พรหมลิขิต(รัก)มาเฟีย Destiny in Love

พรหมลิขิต(รัก)มาเฟีย Destiny in Love

บทที่1

เจสสิก้า เฟย กระโดดไปมาด้วยความดีใจ เมื่อเพื่อนตอบรับ จะพบเธอที่ฮ่องกง กว่าเธอจะอ้อนวอนขอร้อง มินตรา เธอกับมินตรารู้จักกันมานานหลายปี หลังจากความคึกคะนองที่อยากจะบินหนีออกจาก กรงทอง การหนีไปเมืองไทยในครั้งนั้นทำให้เธอได้เจอมิตรภาพที่ดี

โดยเฉพาะ มินตรา พิทักษ์เทพสุวรรณ เป็นผู้บริหารกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ผู้หญิงที่ทำแต่งานถ้าคนไม่รู้จักมักจะพูดถึงเพื่อนเธอว่า หยิ่ง ดุ ติดจะเงียบขรึม บางครั้งพนักงานในบริษัทของเพื่อน ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ถ้าเพื่อนเธอไม่พูดก่อน แต่ก็ยังโชคดีที่เธอกล้าที่จะเอ่ยขอความช่วยเหลือ แม้ช่วงเวลาที่เธอได้รู้จักมินตราจะไม่นานนัก แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา

“มิน เธอห้ามเปลี่ยนใจที่จะมาหาฉันนะ”

“เจสสิก้า ปกติฉันพูดจาดูไม่น่าเชื่อถือเลยหรือไง” มินตราเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ มืออีกก็ยังถือปากกาเซ็นเอกสารต่างๆ

“ก็ปกติ เธอไม่ค่อยจะว่างเลย กว่าจะอ้อนวอนให้มาได้นี่ก็ผ่านมาเกือบปีแล้วสินะ” เจสสิก้าพูดบ่น

“ก็ฉันต้องทำงาน ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนคุณหนูเจสสิก้า นะคะ”

“ฉันไม่ได้รวย พ่อกับพี่ชายฉันต่างหากที่ร่ำรวย ฉันเห็นเธอทำงานหนักมากๆ อยากให้หาเวลามาพักผ่อน มาเจอฉันบ้างก็แค่นั้น”

“หลังจากเลิกงาน ฉันก็พักผ่อนได้”

“มันไม่เหมือนกันไง” ฟังคำตอบของเพื่อนก็รู้สึกหงุดหงิดนั่นแหละ

ซึ่งมินตราได้แต่นิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรต่อ จนเจสสิก้าต้องบ่นหงุดหงิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ต้องยอมแพ้กดวางสายไป มินตรารู้ว่า เจสสิก้าเป็นคนที่ไม่ค่อยโกรธใครได้นาน ไม่ได้จริงจังกับคำพูดของเธอนัก

มินตราคิดไปถึงช่วงแรกที่เธอได้เจอกับเจสสิก้า รู้สึกว่า วันนั้นเธอขับรถเพื่อจะกลับบ้าน ระหว่างทางเกิดฝนตกหนักมาก เธอเห็นผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง เดินลากกระเป๋าอยู่ข้างทาง เนื้อตัวเปียกปอน

เธอสงสารเลยจอดรถข้างทางแล้ววิ่งนำร่มไปให้ ดวงตากลมโตดูจะตื่นเต้นที่เห็นเธอ ท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย ภายใต้แววตาที่ซื่อ แอบมีความหวาดกลัว คล้ายกับลูกกระต่ายตัวน้อยที่กำลังผลัดหลงทางกับแม่ ใบหน้าของเจสสิก้าดูอ่อนกว่าอายุมาก

“คุณคะ คุณจะไปที่ไหน ฉันจะได้พาไปส่ง” ประโยคคำถามแรกที่มินตราได้ถามออกไป โดยที่เธอไม่รู้จักชื่อของอีกฝ่าย แต่หญิงสาวกลับส่งรอยยิ้มกว้างกลับมาให้เธอ

“ฉันยังไม่รู้เลยว่า จะไปที่ไหน”

มินตราฟังสำเนียงภาษาอังกฤษออก ต้องนิ่วหน้าด้วยความสงสัย

“คุณไม่รู้เลยเหรอว่า จะไปที่ไหน”

คำพูดที่ดูสงสัย ทำให้หญิงสาวรู้สึกกระตือรือร้นมากขึ้น แม้มินตราจะสังเกตเห็นว่า อีกฝ่ายคงจะหนาว

“ฉันไม่เคยมาเมืองไทย เลยไม่รู้ว่า จะไปพักที่ไหนดี”

“เอ่อ...ถ้าอย่างนั้นคุณไปพักที่บ้านฉันก่อนไหม แล้วพรุ่งนี้ฉันจะพาไปหาโรงแรม ดีไหม” มินตราได้เอ่ยชวนหญิงสาว พร้อมกับกวาดสายตามองไปยังกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่วางอยู่ข้างลำตัวสภาพเปียกชุมไปหมด ดูแล้วน่าสงสาร ด้วยอารมณ์สงสารก็เลยตัดสินใจชวน

“เอาอย่างนี้ ตอนนี้คุณไปขึ้นรถของฉันก่อน ยืนตากฝนแบบนี้ เดี๋ยวจะไม่สบาย ไปพักที่บ้านของฉันก่อนก็แล้วกัน จะได้เปลี่ยนเสื้อผ้า พรุ่งนี้เราค่อยว่ากันใหม่”

“คุณใจดีจังเลย ขอบคุณมากๆ ค่ะ” แววตาที่ดีใจ มันระยิบระยับ เต็มไปด้วยความตื้นตัน

เมื่อมินตราขับรถพามิตรที่พึ่งพบเจอ มาถึงบ้าน สายตาของอีกฝ่ายดูจะหวาดกลัวอะไรบางอย่าง เหมือนว่มีใครจะสะกดรอยตาม กระทั่งเธอให้ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า

“คุณคงจะไม่ว่า ฉันใช่ไหมที่ตามคุณมาแบบนี้”

“ทำไมคุณคิดแบบนั้นล่ะ” มินตราถามน้ำเสียงเรียบ

“เอ่อ...คือว่า ฉันไม่ได้บอกเรื่องราวของฉันคุณฟังเลยว่า ฉันเป็นใคร”

หญิงสาวชะงักไปนิดหนึ่ง หลบสายตามองต่ำก้มลงมองพื้น เหมือนกำลังคิดตัดสินใจว่าจะพูดหรือไม่พูดดี และสักพักก็เงยหน้าขึ้นมา

“ฉันเพิ่งเคยมาเมืองไทยเป็นครั้งแรกค่ะ”

“แล้วยังไงต่อ”

หญิงสาวแปลกหน้า ได้ทำหน้าคิ้วขมวด มองใบหน้าเจ้าของบ้าน ด้วยแววตาที่ดูจะตื่นเต้น ดวงตากลมโตต้องเบิกกว้าง

“ทำไมคุณดูไม่ตื่นเต้น หรือวิตกกังวลอะไรเลยคะ”

“ทำไมฉันจะต้องตกใจ ก็คุณบอกฉันแล้วว่า พึ่งจะเคยมาเมืองไทยเป็นครั้งแรก และกระเป๋าที่วางเรียบรายอยู่ตรงนั้น แล้วทำไมฉันจะต้องรู้สึกแปลกใจด้วย”

“คุณไม่กลัวว่าฉันจะเป็นคนไม่ดีเลยหรือไง” หญิงสาวส่งยิ้มหวาน ใบหน้าสดชื่นขึ้นกว่า ตอนแรกๆ ก่อนจะเอ่ยถามคนใจดีที่ให้ที่พักกับตัวเอง

“ฉันว่า ฉันดูคนไม่ผิด คุณไม่น่าใช่พวกมิจฉาชีพ”

มินตราไม่ต้องการที่จะถามอะไรต่อ เพราะยังไงพรุ่งนี้เธอก็จะพาผู้หญิงคนนี้ไปหาที่พักใหม่อยู่แล้ว

“ฉันชื่อเจสสิก้า เฟย เป็นคนจีน ฉันหนีออกมาจากบ้านที่เข้มงวดกับฉันมาก อายุจะ 25 ปี ฉันยังทำอะไรไม่เป็นเลย ฉันอยากมีชีวิตที่อิสระ เลยแอบหนีมาเมืองไทย โดยที่ทางบ้านของฉันไม่มีใครรู้เลยสักคน”

“อย่าบอกว่า คุณคือลูกสาวของมาเฟีย เหมือนในหนัง” มินตราฟังแล้วครั้งนี้ตัวเธอคงจะต้องตกใจ “ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เรื่องแบบนี้จะให้คุณหนีมาไกลถึงเมืองไทย”

“คุณไม่เชื่อฉันหรือไง”

เจสสิก้าทำหน้าเศร้า คล้ายกับคนที่กำลังปลงกับชีวิต

“ทำไมทำหน้าเศร้าจัง คุณเจสสิก้า”

“ก็เศร้าสิ คุณไม่เชื่อ แต่ฉันก็ชินแล้วล่ะ เพราะอยู่ฮ่องกงพ่อกับพี่ชายฉันเขาก็ไม่ค่อยจะสนใจในคำพูดของฉันเหมือนกัน”

“พ่อและพี่ชายของคุณ คงจะต้องมีเหตุผลสิคะ”

“มันก็ถูก ตอนที่อยู่ฮ่องกงฉันเอาแต่เที่ยวกับเพื่อน ฉันไม่ชอบ นั่งทำงาน แต่ไม่ใช่ว่า ฉันเป็นคนไม่เอาไหนนะ เพียงแต่ฉันยังไม่รู้ว่า อยากจะทำอะไรกันแน่ ฉันเลยหนีออกมาตามหาแรงบันดาลใจ แต่พี่ชายฉันมาเมืองไทยบ่อย ทั้งพ่อและพี่ก็ไม่ยอมให้ฉันเดินทางไปต่างประเทศเองเลยสักครั้ง อ้างแต่ว่า จะเกิดอันตราย”

“แล้วทำไมคุณไม่เชื่อพ่อกับพี่ชาย”

“ก็ฉันอยากเป็นอิสระบ้าง”

เจสสิก้าทำหน้าเศร้า ก่อนจะเดินไปยังที่นอนล้มตัวลง คล้ายกับเป็นที่นอนของตัวเอง ก่อนจะพลิกตัวหันหน้ากลับมาพูด

“คุณไม่คิดว่า มันจะเป็นอันตรายอย่างที่พ่อกับพี่ชายคุณเตือนเลยหรือไง”

“ฉันว่าไม่น่าจะมีอะไร แต่ก็ต้องขอบคุณ คุณมากนะคะ เอ่อ...ขอโทษฉันลืมถามชื่อของคุณเลย”

“ฉันชื่อมินตรา” มินตราพูดบอกชื่อยิ้มๆ

“พรุ่งนี้ฉันคงจะรบกวนคุณอีกครั้ง ให้ช่วยหาโรงแรมให้ วันนี้คุณไม่ต้องห่วงว่าฉันจะทำให้คุณรำคาญ”

“แล้วคุณคิดจะอยู่ที่เมืองไทยอีกนานหรือเปล่า”

“ฉันก็ยังตอบไม่ได้”

“แล้วคุณไม่ห่วงว่า พ่อกับพี่ชายคุณจะออกตามหาเลยหรือไง ฉันว่าพ่อกับพี่ชายคุณคงจะต้องเป็นห่วงคุณมากๆ แน่”

“ไม่หรอก ตอนนี้พ่อกับพี่ชายฉัน อาจจะยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่า หนีออกบ้าน” เจสสิก้าพูดพร้อมกับทำหน้าเศร้า

“ไม่เป็นไรจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ฉันว่าพ่อและพี่ชายคุณเขาคงจะห่วงความปลอดภัย ถ้าตระกูลของคุณเป็นคนมีชื่อเสียงมันก็ไม่แปลกที่พ่อกับพี่ชายคุณจะทำแบบนี้ ส่วนตอนนี้คุณพักผ่อนเถอะ ตากฝนมา ตั้งนาน เดี๋ยวจะพาลไม่สบาย”

“ขอบคุณ คุณมากๆ นะคะ คุณมิน ฉันไม่เคยเจอใครใจดีเหมือนคุณเลยจริงๆ” เจสสิก้าเดินเข้าไปกอดและหอมแก้มมินตราทั้งข้างอย่างรวดเร็ว

“...” มินตราได้แต่ทำหน้าเหวอ

“เราสองคนเป็นเพื่อนกันได้ไหม ฉันอยากจะเป็นเพื่อนกับคุณ”

เสียงเคาะประตู ทำให้มินตราสะดุ้งจากความคิดกลับมาอยู่ในปัจจุบัน เมื่อเลขาหน้าห้องอย่าง สาธร เดินนำเอกสารที่จะต้องประชุมเดินเข้ามาให้อ่าน มินตราส่งยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง

“คุณมินมีประชุมบ่ายนี้นะครับ ส่วนเรื่องตั๋วเครื่องบินผมจองให้เสร็จเรียบร้อยแล้วนะครับ”

มินตราฟังรายงานจากสาธรแล้วก็พยักหน้า ขยับตัวลุกขึ้นเดินไปรับเอกสารการประชุม

สมองก็แอบคิดเรื่องของเพื่อน โดยเฉพาะตอนที่เจสสิก้าอยู่เมืองไทย ดูเหมือนว่า จะกลัวพี่ชายมากๆ จนอยากจะเห็นกับตาว่าน่ากลัวมากขนาดไหน เพราะเจสสิก้าไม่ยอมอธิบายเรื่องพี่ชายอีกเลย”

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!