เคยสงสัยไหมว่า “ผี” จริงๆ แล้วมันหน้าตาเป็นยังไง? หรือว่ามันน่ากลัวแค่ไหน? แล้วทำไมในอดีตถึงมักจะมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับการหลอนมากมายในหมู่บ้านชนบท? อาจจะเป็นเพราะผี… อาจจะอยู่ใกล้ตัวเราก็ได้ วันนี้ผมจะเล่าประสบการณ์จริงที่เคยเกิดขึ้นกับคนในครอบครัวของชายคนนึง เรื่องนี้อาจจะหลอนและขนหัวลุกจนเกินจินตนาการของคุณไปมากทีเดียว เตรียมตัวให้พร้อม แล้วเชิญเพื่อนที่ขี้กลัวมานั่งอ่านด้วยกันนะ
เรื่องนี้เกิดขึ้นในหมู่บ้านไท่ซี (蔡徐村) เมืองเวินโจว (温州) ในช่วงทศวรรษ 1970 ซึ่งเป็นประสบการณ์หลอนที่เกิดขึ้นกับคุณปู่ของผู้เล่า (ลี่ซงปิง) ตอนที่ท่านยังหนุ่ม วันนั้นท่านไปเข้าร่วมงานแต่งงานของญาติ และดื่มจนเมามาก เพราะไม่ได้พบปะกับญาติๆ มานาน งานเลี้ยงในหมู่บ้านมักจะดื่มกันจนดึกสงัด เมื่อเลิกงานแล้วท่านเริ่มเดินกลับบ้าน แต่เพราะดื่มเหล้าไปมากจึงเริ่มรู้สึกมึนงงและเซไปมา
ในตอนนั้น หมู่บ้านมีไฟถนนแค่บางจุด เท่านั้นที่สว่าง พอเดินออกจากหมู่บ้านไป ความมืดก็กลืนกินทุกอย่าง ลี่ซงปิงเดินไปตามเส้นทางที่เขาคุ้นเคยดี แต่จู่ๆ แสงจันทร์ก็หายไปจากฟ้า และตอนนั้นเขาก็เริ่มบ่นด้วยความงุนงงเพราะเมา
ไม่นานหลังจากนั้น เขารู้สึกปวดท้องและต้องเข้าป่าไปทำธุระ ขณะที่ทำธุระอยู่นั้น เขาก็เห็นกลุ่มคนเดินมาในความมืด โดยคนที่ถือโคมไฟสีขาวนำหน้าและตามมาด้วยอีกสี่คน ที่แปลกไปก็คือ พวกเขาไม่ได้เดินข้างๆ กัน แต่เดินเรียงแถวกันไปข้างหน้า ลี่ซงปิงรู้สึกประหลาดใจ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะพวกเขากำลังเดินไปในทิศทางเดียวกับที่เขาจะไปบ้าน
เขารีบตามพวกนั้นไปและพยายามเรียกหา แต่แปลกที่คนถือโคมไฟไม่ตอบ เขาจึงเริ่มหันไปถามคนอื่นในกลุ่ม แต่มันกลับยิ่งน่าสงสัย เมื่อเขามองใกล้ๆ เขาพบว่า คนในกลุ่มนั้นถูกมัดด้วยเชือกแดง และพอเห็นหน้าอีกคนหนึ่งในกลุ่ม เขาก็แทบจะเป็นลม เพราะมันไม่ใช่คนเลย แต่เป็น “ผี” ตัวเป็นๆ
จู่ๆ มือเย็นๆ ก็จับที่ไหล่ของเขา และคนถือโคมไฟก็ใช้เชือกแดงมัดที่คอของเขา ลี่ซงปิงตกใจจนแทบจะหายใจไม่ออก เมื่อเขาพยายามจะดิ้นหนี แต่เชือกแดงนั้นเหมือนจะติดอยู่กับคอเขาอย่างแน่นหนา ไม่ว่าจะดึงหรือพยายามขยับยังไงก็ไม่สามารถหลุดออกได้
เขาถูกลากไปเรื่อยๆ จนเริ่มเห็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวมากขึ้น ข้างหน้าเขาคือช่องทางมืดลึกลับ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นประตูไปยังโลกอีกใบ สภาพรอบตัวเต็มไปด้วยคนที่ถือโคมไฟเดินเข้ามา พวกเขาเดินแข็งทื่อเหมือนหุ่นกระบอกที่ไม่มีจิตใจ
ในขณะที่ลี่ซงปิงกำลังจะถูกลากเข้าไปในช่องทางนั้น สติของเขาก็เริ่มหลุดลอย และความกลัวทำให้เขาปัสสาวะในกางเกงไป ก่อนที่เชือกแดงที่รัดคอเขาจะขาดออกเหมือนกระดาษที่ถูกเผา และในขณะที่เขากำลังรู้สึกตัวเองว่าเกือบจะถูกดึงเข้าไปในโลกมืดนั้น กลับพบว่าเขากำลังนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ต้นเดียวกันกับที่เขาเคยไปทำธุระมาก่อน
รอบๆ ตัวไม่มีใครถือโคมไฟ ไม่มีช่องทางมืดให้เห็น มีเพียงความเงียบและความมืดที่ทิ้งเขาไว้ท่ามกลางความสับสน ลี่ซงปิงไม่สามารถทำใจได้ว่าตัวเองได้ประสบกับอะไร เขาไม่แน่ใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเป็นความจริงหรือแค่ฝัน แต่เขากลับรู้สึกถึงความเย็นที่แผ่ซ่านไปในกางเกงและรู้ตัวว่าตัวเอง… “ฉี่ใส่กางเกง”
เมื่อกลับถึงบ้าน เขาป่วยหนักและมีไข้สูง พูดพร่ำไม่รู้เรื่องเหมือนคนบ้า และในที่สุดก็ล้มลงด้วยความกลัวที่ไม่อาจอธิบายได้
เรื่องนี้จะทิ้งความสงสัยและความขนลุกให้คุณสงสัยตลอดไปว่า… บางสิ่งที่เราเห็นหรือเจออาจจะไม่ใช่แค่ความฝัน แต่มันอาจเป็นความจริงที่เราไม่อยากเชื่อเลยก็ได้
#