รุ่งอรุณทอแสงสีเหลืองนวลส่องสว่างลอดผ่านกระจกใสอันไร้ม้านปิดกั้น นกกระจอกโผบินเกาะบนกิ่งไม้ มันคาบอาหารไว้ในปากก่อนจะบินขึ้นไปบนรังเพื่อให้อาหารแก่ลูกของมัน
ภายในห้องนอนกว้างใหญ่ ฟอนิเจอร์มากมายจัดตั้งอย่างเป็นระเบียบบ่งบอกถึงความรักสะอาดของเจ้าของห้องอย่างดี เตียงขนาดคิงไซต์ถูกนอนทับโดยสองหนุ่งรูปร่างสูงโปร่ง
"อืม.." เปลือกตาสีไม้ขยับปรือขึ้น ภาพเบื้องมัวเบลอเหมือนคนสายตาสั้นก่อนจะปรับมาเห็นชัดมากขึ้นในเวลาต่อมา
ความรู้สึกคับแน่นบนตัวจนขมวดคิ้วมุ่น เมื่อก้มมองลงไปเล็กน้อยจะเห็นเพื่อนสนิทคนดีคนเดิมนอนซุกหน้าเข้ากับหน้าอกของเขาอยู่
"โจ ตื่นได้แล้วไอ้โจ" เสียงแหบพร่าอย่างคนต้องการน้ำบวกกับพึ่งตื่นทำให้เสียงดูจะใหญ่ผิดปกติไปบ้างตามประสาผู้ชายเสียงแตกหนุ่ม
ใบชา เขย่าตัวคนที่กอดติดแน่นยิ่งกว้าตังเมสองสามทีปลุกอีกฝ่าย แต่นั่นกลับยิ่งทำให้เขารู้สึกหายใจไม่ออกกว่าเดิม
"ไอ้บ้านี่ อึดอัดโว้ย!" แขนที่มีมวลกล้ามเนื้ออย่างคนออกกำลังกายผลักอีกคนออกเต็มแรง และมันได้ผล ในที่สุดเขาก็ได้หายใจหานคอได้บ้างแล้ว
"โธ่ เพื่อน มึงจะรีบไปไหนแต่เช้าล่ะ วันหยุดทั้งทีมึงจะไปทำอะไรวะ" โจหาววอดใหญ่ก่อนจะบ่นอุบ หากหันไปมองนาฬิกาบนเตียงจะเห็นว่ามันพึ่งจะ6โมงครึ่งเท่านั้นเอง
ไอ้เพื่อนตัวดีคนนี้มันชื่อโจ ชื่อโหลดีเนอะว่าไหม? เป็นเพื่อนกันตั้งแต่จำความได้เพราะครอบครัวทั้งสองเป็นเพื่อนกันจึงทำให้ได้เจอหน้ากันบ่อย ๆ จนสนิทกัน
แรก ๆ มันก็ราบรื่นเป็นเพื่อนเล่น เพื่อนคุย เพื่อนเที่ยว ไม่รู้ว่ามันมาถึงจุดนี้ได้ยังไง จุดที่ว่าหอดแก้มเป็นเรื่องปกติ นอนด้วยกันเป็นกิจวัตร มันเริ่มเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไฮสคูล ครั้งแรกที่มันเริ่มทำตัวแปลกไปเขาถึงกับทำหน้าไม่ถูกจนต้องถามว่าทำเพื่ออะไร
คำตอบที่ได้คือ อยากสนิทกันให้มากขึ้น หรือไม่อยากเป็นเพื่อนกันแล้วหรอ หรืออาจจะเป็น ใครๆเขาก็ทำแบบนี้แล้วก็ชี้นิ้วไปที่ผู้หญิงสองคนที่คาดว่าน่าจะเป็นเพื่อน(?)กันเดินจูงมือแถมยังหอมแก้มกันด้วย
พอเลือกที่จะทำตามใจอีกฝ่ายมันก็จะเริ่มเลยเถิดกว่าเดิม จากจับมือกลายเป็นลูบไล้ จากหอมแก้มกลายเป็นจูบ บางทีก็รู้ากแหม่ง ๆ ละกับคำว่าเพื่อนของมันเนี่ย
"กูหิวข้าว" หลังจากที่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยสักพักใบชาก็เอ่ยตอบอีกคนที่กลับมากอดเขาเหมือนเดิม
"ตอแหล มึงกินข้าวแปดโมงตลอด"
"...." ก็ใช่ แต่กูร้อน อึดอัด แล้วก็...รู้สึกแปลก ๆ กับมึงด้วยไง
"ขออยู่แบบนี้ไปสักพักได้ไหม แล้วค่อยกินข้าวแปดโมงอย่างที่เคย นะใบชา" ราวกับเสียงลูกหมาตัวน้อยออดอ้อนเจ้านายขอให้เห็นใจ แต่ขอร้องล่ะ เสียงนายมันพิทบูลแล้วไม่ใกล้เคียงกับหมาปอมตัวเล็กน่ารักสักนิด
"เออ เอาเถอะ" สุดท้ายก็ใจอ่อนอยู่ดี
ได้ยินแบบนั้นเจ้าของใบหน้าอันหล่อเหลาสวรรค์ประทานอย่างไอ้โจ ลูกครึ่งอเมริกัน-รัสเซียแต่เกิดที่ไทยก็ยิ้มแฉ่งพร้อมกับฟุบหน้ากลับไปนอนท่าเดิม
เนื่องจากวันนี้สมองนึกครึ้มสวนทางกับร่างกายอยากตื่นขึ้นมาก่อนเวลาปกติ พอได้ผ่อนคลายไปกับเตียงนุ่มหนังตาก็เริ่มหนักขึ้นก่อนจะปิดลงจมเข้าสู้ห้วงนิทรา
หน้าอกกระเพื่อมขึ้รลงเป็นจังหวะสม่ำเสมอบ่งบอกว่าอีกคนได้หลับไปแล้ว โจเงยมองดวงหน้าเกลี้ยงเกลาของคนที่ตนแอบบรักมาเป็นสิบปี
ริมฝีปากบางขยับเข้าใกล้ปากของคนตรงหน้า แตะลงอย่างเบาบางคล้ายกลัวอีกคนจะตื่นขึ้นมาระหว่างนี้
สัมผัสอ่อนนุ่มยังคงติดอยู่แม้จะถอนริมฝีปากออกห่างแล้วก็ตาม โจคลี่ยิ้มเล็กน้อยอย่างสดใส เส้นเลือดฝาดแดงซ่านจากแก้มลามไปถึงใบหูจนร้อนผ่าว
ร่างสมส่วนซึ่งบึกบึนกว่าหนุ่มชาวเอเชียตรงหน้ามุดลงไปแนบกับอกและข่มตาหลับทั้งที่เสียงหัวใจยังคงเต้นโครมครามจนแทบจะหลุดออกมาเต้นข้างนอกอยู่รอมร่อ
ในเช้านั้นพวกเขานอนเพลินจนเลยเวลากินข้าวของใบชาซะงั้น
จบ
. . .
อยู่ๆก็นึกครึ้มอย่างแต่เรื่องสั้นสักเรื่อง