ม่านหมอกสีเงินยังคงไหลเอื่อยราวสายน้ำที่ไร้ต้นกำเนิด
ลึกเข้าไปในเทวสถานโบราณ กลิ่นอายของอดีตกาลยังคงไม่จางหาย
อวี้เหยากระชับผ้าคลุมบางรอบกาย หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ข้างกายคือเฟิ่งหลง ผู้ที่แม้สีหน้าเคร่งขรึม แต่แววตาเต็มไปด้วยความห่วงใย และหลิงเจวียน ผู้นิ่งสงบเสียจนบรรยากาศโดยรอบเย็นเยียบไปถนัดตา
“ตรงนี้…” หลิงเจวียนเอ่ยขึ้นเสียงเบา ขณะชี้ไปยังแท่นศิลาเก่าแก่กลางวิหาร
พื้นหินสีซีดมีรอยแตกร้าวพาดผ่าน ตรงกลางแท่นมีวงเวทประหลาดที่สลักด้วยอักษรโบราณ
อวี้เหยาคุกเข่าลง ลูบไล้รอยสลักเบา ๆ ราวกับสามารถสัมผัสได้ถึงเสียงร่ำไห้จากอดีตกาล
“เมื่อสาบานแล้ว…มิอาจถอนคืน
เมื่อผูกพันแล้ว…มิอาจปลดปล่อย
ผู้ที่ทรยศ…จักสูญสลายเป็นเถ้าธุลี…”
เสียงกระซิบแผ่วเบาเล็ดลอดขึ้นมาจากรอยสลัก ทำเอาทั้งสามคนชะงักไปพร้อมกัน
เฟิ่งหลงหรี่ตาลงต่ำ
“นี่ไม่ใช่วงเวทพันธะเลือดธรรมดา…มีการเสริมด้วยคำสาปของเทพองค์ที่สี่”
หลิงเจวียนสบตากับเขา ก่อนหันกลับไปมองอวี้เหยาอย่างเย็นชา
“นั่นคือสาเหตุที่เราถูกผูกไว้กับพันธะนี้…ไม่ใช่เพียงเพราะเราสาบานต่อกัน แต่เพราะมีใครบางคน ‘แทรกแซง’ พิธีตั้งแต่ต้น”
อวี้เหยาหน้าซีดเผือด
ใครบางคนที่เธอไม่เคยจำได้…
ใครบางคนที่ยังรอวันทวงคืน…
⸻
ในม่านเงาแห่งอดีต
“ข้าจะแทรกซึมพันธะของพวกเขา…” เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างเยือกเย็นในความมืด
ชายในชุดคลุมขาวหน้ากากไม้ก้มลงจรดนิ้วกับวงเวทที่กำลังส่องสว่าง
เลือดสีดำหยดลงบนสัญลักษณ์
พันธะเลือดบริสุทธิ์ถูกทำให้มัวหมอง…
และด้วยเหตุนี้เอง ความรักบริสุทธิ์ที่ควรผูกพันแน่นแฟ้น จึงกลายเป็นความเจ็บปวดไม่รู้จบตลอดกาล
⸻
กลับสู่ปัจจุบัน
“มีคนตั้งใจทำลายพวกเรา…” เฟิ่งหลงกล่าวเสียงต่ำ ดวงตาเปล่งแสงสีทองเรืองรอง
“และเขากำลังจะกลับมา” หลิงเจวียนเสริมขึ้น มือกำดาบสีหมึกแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน
ทันใดนั้นเอง…เสียงกึกก้องก็ดังขึ้นจากใต้พื้น
แผ่นหินเก่า ๆ สั่นสะเทือน ก่อนจะค่อย ๆ แยกออก เผยให้เห็นบันไดหินทอดลงสู่ความมืดลึกเบื้องล่าง
“ไปกันเถอะ” อวี้เหยากระซิบ แม้เสียงเธอจะสั่น แต่สายตากลับแน่วแน่ไม่แพ้สองเทพเคียงข้าง
เสียงฝีเท้ากระทบกับหินเก่าแก่สะท้อนก้องในทางเดินแคบ
ความเย็นยะเยือกแผ่ซ่านไปทั่ว แม้แต่เฟิ่งหลงที่ร่างกายเคยผ่านความตายมานับครั้งยังต้องเร่งพลังปราณคุ้มกันอวี้เหยาและหลิงเจวียนไว้
บันไดทอดลึกลงไปไม่มีที่สิ้นสุด จนกระทั่งในที่สุด…
ทั้งสามก็มาโผล่ยังห้องโถงกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยเสาหินสีดำตั้งตระหง่าน แต่ละต้นเสามีตราประทับด้วยเลือด
กลางห้องโถง มีแท่นบูชาอีกแท่นหนึ่งตั้งอยู่ บนแท่นนั้นมีวัตถุบางอย่าง…ห่อด้วยผ้าสีดำสนิท
และมีตราเลือดแดงฉานประทับอยู่ตรงกลาง
เฟิ่งหลงหยุดเท้า ใบหน้าคมเข้มฉายแววระวังตัวสูงสุด
“อย่าเข้าใกล้แท่นบูชาโดยไม่ระวัง” เขากระซิบ
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยจบ เสียงกระซิบปริศนาก็ดังขึ้นรอบตัว
“ข้ารอพวกเจ้า…พันปีแล้ว…”
“เจ้าทุกคน…ล้วนทรยศข้า…”
“ข้าจะนำทุกสิ่งคืนมา…แม้ต้องแลกด้วยโลหิตของพวกเจ้า!”
เสียงนั้นทั้งเย็นชาและโหยหาในคราเดียวกัน
ทำเอาแม้แต่หลิงเจวียนที่เยือกเย็นอยู่เสมอก็ต้องกะพริบตาช้า ๆ
“เขาตื่นแล้ว” หลิงเจวียนพึมพำ ราวกับกำลังกล่าวถึงหายนะที่ไม่มีวันหยุดยั้ง
⸻
เสียงสะท้อนในใจ
อวี้เหยากัดริมฝีปากจนช้ำ เลือดสีแดงไหลซึม
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เธอเริ่มเห็นภาพแปลกประหลาดวูบไหวตรงหน้า
เธอเห็นตัวเอง…ในชุดเจ้าสาวสีขาวเพลิง กำลังยิ้มให้ชายหนุ่มในชุดดำซึ่งเธอไม่รู้จัก
มือของเขายื่นมา…ราวกับกำลังเชิญชวนให้เธอก้าวข้ามคำสาบานที่มี
“อวี้เหยา ระวัง!” เสียงตะโกนของเฟิ่งหลงดึงเธอคืนสู่ความจริง
ในเสี้ยววินาทีนั้น แสงสีดำพลุ่งออกมาจากแท่นบูชา!
เฟิ่งหลงผลักอวี้เหยาออกไปทัน
หลิงเจวียนสะบัดแขนกวาดกระบี่อาคมสร้างเกราะกำบังขึ้นชั่วขณะ
แต่สายหมอกดำยังคงซึมเข้าสู่ร่างกายพวกเขา…
ราวกับมีบางสิ่งบางอย่าง ‘กำลังย้อม’ หัวใจของทั้งสามด้วยความแค้นจากอดีตกาล
⸻
การปรากฏตัวของบุคคลลึกลับ
ท่ามกลางความมืดมิดนั้น เงาร่างหนึ่งก้าวออกมาจากหลังเสาหิน
เขาสวมผ้าคลุมสีเลือด หน้ากากไม้ลายอักขระโบราณบดบังใบหน้า
แต่แววตาใต้หน้ากากนั้น—เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวปนเศร้าโศก
“ข้าคือ…‘เฟยหลง’” เสียงของเขาเย็นยะเยือก
“เทพองค์ที่สี่—ผู้ที่พวกเจ้าลืม!”
เสียงของเขาดังก้องไปทั่วโถง ราวกับเป็นทั้งคำสาปและการประกาศสงครามในคราวเดียว
อวี้เหยาเบิกตากว้าง ชื่อ “เฟยหลง” นี้เธอไม่เคยได้ยินมาก่อนในความทรงจำ
แต่ในส่วนลึกของหัวใจ กลับเต้นระรัวอย่างเจ็บปวด ราวกับสายสัมพันธ์บางอย่างกำลังดิ้นรนตะโกนเรียกหา
“พวกเจ้าทำให้ข้าต้องถูกลืม…” เฟยหลงเอ่ยเสียงขื่นขม
“ทั้งที่ในพันธะเลือดดั้งเดิม…ข้าก็เคยยืนอยู่เคียงข้างพวกเจ้า!”
เฟิ่งหลงขยับกายไปข้างหน้า ดึงอวี้เหยาไว้ข้างหลังเขาทันที ดวงตาแดงฉานเต็มไปด้วยความระแวง
“เราไม่เคยทรยศใคร” เฟิ่งหลงเอ่ยช้า ๆ แต่เด็ดขาด
หลิงเจวียนเหลือบมองเฟยหลงอย่างเฉยชา แต่ลึก ๆ ในแววตากลับมีแววสั่นไหว
แม้แต่เขาเอง…ก็รู้สึกได้ว่าเสี้ยวหนึ่งในอดีตที่เขาเคยลืมเลือนไป กำลังจะตื่นขึ้นมา
เฟยหลงหัวเราะเยาะ ก่อนจะสะบัดมือขึ้น
แผ่นหินทั้งห้องโถงสั่นสะเทือน เถาวัลย์สีดำจำนวนมหาศาลพุ่งขึ้นจากพื้น ไล่รัดกุมร่างทั้งสามเอาไว้แน่นหนา
“ถ้าเจ้าไม่จำได้…ข้าจะช่วยให้เจ้าจำ!”
⸻
การต่อสู้แห่งความทรงจำ
เถาวัลย์สีดำแต่ละเส้น มีหนามแหลมเคลือบด้วยพลังปราณต้องสาป
เฟิ่งหลงสบถในลำคอ เขาสะบัดแขนสร้างเปลวเพลิงสีทองขึ้นสกัดกั้น แต่เปลวไฟของเขากลับถูกกลืนหายไปในเงามืดทันที
“เป็นพลังแห่งการทรยศ…” หลิงเจวียนกัดฟันแน่น ใช้กระบี่อาคมฟันฝ่า แต่เถาวัลย์ยังคงไหลเข้ามาไม่หยุด
อวี้เหยาถูกดึงรั้งแยกออกจากพวกเขา
มือเรียวพยายามเอื้อมคว้า แต่กลับไม่อาจสู้แรงมหาศาลได้เลย
“เฟิ่งหลง! หลิงเจวียน!” เธอกรีดร้อง
ในชั่ววินาทีนั้นเอง…
ภาพนิมิตก็พรั่งพรูเข้าสู่ใจของอวี้เหยาอย่างห้ามไม่อยู่
⸻
ในห้วงอดีต
เธอเห็นตัวเองในร่างหญิงสาวสวมอาภรณ์ขาว
ยืนอยู่ท่ามกลางชายหนุ่มสามคน — เฟิ่งหลง หลิงเจวียน…และชายผู้หนึ่งที่มีรอยยิ้มอบอุ่นกว่าทุกคน
“อวี้เหยา…ข้าสาบานจะปกป้องเจ้าตลอดไป”
“เราสามคนจะไม่มีวันพรากจาก”
“แม้ต้องแลกด้วยชีวิต…เราจะเดินเคียงข้างเจ้าตลอดกาล”
เสียงของชายคนนั้นกระซิบอยู่ข้างหูเธอ
เขาคือ—เฟยหลง
เฟยหลง…เทพองค์ที่สี่
ผู้ที่เคยรักเธอสุดหัวใจ
ผู้ที่ถูกลืมไปจากประวัติศาสตร์…ถูกขโมยความทรงจำ และถูกทอดทิ้งไว้ในความมืด
⸻
กลับสู่ปัจจุบัน
อวี้เหยาน้ำตาไหลพรากโดยไม่รู้ตัว
ความรู้สึกผิดประเดประดังเข้ามาไม่หยุด
“เฟยหลง…ข้าไม่ได้ตั้งใจลืมเจ้า…” เธอสะอื้นพึมพำ
แต่เฟยหลงในตอนนี้ กลับไม่อาจฟังเสียงใดนอกจากความแค้น
เขาชูมือขึ้น ทะเลเงามืดโหมกระหน่ำ เสาหินทั้งห้องโถงเริ่มพังทลายทีละต้น
“ในเมื่อเจ้าลืมข้า…ก็ขอให้เจ้าลิ้มรสความทรมานชั่วนิรันดร์!”
เปลวเงามืดปะทะเข้ากับพลังปราณปกป้องที่เฟิ่งหลงกับหลิงเจวียนพยายามสร้างขึ้น
แสงทองกับแสงน้ำแข็งปะทะความมืดจนเกิดเสียงกัมปนาท ราวฟ้าผ่ากลางห้องโถงใต้พิภพ
เฟิ่งหลง ดันตัวออกจากเถาวัลย์ต้องสาป กระชากอวี้เหยามาแนบอกแน่น
ดวงตาคมกริบฉายแววปกป้องสุดกำลัง
“อย่าแตะต้องนาง!” เฟิ่งหลงคำราม ก่อเปลวเพลิงเทพในมือจนลุกโชน
เฟยหลงเหลือบมองด้วยแววตาเย้ยหยัน
“ยังมีหน้ามาเรียกตัวเองว่าผู้พิทักษ์งั้นหรือ…” เขากระซิบ
“ทั้งที่พวกเจ้าคือผู้สาปข้าให้จมอยู่ในความเดียวดายพันปี!”
ตูมมมมม!
พลังเวทแผ่กระจายไปทั่ว
พื้นหินแตกร้าวเป็นเสี่ยง เถาวัลย์สีดำขยายตัวจนทั่วห้องโถง
⸻
หลิงเจวียน—การตัดสินใจที่แสนเจ็บปวด
ในขณะเดียวกัน หลิงเจวียน ก็เคลื่อนตัวอย่างว่องไว
ดวงตาสีเงินฉายแววตัดใจบางอย่าง
เขาเอื้อมมือไปแตะปลายกระบี่อาคมของตนเอง แล้วหยดโลหิตลงบนนั้น
เสียงอักขระโบราณแตกกึกก้องในอากาศ
“ขอใช้พันธะโลหิตของข้า…” หลิงเจวียนเอ่ยเสียงต่ำ
“สะกดความมืดแห่งความแค้นนี้ชั่วนิรันดร์!”
เฟยหลงแค่นหัวเราะ “สายไปแล้ว หลิงเจวียน”
“เจ้าคิดว่าแค่เลือดเศษเสี้ยวหนึ่งของเจ้าจะหยุดข้าได้หรือ?”
แต่หลิงเจวียนไม่แม้แต่จะตอบโต้
เขากระชากกระบี่ขึ้นแทงทะลวงกลางม่านหมอกดำ!
ฟึ่บบบ!
เสียงพลังแตกกระจาย แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั้น—
คลื่นสะท้อนจากการปะทะทำให้ความทรงจำที่ถูกผนึกไว้ในห้วงจิตทุกคน…พังทลายลงพร้อมกัน
⸻
ความลับที่ถูกเปิดเผย
ในห้วงนิมิต
อวี้เหยาเห็นตนเองในอดีตกาลอีกครั้ง—พร้อมกับภาพเหตุการณ์น่าสะเทือนใจ
เฟยหลงยื่นมือไปยังอวี้เหยาในวันที่พวกเขาเผชิญหน้ากับ ‘เทพนักล่า’ ผู้คุกคามแคว้นเทวะทั้งหลาย
เขาเสียสละตัวเองเพื่อปกป้องนางและสองสหาย
เลือดของเฟยหลงหลั่งรินลงสู่แผ่นดิน
เขากลายเป็นผนึกที่คอยค้ำยันโลกมนุษย์ไว้ไม่ให้พินาศ
แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป—
ชื่อของเขาถูกลืมเลือนไปจากประวัติศาสตร์
ความทรงจำของอวี้เหยา เฟิ่งหลง และหลิงเจวียน…ถูกลบล้างด้วยเวทต้องห้าม เพื่อปกป้องหัวใจของพวกเขาเอง
เพราะความจริงนั้น…เจ็บปวดเกินกว่าจะจดจำ
⸻
กลับสู่การต่อสู้
อวี้เหยาตัวสั่นสะท้าน
“เฟยหลง…ข้าจำได้แล้ว…” เธอกระซิบ น้ำตาไหลพราก
เฟยหลงชะงักไปชั่วขณะ เงยหน้าขึ้นมองนาง
ในดวงตานั้น…แวบหนึ่งของความอ่อนโยนฉายผ่าน ก่อนจะถูกความแค้นกลืนหายไปอีกครั้ง
“จำได้แล้วอย่างไร?” เฟยหลงถามเสียงพร่า
“เจ้าจะชดใช้ให้ข้าได้หรือ?”
เฟิ่งหลงเบียดตัวขวางหน้าอวี้เหยาไว้แน่น
หลิงเจวียนก็ชูดาบขึ้นอีกครั้ง
“เราจะชดใช้…” หลิงเจวียนเอ่ยช้า ๆ
“ด้วยการคืนชีวิตให้เจ้า คืนอิสรภาพให้เจ้า…”
เฟยหลงหัวเราะเยาะ “ชีวิตข้าไม่อาจคืนได้! พันธะโลหิตก็ขาดสะบั้นแล้ว!”
“ไม่” อวี้เหยาเอื้อมมือออกไป แม้จะตัวสั่นเทา
“ตราบใดที่หัวใจข้ายังจำเจ้าได้…ตราบใดที่ข้ายังรักเจ้า พันธะนี้…จะไม่มีวันขาดสะบั้น!”
แสงอ่อนนุ่มไหลออกจากมืออวี้เหยา
ดั่งหยาดหมอกแรกยามรุ่งอรุณ ค่อย ๆ แตะต้องเถาวัลย์มืดดำที่รัดร่างเฟยหลงเอาไว้แน่น
เสียงแหลกแตกเบา ๆ ดังขึ้น เถาวัลย์บางส่วนหลุดร่วงราวกับไม่อาจต้านทานพลังนี้ได้
เฟยหลงเบิกตากว้าง
เขารู้สึกถึงความอบอุ่นที่เคยโหยหามานับพันปีไหลซึมเข้าสู่หัวใจที่แห้งเหือดไปแล้ว
“อวี้เหยา…” น้ำเสียงของเขาสั่นไหว
“เจ้าจะยอมรับข้าอีกครั้ง…แม้ว่าข้าจะกลายเป็นตัวประหลาดเช่นนี้แล้วหรือ?”
หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่น น้ำตาเอ่อคลอเต็มสองตา
นางก้าวเข้าไปทีละก้าว ทีละก้าว…โดยมีเฟิ่งหลงกับหลิงเจวียนยืนแนบแน่นอยู่ข้างหลัง
“ไม่ว่ากี่ภพกี่ชาติ…” อวี้เหยาเอ่ยเสียงสะอื้น
“เจ้าก็ยังเป็นคนของข้า”
⸻
ปาฏิหาริย์แห่งพันธะ
เมื่อคำสาบานถูกกล่าวออกมา
ตราพันธะโบราณที่มองไม่เห็น ก็เริ่มเรืองแสงขึ้นกลางอกของอวี้เหยา เฟยหลง เฟิ่งหลง และหลิงเจวียนพร้อมกัน
ลำแสงสีทองพุ่งขึ้นสู่เพดานถ้ำ กระแทกม่านพลังต้องสาปจนแตกร้าวเป็นเสี่ยง ๆ
เฟยหลงทรุดตัวลงกับพื้น
มือสั่นเทา ร่างกายที่ถูกกัดกินด้วยพลังมืดค่อย ๆ คลายตัวลง
“เจ้า…” เฟยหลงเงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงก่ำเต็มไปด้วยความอาวรณ์
“เจ้าจำสัญญาของเราได้แล้วจริง ๆ หรือ?”
อวี้เหยาคุกเข่าลงเบื้องหน้าเขา
สวมกอดร่างที่สั่นสะท้านนั้นเอาไว้แน่นโดยไม่ลังเลแม้สักเสี้ยวลมหายใจ
⸻
การปลดปล่อย
พลังอาคมต้องสาปเริ่มสลายตัว
เถาวัลย์เหี่ยวแห้งกลายเป็นผงธุลี เงามืดสลายกลายเป็นแสงสว่าง
เฟิ่งหลงและหลิงเจวียนที่ยืนเฝ้าอยู่ข้าง ๆ ต่างถอนหายใจเฮือกใหญ่
แต่ยังคงยกอาวุธขึ้นคอยระวังไม่ให้เกิดเรื่องไม่คาดคิดอีก
เฟยหลงวางมืออ่อนแรงลงบนไหล่อวี้เหยา
“หากมีชีวิตใหม่นี้…” เขากระซิบด้วยเสียงแผ่วเบา
“ข้า…จะไม่ขอเป็นเพียงผู้เฝ้ามองอีกต่อไป”
อวี้เหยากระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น ราวกับต้องการปลอบโยนทุกความเจ็บปวดที่อีกฝ่ายเคยแบกรับไว้
⸻
คำมั่นกลางซากปรักหักพัง
หลิงเจวียนเดินเข้ามาเงียบ ๆ ก้มศีรษะต่ำ
“เฟยหลง” เขาเอ่ยเสียงหนักแน่น
“ข้า…ขอโทษ”
เฟยหลงชะงัก
“ข้าทรยศความเชื่อใจของเจ้า แม้จะไม่รู้ตัว” หลิงเจวียนกล่าวต่อ
“ต่อแต่นี้ไป…ชีวิตข้า จะตอบแทนเจ้า เพื่อชดเชยสิ่งที่สูญเสีย”
เฟยหลงมองหลิงเจวียนอยู่นาน
ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ อย่างขื่นขม
“เจ้ามันพวกหัวแข็ง…ไม่เปลี่ยนเลยสักนิด”
เฟิ่งหลงก้าวเข้ามาข้างอวี้เหยา กำหมัดแน่น
“ต่อจากนี้ไป เจ้าไม่ใช่คนเดียวอีกแล้ว”
เฟยหลงนิ่งงัน ดวงตาที่เคยหม่นมืดเริ่มมีประกายแสงอ่อน ๆ แทรกขึ้นมา
รอยยิ้มบางเบา ราวกับสายลมฤดูใบไม้ผลิ ปรากฏบนใบหน้าที่เคยแสนเศร้า
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments