มิติรักบัลลังก์หงษ์ (อ่านฟรี)
มิติรักบัลลังก์หงษ์
ตอนที่ 1 องค์หญิงน้อยผู้หายสาบสูญ
'ฝูงหงษ์ขาวนับหมื่นตัวบินโฉบผ่านม่านฟ้าเหนือแคว้นฉางอิ๋น ผู้คนตื่นตากับปรากฎการณ์ที่หาดูได้ยากเช่นนี้ และนี่คือนิมิตหมายที่ดีของแคว้นที่มั่งคั่ง ในวันประสูติการขององค์หญิงน้อยผู้มากด้วยบารมี นางกำเนิดเกิดมาพร้อมดวงตาสีครามดุจน้ำทะเล
คำทำทายของ 6 โหราจารย์ต่างเอ่ยเป็นเสียงเดียวกันว่านางนั้นเกิดมาเพื่อเป็นกษัตรีองค์แรกแห่งแคว้นฉางอิ๋น เมื่อครั้งมเหสีแห่งแคว้นเจ็บท้องใกล้คลอดก็เกิดเรื่องราวประหลาดมากมาย ท้องฟ้าทอแสงสีทองอร่าม ก้อนเมฆก่อตัวเป็นรูปหงษ์สะบัดปีก หิมะและฝนตกในคราวเดียวกัน ร่วมทั้งหงษ์งามนับหมื่นตัวที่ลอยอยู่เหนือเมืองนั้นด้วย ผู้คนต่างโจษขานว่านี่คืออภินิหารย์ขององค์น้อยผู้ที่พึ่งเกิดมา..
แต่ความชื่นชมยินดีนั้นก็มีได้เพียงไม่นาน เพราะกษัตย์แห่งแคว้นฉางอิ๋นมีบุตรชายถึง 7 คน และมีบุตรสาวอีก 4 คน บุตรทั้ง 11 คนนั้นเกิดจากอนุภรรยาทั้ง 3 ซึ่งแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันมาตลอด อนุภรรยาผู้อิจฉาตาร้อนต่างยอมไม่ได้จริงๆเมื่อรู้ถึงคำทำนายของโหราจารย์ เด็กที่พึ่งลืมตาดูโลกนี่นะหรือจะได้เป็นกษัตรีแห่งแคว้นที่ยิ่งใหญ่ แล้วบุตรชายของพวกนางเล่าจะเอาไปไว้ที่ไหน...
เมื่อนึกถึงจุดนี้นางทั้งสามจึงยุติความบาดหมางและวางแผนรวมกัน พวกนางส่งคนไปลักพาตัวองค์หญิงน้อยเพื่อนำไปฆ่าทิ้งเสียเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม นางกำนัลที่ถูกว่าจ้างนำตัวองค์หญิงน้อยออกจากจวนในเวลากลางดึกก่อนจะส่งมอบให้มือสังหารที่ถูกว่าจ้างมาอีกที เมื่อได้ตัวองค์หญิงมือสังหารก็รีบพานางออกจากเขตพระราชฐานมุ่งหน้าสู่แม่น้ำซานซี เขาขึ้นเรือและล่องไปตามลำน้ำ ก่อนจะเปิดผ้าที่คลุมตะกร้าออก เผยให้เห็นเด็กน้อยผู้ไร้เดียงสาหน้าตาจิ้มลิ้ม
มือสังหารกำมีดในมือแน่น หมายจะให้ปลายมีดแทงทะลุหัวใจเด็กน้อย แต่แล้วอยู่ๆดวงตาสีครามคู่ใสก็ฉายแววอาฆาตออกมา แววตาคู่นั้นไม่ได้ไร้เดียงสาอีกต่อไป หากแต่เป็นจิตสังหารที่สามารถควบคุมจิตใจมนุษย์ ปลายมีดเปลี่ยนทิศทางหันคมเข้าหาผู้เป็นเจ้าของ มือสังหารเป็นชายฉกรรจ์ตัวสั่นเหมือนเจ้าเข้าเพราะเขาไม่สามารถควบคุมร่างกายของตนได้ กระแสจิตอันแรงกล้าทำให้ชายผู้นั้นปักปลายมีดเข้าที่กลางอกของตน
--ฉึก--
เมื่อจัดการผู้ปองร้ายได้สำเร็จจิตสังหารก็หายกลับเข้าไปใต้แก่นของดวงจิตเช่นเดิม องค์หญิงน้อยฉายแววนัยน์ตาสดใสอีกครั้งนางยิ้มอย่างไม่ประสีประสา ท่ามกลางลำน้ำที่มืดมิด หิ่งห้อยน้อยสีเหลืองทองก็ลอยล่องเข้ามาใกล้เรือ มันบินมาเกาะที่ตะกร้าตัวแล้วตัวเล่า จนทั่วบริเวณนั้นสว่างไสว่เหมือนดวงไฟจากตะเกียง
ด้วยพลังที่มีมาแต่กำเนิดนางได้สร้างเกราะคุ้มภัยให้กับตนเอง ก่อนที่องค์หญิงน้อยจะส่งร่างของตนไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยเพื่อรอเวลา...
แคว้นฉางอิ๋นโศกเศร้าอาลัยกับการหายตัวไปขององค์หญิงน้อย มเหสีผู้เป็นมารดาก็ตรอมใจจนล้มป่วย นางอาลัยจนอยากจะตายตามลูกไปเสียให้ได้ แต่เมื่อโหราจารย์พยากรณ์คำทำนายอีกครั้งนางก็เหมือนจะมีหวังขึ้นมา
~องค์หญิงน้อยยังไม่ตายเพียงแต่รอเวลาที่สมควร เมื่อครบ 18 ชันษาองค์หญิงผู้หายสาบสูญจะหวนคืนสู่บัลลังก์~
คำพยากรณ์นั่นแผร่สะพัดออกไปทั่วหล้า ผู้คนตั้งตารอการกลับมาของนาง แต่ถึงอย่างนั้นผู้ที่หวังปองร้ายก็เตรียมท่ารับมือ อนุภรรยาทั้งสามส่งคนออกตามหาเด็กสาวที่มีนัยน์สีครามดุจน้ำทะเล หวังกำจัดนางให้พ้นทางเช่นเดิม แต่จนแล้วจนรอดก็ยังหาตัวไม่พบ...
เพราะที่ที่นางอยู่นั้นไกลเกินกว่าที่คนธรรมดาจะไปถึง..มาจนบัดนี้นางได้เติบโตเป็นสาวสะพรั่งในวัย 18 ปีและมีนามว่า.........'
"เสี่ยวเฟิ่ง! ลงมากินข้าวได้แล้ว"
"ค่าาาา จะไปเดี๋ยวนี้"
จ้าวเสี่ยวเฟิ่งวางหนังสือนิยายเล่มเก่าเคอะในมือแล้วลงไปทานข้าวตามเสียงเรียกของแม่ เด็กสาวหน้าตาสะสวยเดินลงบันไดมาอย่างอารมณ์ดี เธอสวมแว่วสายตาหนาเตอะที่สั่งตัดเป็นพิเศษเพราะสายตาของเธอนั้นสั้นกว่าคนปกติถึงสิบเท่า ผมยาวถึงกลางแผ่นหลังถูกถักเปียแกะทั้งสองข้าง เธอใส่เสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่โคลงเคลงพร้อมทั้งกางเกงผ้าฝ้ายสีขาวขายาวถึงตาตุ่ม เมื่อลงมาถึงโต๊ะอาหารแม่ของเธอก็ค้อนสายตาเคืองใส่..
"ทำอะไรอยู่แม่เรียกตั้งนานแล้ว"
"อ่านหนังสือค่ะ"
"หนังสืออะไร อย่าบอกนะว่าอ่านหนังสือนิยายที่คุณตาให้มาอีกแล้ว" แม่พูดอย่างรู้ทันลูกสาวจึงได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ
"ใช่ค่ะ แฮ่ๆ"
"แม่บอกแล้วใช่มั๊ยว่าอย่าอ่านนิยายพวกนั้นมากเกินไป ตั้งใจอ่านหนังสือเรียนดีกว่า"
"หนูก็ตั้งใจอ่านอยู่แล้วล่ะค่ะ แต่บางทีมันก็น่าเบื่อ หนูก็อ่านแก้เซงไปงั้นๆ ว่าแต่คุณพ่อละคะ?" เธอพูดพร้อมกวาดสายตามองไปรอบๆ
"คุณพ่อยังไม่กลับ ที่บริษัทมีงานด่วนก็เลยต้องอยู่ต่อ...คุณพ่อจะรีบเคลียร์งานให้เสร็จพรุ่งนี้จะได้ไปเยี่ยมคุณตากัน"
"เย้ ดีใจจังเลยค่ะ หนูคิดถึงคุณตาจะแย่แล้ว ในที่สุดก็จะได้ไปหาสักที" เสี่ยวเฟิ่งดีใจจนออกนอกหน้า
"จ้าาาา ตาหลานเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ขนหนังสืออะไรก็ไม่รู้มาให้อ่านตั้งเยอะแยะ แล้วไอ้เล่มที่ลูกอ่านอยู่เนี่ยยิ่งเก่ามาก หน้าปกเลอะเลือนหมดแล้ว ไม่รู้ว่าเก็บไว้ตั้งแต่สมัยไหน"
"ถึงปกจะเก่าแต่เนื้อหาข้างในยังชัดอยู่นะคะแถมยังสนุกด้วย..หนูชอบหนังสือของคุณตาทุกเล่มเลยค่ะ"
เสี่ยวเฟิ่งพูดแล้วยิ้มก่อนจะตักข้าวเข้าปาก..
"จ้ะ รีบกินเถอะจะได้ไปเตรียมข้าวของ เราจะค้างบ้านคุณตา2คืนนะรู้มั๊ย"
"ค่ะแม่" เสี่ยวเฟิ่งรีบกินข้าวแล้วขึ้นไปจัดเตรียมข้าวของที่จำเป็นโดยเธอไม่ลืมที่จะเอาหนังสือนิยายเก่าๆเล่มนั้นติดกระเป๋าไปด้วย เช้าวันต่อมาสามพ่อแม่ลูกก็ออกเดินทางมาถึงบ้านของคุณตาที่อยู่ต่างจังหวัดในเวลาพลบค่ำ..
บ้านของคุณตาหลิวเป็นบ้านหลังใหญ่ทรงจีนโบราณแบบดั่งเดิม มีรั้วกำแพงอิฐสูงท่วมหัวกั้นรอบนอก ประตูทางเข้าเป็นประตูไม้เก่าแก่ มีป้ายอักษรจีนโบราณติดอยู่ด้านบนสุดแต่ก็เลือนลางไปบ้างแล้วตามกาลเวลา และเมื่อเดินเข้ามาด้านในสิ่งแรกที่เห็นคือสระน้ำที่กว้างอยู่พอสมควร น้ำในสระใสสะอาดมีดอกบัวสีขาวเบ่งบานอยู่บนผิวน้ำ และใต้น้ำก็มีปลาคราฟสีทองและสีขาวปนแดงแหวกว่ายอยู่เต็มไปหมด เป็นสัวต์เลี้ยงที่คุณตาโปรดปรานมากที่สุด
เมื่อเจ้าของเรือนรู้ว่าบุตรสาวและหลานสาวของตนมาถึง ก็รีบเดินออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม เด็กชายสองคนอายุไล่ๆกับเสี่ยวเฟิ่งออกมาช่วยยกของเข้าไปด้านในพวกเขาเป็นลูกศิลษ์ของคุณตา
"คุณตา..." เสี่ยงเฟิ่งวิ่งเข้าไปกอดคุณตาทันที ชายแก่หัวขาวโพลนกระชุ่มกระชวยเมื่อหลานสาวเพียงคนเดียวแวะมาเยี่ยมเยือน
"เป็นยังไงบ้าง สบายดีมั๊ยหลาน"
"สบายดีค่ะ แต่คิดถึงคุณมากๆเลย หนูมีเรื่องจะคุยกับคุณตาเยอะแยะไปหมด เราเข้าไปข้างกันเถอะนะคะ"
เสี่ยวเฟิ่งจูงแขนคุณตาเข้ามาในบ้าน พ่อกับแม่ที่ดูอยู่ได้แต่อมยิ้มเมื่อเห็นหลานสาวและคุณตาคุยกันอย่างออกรส...
"คุณตาคะ หนูอ่านนิยายเล่มนั้นแล้วนะคะ สนุกมากเลย" เสี่ยวเฟิ่งบอก
"งั้นรึ หลานอ่านถึงไหนแล้ว?"
"อ่านถึงตอนที่ องค์หญิงน้อยหายสาบสูบค่ะ "
คุณตายิ้มก่อนจะตีสีหน้านิ่งพร้อมกับเอ่ยถามต่อ
"แล้วอ่านบทต่อไปรึยัง?"
"ยังเลยค่ะ คุณแม่เรียกซะก่อนก็เลยหยุดถึงแค่ตรงนั้น..แต่นิยายเล่มนี้สนุกมากเลยนะคะ หนูชอบมากเลยค่ะ อ่านไปขนลูกไปไม่รู้ทำไม แล้วอีกอย่างตอนนี้หนูอยากรู้มากว่าองค์หญิงน้อยหายไปไหน..แล้วจะกลับไปทวงบัลลังก์ได้ยังไง..." เสี่ยวเฟิ่งบอกแล้วยิ้มอีกคุณตาจึงพูดขึ้นว่า..
"องค์หญิงน้อยเติบโตเป็นสาวงาม และหวนคืนไปช่วงชิงบัลลังก์จากผู้หวังปองร้าย อนุภรรยาทั้งสามวางแผนรัดกุมทั้งองค์ชายทั้ง 7 ก็หมายครองบัลลังก์ ชะตาลิขิตชีวิตพลิกผัน องค์หญิงน้อยต้องผ่าฟันอุปสรรค์มากมายเพื่อพิสูจน์ตนเอง..และที่สำคัญองค์หญิงน้อยต้องเข็มแข็ง มุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว และต้องเปี่ยยมไปด้วยความมตตา.."
เสี่ยวเฟิ่งทำตาพริบๆเมื่อเห็นสีหน้าที่ดูจริงจังของคุณตา คุณตาจึงถามต่ออีกว่า
"วิชาฟันดาบกับกระบองที่ตาเคยสอนได้ฝึกบ้างมั๊ย"
"ฝึกค่ะ แต่แอบฝึกเดี๋ยวคุณแม่จะด่าเอา ตอนนี้หนูควงกระบองมือเดียวไปแบบสบายๆเลยค่ะ ส่วนฟันดาบก็เริ่มคล่องกว่าเดิมมาก"
"งั้นเรอะ ดีแล้วฝึกต่อไปนะภายภาคหน้าหลานอาจจะได้ใช้"
"คะ?" เสี่ยวเฟิ่งเอียงคอถามอย่างสงสัย แต่เธอก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จากนั้นคุณแม่ของเธอก็เดินเข้ามา..
"เสี่ยวเฟิ่งไปอาบน้ำอาบท่าได้แล้ว จะได้ลงมาทานข้าว" คุณแม่บอกเสี่ยวเฟิ่งก่อนจะหันไปหาคุณตา "คุณพ่อคะ รอสักครู่นะคะหนูกำลังเตรียมโต๊ะอาหารอยู่ค่ะ"
คุณตาหลิวพยักหน้าส่วนเสี่ยวเฟิ่งก็รีบขึ้นไปอาบน้ำพร้อมเก็บสัมภาระให้เข้าที่ จากนั้นก็ลงมาทานข้าวด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา บนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ แม้นานๆทีจะมาหาสักครั้ง แต่คุณตาหลิวก็สนิทสนมกับกับลูกสาวลูกเขยและหลานสาวมาก ลูกเขยพ่อตาคุยกันถูกคอรินเหล้าไหที่คุณตาหมักเองให้กันดื่ม เมื่อดื่มไปได้สักพักจนเหล้าเกือบจะหมดคุณพ่อก็น็อคหลับไปเพราะเหล้าที่หมักเองนั้นแรงมาก คุณแม่จึงพาคุณพ่อขึ้นไปพักผ่อน ปล่อยให้หลานสาวและคุณตาคุยกันให้หายคิดถึง..
ระหว่างที่เสี่ยวเฟิ่งและคุณตาหลิวนั่งอยู่หน้าเตาผิงคุณตาก็เอ่ยถามหลานสาวขึ้นว่า
"หนังสือเล่มนั้น หลานรู้มั๊ยใครเป็นคนเขียน?"
"ใครคะ?"
คุณตายิ้มพร้อมจิบชาในจอกใบเล็ก...
"ก็คุณยายของหลานน่ะสิ ยายของหลานเขียนหนังสือเล่มนั้นขึ้นมาก่อนที่หลานจะเกิด..นี่ก็ผ่านไป18ปีแล้ว 18 ปีที่ยายของหลานขึ้นไปอยู่บนสวรรค์"
คุณยายของเสี่ยวเฟิ่งเป็นนักเขียนที่เคยเลื่องชื่อผลงานของเธอเป็นที่ถูกอกถูกใจของใครหลายคน แต่สุดท้ายเธอก็จากโลกนี้ไปด้วยโรคหัวใจ ส่วนคุณตานั่นเป็นจิตรกรสร้างสรรค์ผลงานภาพวาดมากมายมีลูกศิลษ์ลูกหาแวะเวียนมาร่ำเรียนอยู่ไม่ขาดแต่น้อยคนที่คุณตาจะรับเป็นศิลษ์และฝึกสอนให้อย่างจริงจัง เสี่ยวเฟิ่งเองก็ได้เรียนวาดภาพและฝึกคัดตัวอักษรจากคุณตาฝีมือเข้าขั้นเลยทีเดียว
"คิดถึงคุณยายจังเลยค่ะ แม้จะไม่เคยเจอตัวเป็นๆแต่หนูก็รู้สึกผูกพันกับคุณยายมากๆเลย "
คุณตาได้ฟังอย่างนั้นก็อมยิ้มก่อนจะล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อเพื่อหยิบของบางสิ่งออกมา
"อะไรคะ?" เสี่ยงเฟิ่งถามเมื่อคุณตายื่นของสิ่งนั้นมาให้
"กำไลหยกขาว มันเคยเป็นของคุณยาย ตาให้"
เสี่ยวเฟิ่งรับกำไลหยกนั่นมาใส่ไว้ที่ข้อมือ เธอมองมันด้วยดวงตาที่เป็นประกาย
"สวยจังเลยขอบคุณมากนะคะ หนูจะดูแลรักษาอย่างดีเลยค่ะ" เสี่ยวเฟิ่งยิ้มคุณตาจึงเอามือลูบหัวเธอเบาๆก่อนจะบอกให้เธอขึ้นไปนอน
"ดึกแล้ว ขึ้นไปนอนเถอะ"
"ค่ะ คุณตา"
เสี่ยวเฟิ่งลุกขึ้นและกำลังจะเดินไป แต่เสียงของคุณตาก็เรียกเธอเอาไว้อีก..
"เสี่ยวเฟิ่ง"
"คะ?"
".....อย่ายอมแพ้ต่อโชคชะตานะหลาน สู้ให้ถึงที่สุดและใช้ชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความดี หลานต้องมีสติ ต้องมีความเมตตาและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และต้องรู้จักวางแผนชีวิตให้รอบครอบ ส่วนเรื่องฟันดาบและกระบองหากมีเวลาก็หมั่นฝึกฝนให้เก่งชำนาญ หลานจะได้ใช้ป้องกันตัว"
คำพูดของคุณตาฟังดูลึกซึ้งเหมือนมีความหมายเป็นนัยน์ซ่อนอยู่ เสี่ยวเฟิ่งขมวดคิ้วสงสัยเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรอีก เพราะคิดว่าเป็นเพียงคำพูดทั่วไปที่คนเป็นตาพึงสั่งสอนหลาน เธอจึงยิ้มแล้วพยักหน้า
"ค่ะ คุณตา"
จากนั้นเธอจึงเดินขึ้นห้องไป เมื่อเข้ามาในห้องเสี่ยวเฟิ่งไม่ได้นอนหลับในทันที เธอนั่งลงบนเตียงแล้วดังผ้าห่มขึ้นมาคลุมขาก่อนจะหยิบหนังสือนิยายเก่าๆเล่มเดิมขึ้นมาเพื่อจะเปิดอ่านหน้าต่อไป
"ไหนดูสิ ถึงไหนแล้ว"
เธอพำพึมเบาๆพร้อมเปิดหน้าหนังสือที่อ่านค้างไว้
----
'เพราะที่ที่นางอยู่นั้นไกลเกินกว่าที่คนธรรมดาจะไปถึง..มาจนบัดนี้นางได้เติบโตเป็นสาวสะพรั่งในวัย 18 ปีและมีนามว่า.........'
----
บทนี้เป็นบรรทัดสุดท้ายของหน้าดระดาษเธอจึงพลิกเปิดหน้าถัดไป แต่ทว่าบนหน้ากระดาษนั้นกลับว่างเปล่าไม่มีตัวหนังสือเลยสักตัว เสี่ยวเฟิ่งมุ่นเรียวคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัยเหตุใดจึงไม่มีตัวอักษรให้อ่าน เธอเปิดไปยังหน้าอื่นๆก็มีเพียงแผ่นกระดาษที่ว่างเปล่าเท่านั้นนิยายเรื่องนี้สิ้นสุดเพียงเท่านี้หรือ? เธอเปิดหน้าหนังสือทิ้งไว้บนเตียงด้วยความผิดหวัง เธออยากจะไปถามคุณตาว่าทำไมหนังสือถึงเป็นเช่นนี้แต่มันดึกมากแล้วจึงจำต้องอดทนรอให้ถึงพรุ่งนี้เสียก่อน เธอเอนหลังพิงขอบเตียงโดยไม่ได้ถอดแว่วตาก่อนที่จะเผลอหลับไป..
จากนั้นเพียงไม่นานภายในห้องของเธอก็มีบางอย่างเกิดขึ้นเพราะมีแสงสว่างจ้าสาดออกมาจากทางหน้าต่างและเมื่อเธอตื่นจากการหลับไหลในครั้งนี้
ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป..
-
-
-
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 25
Comments
Phaewa Prompukdee
jdbn
2022-04-06
0
น้องยอง
อิอิ
2021-07-27
0
น้องยอง
ิอิอิ
2021-07-27
0