เเก้วนี้สำหรับคุณ... มาเฟียฝรั่งเศส X เจ้าของผับ

เเก้วนี้สำหรับคุณ... มาเฟียฝรั่งเศส X เจ้าของผับ

ตอนที่ 1

ท่ามกลางความมืดที่ปกคลุมเมือง Aix-en-Provence (เอ็กซองโพรวองซ์ ) ประเทศฝรั่งเศส ภายในผับชื่อดังแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า "Celine (เซลีน)" ภายในร้านตกเเต่งออกแบบให้มีความสไตล์ฝรั่งเศสโบราณ ดูเป็นเอกลักษณ์ ที่เปิดบริการให้กับผู้คนได้มาปลดปล่อยสิ่งต่างๆ เน้นการฟังเพลงคลอเบาๆ ดื่ม พูดคุยระบายสิ่งต่างๆ ออกมา โดยมีบริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ทางร้านได้รวบรวมเเบรนด์ดัง มูลค่าสูงต่างๆไว้มากมาย และทางร้านก็จะมีห้องในส่วนของลูกค้าที่ต้องการมาปลดปล่อยความสุขบนเตียง เปรียบเสมือนกับชื่อร้าน "Celine (เซลีน)" ในภาษาฝรั่งเศสที่เเปลว่า "สรวงสวรรค์" 

ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ผมสีน้ำตาลทองคนหนึ่งได้เดินเข้าในร้าน และได้ทักทายเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของทางร้านอย่างสนิทสนม ก่อนจะเดินเข้าไปในส่วนของบาร์ ที่ออกแบบมาให้เป็นสไตล์ฝรั่งเศสด้วยความชอบส่วนตัวของเจ้าของผับ และก็สะดุดกับร่างที่คุ้นเคยที่ตอนนี้กำลังชงเครื่องดื่มอยู่

"อ้าวไมค์ วันนี้อารมณ์ไหน ถึงออกมาช่วยงานข้างนอกล่ะ"

สิงค์ เพื่อนสนิทของไมค์ ที่รู้จักกันมาตั้งเเต่เรียนมหาลัยที่ไทย ได้เข้ามาทักทาย

ไมค์ เจ้าของผับชื่อดัง ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ที่มีผมไฮไลท์สีแดงซึ่งดูเด่นสะดุดตา อยู่ในชุดเสื้อฮู้ดสีเทา เเขนเสื้อฮู้ดที่พับขึ้นเล็กน้อย แทนที่จะเป็นเสื้อพนักงานของทางผับ บ่งบอกได้ถึงความชิล สบายๆ ซึ่งตอนนี้กำลังชงเครื่องดื่มให้กับลูกค้าท่านอื่น ไมค์หันมามองเล็กน้อย พร้อมกับพยักหน้าเบาๆ

"พอดีกูเบื่อทำงานในห้อง เลยออกมาเปลี่ยนบรรยากาศซักหน่อย" ไมค์ตอบกลับพร้อมเครื่องดื่มที่ชงเสร็จเรียบร้อยพร้อมเสิร์ฟให้ลูกค้า  ลูกค้าหญิงรับเครื่องดื่มพร้อมกับส่งสายตาเชิญชวน เเละจิบเครื่องดื่มเบาๆ ไมค์ที่เห็นจึงส่งยิ้มการค้ากลับไป หลังจากนั้นไมค์ก็หันไปสั่งการพนักงานคนอื่นเล็กน้อย เเล้วเดินออกจากประตูบาร์ไป โดยไม่ได้สนใจผู้หญิงเเม้เเต่น้อย 

"ผู้หญิงส่งสายตาไปขนาดนั้น ไม่คิดจะสนใจหน่อยเหรอ?" สิงค์ถามหยอกล้อเพื่อนสนิท

"กูทำงาน กูไม่มีเวลาสนใจเรื่องพวกนี้หรอก" ไมค์ตอบกลับเพื่อนไป

"มึงเนื่ยน้าาา ~ แล้วอย่างนี้กูจะได้อุ้มหลานตอนไหนเนื่ยยย ~" สิงค์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ให้กับความจริงจังการทำงานของเพื่อนสนิท ตั้งแต่รู้จักกับไมค์มา สิงค์ก็เห็นไมค์มีคนคุยอยู่เเค่ 2-3 คน ย้ำว่าแค่คนคุย สิงค์ก็ไม่เคยเห็นไมค์มีแฟนเป็นตัวเป็นตนเลย

"เรื่องนั้นช่างมันเถอะ สรุปมึงมีอะไรจะคุยกับกู" ไมค์พูดปัดออกไป พร้อมกับกอดอกจ้องหน้าเพื่อนตาเขม็ง ก่อนหน้านี้สิงค์ได้ส่งข้อความมาหาไมค์ว่ามีเรื่องจะคุยด้วย เเต่ไม่ได้บอกรายละเอียด

"ใจเย็นเพื่อน กำลังจะบอกนะเพื่อนคนดี" สิงค์ยกมือทั้งสองข้างขึ้นอย่างยอมเเพ้

"พอดีกูได้บัตรเข้างานนิทรรศการงานศิลปะจากเพื่อนร่วมงานกูมาใบนึง กูเลยมาถามมึง เผื่อมึงสนใจ" สิงค์เสนอมา เพราะรู้ว่าเพื่อนของเขา มีงานอดิเรกชอบดูงานศิลปะ จึงชอบเสพติดงานศิลปะ ตามงานต่างๆ

"น่าสนใจหนิ ไม่ได้ไปนานเลย งานเริ่มวันไหน?" ไมค์ถามเพื่อนกลับทันทีด้วยสายตาที่วาววับ สิงค์จึงยกยิ้มออกมาอย่างภูมิใจ ที่เขาคิดไม่ผิดจริงๆ ที่เสนอบัตรให้เพื่อนของเขา หลังจากนั้นก็คุยรายละเอียดเรื่องงานนิทรรศการอีกเล็กน้อย

"จริงสิ ไหนๆก็มาร้านมึงเเล้ว ดื่มหน่อยมั้ย" สิงค์เชิญชวน

"ก็ดี เมื่อกี้มัวเเต่ชงอย่างเดียว ไม่ได้ดื่มเลย" ไมค์ตอบตกลงเพื่อนไป ก่อนที่จะพากันไปดื่มในห้องทำงานส่วนตัวของไมค์

.

.

.

อีกด้านนึงทางย่าน montmartre (มงมาทร์) ประเทศฝรั่งเศส

"คนที่เราจับมาถึงไหนเเล้วอีธาน" ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่คนนึง ที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาราคาเเพง พร้อมกับเอกสารที่กองอยู่ข้างหน้า ถามบอดี้ดาร์ดตรงหน้าด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ

"คนของทางนั้น เราได้ใช้กำลังให้อีกฝ่ายเค้นข้อมูลออกมาเเล้ว เเต่คนของเขาไม่ยอมปริปากพูดข้อมูลออกมาเลยครับ ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงครับ คุณบริซ" บอดี้การ์ดโค้งตัวให้เจ้านาย ก่อนที่ชายข้างหน้าจะถอนหายใจเฮือกใหญ่

"เเบบนั้นคงไม่ถึงไหนกันพอดี จัดการตัดนิ้วมันซะ จนกว่าจะคายข้อมูลออกมา ถ้ายังไม่คายก็จัดการสั่งเก็บมันทันที" บริซพูดสั่งการด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก พร้อมกับยกเเก้ววิสกี้ขึ้นมาดื่มเล็กน้อย

"อ้อ เเล้วเก็บนิ้วของมันส่งไปให้ทางนั้นด้วยนะ ถือเป็นของขวัญเล็กน้อย" 

"ครับท่าน" 

"คนต่อไป"

บอดี้การ์ดโค้งให้เจ้าอีกรอบ ก่อนที่จะเดินออกจากประตู เเทนที่บอดี้การ์ดอีกคนที่เดินเข้ามา

"ว่ามา" บริซพูดพร้อมกับทำงานเอกสารไปด้วย

"คุณซัลลิแวน ได้ส่งจดหมายเชิญเข้าร่วมงานประมูลที่ พิพิธภัณฑ์ Musée Granet ครับ ท่านจะตอบรับรึเปล่าครับ?" บอดี้การ์ดรายงาน

"หืม... ใช่พิพิธภัณฑ์แสดงศิลปะภาพวาดรึเปล่า?" 

"ใช่ครับ ทางพิพิธภัณฑ์ได้จัดนิทรรศการงานภาพศิลปะ โดยภายในงานจะมีการประมูลภาพวาดด้วย ซึ่งงานจะจัดในอีก 3 วันครับ"

"ตอบตกลงกลับไป เผื่อฉันจะได้ภาพวาดเป็นของขวัญให้คุณพ่อ"

"ครับท่าน" บอดี้การ์ดโค้งให้กับเจ้านายก่อนที่จะเดินออกไป เหลือเเต่ภายในห้องที่เงียบสงัดอย่างรวดเร็ว บริซวางเอกสารงานลงบนโต๊ะก่อนที่จะเอาหลังพิงกับโซฟา เเล้วเงยหน้าขึ้นมองออกไปยังหน้าต่างที่กว้างใหญ่ เเสดงให้เห็นวิวเมืองฝรั่งเศสที่สวยงาม เเต่วิวพวกนี้ก็ไม่สามารถทำให้อารมณ์ของบริซดีขึ้นเเต่อย่างใดเลย

"เฮ้อ..." บริซถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ก่อนที่จะก้มหน้าทำเอกสารที่กองอยู่ตรงหน้าต่อ

.

.

.

 3 วันต่อมา

ณ พิพิธภัณฑ์ Musée Granet

"ขอบใจมึงมากที่มาส่ง" ไมค์พูดก่อนจะก้าวลงจากรถ

"ไม่เป็นไรเพื่อนเรื่องเล็กน้อย อย่ากลับเย็นมากล่ะ" สิงค์ตอบกลับไมค์ไป

"เออรู้น่า" ไมค์พูดปัดออกไปอย่างรำคาญ สิงค์มองไมค์เเล้วเลิกคิ้วเล็กน้อย

"มึงคงจะไม่ได้อยู่จนกลับดึกอีกหรอกใช่มั้ย" สิงค์พูดออกมาอย่างรู้ทัน เพราะคำว่า กลับดึกอีก ของสิงค์คือ ไมค์ชมภาพวาดศิลปะจนกระทั่งทางพิพิธภัณฑ์ปิด จนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต้องมาตามตัวไมค์ออกจากพิพิธภัณฑ์ เนื่องจากเจ้าหน้าที่รู้จักกับไมค์เเละคุ้นเคยดีว่าไมค์จะอยู่ชมงานภาพจนกว่าพิพิธภัณฑ์จะปิด

"กูกลับเองได้ ส่วนมึงก็รีบไปทำงานเถอะ" ไมค์ตัดบทอย่างนึกรำคาญ

"เออๆ เเต่ถ้ามึงอยากให้กูมารับก็โทรมาล่ะ" สิงค์บอกลาเพื่อน ก่อนที่จะขับรถออกไป ไมค์มองตามรถเพื่อนก่อนที่จะเดินเข้าไปที่ตัวงาน เเละก็พบกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่สนิทสนมกันดี

"อ้าวคุณไมค์ ไม่คิดว่าคุณจะมางานนี้นะเนื่ย เห็นบอกงานเยอะหนิครับ?"  ปีเตอร์ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชายหนุ่งซึ่งยังดูวัยรุ่นอยู่ ได้ทักทายไมค์

"พอดีผมได้บัตรเข้าร่วมงานมาน่ะ" ไมค์ตอบกลับ

"งั้นเชิญคุณไมค์ด้านในเลยครับ" ปีเตอร์รับบัตรมาก่อนจะพาไมค์เข้ามาด้านในพิพิธภัณฑ์ที่จะเห็นถึงความสวยงามที่เต็มไปด้วยงานติมากรรมต่างๆ งานภาพวาด เเละโบราณคดีอีกมากมาย จากโดยรอบจะเห็นมีคนมาเข้าร่วมงานเยอะพอสมควร

"ถ้าคุณไมค์มีปํญหาอะไรสามารถเเจ้งพนักงานด้านในได้เลยนะครับ"

"ขอบใจมาก นายทำงานต่อเถอะ" ไมค์ตบไหล่ปีเตอร์เล็กน้อยก่อนจะเดินออกไป

"ลืมบอกครับคุณไมค์!" ปีเตอร์ตะโกนเรียกไมค์ตามหลังไม่ดังมาก ไมค์หันมามองเล็กน้อย

"ถ้าพิพิธภัณฑ์ปิดเเล้ว เดี๋ยวผมมารับนะครับ ~" ปีเตอร์พูดด้วยสายตาหยอกล้อเเละโบกมือไปมา

ไมค์มองนิ่งไม่ได้พูดอะไรก่อนจะชูนิ้วกลางใส่ปีเตอร์ไปทีนึง เเล้วเดินเข้าไปในตัวงาน

"ทำซะกูเป็นเด็กอนุบาลเลย" ไมค์บ่นออกมาเล็กน้อย

.

.

.

อีกฝั่งนึงทางด้านงานประมูล

"เป็นเกียรติอย่างมากครับ ที่คุณบริซเข้ามาร่วมงานในครั้งนี้" คุณซัลลิเเวนผู้ชายวัยกลางคนที่เป็นผู้จัดงานออกมาต้อนรับคุณบริซหลังเดินลงมาจากรถพร้อมกับบอดี้การ์อีก 4 คน เรียกความสนใจให้กับนักธุรกิจต่างๆที่มาร่วมงานประมูล

"เช่นกันคุณซัลลิเเวน ผมก็หวังว่าจะเจองานที่ถูกใจ การขนส่งของคุณเป็นอย่างไรบ้าง" บริซตอบกลับ

"การขนส่งไปได้ด้วยดีเลยครับ ต้องขอบคุณคุณบริซจริงๆที่มาช่วยในครั้งนี้" ซัลลิเเวนกล่าวขอบคุณ

"ไม่เป็นไรครับถือว่าช่วยกัน" บริซตอบกลับ ก่อนที่คุณซัลลิเเวนจะพาเข้าไปในงานประมูล มีนักธุรกิจหลายคนรู้จักคุณบริซเป็นอย่างดีเนื่องจากบริซเป็นนักธุรกิจที่มีอิทธิพล จับอะไรก็ได้กำไรไปหมด จนนักธุรกิจหลายคนอยากจะพูดคุยกับบริซ เพื่อหวังกำไรเเละผลประโยชน์ เเต่ก็มีบอดี้การ์ดคอยกันไว้อยู่ ทำให้คนอื่นไม่กล้าเข้าไปพูดคุยเพราะเนื่องจากบริซต้องการความเป็นส่วนตัว

ผ่านไปไม่นานงานประมูลก็ได้เริ่มขึ้น พนักงานที่ยืนอยู่บนเวทีขนาดใหญ่ก็ได้ประกาศเปิดงานประมูล เเละทีมงานก็ได้นำภาพวาดประมูลออกมาโชว์ บริซมองภาพวาดด้วยสายตาที่ราบเรียบ ในขณะที่นักธุรกิจหลายคนก็ประมูลภาพวาดไปได้หลายงาน เเต่บริซยังไม่มีภาพวาดชิ้นไหนถูกใจมากนัก จนเวลาล่วงเลยไปจนงานประมูลเสร็จสิ้น จนพิพิธพัณฑ์ใกล้จะปิด บริซก็ไม่ได้ประมูลงานภาพวาดชิ้นไหนเลย

"คุณบริซจะกลับเลยมั้ยครับ?" อีธาน บอดี้การ์ดส่วนตัวถามเจ้านาย

"นายไปเตรียมรถก่อน ฉันขอเดินเล่นดูภาพวาดคนเดียวซักพัก"

"เอ่อ...ครับท่าน" อีธานลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับเจ้านายไป อีธานนึกห่วงเจ้านายเล็กน้อย เนื่องจากอาชีพที่บริซทำงานทั้งด้านขาวเเละเทา ก็เสี่ยงที่จะมีผู้อื่นเข้ามาลอบทำร้ายตลอดเวลา เเต่เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธเจ้านายได้

หลังจากบอดี้การ์ดออกไปเตรียมรถ ก็มีคนอื่นเริ่มออกจากงานไปเรื่อยๆ ทำให้พิพิธพัณฑ์เริ่มเงียบลง บริซเดินดูภาพวาดไปเรื่อยๆด้วยสายตาที่นิ่งเฉย

งานประมูลวันนี้ก็ไม่สามารถทำให้อารมณ์บริซดีขึ้นเลย ด้วยงานธุรกิจทั้งด้านขาวเเละเทาที่ได้รับช่วงต่อมาจากคุณพ่อ ทำให้บริซต้องเข้าสังคมด้านนี้ตั้งเเต่เด็กๆ ที่มีทั้งคนใส่หน้ากากเข้าหากัน คนเห็นเเก่ตัว ความโหดร้ายของมนุษย์ บริซนั้นเจอมาหมด ส่งผลให้ชีวิตบริซช่างน่าเบื่อเต็มทน

บริซเดินดูภาพไปซักพัก ก่อนที่จะสะดุดกับชายหนุ่มคนนึงที่กำลังยืนมองรูปภาพนึงอยู่ข้างหน้า ทำให้บริซละสายตาจากภาพวาดด้านข้างมามองที่ชายหนุ่มเเทน เเละบริซก็ไม่รู้ว่าได้มองอีกฝ่ายไปนานเเค่ไหน รู้สึกตัวอีกทีเมื่อคนข้างหน้าเอ่ยปากพูด

"ผมว่างานพิพิธพันธ์เขาให้มาดูภาพวาดนะครับคุณ ไม่ทราบว่าหน้าผมมีอะไรติดอยู่เหรอครับ?" คนข้างหน้าเอ่ยถามพร้อมกับมองหน้าบริซนิ่งๆ

"อ่า...ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้คุณอึดอัด พอดีฉันเหม่อไปหน่อย" บริซกล่าวขอโทษ

"งั้นเหรอครับ..." คนข้างหน้าพูดก่อนจะหันไปมองรูปภาพข้างหน้าต่อ ซึ่งก็ทำให้บริซเเปลกใจเล็กน้อย เพราะตั้งเเต่ที่บริซจ้องหน้าคนนี้ก็เอาเเต่มองรูปภาพข้างหน้าไม่ห่างเลย นั้นคือรูปที่ชายหนุ่มกับหญิงสายกำลังเปลือยกายกอดกันอยู่

"นายชอบรูปนี้เหรอ?" บริซถาม

"ครับ ที่จริงผมชอบเดินมาดูภาพวาดที่นี่บ่อยๆ เพราะมันทำให้ใจผมสงบลง" คนข้างหน้าตอบกลับ ก่อนที่บรรยากาศจะเงียบลงอีกครั้ง ถ้าไม่นับการฆ่าคนครั้งเเรกกับตัวเองบาดเจ็บจนเกือบตาย นี่ก็เป็นครั้งเเรกที่บริซรู้จักใจเต้นไม่เป็นจังหวะ กับเรื่องเเค่การที่จะถามชื่อคนตรงหน้า บริซเงียบซักพักเพื่อเป็นการเตรียมใจ(?) ก่อนจะเอ่ยถาม

"นายชื่อ..." ในขณะที่บริซกำลังเอ่ยถามชื่อคนข้างหน้า

"คุณบริซครับ"

"คุณไมค์!"

ยังไม่ทันที่บริซจะเอ่ยถามชื่อคนข้างหน้า ปีเตอร์กับอีธานก็มาพอดี ทั้งสองคนชะงักก่อนที่จะมองบริซกับไมค์ไปมาด้วยความงุนงง

"เอ่อ...ต้องขอโทษที่รบกวนลูกค้าด้วยนะครับ" ปีเตอร์กล่าวขอโทษ เมื่อเห็นว่าทั้งสองกำลังคุยกันอยู่

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจะกลับเเล้ว เเล้วพบกันใหม่นะครับคุณไมค์" บริซส่งยิ้มให้กับไมค์เล็กน้อย สร้างความเเปลกใจให้กับบอดี้การ์ดอีธานเป็นอย่างมาก เพราะนานมากเเล้วไม่ได้เห็นรอยยิ้มของเจ้านาย

"เช่นกันครับ" ไมค์ตอบกลับไป ก่อนที่บริซจะเดินออกไปพร้อมกับบอดี้การ์ด เมื่อออกมาถึงหน้าพิพิธภัณฑ์ก็มีบอดี้การ์ดออกมาเตรียมให้เเล้วเรียบร้อย 

"อีธาน นายช่วยส่งคนไปสืบประวัติของไมค์ให้หน่อย"

"ใช่คนที่ไฮไลท์ผมสีเเดงรึเปล่าครับ?" อีธานถามกลับพร้อมกับสงสัยว่า เจ้านายอยากรู้เรื่องของคนนั้นไปทำไม

"ใช่ ฉันว่าฉันเจอเรื่องที่น่าสนใจเเล้ว" บริซพูดพร้อมกับยิ้มมุมปาก

เลือกตอน
เลือกตอน

อัพเดทถึงตอนที่ 1

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!