ผมถูกติดต่อให้ไปทำภารกิจเก็บกู้ซากเรือที่จมอยู่ใต้ก้นมหาสมุทรลึก ที่บรรยายไปแบบนี้เพราะหัวหน้าไม่ได้บอกรายละเอียดเกี่ยวกับมันมาก แต่ผมเองก็ไม่ได้ใส่ใจเหมือนทุกที
ผมรีบขับรถไปถึงสถานี เมื่อไปถึงก็เห็นเพื่อนนักดำน้ำเหมือนกันอีกสี่คนกำลังจับกลุ่มคุยงานกัน ถึงผมจะจับใจความไม่ได้แต่เหมือนจะมีปากเสียงกัน
"และถ้ามันเป็นเรื่องจริงละว้ะ! มึงจะทำยังไง?" จอห์นตะโกนใส่เพื่อนในกลุ่ม
"ใจเย็นๆเว้ย เรื่องนี้เราไปกันต้องหลายคนและอีกอย่างมึงเชื่อเรื่องแบบนี้หรอว้ะ!?" เนตั้นถามจอห์นไป
"มึงก็รู้นี่ว่า..." จอห์นไม่ทันพูกจบก็ถูกแมรี่พูดแทรกกลางคัน
"นี่ แซคมาแล้ว!" เสียงแมรี่ผู้หญิงคนเดียวในทีมพูดด้วยท่าทางร่าเริงทำให้อีกสามคนหยุดพูดและหัดมามองผม
"มีอะไรกันหรอพวกนาย เหมือนว่าจะดูเครียดๆน้ะ" ผมถามไปด้วยความเป็นห่วงเพื่อนแต่เหมือนพวกเขาไม่อยากตอบและพยายามเปลี่ยนเรื่อง
"ไงแซค" เดวิดเรียกผม แต่ไม่ทันไรเนตั้นก็วิ่งมากกอดผม เดวิดมองบนในขณะที่ผมโดนเขากอดและอยู่ในสภาพไม่ต่างจากตุ๊กตาหมี แต่ไม่ได้หมายถึงลูกตาหลุดหรอกน้ะ
"ฉันคิดถึงนายมากเลยเพื่อนเราไม่ได้เจอกันนานเลยน้ะ" เขาพูดขณะกอดผม ผมก็ยิ้มให้เขากลับเพราะกลัวจะดูเสียมารยาทเพราะถ้าจะให้พูดตรงๆผมไม่ค่อยชอบเขาหรอกน้ะ เขาเป็นพวกชอบแกล้งให้คนอื่นหัวเสียน่ะ
จนกระทั่งสักพักพวกเราทั้งหมดก็ต้องขึ้นเรือดำน้ำลงไปยังจุดกู้ซากเรือ ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่จอห์นเหมือนมีท่าทางหวาดกลัวเล็กน้อยทั้งที่ปกติเขาก็จะไม่มีอาการแบบนี้ ความลึกบนหน้าจอของเรือดำน้ำค่อยๆมากขึ้นเรื่อยๆ แสงในน้ำโดยรอบก็ค่อยๆมืดลง
"ไหนใครกลัวความมืดบ้างเอ๋ย" เดวิดเล่นมุข แน่นอนว่ามันไม่ตลก แต่เขาเป็นคนสร้างบรรยากาศไม่ให้คนในทีมเบื่อได้ดีเลยแหละ
"จอห์นแน่นอน" เนตั้นตอบมุขของเขาทันทีหลังจากได้ยิน ในขณะที่จอห์นมองเขาด้วยสีหน้าไม่พอใจแต่ก็เก็บอารมณ์ไม่พูดอะไร
"เนตั้นนายนี่ก็น้ะ" แมรี่ต่อว่าเนตั้นเพราะการกระทำแบบนี้จะทำให้คนในทีมแตกคอกันได้และอาจจะทำให้ภารกิจมีปัญหาตามไปด้วย นั่นทำให้เนตั้นยิ้มแห้งๆและสำนึกผิด
ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่าแต่เหมือนว่าวันนี้ตาขวาผมจะกระตุกก่อนออกจากบ้านบวกกับเรื่องที่พวกเขาทะเลาะกันก่อนหน้านี้ก็ยิ่งทำให้ผมอดคิดไม่ได้ หรือบางทีผมก็อาจจะคิดมากไปเองรึเปล่าน้ะ จนผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เรือดำน้ำของพวกเราได้มาถึงที่หมายแล้ว เหมือนกับนักบินอวกาศมาถึงดวงจันทร์
เรือดำน้ำค่อยๆลงถึงพื้นมหาสมุทรพวกเราใส่หมวกและสวมถังอากาศและอุปกรณ์อื่นๆก่อนจะออกไปสำรวจเรือลำนั้น เราทั้งห้าเปิดไปฉายและส่องไปรอบๆและแยกกันหาอยู่สักพัก
"เจอแล้ว! ตรงนี้ๆ" เดวิดพูดผ่านวิทยุ คนอื่นๆและผมต่างส่องไฟไปทางเขาและได้เห็นเป็นเรือบรรทุกสินค้า แต่ก็ไม่ได้ใหญ่มากนักแต่ผมคาดว่าต้องมีสินค้าทีมีราคาสูงมากแน่ๆถึงขั้นหัวหน้าต้องสั่งมากู้มัน
"มาๆเดี๋ยวผมเข้าไปคนแรกเลย" เนตั้นพูดขึ้นและเดินเข้าไปในซากเรือและคนอื่นๆก็ค่อยๆเดินตามเขาเข้าไป
โลหะยังสนิมยังไม่เกาะ สีก็ยังไม่ลอก ร่องรอยทุกอย่างในเรือนี้เหมือนมันพึ่งจมมาได้ไม่นาน
"ว่าแต่เขาแจ้งมาไหมว่ามันจมเพราะอะไร?" แมรี่ถามคนในทีม แต่ผมก็ต้องประหลาดใจเพราะไม่มีใครรู้เลย ทั้งที่ตอนแรกผมคิดว่ายังไงคนที่เหลือนอกจากผมเขาต้องรู้เหมือนกับครั้งก่อนๆเสมอ เพราะผมก็เอะใจตั้งแต่ระหว่างทางขับเรือดำน้ำโดยที่ไม่มีใครพูดถึงเรืองงานนี้สักคนเดียว
"อ้าก!!!!" เสียงจอห์นตะโกนเข้าวิทยุอย่างสุดเสียงด้วยความหวาดกลัว คนในทีมจึงรีบไปหาเขาเมื่อไปถึงก็พบจอห์นยืนนิ่งขาแข็งอยู่อย่างนั้น
"มาดูนี่ดิ!" น้ำเสียงของจอห์นบอกถึงความหวาดกลัวแบบที่พวกเราต่างไม่เคยได้ยินกันมาก่อน
เราทุกคนเดินไปใกล้ๆสิ่งนั้น ปรากฏว่ามันคือศพ และที่น่าน่าสยองไปกว่านั้นคือศพนี้อวัยวะหลายอย่างหายไป แขนทั้งสองขาดหาย ขาเหลือแค่หนึ่งข้างในขณะข้างที่เหลือก็เละจนเนื้อรุ่งริ่ง ปากและแก้มของเขาขาดสะบั้นจนเห็นแต่ฟันบนล่างที่กำลังอ้าค้างอยู่อย่างนั้นในขณะที่ดวงตาทั้งสองที่อยู่ครบนั้นแสดงถึงความกลัวสุดขีดถึงกับสติหลุด และก็แน่นอนศพนั้นก็เหมือนพึ่งตายได้ไม่นานเหมือนกับร่องรอยอื่นๆในเรือนี้ เนตั้นกับผมเข้าไปตรวจดูสภาพศพอย่างระเอียด ผมดูไปรอบๆก็ไปสะดุดกับรอยเคี่ยวที่ดูเหมือนจะเป็นรอยที่ดูชัดเจนที่สุดผมพยายามจ้องและ...
"ไอ้เชี่ยแม่งเหมือนรอยฟันคนชิบผาย!!!" ผมพูดขึ้นทำให้คนในทีมช็อคต่างเข้ามาดูรอยนั้นและมันก็เหมือยฟันมนุษย์จริงๆที่กัดแบบสุดกำลังหรืออาจจะมากกว่ามนุษย์ด้วยซ้ำ ยังไม่ได้ทันจะทำอะไรไปมากกว่านี้
"เห้ย! นี่ก็มีอีก" เนตั้นพูดขึ้นอย่างตื่นตระหนกและสภาพศพนั้นก็เละพอๆกับศพนี้ พวกเราออกสำรวจเพิ่มเติมและเจอศพของ กับตัน ลูกเรือจนครบแปดคน ที่ผมบอกว่าครบเพราะเราเจอแค่นี้แต่ผมก็ไม่รู้ว่าที่เหลือถูกกินจนหมดไปแล้วรึเปล่า แต่ในตอนนี้ทุกคนต่างเริ่มหวาดกลัว
"ใจเย็นเว้ยพวกเรา เดียวผมติดต่อหัวหน้าให้" เดวิดพูดอย่างเสียงแข็งขึ้นเพื่อให้ขวัญกำลังใจคนในทีม แต่ว่าใครจะกล้าออกจากซากเรือนี้และไปตรงเรือดำน้ำที่ห่างกันประมาณห้าสิบเมตรกัน แต่ละคนก็ช่วยกันหาวิธีมาเสนอ
"งั้นพวกเราก็ไปที่เรือดำน้ำด้วยกันหมดนี่แหละจะได้ไม่ต้องระแวง" ผมพูดขึ้น และดูเหมือนจะเป็นไอเดียที่ง่ายและดีที่สุดโดยที่ไม่มีใครต้องถูกทิ้งให้อยู่ในซากเรื้อนี้ พวกเราเดินออกซากเรือและกำลังตรงไปทางเรือดำน้ำของเรา ระหว่างทางคนอื่นๆก็สาดไฟฉายไปรอบๆเพื่อหาร่องรอยอื่นๆอย่างระเอียด
"หยุด!" เดวิดพูดขึ้นและหยุดเดินในทันที ทำเอาผมและคนอื่นๆสับสนในตัวเขาแต่เมื่อมองไปทางที่เขากำลังส่องไฟฉายไปก็รู้เลยว่านี่จะเป็นฝันร้ายของเราทุกคนไปตลอดชีวิต...
มันคือหัวของคนที่กำลังชะโงกหน้ามองพวกเราจากข้างเรือดำน้ำ ผมของเธอยาว ใบหน้านั้นไม่ชัดเจนเพราะแสงไฟฉายเริ่มจางลงจากระยะตรงนั้นพอดี ทุกอย่างตรงนั้นมืดแต่เห็นเป็นเงารางๆ เธอนิ่งไม่ขยับเหมือนกับเสือที่จ้องเหยื่อ หากเหยื่อเผลอเมื่อไหร่ก็จะเข้าตะครุบในทันที
จอห์นสติแตกและว่ายหนีกลับไปยังซากเรือ น้ำเสียงเขากรีดร้องอย่างหวาดกลัวสุดขีดพวกเราที่ได้ยินน้ำเสียงนั้นก็สติหลุดตามเขาไปด้วย
"เห้ยแซค หนี!" เดวิดเรียกสติผมน้ำเสียงของเขาสั่นทำให้ผมรู้แล้วว่าแม้แต่คนที่กล้าหาญที่สุดในกลุ่มก็กลัวเป็นเหมือนกันในขณะที่สมองผมคิดไปเรื่อยเปื่อยขาของผมก็ก้าวท้าวว่ายไม่ออก จนผมรู้ว่าผมนี่แหละสติแตกที่สุดในตอนนี้ นั่นทำให้เดวิดรีบดึงมือผมและพาผมว่ายเข้าไปในซากเรือ
ปัญหาก็คือว่าพวกที่ว่ายไปก่อนหน้ามันเตะฝุ่นตะกอนจนฟุ้งไปหมด แต่เดวิดก็ยังจูงมือผมตรงไปทางนั้นด้วยความมั่นใจว่าจะเป็นซากเรือ สักพักเราก็ว่ายออกจากฝุ่นตะกอนที่เหมือนกับเมฆหมอกออกมาได้เขาว่ายและมองไปทางด้านหลังมากกว่าทางที่เขากำลังตรงไปซะอีก
"เดวิด ไม่!" เมื่อผมตั้งสติได้จึงรีบดึงเขากลับอย่างสุดแรงทำให้เขาหยุดและหันมามองผม
"อะไร!" เดวิดถามอย่างอารมณ์เสีย
"นั่นมันเหวน้ะเว้ย!" ผมพูดทำให้เขาหันไปมองทางที่เขากำลังจะตรงไปอีกไม่กี่ก้าวก็เห็นเป็นเหวจริงๆ มันลึกมากจนส่องไฟฉายลงไปก็ไม่เห็นอะไรมันนอกจากความมืดสนิท
ในขณะที่เราทั้งคู่กำลังขวัญผวา ผมก็สัมผัสถึงบางสิ่งที่กำลังว่ายตรงมาทางนี้ ผมและเขาส่องไฟฉายไปทางเดียวกันในตอนนี้น้ำเริ่มนิ่งทำให้ตะกอนเริ่มจางลงไปบ้าง ก็เห็นเงาตะคุ่มว่ายตรงมาทางเรา ผมและเดวิดมองหน้ากันและต่างเข้าใจกันอย่างรวดเร็วว่า ถ้าจะต้องโดนมันแดกทั้งเป็นกับต้องโดดลงไปตรงเหวนี้ แน่นอนว่าเราทั้งคู่จะเลือกอย่างหลัง
"ฉันเอง แซค!...เดวิด!" แมรี่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือผ่านวิทยุของเธอ
ตอนนี้เราทั้งสามมองหน้ากันต่างช็อคกับสิ่งที่เห็นไปเมื่อกี้ เดวิดพยายามเหมือนจะปริปากพูดแต่ก็พูดไม่ออก ผมและแมรี่ต่างได้ยินแค่เสียงเขาหายใจอย่างดังจนเข้าวิทยุ
"จอห์นละ มีใครเห็นเขาไหม" น้ำเสียงของเดวิดทำให้ผมประหลาด แต่ก็รู้ดีว่าเขานั้นเป็นคนตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว
"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เห็นเขาว่ายไปคนแรกแล้วหลังจากนั้นทุกอย่างก็โดนตะกอนกลบไปจนหมด" เธอตอบ
"ถ้างั้นเราก็ต้องไปหาเขา" เดวิดพูดไปอย่างกับเรื่องนี้ง่ายราวเหมือนคนบ้า แต่ผมกับเธอก็รู้ดีว่าถ้าไม่ทำอะไรเลยนอกจากเอาแต่กลัวยังไงถังอากาศของเราก็จะหมดแล้วเราก็ต้องตายอยู่ดี
ตอนนี้ตะกอนนิ่งแล้วทำให้เราเดินกลับไปทางซากเรือนั้นพอมองจากเรือจากภายนอกทุกอย่างดูสงบ ก่อนที่เดวิดจะนึกขึ้นได้
"เนตั้นละ เขาไปไหน?" เสียงพูดของเขาบอกถึงความกังวล แต่ไม่นานวิทยุก็ดังขึ้น
"ฉันอยู่ในซากเรือ" เนตั้นตอบกลับอย่างแผ่วเบาและเมื่อเราเข้าไปหาเขาก็เห็นแต่เขาหลบอยู่ตรงมุม
"นี่นายเป็นอะไรไหม แล้วจอห์นละ" ผมถามเขาไป
"จอห์นหรอ?...เขาไม่ได้ไปกับพวกนายหรือไง" คำตอบที่เราได้ยินทำเอาขนลุกไปทั้งตัว เพราะเมื่อกี้พวกเราก็หลงทางแต่ก็ไม่ได้เจอเขา นั่นแปลได้ว่าเขาหลงไปทางอื่นแน่
"จอห์น จอห์นนน!" แมรี่เรียกถามผ่านวิทยุอย่างดัง
"แล้วถ้าจอห์นช็อคจนสติหลุดแล้วสลบอยู่ตรงไหนสักที่ละ!" เนตั้นถาม
ในตอนนี้ผมก็ได้ยินเสียงหายใจของเดวิดเข้าวิทยุอีกครั้ง ผมรู้ได้ทันทีว่าเขากำลังเครียดหนัก
<กรี้ดด~~~> เสียงกรี้ดดังกังวาลจากแหล่งต้นเสียงที่ไม่เหมือนสิ่งมีชีวิตไหนบนโลก เสียงมันเหมือนเหมือนผู้หญิงที่กรีดร้องอยู่ใต้น้ำเสียงมันแหลมและยาว แต่ทุกคนก็รู้ดีว่ามันมาจากเจ้าสิ่งนั้น
"เราจะทำเอายังไงกันต่อละ เดวิด!?" แมรี่ถามอย่างสิ้นหวัง
"ซ่อน!" ผมบอกทุกคนและพวกเขาก็รีบไปหาที่ซ่อนกันทันที
ผมว่ายเข้าไปในห้องคนขับ มุมตรงนี้ผมมองผ่านกระจกทำให้เห็นจุดต่างๆของเรือลำนี้ได้อย่างง่ายถึงแม้มันจะมืดมากก็เถอะ
*หมับ!* มีบางอย่างคว้าไหล่ของผมไว้ ผมรีบหันกลับไปมองพร้อมชักมีดออกมาและง้างแขนจะแทง แต่ผมก็ห้ามตัวเองไว้ได้ทัน
"ชู้ว~" แมรี่เธอใช้นิ้วแนบไว้ที่ปากเป็นการบอกให้ผมเงียบเข้าไว้
"อ้าา!!! ช่วยด้วย!! เดวิ...(จับใจความไม่ได้)" เสียงของเนตั้นร้องอย่างทรมาณและพยายามต่อสู้ขัดขืน แต่ไม่นานเสียงของเขาก็เงียบลงไป
ตอนนี้ผมรู้แค่ว่าเราเหลือกันแค่สามคนเพราะถ้าจอห์นหายไปนานขนาดนี้ก็คงมีชะตากรรมไม่ต่างจากเนตั้นหรอก ในขณะที่ผมกับแมรี่กำลังมองหน้ากันและกันอย่างสิ้นหวังอยู่หลายนาที จู่ๆเสียงวิทยุก็ดังขึ้น
"ท่านครับ! เรือดำน้ำหมายเลข427 กำลังอยู่ใต้การโจมตีของสิ่งมีชีวิตประหลาดอยู่ครับ โปรดส่งกำลังเสริมมาช่วยทีครับ" เดวิดขึ้นไปบนเรือดำน้ำเรียบร้อยแล้วและกำลังติดต่อกับทางหัวหน้า นั่นหมายความว่ามันไม่ได้ตามเขา
แมรี่คว้าแขนของผมพร้อมเอาหัวพิงและกอดไว้แน่นตัวของเธอสั่นจนแทบจะพาผมสั่นไปด้วย แต่ผมก็พยายามตั้งสติ
"มีอะไรหรอแมรี่?" ผมมองหน้าเธอและถามด้วยความสงสัย แต่สายตาของเธอไม่ได้มองผมเลยแม้แต่น้อย ผมจึงหันมองไปทางเดียวกับเธอ
ผมเห็นจอห์นมองเข้ามาทางพวกเราผ่านกระจก แขนและขาของเขาถูกฉีกขาดไปจนหมดเหลือแต่ช่วงลำตัว หนังหน้าเหลือเนื้อเพียงแค่ครึ่งซีก สายตาของเขาบอกถึงความหวาดกลัวและทรมานเกินที่จะบรรยายได้ ร่างของเขาค่อยๆถูกระจกและจมลงไปจนพ้นสายตาของพวกเรา ผมสาบานได้เลยว่าในระหว่างที่ศพนั้นค่อยๆจมลงไปนั้นมันเป็นช่วงเวลาที่นานที่สุดราวกับว่าผมจ้องอยู่กับความตายตรงหน้า
"แซค! แมรี่อยู่กับนายรึเปล่า?" เดวิดถามผมอยากร้อนรน
"อยู่ครับ" ผมตอบไปโดยพยายามให้สั้นและเงียบมากที่สุดเพราะผมรู้สึกว่า...มันน่าจะอยู่แถวนี้!
แมรี่กอดผม ส่วนผมก็ทำได้แค่ปลอบเธอและบอกว่าทุกอย่างจะโอเคร
เสียงหายใจของเดวิดเข้าวิทยุอีกครั้งเหมือนเขาพยายามจะบอกผมว่า เจอของดีเข้าให้สะแล้ว แต่ว่า...
"เสียงอะไรว้ะ ได้ยินมาสักพักแล้วเนี่ย แซคหายใจเบาๆหน่อยสิว้ะ" เดวิดพูดอย่างหัวเสียด้วยความรำคาญอย่างเห็นได้ชัด
"นั้นไม่ใช่เสียงกูนะเดวิด" ผมตอบไปอย่างรนรานที่ผสมไปด้วยความหวาดกลัว
เดวิดเงียบไปทันที ผมรู้ว่าเขาต้องช็อคกับคำตอบผมแน่ๆแต่ผมก็สาบานได้ว่าผมไม่ได้ทำ ผมทำตัวไม่ถูกในขณะที่ผมกำลังคิดอย่างสับสนก็มองไปรอบๆและผมก็เห็นมันเอามือและใบหน้าทาบกระจกผมที่ยาวของมันปลิวไปตามสายน้ำ มันจ้องเราอยู่อย่างนั้นทั้งเงียบและไม่ขยับ ถึงแม้ว่าผมจะมองเห็นใบหน้าของมันไม่ชัดแต่กับรู้สึกว่าจิตใจของผมกำลังถูกกลืนกิน
"มันฆ่าเราแน่ๆ แซคเราต้องทำอะไรสักอย่าง" แมรี่พูดอย่างหวาดกลัวและสิ้นหวัง น้ำเสียงของเธอทำผมหดหู่ถึงที่สุด
ผมเห็นมันค่อยๆเอามือทั้งสองข้างของมันมาไว้ตรงปาก ทันใดนั้น
<เฮ้ออ~~> ในตอนนี้ผมได้คำตอบแล้วว่าเสียงหายใจที่ผมได้ยินมาตลอดไม่ใช่เสียงของเดวิด แต่เป็นเสียงของมัน และแน่นอนว่าในมือของมันก็จะต้องเป็นวิทยุของจอห์นแน่นอนไอ้นี่มันฉลาดถึงขันรู้วิธีใช้วิทยุ แต่ก็ดีแค่ไหนแล้วที่มันไม่ไม่ได้เรียนเสียงของพวกเรา หรือว่าบางทีมันอาจจะพยายามอยู่กันแน่
<ตุ้บ ตุ้บ ตุ้บ!> เสียงกระแทกใต้น้ำอย่างอู้อี้กำลังบอกผมว่ามันกำลังทุบกระจกอย่างแรงและผมก็คาดว่ามันคงจะทนได้อีกไม่นาน
"จอห์น มันพูดถูก! เราน่าจะเชื่อมันตั้งแต่แรก! ฉันขอโทษนะจอห์น" เดวิดพูดขึ้นในขณะที่ผมกับแมรี่กำลังกอดกันและเตรียมตัวรับชะตากรรม
จู่ๆเสียงเคาะกระจกเงียบหายไปแสงไฟสาดสองเข้ามา ผมจึงชะเง้อมองดูก็เห็นเรือดำน้ำอีกสามลำมาทางพวกเรา
"ฮัลโหล!...แซคออกมาได้แล้วน้ะ กำลังเสริมมาถึงแล้ว!" เดวิดพูด ผมได้ยินก็สบายใจถึงที่สุด
"เธอได้ยินแล้วใช่ไหมแมรี่ พวกเราปลอดภัยแล้ว" น้ำเสียงของผมราวกับเด็กดีใจที่ได้ของขวัญในวันเกิดส่วนแมรี่ทำแค่พยักหน้าให้ผม ผมก็รู้ดีกว่าเธอคงจะช็อคหนักมากเลยละ
ผมเปิดประตูและเราทั้งสองว่ายออกมาและตรงไปทางเรือดำน้ำของเราก่อนที่จะเดินทางกลับ สรุปแล้วภารกิจนี้มีผู้เสียชีวิตสองคน ผมขอพักงานไปสองเดือน ส่วนเดวิดกำลังยุงอยู่กับการไล่ล่าตัวมันพร้อมลูกทีมของเขาที่เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว แต่แมรี่เธอเหมือนจะมีอาการทางจิตอยู่หมอบอกว่าเธอเป็นโรคPTSD ผมโทรไปถามเธอด้วยความเป็นห่วงอดีตเพื่อนร่วมทีม
"ดีขึ้นไหมแม่รี่ ให้ไปหาไหมละ?"
"ฉันสบายดีก็แค่...กลัวนิดหน่อย...แค่ฉันได้คุยกับนายฉันก็รู้สึกสบายใจแล้วละ" ผมฟังน้ำเสียงและการพูดของเธอก็ทำให้ผมยิ้มออกมาได้
แต่อย่างไรก็ตามขอให้เธอหายเร็วๆ และเดวิดกับลูกเรือของนายทุกๆคน จับมันให้ได้และขอให้ทุกๆคนปลอดภัยนะ