หญิงสาววัยสิบเก้าเธอมีงานอดิเรกชอบถ่ายรูปด้วยกล้องโพลารอยด์สีเทาตัวโปรดของเธอถึงจะเป็นงานอดิเรกแต่เธอมักจะจริงจังเสมอกับการถ่ายภาพเพื่อเก็บเป็นความทรงจำเธอชอบถ่ายรูปคู่กับต้นซากุระข้างทางตอนเดินไปเรียนอยู่เสมอไม่ว่าฤดูกาลใดก็ตามต้นซากุระก็ยังงดงามเสมอถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ฤดูผลิบานก็ตามเธอชอบที่จะถ่ายในทุกๆมุมของมันเก็บเป็นความทรงจำเอาไว้..จนกระทั่งวันนี้เองเธอก็มาถ่ายรูปยามค่ำคืนในวันคริสต์มาสในค่ำคืนแสนเหน็บหนาวนี้ไม่มีอะไรดีเท่าที่ได้ใส่เสื้อกันหนาวจิบชาอุ่นๆนั่งหน้ากองไฟและมองดาวบนท้องฟ้าแล้วล่ะ..เธอได้หยิบกล้องถ่ายรูปโพลารอยด์ตัวโปรดขึ้นมาและกดชัตเตอร์ถ่ายรูปตัวเองกับบรรยากาศด้านหลังที่แม่น้ำและแสงสีจากตึกสูงระฟ้ากับบรรยากาศตรงข้ามแม่น้ำอีกฝั่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยผู้คนมาจัดงานวันคริสต์มาสอีฟ..เธอพยายามจะถ่ายรูปตัวเองโดยที่เป็นภาพถ่ายแบบเต็มตัวเธอจึงมองหาคนถือกล้องจนได้ไปเจอกับหนุ่มออฟฟิศวัยยี่สิบแปดคนหนึ่งเธอจึงขอให้เขาช่วย..
:พี่ค่ะ..รบกวนช่วยถ่ายรูปให้หนูหน่อยได้ไหม
:อ๋อ..ได้ครับ
เธอได้ยื่นกล้องให้กับชายหนุ่มพร้อมกับรอยยิ้มอันเบิกบาน
ทันทีที่เขากดชัตเตอร์ถ่ายรูปนั้นเขาก็ได้เหลือบไปเห็นรอยยิ้มที่ตราตรึงในใจไม่วันลืม..หญิงสาวยิ้มออกมาด้วยความสุขที่ได้ถ่ายรูปในค่ำคืนนี้..รอยยิ้มของเธอเข้ากับบรรยากาศในค่ำคืนที่มีหิมะโปรยปรายและแสงไฟที่สะท้อนจากด้านหลังเธอเป็นอย่างมาก..ทันทีที่เห็นรอยยิ้มนั้นเขาเองก็เผลอยิ้มตามโดยไม่รู้ตัว..
:น้องครับเสร็จแล้วครับ
:ขอบคุณค่ะ..
ถ่ายรูปเสร็จชายหนุ่มก็ส่งกล้องถ่ายรูปคืนให้กับเธอก่อนเดินออกมาจากจุดนั้น
และในเช้าวันต่อมาเขาก็ได้เข้าทำงานในออฟฟิศตามปกติแต่มาสะดุดได้ยินเสียงเพื่อนร่วมงานพูดซุบซิบกันถึงงานคริสต์มาสในคืนที่ผ่านมา..เขาจึงไม่รีรอเลยเขาไปร่วมวงสนทนานั้นด้วยดูเหมือนว่าในวงสนทนานั้นเพื่อนร่วมงานของเขาไม่ได้พูดแค่งานคริสต์มาสแค่อย่างเดียวแต่มีข่าวปะปนเข้ามาด้วยพวกเขาพูดถึงข่าวการเสียชีวิตของเด็กสาวคนหนึ่งที่โดนคนร้ายลักพาตัวไปก่อนที่เธอหนีมาเสียชีวิตบริเวณที่ใกล้กับต้นซากุระนั้นและในข่าวเรื่องราวนั้นก็มีเกี่ยวกับรูปถ่ายและกล้องถ่ายรูปโพลารอยด์ของหญิงสาวตกอยู่ข้างๆตัวเธอด้วยเช่นกันเมื่อได้ยินดังนั้นชายหนุ่มก็ฉุกคิดขึ้นมาได้..แล้วหญิงสาวในคืนที่เขาเจอล่ะเป็นใครนั้นคือตัวเธอในคืนก่อนที่จะตายงั้นเหรอ..แต่ความจริงแล้วเธอเสียชีวิตมาได้ปีกว่าแล้วก่อนที่ชายหนุ่มจะย้ายมาทำงานที่นี้ความจริงแล้วข่าวนั้นมีที่มาอยู่ว่าในคืนคริสต์มาสคืนหนึ่งหญิงสาวกำลังถ่ายรูปเหมือนที่เธอทำเป็นประจำเธอมองภาพถ่ายด้วยความสุขและยิ้มออกมาและนั่นก็คือรอยยิ้มสุดท้ายก่อนที่คนร้ายเข้ามาจะขมขื่นเธอ..เธอพยายามต่อสู้และเรียกขอให้คนช่วยแต่..เสียงของเธอส่งไปไม่ถึงอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำเธอพยายามดิ้นรนจนวินาทีสุดท้ายก่อนที่คนร้ายใช้มีดแทงเข้าขั้วหัวใจของเธอ..เมื่อชายหนุ่มได้ยินดังนั้นเขาเองก็ตกใจและแอบใจหายอยู่เหมือนกัน..ว่าเมื่อคืนคนที่เขาเจอเธอคือ
วิญญาณที่จากโลกนี้ไปแล้ว..เขาไม่ได้รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อยและเขาเองก็ไม่ได้บอกเพื่อนร่วมงานของเขาไปว่าเขาได้เจอกับเธอเมื่อคืนนี้..ถ้าหากบอกไปก็คงหาว่าบ้าและเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ..ส่วนคนร้ายเองก็ยังจับตัวไม่ได้ทางการตำรวจพยายามตรวจสอบแล้วแต่ไม่พบเบาะแสของคนร้ายเลยแม้แต่น้อยและไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าคนร้ายเป็นใคร..หลังเลิกงานในทุกๆวันชายหนุ่มก็เดินผ่านริมแม่น้ำที่มีต้นซากุระต้นเดิมและสถานที่เดิมที่เขาได้เจอกับหญิงสาวคนนั้น..ถึงแม้ว่าเธอไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้วแต่รอยยิ้มของเธอยังตราตรึงอยู่ในใจและความทรงจำของเขา..ถึงแม้ว่ารอยยิ้มของเธอที่เขาเห็นจะเป็นวิญญาณของเธอก็ตาม..แต่เขาจะเก็บรอยยิ้มนั้นไว้ในความทรงจำ..
ยามฤดูใบไม้ผลิมาเยือนทุกสิ่งทุกอย่างจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
คราถึงฤดูกาลนี้จากลาซากุระบานสะพรั่งอีกครั้ง..รอยยิ้มจะคงอยู่ชั่วนิรันดร์เมื่อเก็บไว้ในรูปถ่าย..แต่น่าเสียดายที่มันไม่เติบโต..