ตัวร้ายก็รัก
ณ มหาวิทยาลัยหนึ่งเดียวในโลกที่มีแต่ผู้ชาย...แถมมีกฏว่าต้องอยู่หอกันทุกคน แยกหอเป็น 4 ตึกขนาดใหญ่ แยกตามระดับชั้นปี จำกัดการเข้าเรียนไม่เกินชั้นปีละ 300 คน ทุกคนจะมีห้องส่วนตัวของตัวเอง แต่จะไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวก เช่น ทีวี คอมพิวเตอร์ แต่จะมีแค่ในห้องรวมเท่านั้น ซึ่งเวลาจะใช้ต้องขออนุญาตหัวหน้าตึกที่เป็นพี่ปี 3 และครูที่ปรึกษาหอ สิ่งที่แปลกกว่านั้นคือ ทุกคนที่มาเรียนที่นี่จะต้องถูกคัดสรรความสามารถพิเศษที่มีมาตั้งแต่เกิด มหาลัยจึงถูกสร้างไว้ในป่าภายในหุบเขา ห่างจากตัวเมืองหลายร้อยกิโลเมตร
มหาวิทลัยก่อตั้งโดยเจ้าขุนมูลนายสมัยก่อน ที่ค้นพบว่าตัวเองมีความพิเศษแตกต่างจากผู้อื่น เกิดจากพันธุกรรมที่จะมีแค่ 1 เดียวเท่านั้นในลำดับชั้นของตระกูล บ้านเดี่ยวหลังใหญ่ที่อยู่หลังมหาวิทยาลัย ตั้งโดดเดี่ยวเป็นที่พำนักของท่านผู้ก่อตั้ง ที่ถูกเรียกขานกันว่าคุณชาย
ว่ากันว่าความสามารถพิเศษของตระกูลท่านผู้ก่อตั้ง คือ การแปลงร่าง และลงเวทมนต์ในอาวุธทุกชนิดเพื่อให้ไปในทิศทางที่ต้องการ หรือแม้แต่การฆ่า ก็สามารถกำหนดได้ว่าจะให้ใครตาย แถมสามารถเขียนยันต์สะกดวิญญาณได้อีกด้วย
"เพราะฉะนั้น ในบ้านจะมีห้องเก็บโหลวิญญาณจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นปีศาจ หรือไม่ก็ภูตผีชั้นต่ำ ผู้เป็นทายาทจะสามารถปลดปล่อยและเรียกใช้งานได้แต่เพียงผู้เดียว"
พระพรายพยักหน้า ปู่เล่านิทานหลอกเด็กอีกแล้ว ใครจะเก่งอะไรขนาดนั้น
"พระพรายไปเรียนที่นี่ อย่าก่อเรื่องอีกละ ปู่ไม่อยากขายหน้ามากไปกว่านี้แล้ว"
ชิ!! ใบหน้าเรียวขาวมองไปนอกหน้าต่างรถ ทำปากมุบมิบ ใครใช้ให้ปู่มีหน้ามีตาในสังคมละ. ใครใช้ให้พาพระพรายไปแนะนำคนนั้นคนนี้จนเป็นที่รู้จัก ใครใช้ให้คนอื่นมาพูดว่าถ้าพระพรายไม่มีปู่คุ้มกะลาหัว ป่านนี้คงเป็นเด็กเลวๆ คนหนึ่งที่เป็นแค่กุ้ยข้างถนน...
"หลานไม่ได้เป็นดั่งเค้าว่า หลานจะคิดมากทำไม"
หันมาบอกคนพูด เบื่ออะ!! ทำไมต้องอ่านความคิดคนอื่นด้วย.
"อีกอย่างหลานเป็นหลานของปู่ หลานคนเดียว อย่าทำให้ปู่ปวดใจมากไปกว่านี้เลย"
พระพรายหลับตา พยายามไม่คิด เพราะความสามารถพิเศษของปู่ คืออ่านใจคนได้. แต่พระพรายกลับไม่มีอะไรเลย ทั้งๆ ที่จะ 18 แล้ว ก็ยังไม่มีอะไรที่บอกว่าพิเศษเลย ต่อยตีกับคนอื่นนี่ความสามารถล้วนๆ บอกเลย. เค้ายังจำได้ว่า ปู่บอกอย่างมั่นใจว่าพระพรายมีสิ่งที่พิเศษและสำคัญว่ารุ่นไหนๆ ของตระกูล แต่ช่างมันเถอะ ใครจะไปอยากจะมีกัน...ผิดมนุษย์มนาขนาดนั้น
"ปู่ไม่อ่านใจหลานแล้ว อย่าต่อต้านเลย"
"ขอบคุณฮะ"
พระพรายหันไปมองหน้าคนพูด ปู่จะรู้ไหม ปู่เป็นคนแก่ที่หล่อมาก ผิวหนังตึง ไม่มีรอยย่นสักขีด อายุจะ 50 ทำไมต้องหน้าตาดีแบบนี้ด้วย ตาสวย ริมฝีปากได้รูป เหมือนมองตัวเองเลย....
"เปิด"
ประตูรถเปิดแบบไม่มีใครเปิดที่ปลดล็อค มันเปิดเมื่อถึงสถานที่ที่ต้องการมา มหาลัยในนิทานของปู่ ตึกสีขาวใหญ่โตราวกับวัง ไม่ใหญ๋โต แต่มีครบครัน ที่แรกที่ผ่านและทำให้พระพรายสนใจ คือ อาคารกีฬา ที่ไม่ได้ปิดทึบ แต่เป็นกระจกโปรงใสทั้งอาคาร ทั้ง 3 ชั้น มันดูน่าทึ่งมากๆ ที่เห็นคนเล่นกีฬาแต่ละชนิดในมุมภาพเดียวกัน
"ลงมาได้แล้ว ปู่จะเข้าไปคุยกับเพื่อน อย่าดื้อละ"
ร่างสูงใหญ่สั่งเอาไว้ก่อนเดินเข้าไปในอาคารที่เขียนว่าสำนักอำนวยการ พระพรายหันซ้ายแลขวา สักพักก็มีผู้ชายหน้าตาดี สูงโปร่งเดินออกมา หยุดมองหน้าพระพรายก่อนจะพูด เพราะแน่ใจว่าคนตรงหน้าคือคนที่ถูกมอบฟมายให้มาดูแล
"พระพรายใช่ไหม"
"ฮะ"
พระพรายพยักหน้า มองนิ่งอย่างที่ชอบทำ ดวงตาเรียวทีร่องรอยของความหวุดหงิดใจ
"ฉันชื่อเพชรอนันต์ อยู่ห้องเดียวกับนาย และรับหน้าที่ให้ดูแลนายด้วย"
"อือ"
ไอ้เด็กนี่กวน!! เพชรอนันต์คิดในใจ พยักหน้าทำเสียงในลำคอ จากที่ฟังคนแก่สองคนคุยกันด้านในก็รู้ว่าเอาเรื่องเอาราวใช่ย่อย...แต่ที่นี่ไม่เหมือนข้างนอกนั่น ต้องอยู่ในกฏ ไม่งั้นจะโดนดี
"ไปรอตรงนู้น ฉันจะไปหาอาจารย์ก่อน อย่าไปไหนละ"
บอกแล้วก็เดินออกไป ทิ้งพระพรายเอาไว้อีกคน ร่างเพรียวบาง ทำหน้ายู่ใส่ตามหลัง หน้าตาก็ดี ทำไมพูดไม่เข้าหูเลย....ข้างบนนั้นเค้าคุยอะไรกันนะ ทำไมปู่ถึงไม่ลงมาสักที ปล่อยให้ใครไม่รู้มาสั่ง ปีนขึ้นไปแอบฟังดีไหม...ดีปะ....ดีไหมน๊า!! มารู้ตัวเองอีกที อ้าวปีนขึ้นมาแล้ว....มองร่างสูงของปู่ที่อยู่ในห้อง มองจากนอกระเบียง ทำไมปู่กอดผู้ชายคนนั้น คุยอะไรกันนะ ทำไมต้องเครียดแบบนั้นด้วย...มีอะไรที่เกี่ยวกับพระพรายรึเปล่า....เหมือนจะมีคนจับความคิด เพราะปู่หันมามอง พระพรายกระโดดหลบลงไปอีกชั้น เอียงคอมองคนที่อยู่ในห้องด้านใน...ต้องตาต้องใจเหลือเกิน จนไม่อาจขยับไปไหนอีก จนร่างสูงในชุดสีขาวตั้งแต่หัวจรดเท้าเดินออกไปจากห้อง พระพรายตามลงมาอีกชั้น และเดินตามไปจนถึงอาคารโรงอาหาร
เค้าเป็นผู้ชายที่หล่อมากๆ ออกสวยเลยละ ใบหน้าขาวเนียนไร้ที่ติ ไม่มีจุดด่างดำให้ดูแล้วสะดุดเลย เค้าทำอะไรก็ดูดีไปซะหมด สรุปจากการที่พระพรายนั่งมองเค้ามาเป็นชั่วโมงระหว่างที่รอ มีแต่คนสนใจ และอยากจะรู้จัก. ติดแค่ว่าใบหน้าเรียวสวยนั่นเย็นชา ขาวนิ่งดุจหินผา แต่กลับดูงดงามราวกับภาพวาด ดวงตาดุๆ ดำสนิท มันดูเหมือนมีมนต์อยู่ในนั้น ยามที่เงยหน้ามองใคร คนๆ นั้นก็จะมีอยู่สองอาการ คือถ้าไม่หวาดกลัว ก็จะตกหลุมเสน่ห์ไปเลย....ความคิดสะดุดลงเพราะมีคนเรียกนี่แหละ
"พระพรายๆๆ "
เสียงเรียกทำให้เจ้าของชื่อตื่นจากภวังค์ หันไปมองคนเรียกเพื่อนใหม่ของเค้านั่นเอง เพชรอนันต์ ดูแบบนี้เลยเห็นชัดว่าเป็นผู้ชายผิวสองสี ใบหน้าหล่อเหลาแบบดูดี แต่ไม่จัดเท่ากับคนที่พระพรายแอบมอง มันน่าเบื่อมากๆ กับการย้ายเข้ามาเรียนกลางภาคเรียนในแต่ละที่ เพราะต้องปรับตัวใหม่ หาเพื่อนใหม่ สังคมใหม่. ที่เป็นแบบนี้เพราะดันไปมีปัญหาทำร้ายร่างกาย ลูกชายผู้อำนวยการก็มันจะปล้ำพระพรายจะให้ทำยังไง
"อาจารย์บอกให้ไปรายงานตัว"
เพชรอนันต์ดึงแขนเสื้อรั้งให้เดินตามมา ไม่ได้สนใจว่าพระพรายจะตามมารึเปล่า
"ฉันจะรอปู่ก่อน"
พระพรายยื้อตัวเองไว้
"ปู่นายกลับไปแล้ว"
เพชรอนันต์บอกเสียงเรียบ แต่คนฟังทำตาโต ก่อนจะเป็นหน้าบึ้ง. หนอย!! เอามาส่งแล้วหนีเลยนะ...ไอ้ปู่บ้า. เคืองใจกับปู่ แต่ตามองคนน่าสนใจตรงนั้นไม่วางตา นั่งเฉยๆ ให้คนเอาหารมาวางตรงหน้า ยังดูดีเลยอะ คนอะไรวะ....
"นายอย่าไปมองเค้ามาก เค้าไม่ชอบ"
พระพรายหันมามองหน้าคนพูด สนใจจะฟังขึ้นมาทีนที วิ่งตามให้ทัน
"นายรู้จักเค้าเหรอ"
พระพรายถามอย่างสนใจ น้ำเสียงตื่นเต้น
"ใครๆ ที่นี่ก็รู้จัก"
เพชรอนันต์ ดึงตัวพระพรายให้หลบกลุ่มคนที่เดินสวนมา
"เหรอ!! เค้าชื่ออะไร"
เพชรอนันต์หยุดเดินและหันมามองหน้าคนช่างซัก ใบหน้าขาวใส ดวงตากลมโต ผิวสีขาวอมชมพู.ตัดกับริมฝีปากสีสวยได้รูป พึ่งเห็นว่าเพื่อนใหม่หน้าตาน่ารักน่าชัง....
"ชื่ออะไร ก็ไม่เกี่ยวกับนาย ถ้าจะรู้จักเค้า ๆ จะเป็นคนบอกเอง"
โอ้ว!! มายก๊อด การรู้จักใครสักคนมันลำบากแบบนี้เลยเหรอ เสียงตุ้บตั้บทำให้หันกลับไปมอง พี่ชายรูปหล่อไม่ได้ขยับเลยแม้แต่นิด กลับเป็นผู้ชายสองสามคน รุมทำร้ายผู้ชายอีกคนที่ดูออกว่าบอบบางแค่ไหน ไม่สู้คนเลย. กล่องช็อคเกอร์แลตตกลงมา ของข้างในแตกไม่มีชิ้นดี
"ฉันบอกกี่ครั้งแล้ว ว่าคุณชายไม่รับของๆ นาย"
"แล้วก็เลิกตาม เลิกถ่ายรูปได้แล้ว คุณชายฉันไม่ชอบ"
"หน้าตาแบบนาย อย่าได้หวังสูงนักเลย"
โอ้โห้!! ถ้าพระพรายเจอคำพูดแบบนั้น คงจะวิ่งหนีอะ แล้วคงไม่มาให้เห็นหน้าอีกเลย. แต่ผู้ชายคนนั้น กลับพยายามจะเข้าใกล้คนที่ไม่ได้มองมาแม้แต่น้อย
"ได้โปรดคุยกับผมเถอะ ผมชอบคุณชายมากๆ เลยนะ"
"คุณชายน้ำ...."
เสียงตบโต๊ะดังปัง ใบหน้าหล่อเย็นชาหันมามอง ลุกขึ้นยืน สะบัดหน้าเดินออกไป กลุ่มผู้ชายสามคนก็รุมยำนะสิ ขณะที่อีกคนไม่มีคำพูดหลุดออกมาเลย มีเพียงสีหน้าที่บอกว่าเจ็บ....
"คาถาปิดปาก"
เพชรอนันต์ส่ายหน้า...พึมพำออกมา
"พระพราย..อย่าไป..."
เพชรอนันต์เกาหัวตัวเอง. ถึงจะเก่งมาจากไหน รวยล้นฟ้า แต่ที่นี่จะมาออกฤทธิ์ออกเดชไม่ได้หรอก วิ่งตามร่างเพรียวบาง ที่กระโจนใส่กลุ่มผู้ชายสามคนที่รุมสะกำคนที่กองบนพื้น
"หยุดนะ"
เสียงตะโกนดังก้อง ดังมากพอที่คนพึ่งเดินออกไปจะได้ยิน และหันกลับมามอง
"พวกนายรุมเค้าแบบนี้ ไม่ละอายกันบ้างรึไง"
พระพรายลากคนเจ็บออกมาให้ห่างจากโซนอันตราย สามคนนั้นทำท่าจะเข้ามา
"เข้ามาฉันชกจริงๆ ด้วย"
คราวนี้เกิดการชะงัก
"นายเป็นใคร ไม่เคยเห็นหน้า"
"รู้ไหม!! พวกเราคือใคร อย่ามาอวดดี"
พระพรายยืดตัว ยกยิ้มแบบกวนๆ ใส่ แต่มันน่ารักมากกว่าน่าต่อย
"ไม่รู้ และก็ไม่อยากรู้ด้วย"
"ปากดีนักนะ ไม่เกี่ยวก็หลบไป"
"ไม่งั้นโดน"
หนึ่งในสาม ป้ายชื่อบอกว่า ภิญโญ ท่าทางเข้มสุด เดินออกมาจะเอาเรื่อง
"ไม่หลบ จนกว่าพวกนายจะปล่อยเค้าไป"
เพชรอนันต์ถอนหายใจ ว่าจะไม่ยุ่งแล้วนะเนียะ ไอ้เด็กมาใหม่ทำไมมันวอนหาเรื่องตั้งแต่วันแรกเลยวะ
"ห้ามใช้คาถาในเวลาเรียน กฏของที่นี่นายน่าจะจำได้นะ"
เพชรอนันต์เดินขึ้นมาบังตัวพระพราย
"อย่ามีเรื่องกันเลย ปล่อยเค้าไปเถอะ"
สามคนหันมามองเพชรอนันต์แล้วก้มหัวให้ แล้วมองหน้าพระพรายก่อนจะเกินออกไป. ทำไมมันง่ายงี้อะ...พระพรายละงง เดินไปจับแขนผู้ชายคนนั้นให้ลุกขึ้น
"นายเป็นอะไรไหม"
พระพรายช่วยเก็บของ ยื่นส่งให้
"ไม่เป็นไร ฉันชินแล้ว"
โอ้โห้!! รอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ มีคำว่าชินด้วย...ที่นี่เค้าเรียนกันยังไงวะเนียะ...ปู่บอกว่าเข้มมาก ระเบียบจัด พระรายมาเรียนจะได้ดัดนิสัยให้เป็นคนดีกับเค้าบ้าง...ไม่ใช่พระพรายเลวนะ. แต่เพราะพ่อกับแม่เลิกกัน พระพรายอยู่กับปู่ ปู่ก็ทำงาน ไม่มีเวลาดูแล พอมีปัญหากับจับเปลี่ยนโรงเรียนอย่างเดียว ปีนี้ถือว่านี่คือสถานศึกษาที่เจ็ด...ไม่รู้เส้นใหญ่แค่ไหน แต่รู้ว่าเข้าได้ทุกที่ทุกเวลาด้วย....
"ขอบใจนะ. ฉันชื่อนินจา นายชื่ออะไร"
"ฉันชื่อพระพราย ภัครคินันทร์. เลิศภิรมณ์"
นินจามองตามคนที่บอกชื่อเล่น ชื่อจริง พร้อมนามสกุล รอยยิ้มสดใสบนหน้า โบกมือให้เพราะโดนคนๆ นั้น ดึงกระเป๋าเป้ลากออกไปอย่างรีบเร่ง
เพชรอนันต์พาไปหาอาจารย์ ให้พระพรายแนะนำตัวหน้าชั้นเรียน ก่อนจะมานั่งคู่กันรอเวลาเรียนคาบต่อไป
"นายต้องระวังเอาไว้"
พระพรายหันมามองเพื่อนใหม่ที่ดูจะเป็นห่วงเป็นใยมากกว่าที่คิด
"ทำไม"
"นายมีเรื่องกับแก๊งนั้น ภิญโญ มันมีความพิเศษที่พละกำลัง ระวังโดนมันสาปเป็นสัตว์ประหลาด. ส่วนสองคนนั้นความสามารถพิเศษ คือ ทำให้คนกลายเป็นน้ำแข็ง คาถาประจำตัว คือ บอกความจริง"
พระพรายทำตาโต. นี่มันเรื่องจริงๆ เหรอ สิ่งที่ปู่บอกมันมีอยู่จริง แล้วเอาเค้ามาไว้ที่นี่ทำไม
"นายมีความสามารถพิเศษอะไร"
เพชรอนันต์ถามอย่างสนใจ
"ยิ้มสวย 😊😊😊😊😊"
พระพรายชี้นิ้วที่แก้มแล้วฉีกยิ้ม เพชรอนันต์อนันเบะปาก เมินหน้าทำเอาคนยิ้มขัดใจ
"ไม่มี"
คำตอบทำเอาคนถามหันมามองแบบไม่เชื่อหู
"แล้วนายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง"
พระพรายถอนหายใจ ส่ายหน้า ก็ไม่รู้เหมือนกัน....
"อายุยังไม่ถึง 18 ปี รึเปล่า ความสามารถถึงไม่ปรากฏ"
เพชรอนันต์ถามอย่างเป็นห่วง มาอยู่ที่นี่ ไม่มีอะไรเลยถือว่าเป็นแกะดำ ชักไม่ดีแล้วสิ!!
"นายแอบอ่านประวัติฉัน"
พระพรายลุกขึ้นพูดเสียงดัง หน้าตาไม่พอใจ จนเพื่อนๆ ในห้องหันมามอง
"นั่งลง"
พระพรายทำหน้างอ ไม่ยอมนั่ง ตอนนี้หัวร้อน. ประวัติที่ไม่ได้อายหรอกที่ไปต่อยตีกับเค้ามา แต่คนอ่านได้มันต้องเป็นครูหรือคนอื่นๆ ไหม ที่ไม่ใช่เพื่อนร่วมชั้นเรียน
"นั่งลง อย่าลืม ฉันเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่นายรู้จักนะ"
เพชรอนันต์ขู่ ดึงให้พระพรายนั่ง ทำไมแก้มมันน่าบีบจังว๊า!!! งอนแบบไม่พูดด้วย หน้าตาน่ารักขนาดนี้ ทำไมมีแต่ประวัติขึ้นห้องปกครอง ต่อยตี โดนไล่ออก หัวดีแต่ขี้เกียจ....คะแนนเรียนเลยครึ่งๆ กลางๆ แต่ก็อยู่ในระดับดี
"ฉันว่า ฉันรู้ว่านายมีความสามารถพิเศษอะไร"
เพชรอนันต์หันมาชวนคุย เพื่อเรียกความสนใจ
"นายโกหก ฉันไม่รู้ นายจะรู้ได้ยัง"
พระพรายหันมาง๊องแง๊งใส่....แต่ดูเหมือนเพชรอนันต์จะมั่นใจว่าน่าจะใช่.....แต่ว่าต้องไปดูในตำราโบราณอีกรอบ
"เจ็บใจไอ้เด็กอวดดีนั่น"
ภิญโญ ทุบกำปั้นกับมือตัวเองอย่างเจ็บใจ
"เอาไงดีคุณอัคร ไปเล่นมันต่อเลยไหม"
ชายหนุ่มเจ้าของชื่ออัครพล ลูกชายเจ้าของธุรกิจอสังหา เพื่อนเพียงคนเดียวของคุณชายคิมหันต์ ผู้เย็นชา กำลังบรรเลงเปียโนด้วยอารมณ์สุนทรีย์
"เท่าที่พวกนายเล่ามา ฉันยังหาสาระไม่เจอเลย ยังจะชวนฉันไปเล่นงานคนไม่รู้จักอีก ไม่เกินไปหน่อยเหรอ"
พูดเสร็จก็เล่นเปียโนต่อ ปล่อยให้ภิญโญกระฟัดกระเฟียดมองหน้าเพื่อนอีกสองคน ฉัตรเงิน ฉัตรทอง พี่น้องฝาแฝดอย่างหาคำปรึกษา
"อย่าก่อเรื่องละ ถ้าครั้งนี้คุณชายโกรธ ฉันจะไม่ช่วยอีกแล้วนะ"
เสียงบ่นตามหลังไป ภิญโญ หาได้ใส่ใจไม่ เพราะถึงอย่างไรคุณชายก็ไม่เคยว่าอะไรเค้าแม้แต่ครั้งเดียว ยกเว้นตอนนั้น เด็กผู้ชายผอมบางร่างน้อย ผิวขาวราวกับคนเป็นโรค คนที่อ่อนแอและคอยแต่จะออดอ้อนให้คุณชายดูแลอยู่ตลอดเวลา ภิญโญไม่ได้สนใจถึงความสำคัญ แถมไม่รู้จักเด็กนั้นมาก่อนด้วย ครั้งนั้นทำให้ผลั้งมือทำร้ายจนเด็กนั่นต้องออกจากมหาลัยไปรักษาตัวที่ต่างประเทศ คุณชายโกรธมาก ใช้ไม้ฟาดที่หัวเค้าจนเป็นแผลเป็นมาจนทุกวันนี้ มารู้ทีหลังว่าเด็กนั่นเป็นลูกชายเพื่อนแม่ที่ถูกส่งมาอยู่ด้วยตั้งแต่เด็ก แต่มันสายเกินกว่าจะแก้ตัว. แต่เพราะหลังจากนั้นคุณชายช่วยชีวิตเค้าไว้จากการโดนรถชนโดยไม่สนใจว่าเค้าจะทำอะไรไว้. ทำให้ภิญโญเทิดทูนคุณชายยิ่งกว่าอะไร ทุกคนที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้ ก็อย่าหมายว่าจะได้เข้าใกล้เลย....
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 40
Comments