยู่บนโต๊ะ ไม่มีใครอยู่ในห้อง ข้าวของไม่ได้ถูกรื้อ ถึงจะเป็นอย่างนั้น ฉันก็ไม่วางใจ จึงรีบไปประตูเสื้อผ้าที่เก็บของมีค่าไว้ในนั้นสมุดบัญชีธนาคาร บัตรเอทีเอ็ม และเงิน ที่เตรียมไว้เป็นค่าเช่าห้องและค่าใช้จ่ายยังอยู่ ทำให้ฉันโล่งใจขึ้นมา แต่ก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่ามีใครเข้ามาในห้อง

ฉันจึงรีบตัดสินใจจะไปถามพี่ๆ แต่พี่อิงที่ชั้นล่างเหมือนกันกับฉันยังไม่กลับมาจากการเรียนภาคค่ำ ส่วนพี่ฟ้ากับพี่น้ำตาลไปต่างจังหวัด ฉันจึงลองขึ้นไปเคาะประตูห้องพี่หยกดู แต่กับไม่มีเสียงตอบรับและประตูก็ถูกล็อค

"ถ้าพี่หยกไม่อยู่ งั้นเราก็...."

อยู่คนเดียวในบ้านนะสิ!! ฉันเริ่มวิตกกังวล และกลัว ทำให้ฉันนึกย้อนในเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมา หรือบ้านหลังนี้จะมีบางสิ่งที่มองไม่เห็น!!

📲Rrrrrrr

จู่ๆก็มีเสียงโทรศัพท์ของฉันดังขึ้น ฉันพอได้สติดังนั้นจึงรีบวิ่งลงบันได เผื่อว่าจะเป็นสายของเพื่อน ฉันจะได้ขอให้มาอยู่เป็นเพื่อน หรือไม่ก็ขอไปอยู่กับเขาซะเอง

แต่พอลงมาได้ถึงขั้นสุดท้าย ความรู้สึกฉันก็ดับวูบลง พร้อมกับเสียงโทรศัพท์ที่เงียบไป

พอฉันรู้สึกตัวอีกที ก็พบว่าตนเองได้มานอนที่โรงพยาบาลแล้ว และมีผ้าพันแผลอยู่รอบหัวฉัน ข้างๆฉันมีน้าสาวและป้าแช่มคอยเฝ้าฉันอยู่ ฉันไม่รู้ว่าหลังจากที่ลงบันไดมาแล้ว แล้วเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น

และเรื่องแปลกๆที่ฉันเจอดูเฉยๆไปเลยหลังจากที่ฉันได้ฟังในสิ่งที่ป้าแช่มเล่าให้ฉันฟัง

ป้าแช่มเล่าให้ฟังว่าได้ยินเสียงโครมครามและสิ่งของหนักๆล้มหลายครั้ง และเสียงคนร้องขอความช่วยเหลือ ดังออกมาจากในบ้าน เป็นเสียงที่ฟังแล้วแทบไม่รู้ภาษาว่าเจ้าของเสียงจะพูดอะไร แต่ที่แน่ๆเป็นเสียงของผู้ชาย ที่กำลังร้องตะโกนร้องด้วยความกลัว และต้องการหนีจากบางสิ่งบางอย่าง

ในตอนนั้นป้าแช่มรีบโทรหาตำรวจ และเพื่อนบ้านในระแวกนั้นที่ได้ยินเสียงก็พากันออกมาดู หลายคนที่ไม้ท่อนใหญ่ๆออกมาด้วย เผื่อมีการต่อสู้จะได้ช่วยกันได้ทัน

เมื่อตำรวจมาถึง ป้าแช่มรีบชี้ทางไปยังจุดที่ได้ยินเสียง ซึ่งก็คือห้องของฉัน และเมื่อเข้าไปในห้อง ทุกคนต่างก็ต้องพบว่าเปิดประตูห้องไม่ได้และพอช่วยกันออกแรง ก็พบว่ามีโต๊ะเขียนหนังสือซึ่งเป็นไม้เก่าแก่มีอายุขนาดใหญ่มาขวางประตูห้อง และหน้าต่างก็มีตู้ใบใหญ่ซึ่งเดิมอยู่ที่ผนังอีกด้านพิงอยู่ เหมือนไม่ต้องการให้คนในห้องออกไปได้

และก็มีร่างของฉันที่นอนจมกองเลือดไม่ได้สติ อยู่กลางห้อง และที่มุมห้องมีวัยรุ่นเอามือปิดหน้า นั่งตัวสั่นตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ พร้อมกับพึมพำอยู่คำเดียวว่ากลัวแล้วๆ

ตำรวจรีบเรียกรถพยาบาลมารับฉันและทำการสอบสวนวัยรุ่นคนนั้น ซึ่งในตอนแรกพูดจาไม่รู้เรื่อง พูดได้แต่คำว่าช่วยด้วยๆกลัวแล้วๆ แต่พอพาตัวออกมานั่งสงบสติอารมณ์ชายวัยรุ่นคนนั้นก็เล่าเรื่องที่ไม่น่าเชื่อที่เกิดขึ้นในห้องนั้นให้ฟัง

เขาได้เล่าว่าเขาเป็นวัยรุ่นติดยา คืนที่เกิดเหตุได้ผ่านมาที่บ้านหลังนี้ เขาเห็นว่าบ้านหลังนี้ไม่มีใครอยู่ จึงได้ทำการเข้ามาทางหน้าต่าง จึงคิดจะเข้ามาขโมยของ เขาได้เขามาในห้องของฉัน และได้ทำการรื้อค้นตู้หรือโต๊ะ และเปิดลิ้นชักต่างๆ แต่ไม่พบของมีค่าใดๆ จึงออกไปหาห้องอื่นต่อ ฉันนึกถึงสมุดบัชชี บัตรเอทีเอ็ม และเงินที่อยู่ในตู้ที่อยู่ครบ หรือว่าจะมีอะไรบังตาไม่ให้เขาหาเจอ

ในจังหวะที่เขาได้ของมีค่าจากห้องพี่อิง และกำลังหลบหนี เขาก็ดันเห็นฉันซะก่อน ด้วยความตกใจเขาก็ได้จับตัวฉันเอาศีรษะกระแทกกับราวบันไดอย่างจังจนฉันหมดสติไป

เรื่องน่าสยองคงไม่เกิดขึ้นกับเขา ถ้าหากเขาหนีไปในตอนนั้น แต่เขากลับลากฉันเข้าไปในห้องหมายจะข่มขืน

เขากำลังจะลงจะลงมือ แต่แล้วจู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีมือปริศนามากระชากผมของเขาจากด้านหลังจนหน้าหงาย พอเขาหันไปมองรอบๆห้องก็ไม่เห็นมีใคร จนเขาเริ่มประหลาดใจ(?) และในตอนนั้นเอง ร่างเขาก็ถูกแรงกระแทกอัดเข้ากับมุมผนังอย่างจัง เขาตะเกียกตะกายหาทางหนี แต่ร่างก็เหมือนถูกตรึงไว้

แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นก็ทำให้เขาสติแตกร้องไม่เป็นภาษาอย่างกับป้าแช่มและที่เพื่อนบ้านได้ยิน

ข้าวของในห้องถูกมือที่มองไม่ให้ระดมขว้างใส่เขา พร้อมเสียงหัวเราะอันสยดสยองและเยือกเย็นของผู้หญิง ยิ่งเขากลัวมากขึ้นเท่าไหร่เสียงหัวเราะยิ่งดังเท่านั้น เขาตัดสินใจใช้แรงทั้งหมดที่มีพุ่งเข้าไปที่ประตู แต่แล้วโต๊ะตัวใหญ่กลับลอยเข้ามาขว้างทางออก เสียงโต๊ะกระแทกพื้นดังโครมคราม พร้อมกับตู้ที่ค่อยๆเคลื่อนไปปิดหน้าต่าง เสียงหัวเราะที่ชวนขนหัวลุกยังดังต่อเนื่อง จนกระทั่งตำรวจและป้านุ้ยเข้ามา

ชายวัยรุ่นสาบานว่าจะไม่เข้าไปขโมยของและทำร้ายใครอีกแล้ว เรื่องคดีฉันกับน้าๆก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณตำรวจ

ส่วนฉันยังอดสงสัยไม่ได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร แต่ฉันก็นึกขอบคุณสิ่งที่มองไม่เห็นซึ่งคอยให้ความช่วยเหลือฉันตลอดมา

.

.

.

.

.

.

.

มองอยู่ที่มุมห้องและยิ้มกับภาพตรงหน้าอย่างพอใจ(?)

เลือกตอน
เลือกตอน

อัพเดทถึงตอนที่ 2

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!