[我已经爱上你了] ฮูหยินน้อยปรารถนาเคียงรัก
บทนำ
ทางออกที่ช่วยหาให้
ทั่วทั้งเมืองเจียงอี้มีผู้ใดไม่รู้บ้างว่าคุณหนูรองแห่งตระกูลเหลียงนั้นอ่อนแอเพียงใด แต่ละครั้งยามที่นางล้มป่วยลงนั้นทำเอาหมอทั่วทั้งเมืองถูกตามตัวไปรักษาจนวุ่นวายไปหมด
ตระกูลเหลียงนั้นเป็นตระกูลร่ำรวยมีหน้ามีตา ย่อมไม่ใช่เรื่องลำบากอันใดหากจะให้หมอทั้งเมืองไปค่อยดูอาการเจ็บไข้ของคุณหนูรองที่มักจะล้มป่วยบ่อยๆถึงขั้นเรียกได้ว่าสามวันดีสี่วันเจ็บไข้เช่นนี้
ทว่าแม้ตระกูลเหลียงจะมีเงินทองมากมายเช่นนี้ ทว่าสิ่งที่ทำได้ก็คือรักษาตามอาการของคุณหนูรองพวกเขายังไม่สามารถหาหมอหรือวิธีรักษาให้คุณหนูรองแห่งตระกูลเหลียงผู้นี้หายขาดจากโรคภัยไข้เจ็บได้ต่างๆได้
“พี่เหม่ยหลันยามนี้ข้าทุกข์ใจยิ่งนัก” เหลียงฮูหยินเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดอย่างยิ่ง
เมื่ออี้เหม่ยหลันเห็นท่าทีสิ้นหวังของเหลียงฮูหยินที่ระหว่างพวกนางสองคนนับถือกันเป็นพี่เป็นน้องมาเนินนานก็อดที่จะสงสารอีกผู้หนึ่งเป็นอย่างมากไม่ได้
“น้องซูมี่เจ้าอย่าได้ทุกข์ใจไปนักเลยเมิ่งเมิ่งลูกสาวเจ้าก็ปลอดภัยดีแล้วอย่างไรเล่า”
ยามนี้อี้เหม่ยหลันทำได้เพียงพยายามเอ่ยปลอบใจ อย่างน้อยๆก็อยากจะให้น้องซูมี่ของนางนั้นพอจะคลายกังวลลงได้บ้าง
“ยามนี้เมิ่งเมิ่งของข้าปลอดภัยดีแล้วอย่างไร อีกไม่กี่วันก็คงต้องเจ็บไข้ลงอีก ใจข้านี้เจ็บปวดยิ่งนัก”
นางเอ่ยไปร่ำไห้ไปอยากทุกข์ตรม
“หรือชาติก่อนข้าทำบาปเอาไว้นักหนา ลูกสาวขอข้าจึงต้องมาทุกข์ทนกับโรคภัยไข้เจ็บมาเนินนานเช่นนี้”
“เจ้ายิ่งคิดยิ่งพูด เรื่องราวยิ่งตีกันยุ่งไปหมดแล้ว น้องซูมี่เจ้าใจเย็นก่อนเถิด หากเมิ่งเมิ่งรู้ว่าเจ้าร้องไห้เสียใจเช่นนี้นางคงไม่สบายใจ”
ใช้เวลาประมาณเกือบครึ่งชั่วยามเห็นจะได้กว่าที่เหลียงฮูหยินจะสงบลง
หลังจากนั้นทั้งสองจึงได้พากันเข้ามาดูอาการของลูกสาวของเหลียงฮูหยิน
เหลียงฮูหยินหรือฟางซูมี่อดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหลอีกครั้งเมื่อเห็นใบหน้าของลูกสาวคนรองที่นางรักสุดหัวใจขาวซีดแทบจะไร้ซึ้งสีเลือดอยู่บนใบหน้า
เหลียงฮูหยินกลั้นเสียงสะอื้นไห้ของตนอย่างยากลำบากก่อนจะเอื้อมมือของนางไปกุมมือของลูกสาวที่ยามนี้ช่างเย็นราวกับถูกนำไปแช่เอาไว้ในน้ำแข็ง
“เมิ่งเมิ่งลูกแม่ เจ้าไม่เป็นอันใดแล้ว อีกไม่นานก็จะตื่นขึ้นมายิ้มให้แม่ได้แล้ว ระหว่างนี้แม่จะเข้าครัวไปทำซุปอร่อยๆเอาไว้ค่อยเจ้าตื่นขึ้นมากินดีหรือไม่” นางยิ้มอยากมีความหวังให้กับลูกสาวของนาง ถึงแม้ว่าลูกสาวของนางจะไม่ได้ส่งยิ้มกลับคืนมาให้ก็ตาม
อี้เหม่ยหลันที่ยืนอยู่ไม่ไกลและเฝ้ามองอยู่ตั้งแต่แรก รู้ดีว่าเป็นจังหวะนี้แหละที่ควรจะดึงเหลียงฮูหยินออกไปกับนางได้จึง รีบเอ่ยขึ้น
“มากับข้าเถิดน้องซูมี่ข้าจะช่วยเจ้าทำซุปให้เมิ่งเมิ่งเอง”
ณ ห้องครัวตระกูลเหลียง
พวกนางทั้งสองคนอยู่ในครัวกับมาได้เกือบจะสองชั่วยามแล้ว บนเตามีซุปที่พวกนางทั้งสองคนตั้งใจต้มเป็นอย่างมาก ทุกอย่างถูกทำ อย่างใส่ใจทุกขั้นตอน ของที่นำมาทำซุปทุกวัตถุดิบล้วนเป็นของชั้นดีทั้งสิ้น
“ข้าเป็นแม่ ยามลูกเจ็บป่วยกับทำได้เพียงแค่นี้เพียงเล็กน้อยแค่นี้” เหลียงฮูหยินเอ่ยขึ้นเสียงเบา มือของนางยังคงเคี้ยวซุปในหม้อตรงหน้าอย่างระมัดระวัง
“เล็กน้อยสำหรับเจ้า แต่สำหรับเมิ่งเมิ่งมันอาจจะมหาศาลจนเจ้าคิดไม่ถึง” ฟางอี้หลันยังคงเอ่ยเตือนสติเหลียงฮูหยิน
“พี่เหม่ยหลัน ข้าคิดมาตลอดว่าที่เมิ่งเมิ่งป่วยเช่นนี้เป็นเพราะข้าไม่อาจคลอดนางออกมาอย่างแข็งแรงได้” นางเอ่ยออกมาก่อนจะหวนคิดไปถึงครั้งที่ตัวของนางนั้นกำลังตั้งครรภ์เมิ่งเมิ่งได้เจ็ดเดือน ตอนนั้นเพราะความนึกสนุกไม่ได้ทันได้คิดถึงความปลอดภัยของนางและลูกในครรภ์ นางเดินเล่นอยู่ข้างๆบึงน้ำในสวนไม่ทันระวังตกน้ำลงไปจนได้
จำได้ว่านางถูกช่วยขึ้นมาได้จากสาวใช้และบ่าวรับใช้หลายคน โชคดีที่ครรภ์ของนางไม่ได้กระแทกรุนแรงทำให้เด็กในครรภ์ยังอยู่ แต่กลับโชคร้ายเมื่อนางเกิดจับไข้อย่างหนักจนท่านหมอถึงขั้นเอ่ยปากว่าเด็กในครรภ์ของนางซึ่งก็คือเมิ่งเมิ่งในเวลานั้นอาจจะไม่ได้เกิดแล้ว หรือหากคลอดออกมาได้ก็จะมีร่างกายไม่แข็งแรงเช่นที่ควรเป็น
“หากเจ้าคิดเช่นนี้เมิ่งเมิ่งรู้เข้านางจะเสียใจแค่ไหนเจ้ารู้หรือไม่” นางถามออกมา
“เจ้ารักเมิ่งเมิ่งแค่ไหนทุกคนรวมทั้งเมิ่งเมิ่งลูกสาวของเจ้ารู้ดี เจ้าไม่จำเป็นต้องมานั่งโทษตัวเอง มานั่งทนทุกข์เช่นนี้มันทำให้ตัวเจ้าเองแย่แค่ไหนข้าคงไม่ต้องบอก”
“พี่เหม่ยหลันถึงจะอย่างนั้น ข้าก็ไม่อาจปล่อยวางได้ง่ายๆหรอก เมิ่งเมิ่งนางดื่มยาขมมามากมายนัก ข้ายังจำได้ว่านางบ่นออกมาว่าขมจนเลิกบ่นเพราะเคยชินกับยาขมๆพวกนี้อย่างไร ข้ารู้เมิ่งเมิ่งทำเป็นดื่มยาได้ง่ายๆเพราะไม่อยากทำให้ข้าเป็นกังวล เมิ่งเมิ่งมักแสดงออกให้ข้าเห็นว่านางไม่เป็นอะไรนั้นยิ่งทำให้ข้าเจ็บปวดใจยิ่งนัก”
“ตั้งแต่เล็กๆเมิ่งเมิ่งออกไปเล่นไม่ได้ ไปเที่ยวเล่นแบบคนอื่นๆก็ไม่ได้ ปีนี้เมิ่งเมิ่งอายุสิบเจ็ด หากเป็นลูกสาวบ้านอื่นไม่หมั้นหมายแล้วก็คงจะขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวตบแต่งออกเรือนไปแล้ว ชีวิตของเมิ่งเมิ่งควรจะดำเนินไปอย่างผู้อื่น เวลานี้นางควรได้แต่งเข้าไปในตระกูลดีๆมิใช่หรือ”
ในที่สุดเหลียงฮูหยินก็พรั่งพรูเรื่องในใจที่กังวลออกมาจนหมด
อี้เหม่ยหลันที่ได้ฟังเรื่องทั้งหมดก็พลันคิดได้ จึงเอ่ยออกมาทันทีว่า
“เช่นนั้นก็ให้เมิ่งเมิ่งแต่งเข้าตระกูลข้าก็แล้วกัน
หนึ่งเดือนต่อมา ณ เรือนหน้าแห่งจวนสกุลเว่ย ฮูหยินเว่ยและผู้เป็นสามีกำลังนั่งรอการกลับมาของบุตรชายคนของพวกเขาอย่างเว่ยมู่เหยียนอยู่ นั่งรอได้พักใหญ่บุตรชายที่พวกนางรอคอยจึงได้ก้าวเข้ามา
“คาราวะท่านพ่อท่านแม่ขอรับ” เขาเอ่ยเคารพต่อบิดามารดาของตนที่ไม่ได้พบปะกันมาเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็มๆ
“เดินทางเรียบร้อยดีใช่หรือไม่” คำถามนี้ออกจากจากของผู้เป็นบิดา
“เรียบร้อยดีขอรับ” เขาเอ่ยตอบผู้เป็นบิดา
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว”
น้ำเสียงยินดีเอ่ยขึ้นกับลูกชายของตนอย่างไม่ปิดบัง พลางอดคิดในหัวไม้ได้ว่าทั้งที่ตัวเขาผู้เป็นบิดาแท้ๆยังเป็นผู้เปิดเผยทั้งด้านอารมณ์และสีหน้าเช่นผู้อื่น
หากแต่เหตุใดบุตรชายผู้นี้ของเขาจึงมักจะแสดงสีหน้าเรียบเฉยอยู่เสมอไม่ว่าจะพูดคุยเรื่องใดล้วนแล้วแต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงของสีหน้าแต่อย่างใด
บุตรชายผู้นี้ของเขา ในหัวคิดสิ่งใดล้วนยากแท้จะรู้ได้ รู้สึกเช่นใดอยู่ยิ่งดูยากยิ่งนัก แต่ถึงอย่างนั้นกับดูสมกับที่เป็นบุตรผู้ที่ขึ้นมากุมบังเหียนการค้าของตระกูลแทนเขายิ่งนัก
“เจ้ามีสิ่งใดจะเอ่ยกับลูกก็รีบเอ่ยเถอะ ลูกเดินทางมาเหนื่อยจะได้รีบกลับไปพักผ่อนที่เรือน”
เว่ยจิ่งหยวนหันไปเอ่ยบอกผู้เป็นภรรยาที่นั่งอยู่ข้างกัน
ทั้งที่นางเป็นคนชวนเขาออกมารอลูกอยู่ที่เรือนหน้าเองแท้ๆแต่พอลูกมาแล้วดันทิ้งให้เขาเป็นคนเริ่มเอ่ยบทสนทนาออกมาก่อน
“วันที่สี่เดือนหน้าห้ามออกไปทำงาน” ฮูหยินเว่ยเอ่ยออกมา
แน่นอนว่าพอได้ยินประโยคที่มารดาเอ่ยออกมาเว่ยมู่เหยียนก็ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยเช่นเดิม มีเพียงคิ้วเรียวเท่านั้นที่ขมวดขึ้นเล็กน้อยด้วยความไม่เข้าใจ
“วันที่สี่เดือนหน้าเป็นวันที่จะมีสินค้ามาส่งเข้าร้านครั้งใหญ่ขอรับ ข้าคงไม่อาจหยุดงานได้” เขาตอบไปตามตรง แม้จะไม่เข้าใจว่าเหตุใดมารดาจึงอยากให้เขาหยุดงานในวันนั้น
“มอบงานให้ผู้อื่นไปทำ ส่วนเจ้าหยุดงานเพื่อไปรับเกี้ยวเจ้าสาวซะ”
“รับเกี้ยวเจ้าสาว?” เขาเอ่ยขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
“ใช่แล้ว หนึ่งเดือนที่เจ้าไม่อยู่แม่จัดการเรื่องสู่ขอและเรื่องสินสอดเอาไว้เสร็จสิ้นแล้ว กำหนดวันแต่งงานคือวันที่สี่เดือนหน้า” นางเอ่ยไขข้อสงสัยให้บุตรชายตนด้วยท่าทีเรียบเฉย หาได้สนใจไม่ว่ายามนี้ใบหน้าที่มักจะเรียบเฉยเสมอของบุตรชายนั้นกำลังยับยุ่งไปกว่าครึ่งหน้าด้วยความไม่สบอารมณ์เพียงใด
“เฮ้อ”
เสียงถอนหายใจดังออกมาจากบุรุษที่ยามนนี้กลับมาแสดงสีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึกอีกครั้ง
มารดาถือโอกาสยามที่เขาไม่อยู่แอบจัดการทุกอย่างอีกแล้ว ครั้งนี้เขาคงจะต้องแต่งงานตามที่มารดาได้เตรียมการเอาไว้ให้จบๆกันไปเสียที อย่างน้อยๆจะได้ตัดปัญหาเรื่องแต่งงานของเขาไปได้เรื่องหนึ่ง
“ขอถามท่านแม่ ไม่ทราบว่า ว่าที่เจ้าสาวคือผู้ใดกัน” เขาตัดสินใจเอ่ยถามขึ้นแทนจะแสดงทีท่าขัดขืนหรือไม่เห็นด้วยกับงานแต่งงานที่มารดาได้กำหนดเอาไว้แล้ว
“ไม่ใช่คนอื่นคนใกล้หรอก บุตรสาวคนรองของสกุลเหลียง เหลียงซูเมิ่งอย่างไรเล่า”
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments