ณ หอรัมภารัตติกาล หลิวอิง หน้าแดงกำด้วยความเมามาย นี่คือการดื่มสุราเมรัยครั้งแรกของเธอ และเธอก็ไม่คาดคิดว่ามันพิเศษมาก เธอดื่มจนน้องสาวร่วมสาบานบอกให้เธอหยุดเพราะเธอดื่มมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว
หลิวอิงนึกถึงเทพบุตรรูปงามท่านหนึ่งที่เคยพบเขาในดินแดนเบื้องบน และเธอก็ตกหลุมรักเขาตั้งแต่แรกจากนั้นมาเธอก็เก็บภาพของเขาไว้ในจินตนาการส่วนลึกมาโดยตลอด
ยามนี้ราวกับว่าสัญชาตญาณความคลั่งไคล้นั้นถูกปลุกขึ้นเธอโหยหาขั้วพลังตรงข้ามอย่างมากและมือน้อยๆก็โบกสองสามครา ไม่นานชายหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลาในชุดสีขาวนวลก็เดินเข้ามา
"นายท่านกระผมมาปรนนิบัติท่านขอรับ"
เหม่ยหลานที่เห็นดังนั้นใบหน้ากระตุก หยุดนิ่งมองดูชายหนุ่มของหอรัมภา ที่กำลังปรนนิบัติพี่สาวร่วมสาบานของเธอ
ยามนี้เหม่ยหลายเงียบปากไม่พูดอะไร ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ดวงตาจิ้งจอกคู่งามไม่ได้แลดูยั่วเย้าพราวเสน่ห์ดั่งเช่นเคย ทว่ากลับดูกระหายและลึกล้ำลงไปอย่างไร้ก้นบึ้ง
แต่ในขณะเดียวกันหลิวอิงไม่ได้ให้ความสนใจเธอเลย เธอเพียงแค่ลวนลามบุรุษตรงหน้าอย่างปล่อยใจปล่อยกาย และกำลังจะกระทำในสิ่งที่สตรีไม่ควรทำกับบุรุษ
เมื่อเห็นดังนั้นเหม่ยหลานก็ทนดูไม่ได้อีกต่อไป เธอไล่บุรุษนั่นออกไปและพาพี่สาวกลับเข้าห้องในโรงเตี๊ยมที่จองไว้
เมื่อร่างบางล้มลงบนเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรง ทว่าแทนที่จะผ่อนใจลงภวังค์และหลับใหลไป เธอกลับพลิกตัวขึ้นรั้งร่างสีม่วงตรงหน้าไว้
เหม่ยหลานมองคนตรงหน้าที่รั้งคอตนไว้อย่างสับสน
" พี่หญิงเพคะ ท่านจะทำอะไร? "
เสียงของเหม่ยหลานนั้นทั้งงดงามและยั่วยวนเต็มไปด้วยเสน่ห์ของสตรี ทว่าหลิวอิงในยามนี้ราวกับไม่ได้ยิน สัญชาตญาณภายในยังคงคิดว่าคนตรงหน้าคือบุรุษคนนั้น
ในหัวของเธอยังคงนึกถึงบุรุษผู้นั้นที่เคยพบในชาติก่อน จมูกโด่งเป็นสัน ร่างแกร่งสูงสง่า และออร่าที่ไม่เหมือนใครของเขา อีกทั้งปากที่น่าดึงดูดนั้น สติของเธอหายไปกับภาพจินตนาการในหัวและแขนทั้งสองก็รั้งคนตรงหน้าเข้ามาจูบ
เหม่ยหลานเบิกตากว้าง ทันทีที่รับรู้ได้ถึงสัมผัสนุ่มของพี่สาวที่สัมผัสกับริมฝีปากตน อีกทั้งยังไม่หยุดแค่นั้น ดูเหมือนว่านางจะรุกล้ำรุนแรงถึงขนาดเอาลิ้นนุ่มร้อนๆรุกล้ำเข้ามาแทรกแทรงภายใน
มือที่ยันขอบเตียงอยู่ของเหม่ยหลานกำแน่น ราวกับอดทนอดกลั้นต่อบางสิ่งบางอย่างอยู่ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนตรงหน้าที่ผละริมฝีปากออกแล้วพูดว่า
" เจ้าอยากได้เงินเท่าไหร่ข้าจะจ่ายให้เจ้า แต่คืนนี้ปรนนิบัติข้าให้ดี "
เสียงในหัวเหม่ยหลานมีเสียงระเบิด ทว่ายังไม่ทันจะได้ปริปากอธิบายอันใด ริมฝีปากของนางก็ถูกคนตรงหน้ายึดครองอีกครั้ง
ครั้งนี้
ในอกร้อนรุ่มสะกดกลั้นไฟราคะไว้ตั้งแต่ต้นทว่าความอดทนย่อมมีขีดจำกัด เมื่อเสียงครางในลำคอของหลิวอิงมากระทบใบหูของตน มือที่เคยกำแน่นปล่อยเป็นอิสระเขาพลิกตัวเองขึ้นบนเตียง คร่อมร่างบางไว้ และกลายเป็นผู้อยู่เหนือกว่า มืออีกข้างเลื่อนมากอดรัดเอวบางใต้ร่างไว้
ดวงตาแปรเปลี่ยนจากความยั่วยวน กลับกลายเป็นสายตาของสัตว์ร้ายที่หิวกระหายเหยื่อ
หลิวอิงรับรู้ได้ถึงสัมผัสที่ร้อนแรงขึ้นกระทันหัน จิตใต้สำนึกของนางสำผัสได้ถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หัวใจเต้นระรัวขึ้น และแอบตกใจเล็กน้อย
หัวเธอประมวลความคิดไม่ออกและรู้สึกว่าอาภรณ์บนร่างถูกเปลื้องออกหมดแล้ว และมือหนาของใครบางคนก็ลูบไล้เรือนร่าง ความเสียวแผ่ซ่านไปหมดร้อนวูบวาบราวกับหิมะพันปีที่ถูกหลอมละลายกลายเป็นน้ำ
ดวงตาหยาดเยิ้มมองพยายามมองคนตรงหน้าที่จัดการกับทุกส่วนบนร่างของตน ทว่าไม่ว่าจะมองยังไง นี่ก็เป็นชายหนุ่มรูปงามคนนั้นที่นางหลงใหล
หลิวอิงเริ่มตระหนักได้ว่านางดื่มสุรามากเกินไปและเกิดภาพหลอนขึ้น เธอจึงพยายามหยุดเหตุการณ์สำคัญที่กำลังจะดำเนินต่อไป นางไม่ต้องการให้ถึงขั้นนั้น
เพียงแต่ก่อนที่นางจะรับรู้ได้ว่าสายไปแล้ว ความเจ็บก็ถูกใส่เข้ามาภายในร่าง จนอดร้องครางออกมาไม่ได้ "อ๊าาส์...."
หลังจากที่อวัยวะส่วนนั้นที่ถูกใส่เข้ามา เขาก็เคลื่อนไหวอย่างร้อนแรงกับร่างของเธอ ความรู้สึกวาบไหวและเสียวซ่านปกคลุมทั้งหัวใจ
อารมณ์ที่ถูกโลมเล้าก่อนหน้า ช่วยให้การเคลื่อนไหวนี้ประสานกันและลงตัวมากขึ้น แม้ว่าสิ่งนั้นจะยิ่งใหญ่และทำให้เธอรู้สึกอึดอัด ทว่าเธอไม่มีอำนาจที่จะหยุดมันได้อีกแล้ว
และปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอรู้สึกดีมาก
สัมผัสการเคลื่อนไหวที่เป็นจังหวะใต้ร่าง และความเสียวซ่านดูดดื่มที่ส่วนบน ทำให้สติสัมปชัญญะของเธอขาดสะบั้นอย่างสมบูรณ์
จิตใจของเธอถูกผนวกกับเขาราวกับเป็นคนคนเดียวกัน ตกอยู่ในภวังค์แห่งความหลงใหลอย่างห้ามไม่อยู่