ถึงกำหนดวันสัมภาษณ์พลอยมายาตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมตัว
และทบทวนการพูด การวางตัวของเธออีกครั้ง หญิงสาวเลือกที่จะแต่งตัวเรียบง่าย
ถูกกาลเทศะ แต่ดูสวย เธอฉีดพรมน้ำหอมแบรนด์เนมมือสองที่ซื้อมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
ผมสาวสลวยถูกมัดรวบเก็บอย่างเรียบร้อย ใบหน้าฟ้าประทานของเธอนั้น
แต่งแต้มเครื่องสำอางแค่พองาม
ชุดนักศึกษาที่เลือกมาใส่นั้นก็เป็นชุดที่เรียบร้อยถูกระเบียบ
เสริมด้วยเครื่องประดับชิ้นเล็ก ๆ อย่างนาฬิกา
พลอยมายาสำรวจดูตัวเองที่กระจกอีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจออกจากห้อง เพื่อเดินทางไปที่บริษัทของอาชา
พลอยมายาทำตามที่เขาบอกทุกอย่าง ซึ่งพนักงานนั้นก็ทำการต้อนรับเธออย่างดี
ไม่ใช่เพียงแค่กับเธอคนเดียวเท่านั้น
แต่กับนักศึกษาทุกคนที่มาร่วมสัมภาษณ์ในวันนี้ด้วย
พลอยมายาแอบมองดูคู่แข่งของเธอทีละคน และรู้สึกว่าคนอื่น ๆ
ไม่เห็นจะมีใครน่ากลัวสักคน จากบุคลิกภายนอก
ก็คงต้องลุ้นกันต่อว่าการสัมภาษณ์จะสักแค่ไหนกัน แต่คะแนนด้านบุคลิกภาพนั้น
เธอคงจะกวาดมาจนเต็ม
“คุณพลอยมายาค่ะ”
เสียงพนักงานเดินออกมาเชิญให้พลอยมายาเข้าไปในห้องสัมภาษณ์ เธอรู้สึกเกร็งนิดหน่อย
เพราะได้เข้าห้องสัมภาษณ์เป็นคนแรก ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาในห้องความรู้สึกเย็นเยือกก็คืบคลานเข้ามาปกคลุมทั่วร่างกาย
ภายในห้องมีกรรมการสัมภาษณ์ 4 คน
หนึ่งในนั้นมีอาชานั่งอยู่ด้วย เขากำลังนั่งอ่านเอกสารยื่นสมัครของเธออย่างตั้งใจ
และไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองเธออย่างคนอื่น ๆ
พลอยมายาเองก็ไม่ได้แสดงท่าทางให้คนรู้ว่าเธอกับเขานั้นรู้จักกันเช่นกัน
“เชิญแนะนำตัวค่ะ”
หนึ่งในกรรมการสัมภาษณ์ผายมือเชิญ พลอยมายาเริ่มการนำตัวเองด้วยภาษาไทย
ก่อนจะแนะนำตัวเองอีกครั้งด้วยภาษาอังกฤษตามที่เธอได้ซ้อมมา
“โอเค
ถ้าจะนำแบบนี้ ฉันอ่านจากในใบสมัครของเธอหมดแล้ว” ระหว่างที่นักศึกษาสาวกำลังแนะนำตัวเองเป็นภาษาอังกฤษอยู่นั้น
ลูกสาวเจ้าของบริษัทก็แทรกขึ้นด้วยภาษาอังกฤษเช่นกัน
พลอยมายารู้สึกเสียความมั่นใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมาให้ใครเห็น
เธอเผลอเหลือบมองอาชาแวบหนึ่ง แต่เขาก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรเลย
เขาช่วยอะไรพลอยมายาไม่ได้อยู่แล้ว โอกาสที่เขามอบให้มากมายขนาดนี้
หากพลอยมายาไม่สามารถที่จะรักษามันเอาไว้ได้
ก็ถือว่าเธอไม่มีคุณสมบัติพอจะได้รับมัน
“ค่ะ”
พลอยมายาเลือกที่จะหยุดการแนะนำตัว และรอให้คณะกรรมการได้ยิงคำถามใส่
“รู้จักบริษัทเราจากที่ไหนคะ
แล้วทำไมถึงรู้ว่าที่นี่รับเด็กฝึกงาน” คำถามแรกจากผู้หญิงคนเดียวกันกับที่บอกให้เธอแนะนำตัว
“ขอเป็นภาษาอังกฤษด้วยนะคะ”
พลอยนิลแทรกขึ้น คนถูกรุมสัมภาษณ์เริ่มรู้สึกอึดอัด
เธอมั่นใจแล้วว่าลูกสาวของอาชาต้องเป็นคนที่สาดแต่ภาษาอังกฤษใส่เธอแน่
‘พูดเร็วขนาดนี้ใครจะไปฟังทัน’ พลอยมายาแอบคิดในใจ
“ฉันรู้จักบริษัทสยามจิวเวอร์รี่อยู่แล้ว
เพราะเป็นบริษัทใหญ่ และมีชื่อเสียงทางด้านนำเข้า-และขายประมูลอัญมณี
เนื่องจากตัวเองชื่อพลอย ซึ่งเป็นหนึ่งในอัญมณีเหมือนกันก็เลยอยากทำงานกับที่นี่
จึงเลือกที่จะหาช่องทางการส่งใบสมัคร และเสี่ยงดวงว่าจะรับหรือไม่”
คำตอบของพลอยมายาดูเหมือนจะไม่มีที่มาที่ไปและไม่มีหลักการเอาเสียเลย
แต่กลับได้ใจพลอยนิลไปเต็ม ๆ
“แสดงว่าคุณไม่ได้รับข่าวการรับสมัครอย่างนั้นสิ?” พลอยนิลถามต่อ
“ค่ะ
ฉันมาสมัครด้วยความตั้งใจของตัวเอง” พลอยมายาตอบอย่างมั่นใจ
อาชาที่ฟังอยู่อยากจะยิ้มให้ปากฉีก เขาชอบการตอบคำถามของพลอยมายามาก
มันฟังดูฉลาดและต้องไม่มีใครตอบแบบเธอแน่
เขายังมั่นใจอีกด้วยว่าพลอยนิลลูกสาวของเขาก็น่าจะชอบคำตอบนี้ด้วยเหมือนกัน
“ชื่อพลอยมายาใช่ไหม
งั้นช่วยบอกหน่อยสิว่าอัญมณีพลอยเนี่ย มันมีดียังไง” อาชาถามขึ้นบ้าง
“มีคนเคยกล่าวเอาไว้ว่า
เพชรสวยที่ใส ส่วนพลอยสวยที่สี พลอยนั้นมีมากมายหลายสี หลายชนิด และหลายตระกูล
ไม่เหมือนกับเพชร พลอยจึงมีความหลากหลายมากกว่า ไม่น่าเบื่อ ไม่จำเจ
เอาไปประดับกับเครื่องประดับอะไรก็สวย”
“เธอชอบพลอยชนิดไหนมากที่สุด”
พลอยนิลเอ่ยถามเล่น ๆ
“นิลค่ะ
ฉันว่ามันเป็นสีของความลึกลับ น่าค้นหา” พลอยนิลพยักหน้ารับ
เธอไม่คิดว่าคำตอบที่ได้จะเป็นนิลเสียด้วยซ้ำ แต่จะอะไรก็ช่าง
พลอยนิลรู้สึกถูกชะตากับนักศึกษาคนนี้ และรู้สึกว่าเธอตอบคำถามได้ฉลาด
กรรมการคนอื่น ๆ ถามต่ออีก 2-3 คำถาม
พลอยมายาก็ถูกเชิญออกหลังจบการสัมภาษณ์
“นิลชอบคนนี้นะคะ
รู้สึกว่าเขาฉลาดตอบดี” พลอยนิลหันไปบอกกับอาชา
เขากำลังลงคะแนนให้กับเด็กสาวอย่างสบายอารมณ์
“พ่อก็ว่าโอเคนะ
ทักษะการตอบ บุคลิกภาพ การแต่งกาย ทักษะภาษา บวกกับคะแนนเรซูเม่ที่ทำมา
พ่อไม่รู้จะหักอะไรเลย” อาชาพูดเชิงชื่นชมแต่พยายามให้มันเบาที่สุด เพราะกลัวลูกสาวจะจับได้
“นิลก็คิดแบบนั้น
ก็ต้องดูกันอีกทีว่าตอนมาทำงานจริง ๆ จะได้เรื่องหรือเปล่า”
อาชาเลิกคิ้วมองคนพูดอย่างประหลาดใจ เขาไม่คิดว่าพลอยนิลจะด่วนสรุปขนาดนี้
ทั้งที่ยังเหลือนักศึกษาคนอื่นที่ยังไม่ได้เข้ามาสัมภาษณ์อีกตั้งหลายคน
“นี่นิลจะรับเลยเหรอ
ยังมีคนอื่นอีกนะ” อาชาแกล้งว่า ทั้งที่ใจจริงอยากจะโทรบอกพลอยมายาเสียเดี๋ยวนี้
“บริษัทคุณพ่อรับตั้งหลายคนไม่ใช่เหรอคะ
ไม่รู้แหละคนนี้นิลถูกชะตา นิลรับ” พลอยนิลพูดอย่างเด็กเอาแต่ใจ
อาชาไม่ได้พูดอะไรต่อเขาเพียงแต่ยิ้มกลบเกลื่อน
ไม่นานนักศึกษาคนต่อไปก็เข้ามานั่งที่กลางห้อง
พลอยมายาเดินออกมาจากตึกด้วยใจที่ยังคงเป็นกังวล
เธอไม่ค่อยมั่นใจนักว่าตัวเองจะได้ แม้ว่าจะทำออกมาได้ดีกว่าตอนที่ซ้อมก็ตาม
เธอแอบมองดูอาชาอยู่ตั้งหลายครั้ง แต่เขากลับทำเมินเฉยใส่
แต่พอนึกดูอีกทีเขาต้องแสดงเป็นไม่รู้จักเธอต่อหน้าลูกสาวก็ไม่แปลกที่เขาจะเย็นชาขนาดนั้น
แต่คิด ๆ ดูผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดาเลย เขาแสดงเป็นผู้ชายอบอุ่น
รักลูกสาวได้อย่างแนบเนียน ถ้าเธอไม่ได้ขายตัวให้เขา
ก็คงมองไม่รู้ว่าคนแบบนี้จะเอาเงินมาแลกกับการนอนกับนักศึกษาคราวลูกได้
"คืนนี้ก็ได้ครับบอส..." เสียงของใครบางคนดึงความสนใจจากพลอยมายาที่กำลังเดินเหม่อลอยให้ต้องหันไปมอง
เธอยิ้มขึ้นทันทีเมื่อเห็นอีกฝ่าย
“ไง”
หลังจากที่เสือวางสายแล้ว เมื่อเขาหันกลับมา พลอยมายาจึงได้เอ่ยทัก เธอไม่รู้ว่า
จะเริ่มอย่างไรดี รู้เพียงว่าคิดถึงเขาเหลือเกินเท่านั้น
เพียงไม่กี่วันที่ไม่ได้เจอกัน แต่เวลามันเหมือนผ่านไปนานเหลือเกิน
“มาทำอะไรเหรอ”
เสือเอ่ยถามขึ้น เขาเองก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน
“เดี๋ยวนี้นาย...ไม่ต้องรับส่งฉันแล้วเหรอ”
พลอยมายากระซิบกระซาบถาม เพราะกลัวว่าจะมีคนมาได้ยิน
“เปล่า
ทำไมเหรอ”
“ก็วันนั้นไม่เห็นนายมารับฉันเลย”
พลอยมายาตัดสินใจเอ่ยถามในสิ่งที่ค้างคาใจ
เสือรู้ทันทีว่าพลอยมายานั้นหมายถึงวันไหน เขายิ้มก่อนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“ก็คงจะแบบนั้น
เห็นว่าช่วงนี้เจ้านายเรียกใช้คนอื่นบ่อย ๆ ผมเองก็ต้องคอยรับส่งลูกสาวของท่าน
คงไม่ได้ทำงานอื่นหรอกช่วงนี้” เสือแกล้งว่า พลอยเข้าใจคำว่างานอื่นของเขาดี
แต่ไม่รู้ว่าทำไม พอฟังแล้วมันรู้สึกเจ็บที่หัวใจแปลก ๆ
“งั้นเราคงจะไม่ได้เจอกันเลยสิ”
เธอตัดสินใจถามขึ้น
“ก็บอกแล้วนี่
ถ้าอยากเจอกันก็แค่ทักมา ไลน์ก็ให้ไปแล้ว หรือคุณทิ้งไปแล้วล่ะ”
เขาถือโอกาสนี้หลอกถามอีกฝ่าย พลอยมายารีบส่ายหัวทันที
“เปล่านะ
ฉันไม่ได้ทิ้ง ยังเก็บไว้อย่างดีเลย” เธอรีบปฏิเสธ เพราะกลัวอีกฝ่ายจะเข้าใจผิด
เสือต้องกลั้นหัวเราะเอาไว้เต็มที่
เขาเห็นสีหน้าท่าทางของพลอยมายาแล้วก็อยากจะหัวเราะออกมาดัง ๆ
แต่ก็กลัวเธอจะรู้ว่าเขากำลังแกล้งเธออยู่
“เหรอ
ก็ไม่เห็นแอดมาสักทีนี่”
“ฉันกลัว....”
พลอยมายาไม่ได้พูดต่อ แต่เสือก็รู้ว่าเธอกำลังหมายถึงอะไร
เขาไม่คิดเลยว่าพลอยมายาจะกลัวอาชาได้มากขนาดนั้น ทั้งที่เรื่องก็ผ่านมาสักพักแล้ว
“อย่าให้เขารู้สิ”
“พูดง่าย
ๆ นายไม่ได้มาเจ็บตัวกับฉันสักหน่อย”
“ถ้าเขารู้
ผมไม่แค่เจ็บตัวหรอก แต่ถึงตายเลยล่ะ” เสือกล่าว พลอยมายาพลันหน้าซีดลงทันที
เธอเชื่อว่าที่เสือพูดมาเมื่อครู่นั้นต้องจริงแน่ คนอย่างอาชาถ้าถูกลูกน้องหักหลัง
เขาคงจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จนอาจจะสั่งเก็บเสือจริง ๆ
“รู้ทั้งรู้ว่าเสี่ยง
แต่ก็ยังจะทำ” หญิงสาวต่อว่า
“เสี่ยงแล้วคุ้มก็น่าเสี่ยงอยู่หรอกนะ”
อีกฝ่ายพูดอย่างหน้าตาเฉย
ทั้งคู่ยืนคุยกันต่อได้เพียงไม่นานพลอยมายาก็ต้องแยกตัวออกมา
เพราะกลัวใครจะงมาเจอเข้า เธอกลับไปเข้าเรียนตามปกติ
ส่วนเสือนั้นก็อยู่ทำงานจนหมดเวลา เขามีนัดกับหัวหน้าใหญ่
เสือเปลี่ยนรถก่อนจะออกไปตามนัด เขาขับรถหายไปในซอยเปลี่ยวก่อนจะแวะเข้าไปในบ้านหลังเล็กกลางป่าละเมาะ
ที่ลานเล็ก ๆ หน้าบ้านมีรถจอดอยู่ก่อนแล้ว 1 คัน
เสือเดินเข้าไปภายในตัวบ้านอย่างระมัดระวัง
เมื่อเข้ามาถึงก็พบชายฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่ 2-3 คนยืนอยู่รอบ
ๆ
และมีผู้ชายที่ดูทรงอำนาจที่สุดนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้กลางวงล้อมของชายร่างสูงใหญ่เหล่านั้น
“มากันนานหรือยังครับ”
เสือเอ่ยถามด้วยภาษาพื้นเมืองของประเทศเอจีรัส
คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้พลันลุกยืนขึ้นก่อนจะส่ายศีรษะไปมา
“เพิ่งถึงก่อนนายจะมาถึงสักพักเอง”
เขาว่าพลางเดินเข้าไปหามือขวาของเขา
“ไม่เจอกันนานเลยนะ”
อาเธอร์กล่าวก่อนจะยิ้มให้คนตรงหน้า
“ครับ”
เสือเป็นคนของอาเธอร์ ที่ถูกส่งมาเพื่อสืบเรื่องสร้อยพลอยนิล
สร้อยขอมโบราณเส้นที่อาชาหวงนักหวงหนา
เดิมนั้นสร้อยเส้นนี้เป็นมรดกตกทอดของครอบครัวอาเธอร์
พ่อของเขานั้นมีเชื้อสายเขมรเป็นขุนนางใหญ่โต
แต่หลังมีสงครามก็ย้ายถิ่นฐานหนีไปอยู่ที่เอจีรัส ต่อมาสร้อยได้ถูกขโมยไปประมูล
พ่อของอาเธอร์พยายามตามหาเพราะเป็นคำสั่งจากบรรพบุรุษเจรจาขอซื้อจากอาชาอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ
กระทั่งเขาเสนอราคาที่สูงจนพ่อของอาเธอร์ต้องยอมขายสมบัติมาซื้อจนเนื้อประดาตัว
แต่สุดท้ายอาชาก็ไม่ยอมส่งสร้อยพลอยนิลให้กับทางพ่อของอาเธอร์อยู่ดี
ทำให้พ่อของอาเธอร์นั้นฆ่าตัวตายในที่สุด
อาเธอร์และครอบครัวต้องเผชิญหน้ากับความอดอยากเพราะไม่มีอะไรเหลือเลยหลังจากพ่อเขาขายสมบัติทั้งหมดไป
กว่าเขาจะพาครอบครัวให้กลับมามีกินมีใช้อีกครั้ง
คนก็ลืมชื่อของพ่อเขาไปเสียจนหมดแล้ว
“ฉันคิดว่าแผนของเราน่าจะมีปัญหา”
อาเธอกล่าวขึ้น หลังจากได้ทำความรู้จักกับพลอยนิลจนแน่ใจแล้วว่า
เธอไม่สามารถดึงมาเป็นหมากในเกมได้แน่
“พลอยนิลรักพ่อของเธอมาก
คงอยากถ้าจะหลอกอะไรเธอ เพื่อหาผลประโยชน์จากอาชา” อาเธอร์ว่าต่อ
เรื่องนี้เสือเองก็รู้ดีอยู่แล้ว แต่ไม่กล้าที่จะไปเสนอความคิดอะไร
“แล้วแบบนี้...”
“ฉันอยากได้ใครสักคน
ที่อาชาให้ใจพอ ๆ กับลูกสาว และคนคนนั้นไม่ได้จงรักภักดีกับอาชาแบบพลอยนิล”
อาเธอร์พูดขึ้น เขาให้คนไปสืบหาข้อมูลมาแล้ว
และมั่นใจว่าเสือจะเจรจากับคนคนนี้ให้เขาได้
“ใครครับ”
“ผู้หญิงที่อาชาเลี้ยงอยู่ไง
ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นใคร รู้แค่ว่านายเคยไปรับ-ส่งผู้หญิงคนนี้”
เสือรู้ทันทีว่าคนที่เจ้านายของเขากำลังพูดถึงนั่นก็คือพลอยมายา
“คนอย่างอาชา
ไม่จริงจังกับผู้หญิงคนไหนหรอกครับ เลี้ยงเบื่อก็เปลี่ยนคนแล้ว” เสือรีบพูดขึ้น
เขาไม่อยากเอาพลอยมายาเข้ามาเสี่ยงด้วย แค่นี้เธอก็เสี่ยงชีวิตมากพอแล้ว
“ก็ให้มันทำยังไงก็ได้
ให้อาชาเชื่อใจ ฉันยินดีจ่ายไม่อั้น”
“แต่...”
“ถ้านายทำไม่ได้
ก็พาผู้หญิงคนนั้นมาเจอฉัน ฉันจะคุยกับเธอเอง” อาเธอร์ไม่รอให้เสือขัดเขาอีกครั้ง
เขาไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้แล้ว เขาอยากจะจบเรื่องนี้สักที
อยากเอาพลอยนิลเส้นนี้ไปคืนพ่อ วิญญาณของพ่อจะได้ไปสู่สุคติ
ไม่ต้องมีอะไรติดค้างอีกต่อไป อยากจะสั่งสอนคนขี้โกงแบบอาชา
อยากจะแก้แค้นที่เขาเป็นสาเหตุให้พ่อต้องตาย เสือได้แต่ก้มหน้ารับคำสั่งเท่านั้น
แม้เขาจะไม่เห็นด้วยเลย แต่ในเมื่อมันเป็นคำสั่งของเจ้านาย เขาย่อมขัดอะไรไม่ได้ นอกจากทำตามเท่านั้น
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 30
Comments