จิตวิญญาณและคำสาบานแห่งเหล็ก
Act 0 [Chapter 0]: ปฐมบทแห่งการเอาตัวรอด
[คำเตือน ⚠️ 18+ อาจมีภาพ เสียง หรือเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม]
วิธีอ่าน หากมีตัวละครที่ชื่อ Soundtrack ปรากฎขึ้นแนะนำให้กดเล่นเสียงเพื่ออรรถในการอ่าน หากเจออีกครั้งในขณะที่เสียงเดิมยังไม่หมดให้ทำการเปิดอันใหม่ทันที
*ข้อความ* สัญญาลักษณ์นี้หมายถึง การกระทำ
*/ข้อความ/* สัญญาลักษณ์นี้หมายถึง พูดในใจ
ท่ามกลางท้องทะเลอันกว้างใหญ่ เรือมากมายนั้นแล่นไปในทิศทางเดียวกัน
มีประชากรมากกว่า 1,000 คนในสายตาของผู้คนที่กำลังมุ่งหน้าไปสู่ทิศทางที่ไม่รู้จุดหมาย
อย่างไรก็ตามธีเมียร์ไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใครและมาจากไหน ทิศทางของดวงตาของแต่ละคนไม่ชัดเจนและคลุมเครือ ราวกับไม่มีแสงใด ๆ ที่สามารถส่องโลกให้สว่างไสวได้ ราวกับว่าพวกเขามองไม่เห็นอะไรเลย
ธีเมียร์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขามาจากที่ไหน แต่ที่ธีเมียร์รู้แน่ๆคือพวกเรากำลังหนีจากดินแดนเก่าของพวกเราเพื่อมุ่งหน้าไปยังทวีปอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงโรคระบาดครั้งยิ่งใหญ่
โรคระบาดนี้พวกเราตั้งชื่อให้พวกมันว่าโรคระบาดแห่งเลือด สาเหตุมาจากหากผู้ที่ติดเชื้อไปจะทำให้ผู้ติดเชื้อสำรอกเลือดออกมาจากทางปากจนเสียชีวิตและหากสูดดมหรือเลือดของผู้ตายติดไปกับบาดแผลเปิดละก็ จะทำให้คนนั้นติดเชื้อทันที อาการจะแสดงหลังจาก 7 วัน หลังการติดเชื้อและพวกเราไม่รู้เลยว่าสาเหตุของโรคนี้คืออะไร
เราไม่มีแม้แต่ยาที่จะป้องกันได้ เป็นโรคติดเชื้อที่ไม่มีใครรู้อะไรเลย นั่นคือภัยพิบัติที่ร้ายแรงที่สุด เมื่อมองดูทะเลอีกครั้งก็มีแต่คลื่นไม่รู้จบ
ธีเมียร์
Pie Wersez Domine, Dona Eis Requiem.
ธีเมียร์
*/ข้าแด่พระองค์ เวอเซสส์ ขอให้เหล่าลูกๆของท่านได้พักผ่อนอย่างสุขสบายด้วยเทอญ/*
เทเมียร์ เป็นตัวเอกผู้ชาย อายุ 28 ปี เขาเป็นทหารผ่านศึกจากอาณาจักร วาลานเดีย แต่เมืองนี้ถูกทำลายด้วยโรคระบาดครั้งใหญ่ เขาออกจากเมืองพร้อมกับ เมนน่า เพื่อนในวัยเด็กของเขา
ธีเมียร์เริ่มสวดภาวนาพร้อมกับคนที่อยู่ในเรือลำเดียวกันกับเขา
?
Pie Wersez Domine, Dona Eis Requiem
ธีเมียร์
ข้าหวังว่าทวีปใหม่นั้นจะไม่มีโรคระบาดเลือดนะ
เมนน่า
ข้าก็หวังไว้อย่างนั้นเหมือนกัน
เมนน่า หญิงสาวที่มีดวงตาสีฟ้าสดใส ผมสีบลอนด์มีผมหางม้า เธอเป็นเพื่อนสมัยเด็กของเทเมียร์ เธอชอบทอผ้าและเก็บเกี่ยว พ่อแม่ของเธอยากจนมากเหมือนกับพ่อแม่ของเทเมียร์ เธอเกลียดผู้สูงศักดิ์
อูลัน
อย่าพึ่งพูดถึงเรื่องโรคระบาดเลย เอาให้พวกเราไปรอดจนถึงฝั่งก็พอแล้ว
อูลันเป็นชายอายุ 47 ปี เขาเป็นทหารผ่านศึกจากสงครามในอาณาจักรวลานเดีย เขาเป็นผู้ช่วยชีวิต ธีเมียร์ และเขาสนิทกับธีร์เมียร์มาก เขาเป็นบุคคลที่มีเกียรติเท่าที่ทุกคนเคยเห็นมาก่อน
พัดม่า
*นิ่งเงียบไม่พูดอะไร*
พัดม่า พี่ชายของเมนน่า ประวัติเบื้องหลังไม่ทราบ
อูลัน
เจ้าจะทำอะไรหลังจากที่พวกเราถึงฝั่งละ?
อูลันพูดกับธีเมียร์ด้วยสีหน้าที่สังสัย
อูลัน
เจ้าจะไปยังอาณาจักรใหม่เพื่อใช้ชีวิตเป็นทหารรับจ้างอีกครั้งอย่างงั้นหรอ
ธีเมียร์
ถ้าหากเรื่องราวดำเนินไปได้ด้วยดีอะนะ แม้ว่าเราจะอยู่ในที่ห่างไกล ตราบใดที่มีอาณาจักร ข้าก็พร้อมที่จะเป็นทหารรับจ้างเพื่อมีชีวิตรอด
อูลัน
เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอก
อูลัน
ข้าว่ายังไงพวกเราก็หาทางเอาตัวรอดได้น่า
อูลัน
พวกเราไม่ได้ติดโรคระบาดเลือดสักหน่อย
สีหน้าของเมนน่านั้นค่อนข้างกังวลเล็กน้อย
เธอใช้เวลาครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนที่จะตอบอย่างไร้จุดหมาย
เมนน่า
ข้า....ไม่รู้เหมือนกัน
อูลัน
งั้นแล้วเจ้าละ พัดม่า
ชายหน้าตาน่ากลัวและกล้ามอันใหญ่ตัวได้หันมาทางพวกเรา
พัดม่า
เดี๋ยวข้าก็หาทางได้เองแหละ
พัดม่า
ห่วงเรื่องของเจ้าเถอะไอ้แก่
อูลันรู้สึกโมโหเล็กน้อย แต่เขาพยายามข่มสีหน้าตัวเองเอาไว้
ธีเมียร์
ที่นี้มีแต่ทะเลเต็มไปหมด
ธีเมียร์
สิ่งที่ข้าเห็นมาเพียงแต่ทะเลสุดลูกหูลูกตาและควันสีดำบนฟ้าจากที่ๆเราจากมา
ธีเมียร์
มันเกิดบ้าอะไรขึ้นที่อาณาจักรของเรากันแน่
พัดม่า
พวกเราติดอยู่ท่ามกลางทะเลอันเปลี่ยวและกรรโชก พวกเราไม่รู้หรอกว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่วาลันเดีย
พัดม่า
คงได้แค่หวังว่าจะมีดินแดนในทิศทางที่พวกเรากำลังเดินทางไป
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงคนกำลังไอดังมากและกำลังสำรอกเลือดออกมา
ทิศทางมาจากเรือที่อยู่ด้านหน้าของเราถัดไปอีก 3 ลำ
เสียงโห่ร้องตะโกนบอกเรือลำอื่นว่ามีเรือที่นำคนติดเชื้อมาด้วย
เสียงของลูกธนูไฟนับสิบที่เสียดสีกับอากาศมุ่งไปทางเรือที่มีคนติดเชื้อในทันที
เรือลำนั้นได้ไหม้ทันทีและมีเสียงคนกรีดร้องโหยหวนจากการที่โดนเผาทั้งเป็น
บางคนพยายามที่จะกระโดดลงน้ำแต่ก็โดนไล่ยิงต่อไป
พัดม่า
เจ้าพวกสารเลวนั้นลักลอบขึ้นมาได้ยังไงกัน
พัดม่า
*เก็บคันธนูของเขาหลังจากไปสอยเรือลำนั้นแล้ว*
ในระหว่างทางที่เรากำลังเดินทางไป ก็มีการเผาเรือที่ติดเชื้ออยู่เรื่อยๆ และพวกเราก็ค่อนข้างชินชากับเสียงกรีดร้องพวกนั้นแล้ว
เรือของพวกเราแล่นไปเรื่อยๆจนกระทั่ง 1 เดือนผ่านไป ในที่สุดเราก็ได้ยินเสียงของนกนางนวล
แสดงให้เห็นว่าเราใกล้ถึงชายฝั่งแล้ว แต่สิ่งที่แปลกคือพวกเราเห็นกลุ่มเฆขขนาดยักษ์อยู่บริเวณแผ่นดินที่เรากำลังจะลงจอด
มีภูเขาที่สูงมากๆ ขนาดที่ทะลุกลุ่มเมฆพวกนั้นได้ และพวกเราไม่รู้จักดินแดนนี้หรือเคยได้ยินมาก่อนเลย
ธีเมียร์
พวกเราใกล้ถึงแล้วล่ะ เตรียมตัวกันให้พร้อมดีกว่า
เรือแต่ละลำจอดในที่ๆ ต่างกันมาก
ทุกคนสัมผัสได้ถึงฝนที่กำลังตกและมันแรงขึ้นมากหากพวกเราเข้าไปยังศูนย์กลางของมัน
ภูเขาหิมะขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านเด่นชัดอยู่ไม่ไกลแต่ความจริงแล้วอาจต้องใช้เวลา 17 วันขึ้นไป ในการไปถึงยังเชิงเขา
ฝนนั้นตกมาอย่างหนักและพวกเราทุกคนนั้นเปียกและหนาวเป็นอย่างมาก
ธีเมียร์
เอาล่ะ พวกเรามาตั้งแคมป์กันดีกว่า
Comments