คุณคือเมฆา ชายหนุ่มอายุ 25 ปี ที่ทุ่มเทชีวิตให้กับการทำงานในฐานะสถาปนิกมาโดยตลอด คุณทำงานเก่งจนขึ้นแท่นเป็นสถาปนิกรุ่นใหม่ที่น่าจับตามอง แต่ในสายตาคนรอบข้าง คุณคือนักธุรกิจที่มีแต่เรื่องงาน ไม่เคยมีเรื่องความรักเข้ามาในชีวิตเลย
จวบจนกระทั่งคุณได้พบกับศิล คุณชายเจ้าของไร่ชา ผู้มีรอยยิ้มแสนอบอุ่นและดวงตาที่เปล่งประกายราวดวงดาวในยามค่ำคืน แต่เบื้องหลังรอยยิ้มนั้นกลับซ่อนความเจ็บปวดบางอย่างไว้ และคุณคือคนเดียวที่ได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดนั้น
คุณกับศิลได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น จนความสัมพันธ์ของคุณทั้งคู่ค่อยๆ พัฒนาจากเพื่อนกลายเป็นคนรัก แต่แล้วความรักของคุณทั้งสองก็ต้องถูกทดสอบด้วยอุปสรรคมากมาย ทั้งเรื่องงานและเรื่องครอบครัว ที่ทำให้ความสัมพันธ์ของคุณทั้งสองต้องสั่นคลอน
คุณจะใช้ชีวิตคู่ของคุณทั้งสองอย่างไรให้ผ่านพ้นอุปสรรคไปให้ได้ และคุณจะช่วยเยียวยาบาดแผลในใจของศิลได้อย่างไร
เมฆาเป็นคนบ้างาน... นั่นคือคำจำกัดความที่ใคร ๆ ต่างใช้เรียกเขา
ในวัย 25 ปี เมฆาได้ก้าวขึ้นเป็นสถาปนิกรุ่นใหม่ที่ถูกจับตามองมากที่สุดคนหนึ่งของประเทศ ด้วยผลงานการออกแบบที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์ ผสมผสานความทันสมัยเข้ากับธรรมชาติได้อย่างลงตัว
แต่ในขณะที่เส้นทางอาชีพของเขารุ่งโรจน์ ชีวิตส่วนตัวของเขากลับว่างเปล่า เมฆาไม่เคยมีเวลาให้เรื่องอื่นนอกจากงาน เขากินข้าวกับลูกค้า คุยเรื่องธุรกิจกับเพื่อน และใช้เวลาว่างทั้งหมดในการอ่านหนังสือเกี่ยวกับสถาปัตยกรรม จนหลายคนคิดว่าเขาเป็นหุ่นยนต์ที่ถูกโปรแกรมมาให้ทำงานเพียงอย่างเดียว
จนกระทั่งวันหนึ่งเมฆาได้รับงานออกแบบรีสอร์ตแห่งใหม่ในจังหวัดเชียงราย เจ้าของรีสอร์ตคือ 'ศิล' คุณชายเจ้าของไร่ชาที่กว้างสุดลูกหูลูกตา
ครั้งแรกที่ได้พบกัน เมฆาประทับใจในรอยยิ้มของศิล รอยยิ้มที่อบอุ่นและอ่อนโยนเหมือนแสงแดดยามเช้าที่สาดส่องลงมาบนยอดดอย เมฆาไม่รู้เลยว่ารอยยิ้มนั้นได้ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
"ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณเมฆา" ศิลเอ่ยทักทายพร้อมยื่นมือมาให้ เมฆาจับมือตอบ มือของศิลอบอุ่นและนุ่มนวลกว่าที่คิด
"ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณศิล" เมฆาตอบกลับไป พร้อมกับแอบมองใบหน้าของอีกฝ่าย ดวงตาของศิลเป็นประกายระยิบระยับราวกับดวงดาวในยามค่ำคืน เมฆาเผลอคิดในใจว่าเขาคงจะหลงทางอยู่ในดวงตานั้นไปตลอดกาล
เมฆาใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการสำรวจพื้นที่และพูดคุยกับศิลเพื่อทำความเข้าใจถึงความต้องการในการออกแบบรีสอร์ต เมฆาได้เห็นถึงความรักและความผูกพันที่ศิลมีต่อไร่ชาแห่งนี้ ศิลเล่าเรื่องราวของไร่ชาให้เขาฟังอย่างกระตือรือร้น ทุกคำพูดเต็มไปด้วยความสุขและความภาคภูมิใจ
แต่ในขณะเดียวกัน เมฆาก็สัมผัสได้ถึงความเศร้าบางอย่างที่ซ่อนอยู่ภายใต้รอยยิ้มของศิล วันหนึ่งเมฆาเห็นศิลนั่งอยู่คนเดียวที่ระเบียงบ้าน มองออกไปยังไร่ชาที่ทอดยาวสุดสายตา ดวงตาของเขาดูเหม่อลอยและเต็มไปด้วยความเศร้า เมฆารู้สึกเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูกที่ได้เห็นภาพนั้น
เมฆาเดินเข้าไปหาศิลอย่างเงียบๆ แล้วนั่งลงข้างๆ ศิลหันมามองเขาด้วยความแปลกใจ
"คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ" เมฆาถามด้วยความห่วงใย
"เปล่าครับ" ศิลตอบสั้นๆ "แค่คิดถึงพ่อกับแม่น่ะครับ"
เมฆารู้ว่าพ่อแม่ของศิลเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อหลายปีก่อน ศิลเป็นลูกชายคนเดียวและต้องแบกรับภาระกิจการดูแลไร่ชาทั้งหมดตั้งแต่อายุยังน้อย เมฆาเข้าใจความรู้สึกของศิลดี เขาเคยสูญเสียคุณย่าซึ่งเป็นคนที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่เด็กไปเมื่อไม่กี่ปีก่อน เมฆาจึงเอื้อมมือไปแตะที่ไหล่ของศิลเบาๆ
"ผมเข้าใจครับ" เมฆาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน "ถ้าคุณไม่สบายใจอะไร บอกผมได้นะครับ ผมยินดีที่จะรับฟัง"
ศิลหันมามองเมฆา ดวงตาของเขามีน้ำตาคลอเบ้า เมฆารู้สึกได้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่ผูกพันกับศิลอย่างแน่นแฟ้นตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
ความสัมพันธ์ของเมฆาและศิลค่อยๆ พัฒนาขึ้นอย่างช้าๆ จากเพื่อนร่วมงานกลายเป็นเพื่อนสนิทที่คอยปรึกษาหารือกันในทุกเรื่อง เมฆาเริ่มใช้เวลาว่างจากงานมาอยู่ที่ไร่ชาของศิลมากขึ้น เขาชอบที่จะได้เห็นศิลยิ้มและหัวเราะอย่างมีความสุข เขาชอบที่จะได้เห็นศิลในมุมที่ไม่มีใครได้เห็น ศิลในแบบที่เป็นตัวเองที่สุด
ในที่สุดเมฆาก็ตัดสินใจสารภาพความในใจกับศิลในคืนหนึ่งที่มีดาวเต็มท้องฟ้า เมฆาพาศิลมานั่งที่ระเบียงบ้านของเขาในกรุงเทพฯ ที่สามารถมองเห็นวิวเมืองยามค่ำคืนได้อย่างสวยงาม
"ศิล... ผมชอบคุณ" เมฆาพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา ศิลหันมามองเขาด้วยความตกใจและประหลาดใจ
"เมฆา... ผม... ผมไม่เคยคิดว่าคุณจะ..." ศิลพูดไม่จบ
"ผมรู้ว่าเราเพิ่งรู้จักกันไม่นาน แต่ผมรู้สึกดีกับคุณจริงๆ" เมฆาพูดต่อ "ผมอยากจะดูแลคุณ อยากจะอยู่เคียงข้างคุณไปตลอด"
ศิลเงียบไปพักใหญ่ เขามองเมฆาด้วยสายตาที่ลึกซึ้งและเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย เมฆารู้สึกใจเต้นแรง เขาไม่แน่ใจว่าศิลจะตอบกลับมาว่าอะไร
"เมฆา... ผมก็ชอบคุณ" ศิลพูดออกมาในที่สุด "ผมไม่เคยคิดว่าจะตกหลุมรักใครได้อีกแล้ว แต่คุณทำให้ผมรู้สึกถึงความสุขและความอบอุ่นที่ผมเคยได้รับจากพ่อกับแม่"
คำพูดของศิลทำให้เมฆารู้สึกดีใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาโอบกอดศิลไว้แน่น เขารู้สึกเหมือนได้พบกับความรักที่ตามหามาทั้งชีวิต
ความรักของเมฆาและศิลเป็นเหมือนเทพนิยายที่สวยงาม เมฆาได้เรียนรู้ที่จะรักและให้ความสำคัญกับคนอื่นนอกเหนือจากงาน เขาได้เรียนรู้ที่จะมีความสุขกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิต เช่น การได้ตื่นมาพร้อมกับรอยยิ้มของศิล การได้นั่งจิบชาด้วยกันในยามเช้า และการได้ใช้เวลาในวันหยุดสุดสัปดาห์ร่วมกัน
ส่วนศิลก็ได้เรียนรู้ที่จะรักตัวเองมากขึ้น เมฆาได้ช่วยเยียวยาบาดแผลในใจของเขาและทำให้เขากลับมามีความสุขได้อีกครั้ง เมฆาไม่ได้มาแทนที่พ่อแม่ของศิล แต่เมฆาคือคนแรกที่ทำให้เขารู้สึกว่าเขาสามารถรักใครสักคนได้อย่างเต็มหัวใจอีกครั้ง
แต่เทพนิยายก็ต้องจบลงในที่สุด...
อุปสรรคแรกที่ทั้งคู่ต้องเผชิญคือเรื่องงานของเมฆา เมฆาต้องเดินทางไปทำงานต่างประเทศบ่อยขึ้น ทำให้เขาไม่มีเวลาให้ศิลเหมือนเดิม ศิลเข้าใจและพยายามไม่บ่น แต่ในใจลึกๆ เขารู้สึกเหงาและอ้างว้าง
"เมฆา... คุณจะไปเมื่อไหร่เหรอครับ" ศิลถามในคืนหนึ่งที่ทั้งคู่นั่งดูดาวด้วยกัน
"พรุ่งนี้เช้าแล้วครับ" เมฆาตอบด้วยความรู้สึกผิด "ผมขอโทษนะครับศิล ที่ผมไม่มีเวลาให้คุณเลย"
"ไม่เป็นไรครับ" ศิลตอบ "ผมเข้าใจว่างานของคุณสำคัญ"
เมฆากอดศิลไว้แน่น "ผมสัญญาว่าผมจะกลับมาหาคุณให้เร็วที่สุดนะครับ"
"ผมจะรอคุณนะครับ" ศิลตอบกลับไป
อุปสรรคที่สองคือเรื่องครอบครัวของเมฆา พ่อของเมฆาไม่พอใจที่เขามีความรักกับผู้ชายด้วยกัน พ่อของเขาต้องการให้เขาแต่งงานกับผู้หญิงที่ฐานะดีเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงให้ธุรกิจครอบครัว
"แกเป็นลูกชายคนเดียวของฉันนะเมฆา" พ่อของเมฆาพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา "แกจะมาคบกับผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ไม่ได้"
"พ่อครับ... ผมรักศิล" เมฆาตอบกลับไปอย่างหนักแน่น "ผมอยากจะใช้ชีวิตอยู่กับเขา"
"แกกล้าขัดคำสั่งพ่ออย่างนั้นเหรอ" พ่อของเมฆาพูดด้วยความโกรธ "ถ้าแกยังดื้อดึงที่จะคบกับมันอีก พ่อจะตัดแกออกจากกองมรดก"
คำขู่ของพ่อทำให้เมฆาสั่นสะเทือนไปทั้งตัว เขารักพ่อและไม่อยากทำให้พ่อเสียใจ แต่เขาก็รักศิลและไม่อยากทิ้งเขาไปเช่นกัน
เมฆาตัดสินใจที่จะทำตามหัวใจของตัวเอง เขาเลือกที่จะอยู่เคียงข้างศิล แม้จะต้องเผชิญหน้ากับความขัดแย้งกับพ่อของเขาก็ตาม
เมฆาเดินทางไปพบพ่อของเขาอีกครั้ง เพื่อพูดคุยและหาทางออกร่วมกัน
"พ่อครับ... ผมขอโอกาสให้ผมได้พิสูจน์ให้พ่อเห็นได้ไหมครับ" เมฆาพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง "ว่าผมสามารถดูแลศิลได้ และผมสามารถดูแลธุรกิจของครอบครัวได้ในเวลาเดียวกัน"
พ่อของเมฆาเงียบไปพักใหญ่ เขามองเมฆาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังและความผิดหวัง
"ก็ได้... ฉันจะให้โอกาสแก" พ่อของเมฆาพูดในที่สุด "แต่ถ้าแกทำให้ฉันผิดหวัง แกจะไม่มีวันได้กลับมาเหยียบที่นี่อีก"
เมฆารับคำท้าของพ่อ และกลับมาหาศิลพร้อมกับข่าวดี ศิลรู้สึกดีใจมากที่เมฆาเลือกเขา แต่เขาก็รู้สึกกังวลว่าเมฆาจะต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคอีกมากมายจากครอบครัวของเขา
"เมฆา... คุณไม่เป็นไรใช่ไหมครับ" ศิลถามด้วยความเป็นห่วง
"ผมไม่เป็นไรครับ" เมฆาตอบ "ตราบใดที่มีคุณอยู่เคียงข้าง ผมก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับทุกสิ่งทุกอย่าง"
คำพูดของเมฆาทำให้ศิลรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ เขารู้สึกโชคดีเหลือเกินที่มีเมฆาเป็นคนรัก
เมฆากลับไปที่ไร่ชาของศิลเพื่อเริ่มงานออกแบบรีสอร์ตอีกครั้ง เขาวางแผนที่จะออกแบบรีสอร์ตให้เป็นสัญลักษณ์ของความรักของเขาและศิล รีสอร์ตที่อบอุ่นและใกล้ชิดธรรมชาติเหมือนความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งคู่
เมฆาและศิลใช้เวลาอยู่ด้วยกันในไร่ชามากขึ้น พวกเขาช่วยกันดูแลไร่ชา ปลูกต้นไม้ และใช้เวลาว่างในการสำรวจพื้นที่รอบๆ ไร่ชา เมฆาได้เห็นศิลในมุมที่ไม่มีใครได้เห็น ศิลในแบบที่เป็นตัวเองที่สุด ศิลที่ยิ้มและหัวเราะอย่างมีความสุข และเขาก็ได้เห็นว่าตัวเองมีความสุขมากแค่ไหนที่ได้อยู่กับศิล
แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นในชีวิตของเมฆาและศิล เมื่อศิลประสบอุบัติเหตุจากการทำงานในไร่ชา ศิลตกลงมาจากรถไถจนขาหัก เมฆารู้สึกตกใจและเป็นห่วงศิลมาก เขาเดินทางไปโรงพยาบาลในทันทีที่ทราบข่าว
"คุณไม่เป็นไรใช่ไหมครับ" เมฆาถามด้วยความห่วงใย
"ผมไม่เป็นไรครับ" ศิลตอบ "แค่ขาหักเอง"
เมฆานั่งลงข้างเตียงของศิล เขาจับมือศิลไว้แน่น เขารู้สึกผิดที่ไม่มีเวลาให้ศิลในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ศิลต้องเผชิญกับเหตุการณ์นี้เพียงลำพัง
"ผมขอโทษนะครับ" เมฆาพูดออกมา "ผมขอโทษที่ผมไม่มีเวลาอยู่เคียงข้างคุณเลย"
"เมฆา... อย่าโทษตัวเองเลยครับ" ศิลพูด "ผมไม่เป็นไรจริงๆ"
เมฆาตัดสินใจที่จะขอพักงานทั้งหมดเพื่อมาดูแลศิล เขาต้องการที่จะอยู่เคียงข้างศิลในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตของเขา เขาต้องการที่จะเป็นคนที่ศิลสามารถพึ่งพิงได้
เมฆาพาศิลกลับมาอยู่ที่บ้านของเขาในกรุงเทพฯ เขาดูแลศิลอย่างใกล้ชิด เขาป้อนข้าว ป้อนน้ำ เช็ดตัว และพาไปทำกายภาพบำบัดทุกวัน
ศิลรู้สึกประทับใจในความรักและความทุ่มเทของเมฆามาก เมฆาทำให้เขารู้สึกเหมือนได้เป็นคนพิเศษที่สุดในโลก เขารู้สึกเหมือนได้เป็นคนรักที่โชคดีที่สุดในโลก
ในที่สุดศิลก็หายดีจากอาการบาดเจ็บ เมฆาและศิลกลับไปที่ไร่ชาของศิลอีกครั้ง เมฆายังคงออกแบบรีสอร์ตของเขาต่อไป แต่ครั้งนี้เขามีแนวคิดใหม่ในการออกแบบ เขาต้องการที่จะออกแบบรีสอร์ตให้เป็นสัญลักษณ์ของความรักที่แข็งแกร่งและมั่นคงของเขาและศิล
เมฆาออกแบบรีสอร์ตให้มีห้องพักที่มองเห็นวิวไร่ชาได้อย่างสวยงาม เขามีแนวคิดที่จะใช้ไม้จากต้นไม้ในไร่ชาของศิลในการสร้างรีสอร์ต ทำให้รีสอร์ตแห่งนี้มีความผูกพันกับไร่ชาของศิลอย่างแน่นแฟ้น
ในที่สุดรีสอร์ตก็สร้างเสร็จสมบูรณ์ในวันครบรอบหนึ่งปีของความรักของเมฆาและศิล เมฆาชวนศิลไปที่รีสอร์ตในวันนั้น
"เมฆา... คุณทำอะไรครับ" ศิลถามด้วยความประหลาดใจ
เมฆาพาศิลไปที่ห้องพักห้องหนึ่ง ห้องพักนี้ตกแต่งด้วยสไตล์ที่อบอุ่นและใกล้ชิดธรรมชาติเหมือนบ้านของเมฆาในกรุงเทพฯ ภายในห้องพักมีรูปภาพของเมฆาและศิลที่ถ่ายด้วยกันมากมาย และยังมีข้อความที่เขียนด้วยลายมือของเมฆาติดอยู่ที่ผนัง
"สุขสันต์วันครบรอบนะครับศิล" เมฆาพูด "รีสอร์ตแห่งนี้คือของขวัญวันครบรอบที่ผมมอบให้คุณ"
ศิลรู้สึกซาบซึ้งใจจนน้ำตาไหลออกมา เขาโอบกอดเมฆาไว้แน่น
"เมฆา... ผมรักคุณ" ศิลพูดออกมา "ผมรักคุณมากที่สุด"
"ผมก็รักคุณครับ" เมฆาตอบ "และผมจะรักคุณตลอดไป"
เมฆาและศิลใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในไร่ชาของศิล เมฆาลาออกจากงานที่กรุงเทพฯ และมาดูแลรีสอร์ตของเขาที่เชียงราย ศิลยังคงดูแลไร่ชาของเขาต่อไป ทั้งคู่ช่วยกันสร้างรีสอร์ตแห่งนี้ให้เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่น
เรื่องราวของเมฆาและศิลเป็นเหมือนเทพนิยายที่สวยงาม ความรักของพวกเขาคือสิ่งที่ทำให้พวกเขาทั้งคู่เติบโตและแข็งแกร่งขึ้น ความรักของพวกเขาคือสิ่งที่ทำให้พวกเขาทั้งคู่สามารถผ่านพ้นอุปสรรคไปได้ และความรักของพวกเขาคือสิ่งที่ทำให้พวกเขาทั้งคู่สามารถมีความสุขได้ตลอดไป